เป๊ป หายใจโล่ง ! เรือ ชนะเป็นแล้ว บุกหักคอ จิ้งจอก 2-0 ฮาลันด์ โขกฝัง
ไม่น่ามีเกมไหนที่คู่ควรและเหมาะสมจะเป็นโอกาสที่ดี ในการกลับมาคว้าชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้อีกแล้ว สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากพวกเขาไม่ชนะเกมลีกมา4นัดติดต่อกัน และ เลสเตอร์ ซิตี้ คือคู่แข่งที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่าจะใช้เรียกโมเมนตัมและความมั่นใจกลับมาได้ แม้ว่าจะออกไปเล่นเป็นทีมเยือน และบทสรุป90นาที ก็เป็น เรือใบสีฟ้า ที่ดูจะเล่นไม่ดีมากๆ แต่ก็บุกมาเอาชนะ " เดอะ ฟ็อกส์ " ไปได้เบาะๆ 2-0
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มตกสุดขีด 9นัดหลังในพรีเมียร์ลีก แพ้ไปถึง6 พวกเขามีคิวบุกไปเยือน คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ของ เลสเตอร์ ซิตี้ การจัดทัพ เป๊ป ก็มาเต็มสูบเหมือนเดิมกับชุดผู้เล่นเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้รักษาประตู สเตฟาน ออร์เตต้า แบ็กซ้าย-ขวา ยอสโก้ กวาร์ดิโอล และ ริโก้ ลูอิส
เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ มานเอล อคานยี่ ผนึกกำลังกันกับ เนธาน อาเก้ มิดฟิลด์ตรงกลาง มาเตโอ โควาซิซ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา 3ตัวรุก ซาวินโญ่ - ฟิล โฟเด้น เพลย์เมคเกอร์ เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาลงสนามตัวจริงอีกครั้ง หน้าเป้า เออร์ลิง ฮาลันด์
ส่วนเจ้าบ้าน เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เหมือนจะหมดช่วงโปรกุนซือใหม่แล้ว รุด ฟาน นิสเตลรอย มาในระบบ 4-2-3-1 โกลยังต้องใช้ดาวรุ่ง ยาคุบ สโตลาร์ซี้ค แผงแบ็กโฟร์ เจมส์ จัสติน - คอเนอร์ โคดี้ - ยานนิค เวสเตอร์การ์ด และ วิคตอร์ คริสเตียนเซ่น มิดฟิลด์คู่กลาง แฮร์รี่ วิงค์ส กับ บูบาการี่ ซูมาเร่
ตัวรุกฝั่งขวา ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ ส่วนฝั่งซ้ายเป็น สเตฟี่ มาวิดิดี้ และ บิลัล เอล คันนูส เป็นตัวปั้นเกมอยู่ข้างหลัง เจมี่ วาร์ดี้ สิ้นเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกมของ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม กลายเป็นเจ้าบ้าน เลสเตอร์ ที่ดูน่ากลัวกว่า และเกือบได้จุดโทษจากจังหวะที่ ออร์เตก้า ออกไปชน วาร์ดี้่ ดีที่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
รวมไปจนถึง กวาร์ดิโอล ก็ยังแจกไม่เลิก เป็น เจมี่ วาร์ดี้ ได้หลุดไปยิงแต่ทว่า ออร์เตก้า เจ้าเก่ายังออกมาปิดมุมได้ดี แม้ว่ารูปเกมจะไม่ได้เท่าไหร่ แต่ทว่าความเด็ดขาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังมีเหลือกว่าเจ้าบ้านชัดเจน และมาได้ประตูขึ้นนำ1-0 จากจังหวะที่ โฟเด้น ส่องไกล สโตลาร์ซี้ค ปัดมาเข้าทาง ซาวินโญ่ ที่จมูกไวตามซ้ำเข้าไป น.21
