สล็อต ขั้นเทพ ! หงส์ แรงไม่หยุด อัด ชุดขาว เบาะๆ 2-0 เอ็มปั๊ปเป้ บอดโทษ
เรียกความมั่นใจมาได้แบบมากโขจริงๆสำหรับ ลิเวอร์พูล ก่อนเกมที่จะพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์นี้ เมื่อในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาปลดล็อกเอาชนะ เรอัล มาดริดได้สำเร็จ (เป็นครั้งแรกในรอบ9นัด) ที่แอนฟิลด์ 2-0 ชนิดที่รูปเกมของพวกเขาเหนือกว่ายอดทีมจากสเปนมากๆ 3แต้มดังกล่าว ส่งผลให้พลพรรคหงส์แดงขึ้นนำเป็นจ่าฝูงยูซีแอล แข่ง5นัด ชนะรวดกวาด15คะแนนเต็ม
ลิเวอร์พูล ได้โอกาสอันดี ที่จะล้างแค้น เรอัล มาดริด มากๆ เพราะการเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มหนนี้ ราชันชุดขาว อยู่ในสภาพที่ขาดตัวหลักหลายราย ทั้งแดนหน้าและแดนกลาง ค่ำคืนที่แอนฟิลด์ อาร์เน่อ สล็อต จัดทีมในระบบเก่ง 4-3-3
โกลเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ คู่เซ็นเตอร์ เฟอร์จิล ฟานไดค์ ผนึกกำลังกันกับ อิบราฮิมา โกนาเต้ แบ็กขวาให้โอกาส คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ก่อน แบ็กซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 3ประสานแดนกลาง เคอร์ติส โจนส์ - ไรอั้น กราเวนแบร์ค และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
หน่วยสังหารในแดนหน้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ ด้าน เรอัล มาดริด พวกเขาขาดตัวหลักไปหลายราย แดนหน้าไม่มีทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ แนวรับ ก็ไร้เงา ดาบิด อลาบา ที่ ACL เจ็บยาว รวมไปจนถึง ดานี่ การ์บาฆาล เช่นกัน
ทำให้กุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้ให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง ราอูล อาเซนซิโอ (กองหลัง) ส่วน เฟเดรีโก วัลเวร์เด้ ถูกขัดตราทัพไปยืนแบ็กขวา บราฮิม ดิอาซ และ อาร์ด้า กูแลร์ ได้โอกาสสตาร์ทเป็นตัวจริงในแนวรุกประสานงานกับ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ในระบบ 4-2-2-2 หรือบางจังหวะเป็น 4-4-2
โดยเริ่มเกมมากลายเป็นลิเวอร์พูล ที่รูปเกมค่อนข้างเหนือกว่าเลย กองกลังดาวรุ่ง อเซนซิโอ้ เกือบจะทำเข้าประตูตัวเอง แต่สกัดออกมาได้ทัน รวมไปจนถึง ดาร์วิน นูนเญซ ที่ได้แหย่ในเขตโทษแต่ติดเซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์
นอกจากนี้โอกาสของหงส์แดงทั้ง ดิอ๊าซ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ทำหลุดกรอบออกไปเอง ทางฝั่งทีมเยือนแม้พยายามจะสวนแต่รูปเกมติดขัดไปหมด โดย เฉพาะ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ที่แผลงฤทธิไม่ออก จบ45นาทีแรก แม้สกอร์จะยัง0-0 แต่ทว่าทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ดูเหนือกว่า
เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง7นาที หงส์แดงก็มาสยายปีกจนได้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำชิ่งกับ แบร์ดลี่ย์ แล้วสุดท้าย " แม็คก้า " ยิงหักมุมเล่นทางเข้าไป เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 น.52 แต่ทว่าความทะเล่อทะล่าของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทำฟาวล์ ลูกัส บาซเกซ ในเขตโทษ จนเสียจุดโทษ น.89 แต่ทว่า เคลเลเฮอร์ นั้นยังยอดเยี่ยม เซฟจุดโทษของ เอ็มปั๊ปเป้ ได้
