เป๊ป เครียดจัด ! ผี โชว์ฮึด บุกพลิกแซง เรือ 2-1 อาหมัด ทีเด็ด นาทีบาป 90
ดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ ครั้งที่194หนนี้ จัดได้ว่าเป็นการจอกันช่วงที่ทั้ง2ทีมฟอร์มไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่จริงๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังเป๋ต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าฝั่งได้ง่ายๆ 10นัดหลังสุดรวมทุกรายการ พวกเขาแพ้ไปถึง7 ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ในยุคกุนซือคนใหม่ รูเบน อโมริม ที่ยังดูหา11ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว เมื่อไปวัดกันในสนาม พลพรรคปีศาจแดง อาศัยแรงปลาย ดราม่า แซงเอาชนะ ซิตี้ ได้สำเร็จ 2-1
เกมบิ๊กแมตช์ ผ่าเมืองแมนเชสเตอร์ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการจะเรียกความมั่นใจมากๆในนัดนี้ มาในระบบ 3-2-4-1 ผู้รักษาประตู เอแดร์ซอน สามเซ็นเตอร์เป็น ไคล์ วอล์คเกอร์ - รูเบน ดิอ๊าซ และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล สองมิดฟิลด์ อิลคาย กุนโดกัน ผนึกกำลังกับ แบร์นาโด้ ซิลวา
วิงแบ็กขวาซ้ายเป็น เฌเรมี่ โดกู กับ มาเตอุส นูเนส มี เควิน เดอ บรอยน์ กับ ฟิล โฟเด้น ปั้นเกมอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า เออร์ลิง ฮาลันด์ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังต้อฃดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะบุกไปเอาชนะ วิคตอเรีย เพิลเซ่น ได้ 2-1 รูเบน อโมริม ได้ตัดสินใจตัด ทั้ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีม
มาในระบบถนัด 3-4-2-1 ผู้รักษาประตู อ็องเดร โอนาน่า สามเซ็นเตอร์ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กลับมายืนตัวจริงในลีกอีกครั้ง ร่วมกับ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ วิงแบ็กฝั่งซ้ายเป็น นุสแซร์ มาซราวี วิงแบ็กซ้ายยังทนใช้เป็น ดิโอโก้ ลาโล่ต์ มิดฟิลด์คู่กลาง มานูเอล อูกาเต้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ
ตัวรุกหลังกองหน้า เมสัน เมาท์ ได้เซอร์ไพรส์ลงตัวจริง ร่วมกับ อาหมัด ดิยัลโล่ หน้าเป้า ราสมุส ฮอยลุนด์ สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมจาก แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เมสัน เมาท์ ก็ยังคงตอกย้ำความเป็นจอมเจ็บเหมือนเดิม เมื่อเดี้ยงจนไม่สามารถเล่นต่อได้ จนต้องให้ ค็อบบี้ ไมนู ลงมาเล่นแทนเพียง น.14 เท่านั้น
เกมหลังจากนั้นแม้ ยูไนเต็ด จะสู้ได้ดี แต่ทว่าการครองบอลยังเป็นของเจ้าบ้าน และเรือใบสีฟ้าก็มาได้ประตูขึ้นนำ จนได้ จากลูกสั้นเตะมุม เควิน เดอ บรอยน์ เปิดไปแฉลบ อาหมัด บอลลอยไปเข้าทาง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ขึ้นเอาชนะ ฮอยลุนด์ โขกเป็นประตูเข้าไป 1-0 น.36
