ดราม่า เข้ารอบนาทีบาป ! เลี่ยน ตามเจ๊า โครแอต 1-1 ซัคคานญี่ ซุปเปอร์ซับ 90+8
สถานการณ์นัดสุดท้ายกลุ่มบี บิ๊กแมตช์และไฮไลท์ก็มาอยู่ระหว่างคู่ โครเอเชีย กับ อิตาลี ที่ต้องแย่งการเข้ารอบ 16ทีมสุดท้าย เนื่องจากอีกคู่หนึ่งระหว่าง สเปน กับ แอลเบเนีย " ทัพกระทิงดุ " ที่แม้จะโรเตชั่นนักเตะยกชุด แต่ก็น่าจะยังเหนือกว่าและดีพอจะเอาชนะได้ " อัซซูรี่ " มีโอกาสที่ดีกว่าในการเข้ารอบ ด้วยเงื่อนไขในนัดสุดท้ายนั่นก็คือขอแค่ไม่แพ้ทีมตราหมากรุก หรือถ้าแพ้ ก็ยังพอมีลุ้นการเป็นอันดับ3ที่ดีที่สุด 4จาก6กลุ่ม
เกมที่ สนาม ไลป์ซิก สเตเดี้ยม อิตาลี แชมป์เก่า ขอเพียงไม่ปราชัยต่อโครเอเชีย พวกเขาก็จะผ่านเข้าไปเล่นรอบน็อกเอ้าท์ได้ กุนซือ ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ ปรับแผนจากระบบ 4-2-3-1 มาเป็น 3-5-2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายรายที่ได้รับโอกาสออกสตาร์ทตัวจริง
มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน - จาโคโม่ ราสปาโดรี่ และ มาเตโอ เรเตกี ได้เป็น11คนแรก ส่วน เฟเดริโก้ เคียซ่า ออกสตาร์ทเป็นสำรอง ส่วนโครเอเชีย ก็มาในชุดใหญ่เต็มสูบเท่าที่ทำได้ในยูโรหนนี้ 3ประสานกองกลาง ลูก้า โมดริช - มาเตโอ โควาซิซ และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช
รูปเกมในครึ่งแรกต้องบอกว่าค่อนข้างสูสี มีช่วงผลัดกันรับและรุก แต่ทว่าจังหวะเข้าทำสุดท้ายทำกันได้ไม่ถนัดถนี่เท่าไหร่ กองหน้าขาดความคม รวมถึงโกลทั้ง2ฝั่งก็ต่างมากันโชว์หนึบด้วยทั้ง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า และ โดมินิค ลิวาโควิช ครึ่งแรกลงเอยด้วยสกอร์ 0-0
นั่นทำให้ออกสตาร์ทครึ่งหลัง ทั้ง2ทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นทันที อิตาลี ถอด ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ ออกให้ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ มาเล่นแทน ทัพตราหมากรุก ถอด มาริโอ ปาซาลิซ ออก อันเต้ บูดิเมียร์ หอกจากโอซาซูน่า ได้ลงไปบู๊แทน
จนกระทั่ง น.54 ลูกทีมของ ซลัตโก้ ดาลิช ก็มาได้จุดโทษ เมื่อ ฟรัตเตซี่ ทำแฮนด์บอล กลายเป็นจุดโทษ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า อุตส่าห์เซฟจุดโทษ จาก ลูก้า โมดริช ได้ แต่ทว่าจังหวะต่อเนื่องจากนั้นไม่ถึง40วินาที โครเอเชีย ได้บอมบ์เข้าใส่ต่อเนื่อง อันเต้ บูดิมีร์ ได้เข้าชาร์จ ดอนนารุมม่า ก็เซฟได้อีก แต่ โมดริช ที่จมูกเร็วตามซ้ำเข้าไป 1-0 น.55
