เพรสซิ่งกันหนักหน่วง ! ไก่ เชือด ผี 4-3 เข้าตัดเชือก คาราบาว ซน เตะมุมเข้า
ดูจากสไตล์การเล่นของทั้ง2ทีม ก็น่าจะพอคาดเดาได้ว่าน่าจะมีสกอร์เกิดขึ้นหลายลูกอยู่แล้ว สำหรับ คาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ (รอบ8ทีม) ระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็เป็นไปตามที่คาดจริงๆ เพราะตลอดทั้งเกม ทั้งสองฝั่งเปิดเกมรุกแลกหน้าเข้าใส่กันเป็นระยะๆ บีบเร็ว ไล่ล่าฟุตบอล ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเป็นคลับไก่ ที่เปิดบ้านเอาชนะไปได้แบบมามัน 4-3 ผ่านเข้าไปเล่นรอบตัดเชือกจับฉลากเจอกับ ลิเวอร์พูล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พึ่งได้กำลังใจมาจาก ดาร์บี้ แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ หลังแซงท้ายเกมเอาชนะ ซิตี้ ไป 2-1 เกมมาเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส สเตเดี้ยม กุนซือ รูเบน อโมริม มีการโรเตชั่นนักเตะหลายตำแหน่งมาในระบบ 3-4-2-1 ผู้รักษาประตูให้โอกาสเป็น อัลตาย บายินดีร์
วิงแบ็กซ้าย เจ้าเดิมไม่เคยเจ็บ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ วิงแบ็กขวา นุสแซร์ มาซราวี 3เซ็นเตอร์ฮาร์ฟมีการปรับเยอะ เลนี่ โยโร่ และ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ได้โอกาสสตาร์ท ร่วมกับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ มิดฟิลด์คู่กลาง คริสเตียน อิริคเซ่น กับ มานูเอล อูกาเต้
2ตัวรุกสนับสนุนกองหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ และ อันโตนี่ ที่ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ฟาก สเปอร์ส ของ อังเก้ ปอสเตโคกูล ต้องเน้นถ้วยนี้เป็นพิเศษ พวกเขาเลยจัดเต็มมากๆ เล่นในระบบ 4-2-3-1 โกล เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์
แผงแบ็กโฟร์ ไล่จากซ้ายไปขวา เจด สเปนซ์ - ราดู กรากูชิน - อาร์ชี เกรย์ และ เปโดร ปอร์โร่ มิดฟิลด์คู่กลาง ป๊าป ซาร์ ผนึกกำลังกับ อีฟส์ บิสซูม่า 3ประสานแนวรุกมากันครบ ซน ฮึง-มิน / เจมส์ แม็ดดิสัน - เดยัน คูลูเชฟสกี้ หน้าเป้า โดมินิค โซลันกี้
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมได้เพียง 15นาที สเปอร์ส ก็มาตีปีกขึ้นนำ 1- 0 ลูกยิงไกลของ ปอร์โร ที่ไม่มุมมากนัก แต่ บายินดีร์ ปัดมาเข้าทาง ให้ โซลันกี้ ซ้ำเสาแรกเข้าไปง่ายๆ หลังจากนั้น แมนฯยู เริ่มตั้งเกมได้และได้ลุ้นถึง2ครั้งจาก อิริคเซ่น แต่ทว่าก็ทั้งติดบล็อกและฟรีคิกข้ามคานออกไปเอง เจ้าบ้านก็มีลุ้นเหมือนกันจากลูกซัดมุมแคบของ คูลูเชฟสกี้ แต่ บายินดีร์ ยังปิดเสาแรกไว้ดี