โดยลิเวอร์พูล มีโอกาสจะฉีกหนีเหมือนกัน แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ไปพลาดเตะ ซาลาห์ ในเขตโทษ จนกลายเป็นจุดโทษ " บังโม " รับหน้าที่สังหารเอง น.69 อุตส่าห์หลอก กูร์กตัวส์ แต่ ยิงแฉลบเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า บวกทีมจากสเปนก็แผ่วลงเรื่อยๆ ทำให้ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกฝาโรง จากลูกสูตรเตะมุม2จังหวะ โรเบิร์ตสัน โยนให้ โคดี้ กัคโป ตัวสำรองโขกเข้าไปไม่เหลือ ฉีกหนี 2-0 น.77 และจบเกม 90นาทีไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
มาดริด ตัวรุกพิการ เอ็มปั๊ปเป้ แบกไม่ได้อย่างที่แฟนคาดหวัง
เมื่อคืนถือว่า เรอัล มาดริด บุกมาเยือนถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยสภาพทีมที่ไม่ฟูลทีมเท่าไหร่ โดยเฉพาะในแนวนับ พวกเขาเหลือเพียงแต่ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ให้ใช้งานในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟคนเดียว จนต้องดันเด็กวัย21ปีอย่าง ราอูล อาเซ็นซิโอ มาเล่น รวมถึงแบ็กขวาขาด กาบาฆาล ที่น่าจะปิดเทอมแล้ว ขัดตราทัพให้ เฟเดรีโก วัลเวร์เด้ มาเล่นอีกนัก
ส่วนแนวรุกหนักใหญ่เลย เมื่อไม่มีทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ ทำให้ เหลือเพียง คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ที่เป็นตัวหลักรายเดียว นอกนั้นเป็นโอกาสของเหล่าสำรองอย่าง อาร์ดา กูแลร์ และ บราฮิม ดิอาซ ได้วาดลวดลายหวังปล่อยของบ้าง
แน่นอนว่า " ประธานเป้ " คือตัวอันตรายสุดๆที่ ลิเวอร์พูล เลือกประกบติดอย่างแน่หนา เพราะ โม ซาลาห์ ช่วงแรกต้องลงมาช่วย แบร็ดลี่ย์ รวมไปจนถึง โกนาเต้ ก็คอยประคองอีกชั้น แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เอ็มปั๊ปเป้ ก็เหมือนกดดันไปเองจนเล่นไม่ออก
มีจังหวะโดนเจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลีย์ แม่นบอลเสียบหนักๆเข้าใส่จนหงายกลิ้ง และโมเม้นสำคัญสุดๆนั่นก็คือการได้ยิงจุดโทษดวลกับ เคเลเฮอร์ แต่ทว่า คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ กลับเปิดหน้าเท้าให้ โกลชาวไอร์แลนด์ เดาทางเซฟได้ง่ายๆ
ตลอดทั้งเกมถือว่า เอ็มปั๊ปเป้ แม้จะดูอันตรายที่สุดในแผงรุก แต่ทว่าการสร้างอิมแพคหรือการสร้างความแตกต่าง เจ้าตัวทำได้น่าผิดหวังมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกดดันเปล่า จากที่ตอนแรกต้องใช้ผู้เล่น 2-3 คนเฝ้าระวัง แต่พอเล่นไปเล่นมา แค่ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ คนเดียวก็เอาอยู่แล้ว
" ดาวเตะนินจาเต่า " ไม่สามารถเสกสิ่งมหัศจรรย์เหมือนอย่างที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำได้เวลาที่ทีมเล่นแย่ๆ โอเคภาพรวมของ เอ็ปปั๊ปเป้ ในเรื่องของจำนวนประตูจะไม่ได้แย่มาก 9ประตูรวมทุกรายการ แต่สำหรับแฟนบอลชุดขาว นั้นหวังกับเจ้าตัวไว้มากกว่านี้แน่นอน
แม็คก้า โดดเด่น กลางหงส์ไฉไล
ฤดูกาลนี้ความโดดเด่นในแผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่จะเป็นของ ไรอั้น กราเวนแบร์ค หรือในระยะหลังก็จะเป็นความทะลุทะลวง และขยันของ เคอร์ติส โจนส์ แต่ทว่าผลงานของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เมื่อคืน นั้นคือพระเอกจริงๆ
