3แต้มแรก อโมริม ! ผี หืด เฉือน โบโด กลิมท์ 3-2 ฮอยลุนด์ หน้าเป้า กดเบิ้ล
หลังจากที่เดบิวต์ กับ อิปสวิช ทาวน์ 1-1 สำหรับ รูเบน อโมริม กับตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ นัดต่อมาของกุนซือหนุ่มชาวโปรตุเกส คือโปรแกรม ยูโรป้า ลีก ที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน โบโด กลิมท์ ทีมจากลีกนอร์เวย์ ซึ่งนัดนี้ปีศาจแดง มีการทดลงทีมเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายตำแหน่ง สุดท้ายแล้วแม้ว่าจะหืดหน่อย แต่ก็เอาชนะไปได้ 3-2 พร้อมฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่เหมาคนเดียว2เม็ด
หลังจากที่ออกสตาร์ท ยูโรป้า ลีก ด้วยการเสมอ3นัดรวด ก่อนจะมาคว้าชัยนัดแรกในเกมกับ พีเอโอเค 2-0 นัดที่5 พลพรรคปีศาจแดง ยังตงต้องรักษาโอกาสเข้ารอบอัตโนมัติ 8อันดับที่ดีที่สุด ซึ่งโปรแกรมนั่นก็คือ เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับว่าที่แชมป์ลีกนอร์เวย์ โบโด กลิมท์
การจัดทัพ รูเบน อโมริม มีการเปลี่ยนแปลงจากเกมกับ อิปสวิช มากถึง6ตำแหน่ง ระบบการเล่นมาในแผน 3-4-2-1 เหล่าผู้เล่นที่มีโอกาสได้ลงตัวจริงบ้างประกอบไปด้วย เซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย ลิซานโดร มาร์ติเนซ วิงแบ็กซ้ายขวา ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่หายไปเป็นปี และ อันโตนี่
มิดฟิลด์ตรงกลาง มานูเอล อูกาเต้ ได้ออกสตาร์ท ตัวรุกหลังกองหน้า เมสัน เมาท์ และหน้าเป้า ราสมุส ฮอยลุนด์ ผู้เล่นชุดเก่าจากเกมพรีเมียร์ลีกก็มี อ็องเดร โอนาน่า - นูสแซร์ มาซราวี - มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ - บรูโน่ แฟร์นันเดซ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่
ทางฝั่งผู้มาเยืน เล่นในระบบ 4-3-3 ตัวผู้เล่นแทบไม่มีใครชื่อคุ้นหูเลย ที่พอมีชื่อสุดเห็นทีจะเป็นหน้าซ้าย เยนส์ เฮาเก ที่เคยเล่นอยู่กับลีกท็อปยุโรป กับ เอซี มิลาน และ ไอน์ทรัค แฟร้งเฟิร์ต เริ่มเกมผู้ตัดสิน เลอเรนซ์ วิสเซอร์ เป่านกหวีดมาได้เพียง 48 วินาที เจ้าบ้านก็ขึ้นนำไปก่อน
ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ไม่หลงเหลี่ยม ใช้ความขยันไปวิ่งเข้าหาบอลกับโกลอย่าง เยนส์ เฮาเก จนพลาด บอลมาเข้าทาง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ยิงเข้าไปแบบง่ายสุดๆขึ้นนำ 1-0 น.1 แต่ทว่ารูปเกมที่เหมือนไม่มีอะไร อาจด้วยความที่ผู้เล่นปีศาจแดงไม่คุ้นกับระบบหลัง3 ทำให้พวกเขาโดน โบโด กลิมท์ แซงนำเป็น 2-1 ดื้อๆ
เริ่มจาก เดอ ลิกต์ เช็กล้ำหน้าพลาด ซอนเดร เฟต ได้หักเข้ากลางมาให้ ฮาคอน เอเวียน หักยิงเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปสุดสวย น.19 เจ๊าเป็น1-1 และก็มาพลิกแซง 2-1 จนได้ น.23 ฟิลิป ซิงเกอร์เนเกิล ได้โชว์ทั้งสปีดและความแข็งแกร่ง เอาชนะ มาลาเซีย หลุดเข้าไปยิงลอดตัว โอนาน่า เข้าไป