ช่วงเวลาที่เหลือทีมแดนมะกะโรนี พยายามโหมหนัก ได้เตะมุมหลายครั้ง แต่ทว่ายังโจมตีอันตรายไม่ได้มากนัก มี บาสโตนี่ คนเดียวที่โขกได้ลุ้น จนกุนซือ สปัลเล็ตติ เปลี่ยนตัวรุกกันพัลวันทั้ง จานลูก้า สคามัคค่า และ มัตเตีย ซัคคานญี่
อิตาลี พยายามอย่างมากที่จะทวงประตูตีเสมอ แต่ทว่าแนวรุกของพวกเขาตีบตันเหลือเกิน ดูจะมีเพียง เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่เลี้ยงกินตัวได้ เกมดำเนินมาจนถึง น.90+7 จากการทดเวลาบาดเจ็บยาว8นาที
คาลาฟิออรี่ ที่เด่นเหมือนกันในแมตช์นี้ พาบอลมาจากตรงแดนกลาง หลบผู้เล่นโครแอต1คน จนเปิดพื้นที่ว่าง แล้วกองหลังจากโบโลญญ่า จ่ายออกขวาน้ำหนักเหมาะเจาะให้ ตัวสำรอง มัตเตีย ซัคคานญี่ วางเท้ายิงด้วยขวาบอลโค้งๆเสียบตาข่ายไปอย่างสวยงาม ตีเสมอ 1-1 และหลังจากนั้นผู้ตัดสิน แดนนี่ มัคเคลี่ เป่านกหวีดหมดเวลาทันที
ประนาทีบาปของซัคคานญี่ ทำให้ อิตาลี จบเป็นอันดับ2ของกลุ่มบี เจ้ารอบ16ทีมสุดท้ายทันที ไปดวลกับ สวิตเซอร์แลนด์ ส่วน โครแอต ยังมีลุ้นเข้ารอบนิดๆกับการเป็นอันดับ3ที่ดีที่สุด 4จาก6กลุ่ม ซึ่งก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะพวกเขามีอยู่เพียง2แต้ม และประตูได้เสียติดลบ-2
สปัลเล็ตติ ปรับทัพ เล่น 3-5-2
ด้วยความที่เข้ามาคุมทัพทีมชาติอิตาลี แบบฉุกละหุกไม่ถึง1ปี (เริ่มจาก สิงหาคม 2023) ก่อนมาทัวร์นาเม้นต์ ได้ลองปรับทัพทีมแชมป์เก่าไปเพียงแค่ 10นัด นั่นทำให้ทีมแดนมะกะโรนี ชุดยูโร 2024 ดูเก้งๆกังๆหน่อย ไม่รู้จะมาในแท็กติกแบบไหนระบบอะไร
2นัดแรกกับแอลเบเนียและสเปน กุนซือ ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ มาในระบบ 4-2-3-1 แต่ทว่ารูปเกมดูติดๆขัดๆเหลือเกิน แนวรุกเล่นกันแย่หลายคนทั้ง จานลูก้า สคามัคค่า - ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ ที่เล่นไม่สมกับการเป็นผู้เล่นหมายเลข10 รวมไปจนถึง ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่
ด้วยสถานการณ์การเข้ารอบที่ขอเพียงแต่ไม่แพ้ โครเอเชีย ทำให้อัซซูรี่ เลือกเล่นแบบรัดกุมขอไม่แพ้ไว้ก่อน 3-5-2 ผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้โอกาสคือ มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน - จาโคโม่ ราสปาโดรี่ และ มาเตโอ เรเตกี
เรเตกี แม้จะไม่คมและมีจังหวะเชื่อมกับเพื่อนที่น่าหงุดหงิด แต่หอกจากเจนัวค่อนข้างมีส่วนร่วมกับเกม เพรสวิ่งบีบ ได้ดีกว่า สคามัคค่า แต่ทว่านั่นก็ยังไม่ดีพอที่จะเสกประตูให้ทีมได้ ซึ่งผู้เล่นที่น่าผิดหวังในนัดนี้เป็น เปลเลกรินี่ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่พักครึ่ง
