เน้นเปลี่ยนทีม ไม่เน้นแต้ม ! บอร์นมัธ บุกยิงผี ดับ คาบ้าน 3-0 เซเมนโย่ ตอกฝาโรง
เริ่มมีเสียงตีเตียนขึ้นมาบ้างแล้วนะ สำหรับ รูเบน อโมริม กับการคุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะผลงานของปีศาจแดงก็ยังขึ้นๆลงๆตลอด แถมในแต่ละนัด กุนซือหนุ่มชาวโปรตุเกส ก็เปลี่ยน11ผู้เล่นตัวจริงเป็นว่าเล่นด้วย จนคาดการณ์ไม่ได้ว่า ในแต่ละเกม 11ตัวจริงจะออกมาเป็นแบบไหน เมื่อคืนพวกเขาอุตส่าห์ได้เล่นในบ้าน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือน บอร์นมัธ แต่ทว่าผลลัพธ์9นาที ออกมาเลวร้ายมากๆ โดยลูกทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า บุกมายิงสอนเชิงแบบเสียผู้เสียคนสุดๆ 3-0
หลังจากที่ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-1 พอมากลางสัปดาห์ คาราบาว คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็บุกไปแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส 3-4 อาทิตย์นี้ในพรีเมียร์ลีกพวกเขาได้กลับมาเล่นในบ้านอีกครั้ง ต้อนรับการมาเยือนของ บอร์นมัธ ทีมครึ่งบนของตาราง
การจัดทีม รูเบน อโมริม ยังโรเตชั่น ปรับทัพเป็นว่าเล่นเหมือนเดิม ระบบ 3-4-2-1นายด่าน อ็องเดร โอนาน่า 3เซ็นเตอร์ นุสแซร์ มาซราวี -แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ วิงแบ็กขวา ต้องเขาคนเดียว ดิโอโก้ อาโล่ต์ - วิงแบ็กซ้าย ไทเรลล์ มาลาเซีย ยังได้โอกาสอีกรอบ
มิดฟิลด์คู่กลาง มานูเอล อูกาเต้ กับ ค็อบบี้ เมนู 2ตัวรุกหลังกองหน้า บรูโน่ แฟร์นันเดซ และ อาหมัด ดิยาโล่ ศูนย์หน้าตัวเป้าให้โอกาส โจซัว เซิร์กเซ่ ก่อน ราสมุส ฮอยลุนด์ ด้าน บอร์นมัธ ที่ปีที่แล้ว พวกเขาอาจหาญบุกมายิงปีศาจแดงที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-0
กุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า มาในแผนเก่ง 4-2-3-1 โกลเป็น เกป้า อาริซาบาลาก้า แผงแบ็กโฟร์ อดัม สมิธ - อิลลีย่า ซาบาร์นี่ - ดีน ฮุยเซ่น และ มิลอส เคอร์เคซ มิดฟิลด์คู่กลาง ไทเลอร์ อดัมส์ กับ ไรอัน คริสตี้ 3ตัวรุกด้านบน อองตวน เซเมนโย่ - จัสติน ไคลเวิร์ต และ ดังโก้ วัตตาร่า กองหน้าตัวเป้า เอวานิลซอน
สิ้นเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกมของ เคร็ก พอลสัน ด้วยการที่เจ้าบ้านเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่ง ทำให้รูปเกมไม่ประติดประต่อเท่าไหร่ และได้ลุ้นทำประตูกันทั้งสองฝั่งช่วง 25นาทีแรก แต่ยังหาจังหวะจะแจ้งไม่ได้ และแล้วจุดอ่อนลูกเซ็ตพีชของเจ้าบ้านก็มาโดนเล่นงานอีกจนได้ ไรอัน คริสตี้ เปิดฟรีคิกด้านขวา ให้ เซ็นเตอร์ ดีน ฮุยเซ่น โขกเสียบใต้คานเข้าไปง่ายๆ ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 น.28