ในการสู้ห้ำหั่นกันตรงแดนกลาง แม้ว่า ทั้ง จู๊ด เบลลิงแฮม และ เอดูอาร์โด กามาวินก้า จะแก้เพรสเวลาโดนบีบเพรสซิ่งได้เป็นอย่างดี แม็ค อัลลิสเตอร์ ครองเกมในแดนกลางได้อย่างหมดจดทั้งรุกและรับ ในช่วงครึ่งหลัง
มีจังหวะผ่านบอลสวยๆให้เห็น โดยเฉพาะจังหวะตักให้ นูนเญซ ได้โขก และที่สำคัญและเป็นไฮไลต์ของเจ้าตัวนั่นก็คือ การยิงประตูขึ้นนำ1-0 เมื่อรับลูกชิ่งตอกส้นในเขตโทษของ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ซัดบดๆหักมุมเข้าไป
กองกลางชาวอาร์เจนติน่า ผ่านบอลได้แม่นยำถึง 91% วางบอลยาวอีก3ครั้ง จ่ายคีย์พาสได้อีก2หน นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่จบเกม " แม็คก้า " จะคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง ในเกมบุกบางจังหวะเหมือนเจ้าตัวจะทำหน้าที่เหมือน โซบอสไล ได้ด้วย
ส่วนผึ้งงานอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ เคอร์ติส โจนส์ ที่ช่วงหลังกลายเป็น " เทพโจนส์ " ที่ยึดตัวจริงได้สำเร็จ หลังเล่นด้วยความมั่นใจ และเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่โดดบีบกดดันได้อย่างไร้ปัญหา มีโอกาสจบสกอร์มากถึง4ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่น มาดริด ได้ถึง4หน
วันดีๆของ เจ้าหนูแบร็ดลี่ย์ เก็บ เอ็มปั๊ปเป้ ใส่กระเป๋า
ด้วยความที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ พึ่งหายเจ็บและยังไม่ฟิตมากพอ ทำให้หน้าที่แบ็กขวาในเกมบิ๊กแมตช์สุดสำคัญวันพุธนี้ เป็นหน้าที่ของเจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ที่ด้วยตำแหน่งต้องเจอศึกหนักกับคู่แข่งอย่าง คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้
โดยในตอนแรกด้วยชื่อชั้นและดีกรีของ เอ็มปั๊ปเป้ ทำให้ตามแท็กติก โม ซาลาห์ ต้องมาช่วยในเกมรับบางจังหวะอีกแรง รวมถึงถ้าหากถูกโยกเจาะเข้าใน ก็ยังมี อิบราฮิมา โกนาเต้ คอยช่วยซ้อนอีกราย แต่ทว่าพอเล่นไปเล่นมา แค่ แบร็ดลี่ย์ คนเดียวก็เอาอยู่แล้ว
การที่ " ประธานเป้ " อยู่ในช่วงความมั่นใจต่ำสุดขีด บวกกับ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ที่กำลังคึกกำลังสดและมั่นใจมากๆ ทำให้เมื่อคืนนี่จึงเป็นการเก็บ สตาร์เด่นของ เรอัล มาดริด รายนี้ เข้ากระเป๋าเลย มีจังหวะเสียบบอลอย่างแม่นยำหนักหน่วงจน เอ็มปั๊ปเป้ หงายกลิ้ง
เกมบุกเจ้าหนูแบ็กขวาชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมสุดๆเช่นกัน เป็นคนแอสซิสต์ให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ กดประตูขึ้นนำ1-0 เติมเกมรุกได้เป็นระยะๆ มีจังหวะหุบเข้าในมายิงเป็น อินเวิร์ด เหมือน เทรนต์ อีกด้วย
ความสดและพลังงานล้นเหนือคือคุณภาพที่ดาวรุ่งวัย 21ปี แสดงออกมาให้เห็น แบร็ดลี่ย์ มีสถิติที่ร้ายกาจทั้ง เอาชนะการครอบครองบอล 9ครั้ง / ชนะการดวล 8ครั้ง / เข้าแท็กเกิ้ล4ครั้ง / เรียกฟาวล์ 4หน ถ้ารักษาฟอร์มได้สม่ำเสมอแบบเมื่อคืน ไม่ยากเลยที่จะเป็นตัวแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (หากย้ายทีม)
เคลเลเฮอร์ ดีกว่าจะเป็นมือ2 / กูร์กตัวส์ ช่วยให้ไม่โดนเยอะ