ช่วงท้ายครึ่งแรก น.45 ปีศาจแดง ก็มาได้ประตูตีเสมอที่ต้องการ จากจังหวะที่ มาซราวี ตัดบอลได้แล้วลากขึ้นมาเองเปิดให้ ฮอยลุนด์ จับบอลด้วยซ้ายยิงด้วยขวา บอลมุดลงเสียบตาข่ายไปอย่างสุดสวย ตีเสมอ 2-2 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลัง อโมริม เปลี่ยนตัวผู้เล่นทันที ถอด มาลาเซีย ที่ทั้งเป็นบ่อและไม่ฟิตออก ให้ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ลงมาแทน และเพียง น.50 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาแซงขึ้นนำ 3-2 จนได้ จากการเข้าทำอย่างเป็นระบบ อูกาเต้ ตบเข้ากลางให้ ฮอยลุนด์ เข้าชาร์จเข้าไปแบบง่ายๆ เป็นลูกที่สองของเจ้าตัว
หลังจากนั้นเกมก็เป็นของเจ้าบ้าน มีโอกาสยิงฝังเป็น 4-2 หลายหน ทั้ง แรชฟอร์ด (ตัวสำรอง) และ การ์นาโช่ แต่ยิงนกตกปลากันไปเอง และค่อยๆเปลี่ยนตัวเพื่อทดลองตำแหน่งระบบการเล่นต่างๆทั้ง กาเซมิโร่ - อาหมัด ดิยาโล่ - ลุค ชอว์ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
ซึ่งท้ายเกมปีศาจแดงก็มีเสียวเหมือนกันว่าจะโดนอาคันตุกะจากนอร์เวย์ ตีเสมอได้ ทั้งลูกฟรีคิก และลูกครอสโหม่ง แต่ก็จบ90นาที เป็น แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 3-2 เป็นชัยชนะนัดแรกในยุคของ กุนซือ รูเบน อโมริม ทำให้ตารางคะแนนในยูโรป้าลีก ขยับมาอยู่ที่อันดับ12 มีอยู่9แต้ม จาก5นัด ยังมีลุ้นเป็น8ทีมที่ดีที่สุด เข้ารอบน็อกเอ้าต์ ไปแบบอัตโนมัติ
ฮอยลุนด์ ได้เล่นหน้าเป้าในแท็กติกที่ถนัด
แน่นอนว่า ชัยชนะ 3-2 เมื่อคืน พระเอกของปีศาจแดง คงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจาก ราสมุส ฮอยลุนด์ ซึ่งเจ้าตัวได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด (ที่นัดที่แล้วตัวจริง) และ โจซัว เซิร์กเซ่ ซึ่ง เกมกับ โบโด กลิมท์ ฮอยลุนด์ ก็ตอบแทนความไว้วางใจของ รูเบน อโมริม ได้เป็นอย่างดี
ฮอยลุนด์ ในสมัยของ เอริก เทน ฮาก ได้เป็นหน้าเป้าก็จริง แต่ทว่าบทบาทส่วนใหญ่นั่นก็คือ การเป็นตัว บังบอล พักบอล เชื่อมให้ผู้เล่นในตำแหน่งปีกได้เล่นต่อ แต่ทว่าเกมแรกใน ยุค อโมริม หน้าที่บทบาทนั้นเปลี่ยนไปแม้ในตำแหน่งเดียวกัน
ดาวยิงชาวเดนมาร์ก เล่นเป็นหน้าเป้าในแบบที่ ยืนรอในเขตโทษ ไม่ต้องลงมาล้วงบอลพักบอลมากนัก ไม่ต้องใช้ร่างกายเยอะในการนวดอัดกับแนวรับคู่แข่ง ซึ่งหลังเกมเจ้าตัวก็ออกมาพูดเองเลยว่า นี่คือสไตล์การเล่นที่เจ้าตัวถนัดแบบที่เคยทำกับอตาลันต้า
เริ่มเกมมาไม่ถึง1นาที ก็เป็น ฮอยลุนด์ ที่แหละที่ใช้ความขยันวิ่งไล่บีบโกลทีมเยือน แถมยังไม่หลงเหลี่ยมด้วย จนปั๊มบอลและกลายเป็นแอสซิสต์ให้ การ์นาโช่ ส่วนประตูตีเสมอ 2-2 เป็นการจับบอลด้วยซ้ายและยิงเร็วด้วยขวาแบบสุดเนียนเข้าไป