ท้ายครึ่งแรก แมนยู ต้องมีการเปลี่ยนตัว ลินเดอเลิฟ เจ็บ เป็น จอนนี่ อีแวนส์ ที่ลงมาแทน ก่อนที่จบจบ45นาทีแรก เป็นเจ้าบ้านนำ 1-0 ครึ่งหลังเริ่มเกมมาไม่ถึง 1นาที ไก่เดือยทอง ก็มาฉีกหนีเป็น 2-0 ลิซานโดร สกัดบอลไม่ขาด มาเข้าทาง คูลูเชฟสกี้ เก็บตกซัดจ่อๆง่ายๆเข้าไป น.46
แมนฯยูไนเต็ด ยังคงเมาหมัดไม่เลิก มาโดนเม็ด 3-0 อีกจาก โซลันกี้ เจ้าเก่า น.54 แต่ทว่าอย่างไรก็ตามพลพรรคปีศาจแดง ก็ยังคงไม่ย่อท้อกับสเกอร์ วิ่งบีบเพรสสูงหน้ากรอบเขตโทษสเปอร์ส และก็ไล่มาเป็น 3-1 จากความผิดพลาดของ ฟอร์สเตอร์ ที่ออกบอลไปเข้าทาง บรูโน่ ก่อนกัปตันทีมรายนี้ จะปาดเข้ากลางให้ ตัวสำรอง เซิร์กซี ยิงเข้าไปง่ายๆ น.63
และแล้ว เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ก็มาหมูหกอีกรอบ เมื่อมัวแต่เงอะๆงะๆ เปิดออกบอลช้า จนโดน อาหมัด ดิยาโล่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง อ่านจังหวะอยู่แล้ว วิ่งเข้าบีบเร็วสไลด์ดักบอลจังหวะที่โกลกำลังจะเตะ จนกลายเป็นประตูไล่มา 3-2 น.70
หลังจากนั้นปีศาจแดงก็คึกมากๆ หมายจะเอาประตูตีเสมอมากๆ ทีมของ "น้าแอนจ์ " ก็ดูจะเป๋ๆไปเลย แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว สเปอร์ส ก็มาฉีกหนีเป็น 4-2 จากลูกเตะมุมของ ซน ที่โค้งเข้าประตูไปเลย น.88 แม้ว่า บายินดีร์ จะพยายามประท้วงว่า ลูคัส เบิร์กวัลล์ ไปเหนี่ยวแขนเจ้าตัวไว้จังหวะจะขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล
แม้ว่าจะตามหลังอยู่2เม็ด ลูกทีมของ รูเบน อโมริม ก็ไม่ยอมแพ้ มาไล่เป็น 3-4 ได้อีก จากลูกเตะมุม อีแวนส์ โขกเสาแรกเข้าไป น.90+4 จากช่วงทดเวลาบาดเจ็บ6นาที แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ไล่ไม่ทันพ่ายไป 3-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุติเส้นทางถ้วย " น้าแอ๊ดคัพ " ไว้ที่รอบ8ทีม
อโมริม โรเตชั่น อันโตนี่ ได้โอกาสแต่ไม่มีผลงานอะไร
นับตั้งแต่ รูเบน อโมริม เข้ามารับตำแหน่ง ต้องบอกว่า คาดเดา11ผู้เล่นตัวจริงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยากเหลือเกิน เอาเมื่อคืนกับสเปอร์ส 11ตัวจริง มีการปรับเปลี่ยนจากนัดที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 มากถึง 5 ราย
เหล่าผู้เล่นที่ได้โอกาสออกสตาร์ทประกอบไปด้วย อัลตาย บายินดีร์ - เลนี่ โยโร่ - วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ - คริสเตียน อิริคเซ่น และ อันโตนี่ ส่วน อเลฮานโดร การ์นาโช่ กลับมามีชื่อกับทีมอีกครั้ง ผิดกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูกหั่นออกจากทีมเป็นนัดที่ 2ติดต่อกัน