วิงแบ็กอิตาลี ก็เป็นจุดบอดเหมือนกัน เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ไม่รู้ว่าฟอร์มกับอินเตอร์ มิลาน หายไปไหนเมื่อสวมเสื้อทีมชาติ มีจังหวะที่อยู่ดีๆเลี้ยงบอลออกไปเองดื้อๆ รวมไปจนถึง โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ที่รั่วมาตั้งแต่เกมกับสเปน ก็ยังเหมือนเมาค้างต่อเนื่อง หลุดตำแหน่งพลาดบ่อยเหลือเกิน
แต่อย่างไรก็ดี สปัลเล็ตติ ถือว่าเปลี่ยนตัวได้ดีเลย เพราะตัวที่ลงมาอย่าง เคียซ่า และ ผู้ทำประตูชัย ซัคคานญี่ ต่างมีอิมแพคต่อเกม 3นัดที่ผ่านมา อดีตกุนซือนาโปลี น่าจะเห็นได้ว่าอิตาลีชุดนี้มีปัญหาตรงจุดไหนบ้าง เกมกับสวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ16ทีม การขาดกองหลังตัวเก่ง คาลาฟิออรี่ มีโอกาสเหลือเกินที่จะเล่นแบบระบบหลัง3อีกนัด
ดอนนารุมม่า อุตส่าห์โชว์หนึบ ฟอร์มทีมชาติของแทร่
แม้ว่าราว 1-2 ฤดูกาลที่ผ่านมา จานลุยจิ ดอนนารุมม่า จะโชว์เหวอบ่อยพอสมควรกับเปแอชเช ซึ่งเจ้าตัวจัดได้ว่าเป็นโกลประเภทสายเซฟมากกว่า และมีจุดด้อยในเรื่องของการออกบอลด้วยเท้า ซึ่งเป็นสไตล์การเล่นที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ อยากได้มากๆ
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่า ครั้งที่แล้วที่เป็นแชมป์ ยูโร2020 ดอนนารุมม่า นี่แหละที่เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ เพราะโชว์ฟอร์มได้อย่างเหยียวหนึบ นัดชิงชนะเลิศ ก็เซฟจุดโทษได้ถึง2ครั้ง
มา ยูโร 2024 ครั้งนี้ แม้ว่า กูเยลโม่ วิคาริโอ จะฟอร์มหนึบกับ สเปอร์ส แต่จะให้มาแย่งมือ1ตัวจริง กับ ดอนนารุมม่า นั้นยากเหลือกิน และต้องไม่ลืมว่า " จิโจ้ " คือกัปตันทีมชาติด้วย ดอนนารุมม่า เข้าตาสุดๆเกมกับ สเปน ถ้าไม่มีเจ้าตัวทีมน่าจะแพ้มากกว่า 1-0 ไปแล้ว
เกมกับโครเอเชีย นายด่านวัย25ปี โดนทดสอบตั้งแต่ 5นาทีแรกเลย จากลูกยิงไกลเต็มเหนี่ยวของ ลูก้า ซูชิช แต่ก็ปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม จนมาถึงในครึ่งหลัง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ก็มาทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดนั่นก็คือ เซฟลูกจุดโทษของ ลูก้า โมดริช ได้ น.54 เมื่อเดาดางถูก พุ่งปัดลูกเรียดฝั่งซ้ายมือของตัวเอง
จังหวะต่อเนื่องหลังจากนั้นไม่ถึง35วินาที ดอนนารุมม่า ก็เซฟลูกดีดจ่อๆของ อันเต้ บูดิมีร์ ได้ แต่ทว่าบอลก็มาเข้าทาง โมดริช ซ้ำแก้ตัวตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ตอนที่เสียประตูดังกล่าว ดอนนารุมม่า ถึงกับออกอาการหัวเสียกับแนวรับเพื่อนร่วมทีม