และประตู 3-2 เป็นการเข้าฮอสง่ายๆจากลูกเปิดของ อูกาเต้ ซึ่งนี่เป็นลูกเก่งส่วนใหญ่ที่ ดาวรุ่งแดนโคนมรายนี้ ทำได้ดีกับอตาลันต้า นั่นก็คือความจมูกไวในเขตโทษ โอเค ราสมุส ฮอยลุนด์ อาจยังไม่ใช่กองหน้าที่ครบเครื่องตามสเป็คที่ อโมริม ต้องการ แต่ทว่าการปรับของกุนซือชาวโปรตุเกส ก็ทำให้ ฮอยลุนด์ เล่นได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
การ์นาโช่ ดีขึ้น แค่ยังยิงไม่คม
นี่เป็นเกมที่2ติดต่อกันที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้ยืนตัวจริงในยุคของ รูเบน อโมริม ซึ่งตำแหน่งของเจ้าตัวนั่นก็คือ ตัวรุกหลังกองหน้า ไม่ใช่วิงแบ็กแต่อย่างใด นั่นจึงทำให้พื้นที่หรือโอกาสในการกระชากหายไปพอสมควร
โดยเพียง 48 วินาที " น้องโช่ " ก็มาเก็บตกส้มหล่นยิงประตูสุดง่ายดายจากความผิดพลาดของโกล ฮายคิน ให้ทีมขึ้นนำไปก่อน จริงๆ การ์นาโช่ น่าจะทำเม็ดที่2ให้กับทีมได้นะ กับจังหวะ อาหมัด ดิยาโล่ ถวายพาน ให้ตั้งป้อมยิงจ่อๆ แต่ทว่ากลับยิงข้ามคานโด่งออกไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามแม้จะใช้โอกาสเปลือง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปของ เจ้าหนูเลือดฟ้า-ขาว รายนี้ นั่นก็คือการเล่นเป็นทีมมากขึ้น จังหวะที่ควรส่งก็ส่ง ไม่ตะบี้ตะบัน ลากไปเองคนเดียว มุดจะไปหมายยิงเหมือนแต่ก่อน
เราได้เห็นการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เมื่อคืน การ์นาโช่ ได้โอกาสยิงไป4ครั้ง และมีการจ่ายจังหวะคีย์พาสมากถึง 4หน มีการเล่นเกมรับช่วยเพื่อนวิ่งบีบเข้าหาบอล คิดที่จ่าย มากกว่าเลี้่ยงแหวกไปเองเหมือนแต่ก่อน
ถึงกระนั้นก็ดีสิ่งที่เจ้าตัวต้องปรับมากๆนั่นก็คือในเรื่องของการจบสกอร์ เพราะซีซั่นนี้ จะมีผลงานที่ไม่เลวกับ 8ประตู 4แอสซิสต์ แต่ทว่า การ์นาโช่ มีจังหวะพลาดหมูหกบ่อยเหลือเกิน ซึ่งถ้าในเกมใหญ่ที่มีความเข้มข้นสูงจะพลาดแบบนี้ไม่ได้เลย
มาลาเซีย ลงมาก็บ่อเลย / ดาโล่ต์ & อันโตนี่ ยังเหมือนเดิม
ก่อนเกมถือว่าเซอร์ไพรส์ เหมือนกันที่ รูเบน อโมริม ให้โอกาส ไทเรลล์ มาลาเซีย ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งซ้าย เพราะนี่คือการได้ลงสนามครั้งแรกของเจ้าตัวในรอบ 550 วัน (หายไปร่วม18เดือน) ซึ่งการได้ออกสตาร์ทของเจ้าตัวน่าจะเป็นการทดสอบระบบทีมตัวผู้เล่นด้วย
อย่างไรก็ดีแม้จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ทว่าแบ็กชาวดัตช์ ก็ยังคงไว้ลายเดิม นั่นก็คือการเป็นแบ็กที่เซ้นส์เกมรับแย่มากๆ ไม่มีความแข็งแกร่ง จังหวะประตูโดนนำ 2-1 นี่ชัดเจนมากว่า ไทเรลล์ มาลาเซีย เป็นรอง ฟิลิป ซิงเกอร์เนเกิล ทั้งในเรื่องความเร็วและความแข็งแกร่ง