หลังจากนั้นเกมก็ค่อนข้างเปิดหน้าแลกใส่กัน มีโอกาสทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะ ฮาลันด์ ที่ได้เลี้ยงแหวกในเขตโทษ ก่อนยิงหักออกเสาแรกไปนิดเดียว ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้ครอสบอล ล้นไปล้นมาในเขตโทษ ไม่มีใครโดนบอลจังหวะสุดท้าย จบ45นาทีแรก ทีมเยือนบุกมานำ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา เซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะกลับกลายเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลมากกว่า ขึงเกมเข้าใส่ทีมแชมป์ 4สมัยรวด และได้ลุ้นจบเป็นระยะ จากทั้งลูกยิงไกลของ เอล คันนูส และ วาร์ดี้ เจ้าเก่า สอดเข้ามายิงจ่อๆแต่แปบอลข้ามคาน
เรือใบสีฟ้า ที่โงหัวไม่ขึ้น นำบอลลำเลียงสวนกลับมาแดนหน้าหรือตรงกลางไม่ได้ แต่พอได้สวนมาจังๆครั้งแรกหลังจากที่โดนกดอยู่นานก็เป็นเรื่องเลย เริ่มจากสำรองดาวรุ่ง เจมส์ แม็คอาตี้ ล็อกจากริมเส้นเข้าในสุดสวย ป้ายต่อให้ เควิน เดอ บรอยน์ แล้วออกข้างให้ ซาวินโญ่
ปีกชาวบราซิล มีเวลาคิดก่อนครอสพอสมควรจากฝั่งซ้าย บอลลอยมาเข้าหัว เออร์ลิง ฮาลันด์ โขกฉีกหนีเป็น 2-0 น.74 และแทบจะเป็นการตอกฝาโรง ให้เจ้าบ้านกลับเข้ามาสู่เกมไม่ได้ เพราะบอลครอสของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเหมือนเดิม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบจะมาได้ประตูหนีย้ำชัยเป็น 3-0 ด้วยซ้ำ จากลูกปั่นด้วยซ้ายของตัวสำรองดาวรุ่ง เจมส์ แม็คอาตี้ ที่เล่นดีมากๆ แต่ทว่าบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว จบ90นาที ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ บุกมาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ5ของตาราง ส่วนทีมเจ้าของคนไทย ยังอยู่อันดับ18 โซนตกชั้น
ฮาลันด์ ปลดล็อกความอัดอั้น
9นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ยิงได้2ประตู และ3นัดล่าสุดเท้าบอดมาตลอดเลยสำหรับ เออร์ลิง ฮาลันด์ แถมสัปดาห์ก่อนกับ เอฟเวอร์ตัน ดาวยิงชาวนอร์เวย์ก็ยังซัดจุดโทษไม่เข้าอีกด้วย โดน จอร์แดน พิคฟอร์ด เดาทางถูกเซฟได้
นอกจากนี้ในหลายๆนัด 1-2 เดือนที่ผ่านมาที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มดิ่ง ฮาลันด์ นอกจากจะผลิตสกอร์ไม่ได้มากมายเท่าเดิม เจ้าตัวยังแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมด้วย หรือเมื่อได้โอกาสแล้วก็จะยิงนกตกปลาไป
กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน เมื่อดูจากชื่อชั้นทีม รวมถึงคู่เซ็นเตอร์ของเจ้าบ้านที่เป็นสายช้าทั้งคู่อย่าง คอเนอร์ โคดี้ และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด จึงเป็นโอกาสอันดีมากๆที่ ฮาลันด์ จะซัดประตูเรียกความมั่นใจ เรียกโมเมนตัมกลับมาได้