หลังจากนั้นเกมก็จัดว่าเดือดเลยทีเดียว มีการปะทะชิงเหลี่ยมหน้าผากแตะกันของ ฮอยลุนด์ กับ วอล์คเกอร์ ก่อนที่จะโดนใบเหลืองทั้งคู่ แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่สามารถหาจังหวะจบที่เหมาะๆได้ ทำให้45นาทีแรก จึงจบลงด้วยเจ้าบ้านนำ 1-0
ครึ่งหลังเหมือน รูเบน อโมริม จะปลุกลูกทีมออกมาได้ดี วิ่งเข้าสู้ เพรสแดนบนได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าโอกาสสำคัญๆก็ยังไม่คมพอทั้ง ลูกโหม่งของ อาหมัด ที่ เอแอร์ซอน เซฟไว้ได้ รวมถึงลูกหลุดเดี่ยวของ บรูโน่ แต่เจ้าตัวกะเอาเหนือตักข้ามตัว เอแดร์ซอน แต่บอลไม่ตรงกรอบแบบน่าเสียดายสุดๆ
ยูไนเต็ด ที่เกมไม่เป็นรองครองบอลได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ทะยอยเปลี่ยนตัวทั้ง เลนี่ โยโร่ - อันโตนี่ และ โจซัว เซิร์กเซ่ และสุดท้ายก็กลายเป็น ซิตี้ แพ้ภัยตัวเอง จากบอลที่ไม่มีอะไร มาเตอุส นูเนส จ่ายบอลคืนหลังเบา เป็น อาหมัด ที่ได้บอลในเขตโทษ แข้งชาวไอวอรี่โคสต์ ดึงบอลหนึ่งจังหวะ แต่ นูเนส เจ้าเก่าลนสุดๆ ไปหวด อาหมัด แบบดื้อๆ จุดโทษ 100%
และก็เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารเข้าไป ตีเสมอ 1-1 น.88 หลังจากนั้นเกมโมเมนตัม เหมือนจะไหลมาเข้าทางทีมสีแดง บวกกับฝั่งทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เหมือนช็อตไปเองดื้อๆ ลิซานโดร มาร์ติเนซ วางบอลยาวจากแดนหลัง ให้ อาหมัด หลุดทะลุไลน์เข้าไปในเขตโทษ
ดิอาโล่ ดิยัลโล่ วิ่งสอดเข้าไปในเขตโทษ และนิ่งพอที่จะเกี่ยวบอลลงแตะหลบ เอแดร์ซอน และยิงด้วยซ้ายมุมแคบเข้าไปสุดดราม่า แซงนำ 2-1 น.90 ลูกยิงดังกล่าวเล่นเอา ผู้เล่นบนม้านั่งสำรองปีศาจแดง วิ่งเข้ามาเฮดีใจฉลองกันยกใหญ่เลยทีเดียว ก่อนจะจบ90นาที บวกทดเจ็บ5นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะบุกมาเอาชนะไปได้ 2-1
อาหมัด สตาร์เด่นในยุค อโมริม
เอกฉันท์สุดๆไปเลยว่า นับตั้งแต่ รูเบน อโมริม เข้ามารับตำแหน่ง ผู้เล่นในเกมรุก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดดเด่นและอันตราย เป็นที่พึ่งได้สุดๆ นั่นก็คือ อาหมัด ดิยัลโล่ ที่ตอนแรกบทบาทเป็นวิงแบ็กขวา แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ตัวรุกหลังกองหน้าที่แหละคือตำแหน่งที่ลงตัวและอันตรายที่สุดของเจ้าตัว
ด้วยที่เมื่อคืน วิงแบ็กฝั่งซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น ดิโอโก้ ดาโล่ต์ นั่นทำให้ไม่ต้องพูดถึงการประสานงานคอมโบในแนวรุกเลย เพราะ " พี่โล่ต์ " เวลาได้บอลทีไร แปะกลับคืนหลังให้เพื่อนแทบจะทุกช็อต ครั้นจะให้กระชากไปเปิด เจ้าตัวก็สกิลไม่ถึงพอ และไม่ใช้เท้าข้างถนัดอีกถ้าจะครอสเข้ามาด้านใน