ฟอร์มหนึบของนายด่านกัปตันทีมรายนี้ ทำให้เพื่อนร่วมทีมอุ่นใจพอสมควร และการเซฟจุดโทษเมื่อคืน ทำให้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ขึ้นหิ้งการเป็นโกลจอมเซฟจุดโทษไปแล้ว เพราะเซฟไปได้ถึง14จุดโทษ จากการดวล 52ครั้ง
เรเตกี มีส่วนร่วม แต่จังหวะขาดๆเกินตลอด
จานลูก้า สคามัคก้า ที่ฟอร์มดีท้ายฤดูกาลกับอตาลันต้า ทำให้ใน2นัดแรก ดาวยิงรอยสักรายนี้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ทว่าทั้ง2นัดกับ อัลแบเนีย และ สเปน สคามัคค่า เงียบเป็นเป่าสากมากๆ ไม่ค่อยมีบทบาทต่อทีมเท่าไหร่ บวกกับเกมรุกเปิดบอลมาไม่ถึงเจ้าตัวด้วย
เอาจริงๆต้องไม่ลืมด้วยว่าผลงานการติดทีมชาติของสคามัคก้า ไม่เหมือนกับในนามสโมสรเท่าไหร่ ก่อนมายูโร 16นัดในสีเสืออิตาลี เจ้าตัวกดไปได้เพียง1เม็ดเท่านั้น เมื่อคืน สปัลเล็ตติ จึงให้โอกาส มาเตโอ เรเตกี เป็นตัวจริงก่อน
เรเตกี กับ โครเอเชีย เมื่อคืนค่อนข้างมีส่วนร่วมกับเกมนะ แต่ทว่าเรื่องของการต่อบอล ชิ่งบอลกับเพื่อนร่วมทีม หรือจังหวะวิ่งทะลุไลน์ กองหน้าจาก เจนัว ติดขัด ดูจะไม่เข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมเหลือเกิน โอกาสยิง3ครั้ง ลงเลยด้วยการติดบล็อกหมด
แต่ทว่าด้วยความสูงใหญ่ของเจ้าตัว ทำให้ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 4ครั้ง และค่อนข้างมีประโยชน์จากการวิ่งไล่บอลในแดนบนมากกว่า สคามัคค่า ส่วนกองหน้าคู่ขาของ เรเตกี เมื่อคืนนั่นก็คือ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ที่ยืนต่ำหน่อย
ราสปาโดรี่ เป็นสายจี๊ดจ๊าดพุ่งเข้าไปในเขตโทษ แต่ทว่าทำตัวน่าหงุดหงิดมาก ได้แต่ง่ายบอลแปะไปแปะมาง่าย หน้ากรอบเขตโทษทีมตราหมากรุก แต่ทว่าก็ยังมีจ่ายคีย์พาสให้เห็นถึง4ครั้ง กองหน้าของทีมชาติอิตาลีชุดนี่ที่เรียกมา ราสปาโดรี่ - เรเตกี และ สคามัคค่า ยิงรวมกันในทีมชาติได้แค่ 11ประตูเท่านั้นเอง
MOTM แบบช้ำๆของ โมดริช
ด้วยวัย 38ย่าง39ปี ต้องบอกว่าน่าจะเป็นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่สุดท้ายของ ลูก้า โมดริช กับทีมชาติโครเอเชียแล้ว นั่นจึงทำให้ มิดฟิลด์จาก เรอัล มาดริด รายนี้ ทุ่มเทและคาดหวังมากๆ แม้ว่าจะอายุขนาดนี้แต่ โมดริช ก็ลงเป็นตัวจริงทั้ง3นัดในรอบแบ่งกลุ่มเลย
3ประสานแดนกลางของโครแอต เป็นประเภทม้าแก่หมดเลย ลูก้า โมดริช (38) - มัตเตโอ โควาวิซ (30) และ มาร์เชโล่ โบรโซวิซ (31) เรื่องประสบการณ์ เชิงบอล ความเก๋า ไม่มีใครตั้งคำถามอยู่แล้วแหละ แต่เรื่องพละกำลังการยืนระยะยาว 90นาทีเป็นคำถามหน่อย
นัดเจอ แอลเบเนีย พวกเขามาโดนตีเสมอ 2-2 แบบเจ็บแสบช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กับอิตาลี เมื่อคืนพวกเขาก็มาโดนตูมเดียว น.90+8 ล้มหงายท้องยอมรับสภาพการตกรอบ เมื่อคืน ทั้ง โมดริช และ โควาซิซ ไม่สามารถอยู่จนครบ90นาทีได้