และก็เป็นเกมที่ "ดาวยิงจอมมารบู " เล่นดีมากๆ พราะมีส่วนร่วมกับเกมตลอด ไม่ใช่มีหน้าที่เพียงแค่รอยิงอย่างเดียว คู่เซ็นเตอร์เจ้าบ้านที่อืดเป็นเรือเกลือ ไม่เป็นปัญหาเลยที่ ฮาลันด์ จะแหวกหรืออาศัยความแข็งแกร่งบังบอลไปเล่น
น.7 ฮาลันด์ ได้โอกาสยิงครั้งแรก แต่โดน สโตลาร์ซี้ค ป้องกันไว่ได้ เพราะไม่ห่างตัวมากนัก ท้ายครึ่งแรก ฮาลันด์ ก็มีสเต็ปสวยๆให้เห็นด้วยการ แหวก2แนวรับเลสเตอร์ ในเขตโทษ ก่อนหักข้อยิงด้วยซ้าย แต่หลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว
จนสุดท้ายครึ่งหลัง ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์ ก็มีประตูมาฝากจนได้ จากการเทกขึ้นโขกลูกหยอดของ ซาวินโญ่ เข้าไปไม่เหลือซาก แม้จะมีเพียงแค่1ประตู แต่ทว่าน่าจะทำให้ ฮาลันด์ เอง เรียกความมั่นใจขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง เพราะทีมก็คว้า3แต้มได้ด้วย
เดอ บรอยน์ เพื่มมิติ แต่ ซิตี้ เกมยังไม่ดีเหมือนเดิม
เมื่อได้ลงสนามก็ค่อนข้างรักษามาตรฐานตัวเองได้ดีมาตลอด สำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ แต่ทว่าด้วยอายุที่ปาเข้าไป 33ปี นั่นทำให้เป็นอุปสรรคกับการลงสนามไม่น้อย เพราะมีทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บและความฟิตตามมา
นัดเสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0 KDB เป็นตัวสำรอง แต่พอมาเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เจ้าตัวก็ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง และก็อยู่เล่นจนครบ90นาทีเลย แม้จะยังดูติดๆขัดๆในการเล่น แต่ทว่านั่นก็ยังดีพอที่จะสร้างความปั่นป่วนใส่ เลสเตอร์ ได้
นักเตะของเรือใบชุดนี้ ไม่มีใครมีคุณสมบัติสร้างสรรค์เกม หรือจ่ายบอลแบบทะลุช่องได้ดีแบบ เดอ บรอยน์ จริงๆ ช่วงที่ไม่มี เพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยม บอลของ ซิตี้ จะไปหนักตรงเจาะริมเส้นข้างเดียว
ส่วนสกอร์ 2-0 แม้จะเอาชนะได้ก็จริง แต่นี่ยังไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เวอร์ชั่น แบบที่เราเคยเห็น เพราะตลอดครึ่งหลัง เราได้เห็น " เดอะ ฟ็อกส์ " ทีมหนีตกชั้น ขึงเกมบุกเข้าใส่ ซิตี้ เป็นระยะๆ แล้วทีมของ เป๊ป เอง ก็ไม่สามารถสวนขึ้นมาได้ด้วย แต่พอสวนมาได้ครั้งแรกก็เป็นประตู (2-0) เลย
เซอร์ไพรส์เหมือนกันที่ 90นาทีที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม เป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลมากกว่า 56 ต่อ 44 % แดนกลางของเรือใบ ทั้ง โควาซิซ และ แบร์นาร์โด้ ไม่สามารถชะลอเกมของเจ้าบ้านได้เลย รวมถึงแนวรับของ แมนฯ ซิตี้ เอง ก็เป็นพวกชอบถอยซะด้วย หรีอตรงพื้นที่แบ็กซ้าย-ขวา พวกเขาก็แทบไม่บีบ ผู้เล่นเลสเตอร์ เวลาเปิด ทำให้มีเวลาเล็งตั้งเป้าก่อนครอสตลอด