นั่นทำให้เกมบุกของปีศาจแดง ไปหนักขวาสุดๆ และ อาหมัด ดิยาโล่ ความคล่องตัว สกิลการเลี้ยงต่างๆนั้นสร้างความอันตรายให้ผู้เล่น ซิตี้ จริงๆ แถมยังมี มาซราวี เข้ามาต่อบอลเล่นช่วยอีกด้วย บอลเมื่อไปถึง อาหมัด รับประกันได้เลยว่าเสียยาก แถมยังเลี้ยงบอลติดเท้าจี้ไปยังริมเส้นได้อย่างไม่มีปัญหา และยังวิ่งเพรสในแดนบนแบบไม่หยุดหย่อน
ปีกชาว ไอวอรี่ โคสต์ เวลาได้บอลไม่ใช่แต่จะกระชากไปข้างหน้าอย่างเดียว มีดึงจังหวะรอเพื่อน หรือยึกทำให้แนวรับเรือใบเสียจังหวะนิดๆ ประตูตีเสมอ1-1 ก็เป็น อาหมัด นี่แหละที่อ่านเกม วิ่งเข้าไปเอาบอลขาดของ นูเนซ บังบอลรอ1จังหวะ ให้โดนหวดจนเรียกจุดโทษได้
ส่วนประตูชัยต้องบอกว่า อาหมัด ดิยาโล่ นิ่งและเยือกเย็นสุดๆวิ่งตัดไลน์ เข้าไปจับบอลแล้วกระดกผ่าน เอแดร์ซอน ก่อนยิงด้วยซ้ายเน้นทิศทางมุมแคบเข้าไป อาหมัด สัมผัสบอลในเขตโทษ ซิตี้ มากถึง10ครั้ง - เลี้ยงบอลผ่าน 5หน และได้ยิงอีก4ครั้ง คู่ควรจริงๆกับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์
หรือ แม็คไกวร์ จะเป็นจิ๊กซอว์ในระบบหลัง3
หลังหายเจ็บกลับมารอบนี้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเป็นสำรองไปก่อนตามปรกติ นัดพ่ายแค่บ้าน ต่อ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-3 กองหลังค่าตัวแพง ลงมาเป็นตัวสำรองช่วง25นาทีสุดท้าย ต้องบอกว่าทำให้แนวรับปีศาจแดงดูสมดุลขึ้นจริงๆ
ดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้รับโอกาสครั้งสำคัญ เมื่อได้ออกสตาร์ทเป็นเซ็นเตอร์ตัวจริง เป็นปราการหลังตัวกลาง ขนาบซ้ายด้วย ลิซานโดร ทางขวาเป็น เดอ ลิกต์ ผลออกมาเวิร์คเกินคาด
เซ็นเตอร์ทีมชาติอังกฤษ เล่นได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ แถมตัวของ แม็คไกวร์ เอง ดูจะออกบอลได้ในตำแหน่งนี้ดีกว่า เดอ ลิกต์ เสียอีก รวมไปจนถึงลูกกลางอากาศ ในแผงหลัง3เซ็นเตอร์ชุดนี้ดูจะเป็นคนเดียวทีมีความเชี่ยวชาญ
" คิง แม็กไกวร์ " ตัดบอลได้มากถึง5ครั้ง เคลียร์บอลได้ 3หน และบล็อกลูกยิงอีก1ครั้ง ผลงานมาสเตอร์พีชที่สุดของเจ้าตัว นั่นก็คือการประกบติด เออร์ลิง ฮาลันด์ จนหายไปจากเกม ใช้ความใหญ่เข้าสู้ มีสมาธิตลอดทั้งเกม
อีกช็อตที่แสดงถึงแพสชั้นของกองหลังเบอร์5รายนี้ นั่นก็คือ การปรี่จะไปเอาเรื่อง ไคล วอล์คเกอร์ ที่เล่นละครตบตา จังหวะที่เอาหน้าผากไปถูกกับ ฮอยลุนด์ ซึ่งนานๆทีจะเห็น แม็คไกวร์ เดือดขนาดนี้ ถ้าเอาจากการจัดทีมของ อโมริม ที่ผ่านมา 3เซ็นเตอร์เป็น เดอ ลิกต์ - แม็คไกวร์ และ ลิซานโดร น่าจะลงตัวและบาลานซ์สุดแล้ว
นูเนส ตัวเปลี่ยนเกม (ให้ผี) ของแทร่
จริงๆเป็นนักเตะที่ แม้จะฟอร์มไม่ค่อยน่าประทับใจ หรือทำอะไรไม่เข้าตาเท่าไหร่ แต่ด้วยช่วงที่ผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายรายได้รับบาดเจ็บ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ค่อนข้างให้โอกาสลงสนามเลยสำหรับ มาเตอุส นูเนส ทั้งในตำแหน่งมิดฟิลด์ รวมไปจนถึงปีกซ้าย