แน่นอนว่า3เซ็นเตอร์อย่าง โยโร่ - ลินเดอเลิฟ และ ลิซานโดร ที่พึ่งได้เล่นร่วมกันครั้งแรก การประสานงาน จังหวะจะเข้าจะออกคอยซ้อนคอยเติม ดูจะมีปัญหาไม่ประติดประต่อจริงๆ แถมท้ายครึ่งแรก " พี่เลิฟ " ยังเจ็บ จนต้องให้ จอนนี่ อีแวนส์ ลงมาเล่นแทนอีกด้วย
การโรเตชั่น เมื่อคืนเชือว่าแฟนปีศาจแดง น่าจะลุ้นและอยากเห็นฟอร์มสุดๆ นั่นก็คือ อันโตนี่ กับบทบาทตัวรุกด้านบนหลังกองหน้า เพราะ " เดอะ หมุน " ทำผลงานใช้ได้มาสักระยะในบทบาทตัวสำรอง วิงแบ็ก เพราะมีความขยันและตั้งใจเล่น แม้จังหวะสุดท้ายจะยังไม่เนี๊ยบก็ตาม
แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว อดีตปีกอาแจ็กซ์ ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เล่นเพื่อประคองตัว เพราะโดนผู้เล่นสเปอร์สเข้าเร็วเข้าหนักตลอด มีล้มกลิ้งให้เห็น และความแข็งแกร่งดูจะเป็นจุดอ่อนของแข้งเบอร์21รายนี้ ตลอด55นาที ที่ได้อยู่ในสนาม อันโตนี่ ได้ผ่านบอลเพียง15ครั้งเท่านั้น
สเปนซ์ ตัวจี๊ด ทำริมเส้นผีปั่นป่วน
ลื่นไหลเหลือเกินสำหรับการทำเกมรุกฝังซ้ายของ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส เพราะว่าพวกเขามี เจด สเปนซ์ ที่พึ่งได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้ ไก่เดือยทอง เป็นเพียงนัดที่2เท่านั้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งในรอบก่อนหน้า (16ทีม) เจ้าตัวก็ทำสกอร์ได้ด้วย นัดชนะ โคเวนทรี 4-1
คอมโบระหว่าง สเปนซ์ กับซน ฮึง -มิน ทำให้วิงแบ็กอย่าง มาซราวี ปวดหัวและเหนื่อยไม่น้อย ส่งผลให้ไม่กล้าเติมเกมบุกเต็มที่ แบ็กวัย24ปี มีทั้งความเร็วและความคล่อง ส่วนการเล่นเกมรับไม่ใช่ปัญหาเลยกับการรับมือ อันโตนี่ ที่ไม่มีพิษสงอะไรอยู่แล้ว
สเปนซ์ มี1แอสซิสต์ ให้ โดมินิค โซลันกี้ กับประตู 3-0 อดีตเด็กปั้น มิดเดิ้ลสโบรช์ เคลียร์บอลได้ถึง5ครั้ง เรียกฟาวล์ได้3หน เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นแมนยู 2 ที และเล่นในสนามจนครบ90นาที และไม่มีทีท่าว่าพลังงานจะหมดแต่อย่างใด
นอกจากจะเร็วและคล่องแล้ว อีกจุดที่ต้องชื่นชมเจ้าตัวคือ การเป็นผู้เล่นประเภทเลี้ยงบอลติดเท้า มีความทะลุทะลวง ถ้าเอาฟอร์มในระยะหลังต้องบอกว่าดูดีกว่า เดสตินี่ อูโดกี แบ็กซ้ายตัวจริงที่ยังเจ็บอยู่เสียอีก
ส่วนคู่เซ็นเตอร์แก้ขัดที่ไม่ใช่ตัวจริงของสเปอร์ส อย่าง ดรากูซิน และ อาร์ชี่ เกรย์ แม้ว่าจะเสียถึง3ประตู แต่ทว่า2ใน3 ก็เป็นความผิดพลาดส่วนบุคคล ภาพรวมถือว่าทำได้ดีเลยกับการจัดการ ราสมุส ฮอยลุนด์ ให้เงียบสนิท
ฟอร์สเตอร์ แจก2เม็ด ทำผีกลับเข้าสู่เกม