โดย แมนฯยู มีโอกาสมากๆที่จะทั้งตีเสมอและขึ้นนำ จาก บรูโน่ แฟร์นันเดซ ทั้ง2ครั้ง แต่ทว่ามีทั้งติดเซฟ เกป้า และ ยิงออกไปเอง จบครึ่งแรก " เดอะ เชอร์รี่ส์ " บุกมาขึ้นนำ 1-0 ออกสตาร์ทครึ่งหลังเจ้าบ้านเปลี่ยนตัวทันที เลนี่ โยโร่ ลงมาแทน มาลาเซีย
และอีกสักพักเป็น ราสมุส ฮอยลุนด์ ลงมาแทน เซิร์กเซ่ ตามด้วย การ์นาโช่ แทน อูกาเต้ ครึ่งหลังการพยายามบุกเอาประตูคืนก็มาทำให้ปีศาจแดง เสียจุดโทษ มาซราวี ไปหวด จัสติน ไคลเวิร์ต ในเขตโทษ และเจ้าตัวก็ลุกขึ้นมาสังหารเข้าไป ฉีกหนีเป็น 2-0 น.59
หลังจากนั้นทีมของ อโมริม เหมือนจะเมาหมัดไม่เลิก มาโดนคอมโบรัวๆ เป็น 3-0 อีก เพียง น.63 ปีกตัวจี๊ด ดังโก้ วัตตาร่า เลี้ยงไปจนสุดเส้นหลัง แล้วเปิดเข้ากลางให้ เซเมนโย่ แปเน้นๆ แบบสบายๆ ชนิดไร้ตัวประกบ หลังโดนนำ 3-0 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังพยายามทวงประตูคืน
ทั้ง การ์นาโช่ ที่ได้แปเน้นๆ แต่ไปตรงตัว เกป้า ตัวสำรอง ฮอยลุนด์ ได้ซัด2หน มีทั้งไปติดเซฟและยิงออกไปเอง ท้ายเกมช่วงทดเจ็บ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่เติมสูงๆ ได้ยิงเน้นๆ แต่ทว่าก็ยังไปติด " เทพเกปา " อีก จบ90นาที บอร์นมัธ บุกมาถลุงเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบไม่ไว้หน้า 3-0 และเป็นสกอร์เดียวกันกับปีที่แล้ว อย่าง เดจาวู
อโมริม ต้องหา11ผู้เล่นที่ลงตัวได้แล้ว
ช่วง 4-5 นัดแรก แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังพอเข้าใจได้ว่า การที่ รูเบน อโมริม โรเตชั่น นักเตะเป็นว่าเล่น นั่นก็เป็นเพราะทดลองทีม หาตัวผู้เล่นที่ดีที่สุด ผู้เล่นคนไหนเหมาะที่สุดกับตำแหน่งอะไร บวกกับการที่นายใหญ่แดนฝอยทองรายนี้ ไม่มีเวลาให้ปรี-ซีซั่นด้วย แถมยังเปลี่ยนมาเล่นระบบหลัง3ด้วย เวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็น
แต่ทว่าพอมานัดที่ 6เป็นต้นมา จนลากยาวมาจนถึงตอนนี้ นัดที่9 อโมริม ก็ยังสาละวัน กับการจัดตัวผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดอยู่ กับ บอร์นมัธ เมื่อคืน นักเตะอย่าง มาลาเซีย - ดาโล่ต์ รวมไปจนถึง เซิร์กเซ่ ที่เห็นหลายๆนัดที่ผ่านมาว่า ไม่เวิร์ค ก็ยังได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงอีก
ตรงตำแหน่งเซ็นเตอร์อาจจะยังพอเข้าใจตรงที่ เดอ ลิกต์ เจ็บ ทำให้ มาซราวี ต้องหุบมาเล่น ส่วนจุดยุทธศาสตร์ตรงแดนกลาง มานูเอล อูกาเต้ เป็นตัวยืนแน่ๆแล้วหนึ่ง เมื่อคืนให้เป็น ค็อบบี้ เมนู มาผนึกกำลัง บางนัดเป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ ถอยต่ำมาเล่นก็มี