เมื่อคืน นูเนส ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดที่6ในพรีเมียร์ลีก ในตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย เอาตรงๆช่วงแรกก็ทำผลงานใช้ได้นะ กับการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม เรียกฟาวล์ได้ถึง4ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นแมนยู 3หน
ช่วงท้ายเกมที่แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้ครองบอลสร้างเกมบุกขึ้นๆเรื่อยๆ แต่ทว่าเกมบุกของพวกเขาดูจะพิษสงน้อยไปหน่อย ดูจะมีเพียง อาหมัด คนเดียวที่คุกคามและน่ากลัว และน่าจะไม่มีปัญหาอะไรสำหรับ3แต้ม ของ แมนฯ ซิตี้
แต่ทว่าจังหวะที่ไม่มีอะไร ไม่มีฝั่งตรงข้ามกดดัน มาเตอุส นูเนส ก็ส่งคืนหลังเบาดื้อๆ ทำให้ อาหมัด วิ่งไปเอาบอลมาเล่นในเขตโทษ นี่คือความผิดพลาดดอกแรก ซึ่ง นูเนส ก็ยังลนและไม่หายมึน วิ่งเข้ามาเตะ อาหมัด ในเขตโทษดื้อๆ (ทั้งที่แอแดร์ซอน ปิดมุมคุมสถานการณ์ได้แล้ว) แบบไม่มีทางเลยที่จะไม่เป็นจุดโทษ ทบต้นทบดอก จ่ายพลาดเอง แถมยังทำฟาวล์เอง
หลังจังหวะหวด อาหมัด ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ จอห์น สโตนส์ ที่อยู่ข้างสนามเตรียมถูกส่งลงมา แทบเมินหน้าเข่าทรุดโดยแทบไม่ต้องรอเสียงนกหวีดจาก แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เลย และต้องยอมรับแบบตรงๆว่า อดีตแข้งวูล์ฟรายนี้นี่แหละ ที่เป็นตัวจุดความหวังทำให้ ยูไนเต็ด กลับมาพลิกแซงชนะได้แบบดราม่า
ซิตี้ เหลือเชื่อว่าจะหลุดยาวขนาดนี้
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2024-2025 หากมีใครมาบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก 4สมัยติดต่อกัน จะหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม และจะแพ้ 8จาก 11นัดหลังสุดรวมทุกราย คงถูกตีตราว่า บ้าหรือฝันกลางวันไปแล้ว
แต่ทว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาถึงจุดที่เป็นทีมแพ้ใครก็ได้ไปแล้ว ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เราต่างไม่เคยนึกภาพว่า เรือใบสีฟ้า จะออกทะเลไม่กลับไปนานขนาดนี้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ เท่ากับว่า ซิตี้ ชนะแค่ 1นัด เสมอ2 และแพ้ไปถึง8 จาก 11นัดหลังสุดรวมทุกรายการ
เอาจริงๆ ณ ตอนนี้ ทีมของ เป๊ป ได้ตัวหลักหายเจ็บมาเกือบหมดแล้วนะ ยกเว้น โรดรี้ เริ่มเกมเมื่อคืน การมี เควิน เดอ บรอยน์ แม้จะโรยรา แต่ทว่าก็ทำให้เกมตรงกลางของพวกเขาดูมีมิติความหลายหลายขึ้นมาก มีตัวเล่นชิ่งกับ โดกู และสุดท้ายก็เป็น KDB นี่แหละ ที่เปิดแฉลบทำแอสซิสต์
กองหน้าหรือแนวรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังผลัดกันทำประตูได้เป็นระยะๆ แต่ทว่าแนวรับของพวกเขานี่แหละเป็นเหมือนเลือดที่ไม่ยอมหยุดไหลสักที จริงๆอาจะต้องตำหนิ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยที่ดื้อเหลือเกิน กับการเล่นเกมรับแบบหลังยืนลอยสูง แม้ว่าจะเจอคู่แข่งระดับไหน ทั้งที่ฟอร์มและสภาพจิตใจนักเตะตอนนี้ เล่นแบบเดิมไม่ได้แล้ว