ส่วนในเรื่องการเติมเกมรุก แม้จะดันขึ้นไปได้ดี แต่ทว่าจังหวะเปิดหรือครอส จังหวะสุดท้ายทำได้ห่วยแตกสุดๆ มีทั้งติดและล้น เข้าใจว่าล้างสนามไปนาน และน่าจะยังไม่ฟิต แต่เชื่อว่าหากฟิตเต็มร้อย มาลาเซีย ก็ไม่น่าจะดีกว่านี้ได้เยอะ คงจะไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ อโมริม
นั่นทำให้ มาลาเซีย ต้องถูกถอดออกตั้งแต่พักครึ่ง และผู้ที่มาแทนนั่นก็คือ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ซึ่ง " ไอ้โล่ต์ " ดีกว่าในเรื่องของสภาพร่างกายที่ฟิตกว่า มีจังหวะกระชากไปข้างหน้าให้เห็น แต่ทว่าจุดสลบเดิมในเรื่องเกมรับยังมีให้เห็น แถมยังจ่ายบอลตัดกลางได้อันตรายมากๆ จนเกือบเสียประตู
รายสุดท้าย อันโตนี่ ที่ยังอุตส่าห์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ในตำแหน่งวิงแบ็กขวา ครึ่งแรกมีจังหวะเลี้ยงแหวกขึ้นไปได้สวยๆ แต่หลังจากนั้นเลี้ยงกินตัวแทบไม่ได้ เลยสุดท้ายกลายเป็นไร้พิษสงไปเลย แม้จะเจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่า
โอเคว่า อาจจะแค่2นัดแรก แต่ทว่าก็มีเค้าลางให้ได้เห็นแล้วว่า นักเตะที่ไม่น่าจะสอบผ่านให้ได้อยู่ในแผนการทำทีม รูเบน อโมริม นั่นก็คือ มาลาเซีย และ อันโตนี่ ส่วน ดาโล่ต์ ให้ดีที่สุดจริงๆนั่นก็คือ การเป็นตัวสำรองข้างสนาม
อโมริม กำลังค่อยๆจูนทีม
แน่นอนว่าการเข้ามากลางฤดูกาล พร้อมกับเลือกเปลี่ยนระบบการเล่นจาก แผงแบ็กโฟร์มาเป็น 3เซ็นเตอร์แบ็ก นั่นก็ต้องจูนทีมอย่างหนักหน่วงพอสมควร เพราะปีศาจแดง ไม่ได้เล่นระบบหลัง3จริงจังมาตั้งแต่ยุค หลุยส์ ฟาน กัล เมื่อปี 2014 และตัวผู้เล่นชุดปัจจุบัน ไม่ได้มีของ รูเบน อโมริม เลือกซื้อเข้ามาสักคน
กับ โบโด กลิมท์ ซึ่งถือว่าเป็นทีมที่อ่อนชั้นกว่า แม้ว่ากำลังคั่วแชมป์ลีกนอร์เวย์ นั่นทำให้ อโมริม มีการปรับเปลี่ยนทดลองทีมอีกครั้ง มีถึง6 ตัวผู้เล่นที่มีการเปลี่ยนแปลงจากนัดเจ๊า อิปสวิช ทาวน์ 1-1
อันโตนี่ - ไทเรลล์ มาลาเซีย - เมสัน เม้าท์ - ลิซานโดร มาร์ติเนซ - มานูเอล อูกาเต้ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ คือผู้เล่นที่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริง หลังจากที่นัดกับ อิปสวิช เป็นตัวสำรอง ซึ่ง ปีศาจแดง ก็ได้ประตูขึ้นนำเร็วอีกครั้ง จากการบีบเพรสซิ่งของ ฮอยลุนด์
แม้ว่าจะชนะทีมรองบ่อนจาก ลีกนอร์เวย์ ได้แค่ฉิวเฉียด แนวรับยังคงเสียประตูง่าย เพราะยังไม่เข้าใจระบบหลัง3 ทั้ง เดอ ลิกต์ ที่เช็กล้ำหน้าพลาด / บรูโน่ ที่เล่นเป็นมิดฟิลด์ ไม่ลงมาตามกับประตู 2-1 ซึ่งรายละเอียดในเกมทีสิ่งที่ต้องปรับเยอะพอสมควร