ลูก้า โมดริช ถูกถอดออกจากสนาม น.80 แม้ว่าจะสังหารจุดโทษพลาด แต่เจ้าตัวก็แก้ตัวด้วยการยิงประตูขึ้นนำ1-0 ได้ และภาพรวมถือว่า ทำผลงานได้เป็นอย่างดีในบทบาทของตัวเอง เสียบอลยาก กำหนดจังหวะจะโคนของเกม หาโอกาสยิงได้มากถึง3ครั้ง
ประตูที่ทำได้เมื่อคืน ส่งผลให้ โมดริช ทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่ยิงประตูได้ในศึกยูโรรอบสุดท้ายที่วัย 38ปี กับอีก 289วัน แถมยังได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังจบเกมอีกด้วย แต่ทว่ามันก็เป็นการรับรางวัลที่น่าเศร้าหน่อยผ่านสีหน้าแววตา เพราะทัพตราหมากรุก ส่อที่จะตกรอบสูงมากๆ
ฮีโร่ ! เขาคือใคร มัตเตีย ซัคคานญี่
สังเกตได้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่ ยูโร 2016 เป็นต้นมา สมัยที่ อันโตนิโอ คอนเต้ คุมทีม ทัพอัซซูรี่ ที่ใช้กองหน้าเป็น การเซียโน่ เปลเล่ และ เอแดร์ ทีมชาติอิตาลี ตั้งแต่ทีมชุดนั้นทัพ " อัซซูรี่ " ไม่เคยมีกองหน้าระดับท็อปอีกเลย ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่ยิงประตูเยอะในนามสโมสร มาเล่นทีมชาติเงียบสนิท
รวมไปจนถึงผู้เล่นประเภทหมายเลข10 อิตาลี ก็ขลาดแคลนมาตลอดเหมือนกัน ทั้งแต่หมดยุคของ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ หรือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ พอมาดูทั้งแนวรุกและเบอร์10ของอิตาลีชุดปัจจุบัน น่าส่ายหัวมากๆ
ขนาด ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ ที่ดูทื่อๆ ยังได้สวมหมายเลข 10 และไม่มีลูกพลิกแพลงจ่ายบอลคิลเลออร์พาส สมกับเป็นจอมทัพเลย จนต้องถูก สปัลเล็ตติ ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง
อัซซูรี่ ที่แนวรุกประเภทของหน้าทื่อ ดูจะมีเพียงปีกนี่แหละที่วูบวาบได้ โดยฮีโร่ของพวกเขาอย่าง มัตเตีย ซัคคานญี่ ที่ลงเป็นตัวสำรอง ปั่นโค้งๆลักษณะนี้ เจ้าตัวทำให้เห็นมาแล้วกับต้นสังกัดลาซิโอ น่าจะได้โอกาสออกสตาร์ทในรอบ16ทีม เพราะแนวรุกรายอื่นๆอย่าง เปลเลกรินี่ และ ฟรัซเตซี่ ความแพรวพราวพลิกแพลงน้อยไปหน่อย
เคียซ่า น่าจะได้เป็นตัวจริงแน่ๆ แม้ว่าจะไม่ได้พีคเท่ายูโร คราวก่อน แต่เป็นแข้งอัซซูรี่ เพียงคนเดียวที่ดูเลี้ยงกินตัวได้ ส่วน สเตฟาน เอล ชาราวี ในวัย31ปี แนวรุกอีกคนยังไม่เห็นฟอร์มเลย
- คอลัมน์นิสต์
- ยูโร2024 คอลัมน์บอล อิตาลี โครเอเชีย ลูก้า โมดริช จานลุยจิ ดอนนารุมม่า มัตเตีย ซัคคานญี่
- 374
- 25 มิ.ย. 2567 16:05