ตอนที่ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส นำห่าง 3-0 จากประตูของ โซลันกี้ น.54 ณ ตอนนั้น น่าจะเป็นงานสบายของทีม " น้าแอนจ์ " แล้ว เพราะสกอร์ที่ขาด บวกกับได้เล่นในบ้าน แถมปีศาจแดง ยังโรเตชั่นยผู้เล่นหลายราย แต่ทว่าพวกเขาต้องมาเหนื่อยมาเสียวท้ายเกมอีก
เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ โกลมือ2ที่ได้โอกาสเฝ้าเสาต่อเนื่อง เพราะ กูเยลโม่ วิคาริโอ้ มีอาการบาดเจ็บ ที่ผ่านมา นายด่ายวัย36ปี แม้จะมีเซฟสวยๆให้เห็นในหลายเกมก่อนหน้านั้น แต่ทว่าความคล่องตัว จังหวะเหวอๆ มีให้เห็นเป็นระยะๆ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับสู่เกมได้เพราะ ฟอร์สเตอร์ นี่แหละประตู 3-1 เจ้าตัวโดนผู้เล่นปีศาจแดงแดงบีบเข้ากดดัน ทำให้ ฟอร์สเตอร์ จ่ายไปเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นันเดซ ดื้อๆ ก่อนที่กัปตันทีมหน้าหนวด จะตบเข้ากลางให้ เซิร์กเซ่ ยิงง่ายๆ
เท่านั้นไม่พอ นายด่านเจ้าของส่วนสูง 201 เซ็นติเมตร ก็มาทำรถเข็นส้มหล่นหน้าบ้านอีกรอบ เมื่อลังเลที่จะออกไปจากจังหวะจ่ายคืนหลัง อาหมัด ดิยาโล่ ที่จ้องอยู่แล้ว รีบวิ่งเข้าไปกดดัน สไลด์ดักจนบอลปลิ้นเข้าตาข่าย ไล่มาเป็น 3-2
เรียกว่าทั้ง2ประตูดังกล่าว ฟอร์สเตอร์ รับไปเต็มๆเลย หรือลูกยิงไกลของ อาหมัด ก็ตอกย้ำความลกของ อดีตโกลเซาธ์แฮมป์ตันได้อย่างดี เพราะบอลที่มาไม่แรง แต่เจ้าตัวไม่กล้ารับซะงั้น เซฟด้วยการใช้เท้าหวดเคลียร์เตะออกไป ยิ่งเกมหน้าเจอกับ ลิเวอร์พูล ถ้าหากทีมของ อาร์เน่อ สล็อต เล่นแท็กติกแบบบีบสูง วิ่งเข้าใส่ในแดนบน คิดภาพแล้วก็น่าหวาดเสียวแทนแฟนไก่เหลือเกิน
บายินดีร์ ดูลกแปลกๆ
ช่วงที่ อ็องเดร โอนาน่า พลาดบ่อยๆ ก็มีเสียงเรียกร้องเหมือนกันว่า ควรจะเป็นโอกาสของ อัลตาย บายินดีร์ บ้าง ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ในยุค เอริก เทน ฮาก แล้ว แต่ทว่ามาจนถึงซีซั่นนี้ก่อนเกมกับ สเปอร์ส บายินดีร์ ได้โอกาสลงเฝ้าเสาให้ปีศาจแดงรวมเพียงแค่ 3นัดเท่านั้น และยังไม่เคยได้เล่นในพรีเมียร์ลีกเลย
เกมกับ สเปอร์ส ด้วยความที่ รูเบน อโมริม โรเตชั่น สลับสับเปลี่ยนนักเตะเพื่อทดลองระบบทดลองตัวผู้เล่นบ่อยอยู่แล้ว ทำให้ บายินดีร์ ได้ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ซึ่งถือว่าเป็นเกมที่จะต้องโดนบททดสอบเยอะแน่ๆ เพราะสเปอร์ส แม้ฟอร์มจะขึ้นๆลงๆ แต่พวกเขาเป็นทีมที่เกมรุกดุดัน
เพียงแค่ 15นาที นายด่านชาวตุรกี ก็มีช็อตถือว่าพลาดเลย เพราะปัดลูกยิงที่ไม่มุมมากของ ปอร์โร่ ไปเข้าทางให้ โซลันกี้ ได้ซ้ำง่ายๆ ก่อนที่จะมีแก้ตัวได้บ้างกับการเซฟมุมแคบลูกยิงของ คูลูเชฟสกี้