เป็น3แต้ม ที่ดีในเชิงผลลัพธ์ ทว่าวิธีการเล่น นี่ยังห่างไกลจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เวอร์ชั่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พอสมควร แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แม้จะเล่นไม่ดี แต่ก็เป็น3แต้ม ที่น่าจะเรียกโมเมนตัมให้ทีมกลับมาเก็บ3แต้ม ได้ในนัดต่อๆไป
ในฤดูกาลที่ที่ปีก ซิตี้ ไม่ปัง ซาวินโญ่ เปิดซิงพรีเมียร์ลีก
ไม่ใช่เพียงแค่เสีย โรดรี้ จนทำให้แดนกลางทีมเป๋เท่านั้น แต่ทว่าในเรื่องของเกมรุกริมเส้นต้องบอกว่า มาตรฐานเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตกไปพอสมควร โดยเฉพาะในรายของ ฟีล โฟเด้น ที่ไม่มีวี่แววร่างที่ คว้านักเตะยอดเยี่ยม PFA ซีซั่นที่ผ่านมาเลย
เกมบุกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้ ริมเส้นฝั่งขวาเป็น ฟิล โฟเด้น และฝั่งซ้าย ซาวินโญ่ เอาตรงๆคือ ริมเส้นของพวกเขายังดูไม่เข้าฟอร์มเท่าไหร่ การแจกจ่ายจาก เดอ บรอย์ ดูน่ากลัวมากกว่า
ทว่าอย่างไรก็ตามประตูแรกของ เรือใบ ก็มาจากปีกทั้งสองข้างของพวกเขา ฟิล โฟเด้น ได้ยิงไกลจากนอกรอบเขตโทษ ที่จริงโกลดาวรุ่งอย่าง ยาคุบ สโตลาร์ซี้ค ก็ปัดออกมาดีมากๆแล้วนะ ไม่ได้กระเด้งไปหน้าเขตโทษ แต่ออกด้านข้างหน่อย
แต่ก็ต้องชม ซาวินโญ่ จริงๆที่จมูกไวและเร็วมาก ตามซ้ำเข้าไป และไม่ใช่จังหวะจะซ้ำง่ายๆด้วย เพราะมุมแทบไม่มีแล้ว ส่วนประตู 2-0 ปีกแดนกาแฟ ก็เป็นผู้หยอดให้ ฮาลันด์ โหม่งอย่างถนัด นั่นเท่ากับว่าเกมนี้ ซาวินโญ่ มีทั้งประตู (แรกในพรีเมียร์ลีก) และ แอสซิสต์
ถึงกระนั้นก็ดีเมื่อมองในภาพรวม เหล่าตัวริมเส้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้ง โฟเด้น- โดกู - กรีลิช และ ซาวินโญ่ เอง ยังไม่ได้ผลิดอกผลงานเท่าไหร่ในซีซั่นนี้ เพราะ4รายชื่อดังกล่าว ทำประตูรวมกันในพรีเมียร์ลีก เพียงแค่ 4เม็ดเท่านั้น
วาร์ดี้ ทิ้งโอกาสทองหลายลูก
แม้ว่าจะอายุปาเข้าไป 37ปี แต่ทว่าก็ยังต้องเป็นหัวหอกตัวหลักในระบบหน้าเป้าให้ เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่สำหรับ เจมี่ วาร์ดี้ เพราะในตำแหน่งเดียวกันอย่าง แพ็ดสัน ดาก้า และ อ็อดซอน เอดูอาร์ ที่ไปยืมมาจาก คริสตัล พาเลซ ยังพึ่งพาอะไรไม่ได้
จุดเด่นของ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ทุกๆคนรู้กันอยู่แล้ว นั่นก็คือในเรื่องของสปีดความเร็วในการวิ่งไปเอาบอลจังหวะจ่ายทะลุแผงหลัง ซึ่งนี่จะเป็นการโจมตีจุดอ่อนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่หลังลอยได้เป็นอย่างดี เพราะทีมของ เป๊ป ไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่น
เอาจริงๆ สไตล์ของ วาร์ดี้ ก็เวิร์คมากๆสำหรับการดวลกับ ซิตี้ เมื่อคืน ดาวยิงอดีตหนุ่มโรงงาน มีโอกาสได้จบสกอร์ มากถึง4ครั้ง แต่พลาดไปหมด ที่จะๆก็มี รับบอลส้มหล่นจากจอมแจก กวาร์ดิโอล ล็อกหลบไปยิงมุมแคบ แต่ทว่า ออร์เตต้า ยังมาเซฟได้ทัน