ประตูชัย 2-1 ของ แมนฯยู เห็นได้ชัดเจนเลย ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้วางบอลไปให้ อาหมัด หลุดไปยิง ทั้งที่ตรงนั้นมีถึง3คนทั้ง ดิอ๊าซ (ที่ยืนห้อยต่ำจนไม่ล้ำ) กวาร์ดิโอล และ นูเนส แต่ทว่าจัดระเบียบกันไม่ดีขนโดนยิงมุมแคบไป
การเป๋แบบนี้ มา11นัด เห็นทีจะแก้ยากสุดๆไปแล้ว เห็นทีวิธีเดียว ที่จะหยุดแผลได้ อาจต้องรอการเสริมทัพตลาดมกราคมนู่นเลย หากว่า กุนซือจอมอินดี้อย่าง เป๊ป ไม่ยอมปรับแผนหรือวิธีการเล่น
ตัด แรชฟอร์ด -การ์นาโช่ เห็นทีมสปิริตผี
หลังจากที่ ออกอาการภาษากายในสนามเหมือนว่าไม่อยากเล่น ในเกมที่บุกไปเอาชนะ วิคตอเรีย พัลเซ่น 2-1 มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ถูกถอดออกจากสนาม ตั้งแต่ น.56 ส่วน อเลฮานโดร การ์นาโช่ แม้จะเล่นเพื่อทีมมากขึ้นในระยะหลัง แต่ทว่าก็มีช็อตชายเดี่ยวให้เห็นอยู่บ้างเป็นระยะๆ
เกม ดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ ก็จะไม่แปลกเท่าไหร่ หากว่าทั้ง แรชฟอร์ด และ การ์นาโช่ จะต้องเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่นี่เซอร์ไพรส์ถึงขนาดว่าไม่มีชื่ออยู่ในทีมเลย และไม่ใช่เรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บด้วย จนภายหลัง อโมริม มาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเรื่องการฝึกซ้อม
การเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โอเคว่าเป็นช่วงที่ทีมคู่ปรับร่วมเมืองหัวตกมาๆ แพ้ถึง 7จาก 10นัดหลังสุด แต่ทว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังจัดได้ว่าเป็นทีมที่ยังต่อบอล ครองบอลดีอยู่ ซึ่งก็น่าเหลือเชื่อเหมือนกันที่ แมนฯยู เกมไม่ได้เป็นรองมากนักใน 45นาทีแรก ไม่โดนกดอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนที่ผ่านมา
ครึ่งหลังเมื่อเล่นไปสักพักกลับกลายเป็นว่าปีศาจแดง ครองบอลเหนือกว่าซะงั้น ภาษากายของนักเตะแมนฯยู ดีแทบทุกราย วิ่งบดวิ่งเพรสนักเตะ ซิตี้ ในแดนบน อูกาเต้ ตอดทุกจังหวะ ฮอยลุนด์ ที่เล่นไม่ออก พยายามวิ่งไล่บอลในแดนหน้า
รวมไปจนถึง3เซ็นเตอร์เล่นได้เสถียรไม่มีความผิดพลาด ขนาด อันโตนี่ ที่ลงมาเป็นวิงแบ็กขวา ยังดูดีกว่า ดาโล่ต์ ทางฝั่งซ้ายเลย เชื่อว่านัดนี้ถ้าหากลงเอยด้วยความปราชัย แฟนผีน่าจะไม่โทษหรือผิดหวังมากมายนัก
3แต้มเหรือคู่ปรับร่วมเมืองที่กำลังหัวตก แม้ว่าปีศาจแดงจะยังคงอยู่อันดับที่ 13แต่ทว่าก็ตามหลังทีมอันดับ4 พื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพียงแค่ 6แต้ม และที่สำคัญสุดๆคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพยายามเรียกโมเมนตัมของตัวเองกลับมาให้ได้บ้าง เพราะอย่าลืมว่าฤดูกาลนี้ในพรีเมียร์ลีก พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้2นัดติดเลย