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจน นั่นก็คือรูปแบบการเข้าทำที่มีความหลากหลายขึ้น ที่สมัย เอริก เทน ฮาก เห็นบ่อยๆคืออาศัยความสามารถของปีก การเปิดเข้ากลาง และมีแทป-อิน ง่ายๆ คือมิติง่ายๆ ที่ทำให้เห็นได้ใน2 นัดแรกของ กุนซือหนุ่มวัย39ปี
ส่วนจุดที่ต้องปรับ ก็มีอีกเยอะ ทั้งการยืนระบบหลัง3 หน้าที่ของมิดฟิลด์ตัวกลาง รวมไปจนถึงวิงแบ็ก2ข้างซ้าย-ขวา ที่เป็นจุดสำคัญของแผน 3-4-2-1 ยังไม่มีใครเข้าตาเลย ซึ่งอาจต้องได้ลงตลาดนักเตะมกราคม
เกมกับเอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ อโมริม น่าจะได้ลองนักเตะอีกครั้ง ว่าใครเหมาะตำแหน่งไหน เพราะศึกนัดถัดจากเจอ ทอฟฟี่ นั้นหนักหนาเหลือเกิน เพราะต้องไปเยือนอาร์เซน่อลที่ เอมิเรต สเตี้ยม ที่กลับมาติดปีกอีกครั้งหลัง มาร์ติน โอเดการ์ด หายเจ็บกลับมา ซึ่งถ้ายังจูนไม่เข้าที่ ก็มีสิทธิเละเหมือนกัน
รู้จัก โบโด กลิมท์ ว่าที่แชมป์ลีกนอร์เวย์
จัดได้ว่าเป็นคู่ต่อสู่ที่มีความห่างชั้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอสมควร สำหรับ โบโด กลิมท์ ที่แม้เป็นว่าที่แชมป์ลีกนอร์เวย์ หลังนำเป็นจ่าฝูง สำรวจรายชื่อตัวผู้เล่นที่ดีจะคุ้นหู น่าจะมีเพียงแค่ หน้าซ้าย เยนส์ เฮาเก ที่เคยเล่นอยู่กับลีกท็อปยุโรป กับ เอซี มิลาน และ ไอน์ทรัค แฟร้งเฟิร์ต
ตัวเก่งของพวกเขาคือ กองกลางอย่าง อัลเบิร์ต โกรนแบร์ค ที่เป็นดาวซัลโวยิง8ประตูรวมทุกรายการ แต่ทว่าไม่มีชื่ออยู่ในทีมเพราะมีอาการบาดเจ็บ ทีมเยือนจาก นอร์เวย์ เริ่มต้นได้ไม่ดีเลย เพราะความผิดพลาดส่วนตัวของนายด่านอย่าง นิคิตา ฮายคิน ทำให้ทีมต้องโดนเจาะตาข่ายตั้งแต่ 48 วินาทีแรก
อย่างไรก็ตามเกมบุกวางบอลยาวของ ทีมจากนอร์เวย์ ก็ได้ผลไม่น้อย โดยเฉพาะจังหวะตวัดยาวเร็วของ พาทริค เบิร์ก ที่ให้ ฟิลิป ซิงเกอร์เนเกิล โชว์สปีดความเร็วเหนือ มาลาเซีย หลุดเข้าไปซัดผ่านตัว โอนาน่า ตุงตาข่าย
ส่วนผลงานใน เวที ยุโรป เมื่อ3ปีที่แล้ว พวกเขาเคยถล่ม เอาชนะ โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โรเตชั่นนักเตะเพียบ ในถ้วย คอนฟลอเรนซ์ ลีก ไป 6-1 (รอบแบ่งกลุ่ม) แต่ก็ต้องยุติเส้นทางของตัวเองไว้ที่รอบน็อกเท้าต์ เพลย์ออฟเท่านั้น
ฤดูกาลนี้ 2024-2025 โบโด กลิมท์ ของกุนซือ เคนิล นุตเซ่น ก็ยังคงพอมีลุ้นเข้ารอบอัตโนมัติ ยูโรป้า ลีก อยู่ อยู่อันดับ17 มีอยู่ 7แต้ม จาก15นัด ตามหลังทีมอันดับ8 กลาสโกว์ เรนเจอร์ส อยู่เพียง3แต้มเท่านั้น และโปรแกรม3นัดสุดท้ายก็คือ เล่นในบ้าน2นัด เจอ เบซิคตัส และ มัคคาบี้ ไฮฟา และแมตช์สุดท้ายออกไปเยือน นีซ
- คอลัมน์นิสต์
- ยูโรป้า ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูเบน อโมริม โบโด กลิมท์ คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล ราสมุส ฮอยลุนด์
- 76
- 29 พ.ย. 2567 15:07