หรือใน45นาทีแรก ลูกครอสของ เอล คันนูส ที่ตัวของ วาร์ดี้ เองเข้าชาร์จไม่ถึงอย่างน่าเสียดาย และที่น่าจะเป็นประตูสุดๆ เกิดขึ้นในครึ่งหลัง มาวิดิดี้ เปิดโค้งจากซ้ายเข้ามาตรงกลางได้แปโล่งๆ แต่หลุดข้ามคานไปแบบเสียของ
หรือในต้นเกม วาร์ดี้ ก็เกือบทำให้ทีมได้จุดโทษเหมือนกัน เพราะไปโดน ออร์เตก้า ชนในเขตโทษ แต่ทว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ที่จริงก็จะว่า วาร์ดี้ ไม่ได้เต็มปาก เพราะนี่คือดาวซัลโวของ เลสเตอร์ 6ประตู ในพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าจะให้หวังพึ่งคนอายุ37 ให้ยิงพาทีมรอดตกชั้นเห็นทีจะยากหน่อย
หมดโปรโมชั่น " พี่ม้า " เลสเตอร์ มีแววตกชั้น
2นัดแรกของ รุด ฟาน นิสเตลรอย กับการคุมเลสเตอร์ ซิตี้ ในบ้านถือว่าน่าพอใจนะ ทั้งการเอาชนะ เวสต์แฮม 3-1 และไล่ตีเสมอ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 2-2 ซึ่งนอกจากจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว ยังเป็นการได้แต้มที่แสดงออกถึงความเป็นนักสู้อีกด้วย เพราะเป็นฝ่ายตามหลังก่อนพลิกสถานการณ์กลับมาได้
แต่ถึงกระนั้นก็ดี 4นัดต่อมา " เดอะ ฟ็อกส์ " ก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการแพ้4นัดรวดทั้ง นิวคาสเซิ่ล 4-0 / ลิเวอร์พูล 1-3 / แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 และที่เสียหายสุดๆเห็นทีจะเป็นการแพ้ คู่แข่งหนีตกชั้นด้วยกันโดยตรงอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-3 จนหล่นมาอยู่ที่18
ความปราชัย4นัด เป็นความพ่ายแพ้แบบขาดลอยทั้งสิ้น ทั้งรูปเกมและสกอร์ มีเพียงนัดกับ ซิตี้ เท่านั้น ที่รูปเกมน่าประทับใจ นอกนั้นแพ้แบบราบคาบเลย จุดอ่อนของทีมเจ้าของคนไทยที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเกมรับ
ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเตอร์คู่ไหนของพวกเขา ดูจะอืดช้าเป็นเรือเกลือทั้งคู่ ทั้ง คอเนอร์ โคดี้ - ยานนิค เวสเตอร์ รวมถึง เว้าท์ ฟาส ที่ลงสนามคราวใด มีแจกมีแถมตลอด หรือเกมรุกริมเส้นพวกเขามีแต่ความวูบวาบ แต่ประสิทธิภาพยังไม่ได้ทั้ง ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ และ สเตฟี่ มาวิดิดี้
จำนวนประตู กลับต้องไปหวังพึ่งเหล่าม้าแก่อย่าง เจมี่ วาร์ดี้ และ จอร์แดน อาร์ยิว โควตาตกชั้น2จาก3 น่าจะจองไว้แล้วสำหรับ เซาธ์แฮมป์ตัน และ อิปสวิช ทาวน์ เลสเตอร์ ซิตี้ จะต้องหนีตกชั้นร่วมกับ เอฟเวอร์ตัน - วูล์ฟแฮมป์ตัน กับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งศักยภาพนักเตะของทีม เป็นรองคู่แข่ง3ทีมนี้หมดเลย
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลสเตอร์ ซิตี้ เป๊ป กวาดิโอล่า รุด ฟาน นิสเตลรอย เจมี่ วาร์ดี้ เออร์ลิง ฮาลันด์
- 83
- 30 ธ.ค. 2567 14:45