ทุกๆครั้งที่ อลิสซง เบ็คเกอร์ บาดเจ็บหรือไม่พร้อมลงสนาม เคลวิน เคลเลเฮอร์ ที่ได้เป็นนายด่านตัวสำรองมวยแทน ก็แทบไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย แถมยังมีงัดซุปเปอร์เซฟมหัศจรรย์ออกมาโชว์ให้เห็นบ่อยๆด้วยซ้ำ ไม่ได้เป็นจุดอ่อนของทีมเลย
เมื่อคืนที่แอนฟิลด์ กับ เรอัล มาดริด นี่คือการได้เฝ้าเสานัดที่10 ในฤดูกาลนี้ของ เคลเลเฮอร์ แล้ว ซึ่งโกลวัย26ปี ก็ตอบแทนความไว้วางใจของ กุนซือ อาร์เน่อ สล็อต อีกครั้ง เพราะตอนที่รูปเกมหงส์แดงยังนำอยู่ที่แค่ 1-0
เรอัล มาดริด มาได้จุดโทษ จากความเฟอะฟะของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เอ็มปํ๊ปเป้ ที่ได้สังหารจุดโทษหากเข้าก็จะเป็นประตูตีเสมอ1-1ทันที โมเมนตัมอาจเปลี่ยนได้ แต่ทว่า เคลเลเฮอร์ ก็อ่านทางเยี่ยม ป้องกันเอาไว้ได้อย่างสุดยอด
นั่นเท่ากับว่า 4ครั้งหลังสุดที่ เคลเลเฮอร์ ดวลจุดโทษ เจ้าตัวเซฟได้ถึง3หนด้วยกัน ซึ่งด้วยฟอร์มผลงานอะไรหลายๆอย่าง ก็ชัดเจนว่าโกล " ลูกหมี " ดีเกินกว่าที่จะนั่งเป็นมือ2จริงๆ แต่ทว่าสำหรับ อาร์เน่อ สล็อต ก็ยังยืนยันว่า อลิสซง ยังคงเป็นมือ1ของทีม ซึ่งก็ต้องดูว่าอนาคตของ เคลเลเฮอร์ จะเป็นยังไงหลังจบซีซั่น
ส่วน ติโบต์ กูร์กตัวส์ แม้ว่าจะเสียไป2ลูก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า หากไม่ได้โกลชาวเบลเยี่ยมรายนี้ ราชันชุดขาว มีโดนกระซกตาข่าย3เม็ดขึ้นแน่ ทั้งเซฟลูกจิ้มจ่อๆของ นูนเญซ ปัดลูกโขกของ แบร็ดลี่ย์ และลูกลากมายิงช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ ดิอ๊าซ
กามาวินก้า เอาตัวรอดเก่ง / ชุดขาวยังมีโอกาสเข้ารอบ
ตลอด90นาทีที่แอนฟิลด์ เมื่อคืน เป็นเกมที่ เจ้ายุโรปอย่าง เรอัล มาดริด แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างราบคาบจริงๆทั้งสกอร์ 2-0 และรูปเกมในสนาม เปอร์เซ็นเตอร์การครองบอลของลูกทีม คาร์โล อันเชล็อตติ อยู่ที่เพียง 37 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
โอกาสยิงเพียง7ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูล มากกว่าเท่าตัว 14 ครั้ง แม้ว่ารูปเกมจะเป็นรองสุดๆโดยเฉพาะในครึ่งหลัง แต่ทว่าก็ยังมีผู้เล่นของ เรอัล มาดริด ที่เล่นดีบางราย เช่น จู๊ด เบลลิงแฮม - ติโบต์ กูร์กตัวส์ และ เอดูอาร์โด กามาวินก้า
กามาวินก้า ทำได้แจ่มมากๆ ในเรื่องของการเอาตัวรอด จากการโดนแดนกลางของ ลิเวอร์พูล เพรสซิ่ง ไม่มีลนหรือทำเสีย สามารถแกะตัวเองออกมาได้ตลอด แถมยังลงไปช่วยซ้อนเกมรับได้ดีอีกด้วย
ห้องเครื่องชาวฝรั่งเศส ผ่านบอลแม่นยำถึง 93% เอาชนะการดวลได้ถึง 8จาก9ครั้ง/เคลียร์บอล 3ครั้ง /บล็อคลูกยิงและตัดบอลได้อย่างละ1หน น่าเสียดายเหมือนกันที่ เอดูอาร์โด กามาวินก้า ได้อยู่ในสนามแค่ 56นาที เพราะมีอาการบาดเจ็บ จนต้องให้ ดานี่ เซบายอส ลงมาบู๊แทน
สำหรับ เรอัล มาดริด นี่นอกจากจะเป็นการแพ้ลิเวอร์พูล ครั้งแรกในรอบ9นัด หลังก่อนหน้านั้นชนะ8 เสมอ1 ยังทำให้พวกเขา หล่นไปอยู่อันดับ 24จาก36ทีม มีอยู่เพียง 6แต้ม จาก5นัด (ชนะ2 / แพ้3) ซึ่งทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ยังมีหวังเข้ารอบแบบอัตโนมัติอยู่ กับโปรแกรม3นัดที่เหลือที่ไม่หนักมาก ทั้ง อตาลันต้า (เยือน) - เร้ดบูล ซัลบวร์ก ( เหย้า) และ แบรสต์ (เยือน)