ถึงกระนั้นก็ดี ตอนที่ตามหลัง 2-3 และหมายมั่นปั้นมือมากๆที่จะเอาประตูตีเสมอ บายินดีร์ ก็มาเสียประตูจากลูกเตะมุมหายวับเข้าไปเลยของ ซน ฮึง-มิน แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามประท้วงผู้ตัดสินว่า โดน เบิร์กวัลล์ กดแขน แต่ไม่เป็นผล แถมยังโดนใบเหลืองเสียอีก
โอเคแม้ภาพช้าจะออกมาก้ำกึ่งว่าโดนกดแขน แต่ด้วยส่วนสูง 198 เซ็นติเมตร ทั้งหนาและใหญ่เจ้าตัวควรจะเบียดหรีอทำอะไรได้ดีกว่านี้แน่ๆ จุดเดียวที่น่าชื่นชมของอดีตโกลเฟเนร์บาห์เช่ เห็นทีจะเป็นการเปิดบอลยาวที่ แม่นในระดับหนึ่งไม่ทำเสียออกข้าง ส่วนแนวรับปีศาจแดงก็มีปัญหาลูกเตะมุมตลอด ไม่มีใครไปช่วยสกรีนให้ผู้รักษาประตูเลย
ผีเพรสซิ่งหนักแดนบน แพ้แต่ไม่น่าเกลียด
แม้ว่าจะเล่นในระบบหลัง3 แต่ทว่าแผลที่เป็นเลือดไม่หยุดไหลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคเจ้านายคนใหม่ รูเบน อโมริม ที่ยังอยู่นั่นก็คือ ความรั่วไหลในเกมรับ อาจเนื่องด้วยผู้เล่นยังไม่ตอบสนองกับระบบมากพอ รวมไปจนถึงตำแหน่ง3เซ็นเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นระยะๆ
นั่นทำให้ 8นัดแรกของ รูเบน อโมริม กับ ยูไนเต็ด พวกเขาเก็บคลีนชีตได้เพียง1นัดเท่านั้น และเสียไปถึง14ประตู (รวมเมื่อคืน) ถึงกระนั้นก็ดี ก็ยังพอเห็นภาพรวมที่ดีขึ้นในเรื่องของระบบวิธีการเล่น ที่เป็นรูปเป็นร่าง
คาแร็กเตอร์ นักเตะดีขึ้น ในเรื่องของความใจสู้ และไม่ยอมแพ้ ตอนโดน3-0 พวกเขาน่าจะถอดใจไปแล้ว แต่ทว่าลูก3-1 เหมือนจะเป็นการแจกของโกลฝั่งตรงข้าม แต่มันก็มาจากพวกเขาเองนี่แหละที่วิ่งบีบเพรสซิ่งแดนบนเข้าใส่
ซึ่ง2ประตูแรกของ แมนฯยู ก็มาจากการบีบสูงจนคู่แข่งพลาด พอโดนลูก4-2 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยังอุตส่าห์ ได้ อีแวนส์ โขกลูกเตะมุมไล่มาเป็น 4-3 ได้ เราได้เห็น3ผู้เล่นที่ฟอร์มดีสุดๆและขาดไม่ได้ในยุค อโมริม คือ อาหมัด ดิยาโล่ - นุสแซร์ มาซราวี และ มานูเอล อูกาเต้
เมื่อคืนห้องเครื่องชาวอุรุกวัย โดดเด่นและทำงานหนักมากๆ ไล่ล่าบอลอย่างไม่หยุดหย่อน มีจังหวะเข้าตาหลายช็อต ที่คือฟอร์มสมัยอยู่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เลย แม้ว่าจะได้อยู่ในสนามแค่70นาที (เปลี่ยนออกตามแท็กติกที่ตามหลัง) อูกาเต้ เข้าแท็กเกิ้ลถึง 7ครั้ง และตัดบอลกลางทางได้3หน
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล คาราบาว คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สเปอร์ส อัลตาย บายินดีร์ รูเบน อโมริม เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ อาหมัด ดิยาโล่
- 23
- 20 ธ.ค. 2567 16:25