ตัวรุกด้านขวาหลังกองหน้า ชัวร์แล้วว่าที่จองคือ อาหมัด ดิยาโล่ แต่ฝั่งซ้ายนี่สิ เวียนวนกันมาเล่นทั้ง อันโตนี่ - การ์นาโช่ - เมาท์ (ที่ยังเจ็บอยู่) เมื่อคืนเป็น บรูโน่ ที่สลับกันเล่นในแต่ละนัดระหว่าง มิดฟิลด์กับ ตัวรุกฝั่งซ้ายหลังกองหน้า
หรือเมื่อสถานการณ์ที่ตามหลังทีมต้องการประตู อโมริม ไม่เคยเลิกเล่นระบบหลัง3เลย ซึ่งมันสามารถยืดหยุ่นเป็นแผงแบ็กโฟร์ได้ ถ้าถอดเซ็นเตอร์คนใดคนหนึ่งออก แล้วเติมตัวรุกลงไปแทน
เข้าใจว่าด้วย มาตรฐานทักษะความสามารถนักเตะ แมนฯ ยู ชุดนี้ต่ำด้วย แต่ทว่าคนเป็นผู้จัดการทีม ควรหา11ตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดได้แล้ว เพราะต้องเก็บ3แต้ม ทำอันดับไปครึ่งบนของตาราง 9นัดแรกของกุนซือหนุ่มแดนฝอยทอง ผลงานแบบทีมกลางตารางเลย ชนะ 4 - เสมอ1 และแพ้ 1
บรูโน่ ขาดความคมจัดๆ ไม่ต้องเร่งจังหวะมากก็ได้
แม้ว่าจะมีเล่นผิดฟอร์ม หรือทำเสียจังหวะอะไรก็แล้วแต่ แต่เราก็ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า บอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าหากไม่มี บรูโน่ แฟร์นันเดซ ก็ไม่มีนักเตะคนไหนจะสร้างสรรค์โอกาส หรือกล้าจ่ายบอลได้เสียมากกว่า กัปตันหน้าหนวดรายนี้อีกแล้ว
เกมเจอ บอร์นมัธ เมื่อคืน บรูโน่ เริ่มต้นด้วยการ ยืนเป็นตัวรุกฝั่งซ้ายหลังกองหน้า และด้วยตำแหน่งทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้จบสกอร์มากมายถึง 7ครั้ง ก่อนที่ในครึ่งหลัง แข้งเบอร์8 จะถูกสับเปลี่ยนมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ แล้วให้ตัวสำรอง อเลฮานโดร การ์นาโช่ เล่นตำแหน่งดังกล่าวแทน
เอาแค่ใน45นาทีแรก บรูโน่ ควรจะใส่สกอร์ให้ทีมได้มากๆ อาหมัด ที่ไหลออกซ้ายในเขตโทษให้เจ้าตัวแปด้วยขวา แต่ยังไม่มุมพอที่จะพ้นมือ เกปา รวมถึงท้ายครึ่งแรก ได้ตั้งป้อมซัดราวๆ 25หลา แต่เฉี่ยวเสาออกไป
แม้จะมีโอกาสยิงเยอะ แต่จัดได้ว่าเล่นตามใจตัวเองพอสมควรสำหรับ บรูโน่ มีจ่ายเสีย จ่ายเร่งจังหวะเพื่อนเป็นระยะๆ แถมยังชอบคิลเลอร์พาสแบบไม่จำเป็นจนทำบอลเสียอีกด้วย ซึ่งน่าเสียดายตรงที่ผู้เล่นแมนฯยู ไม่มีทีเด็ดทีขาดเรื่องจ่ายบอลเท่าไหร่ ทำให้ภาระเรื่องดังกล่าวไปตกอยู่ที่ บรูโน่ คนเดียว ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เห็น
ส่วน อาหมัด ดิยาโล่ ที่เป็น " เดอะ แบก " ของทีมในยุค อโมรีม และเมื่อคืนแข้งชาวไอเวอรี่ โคสต์ ก็ผิดฟอร์มเหมือนกัน โดยเฉพาะจังหวะได้ยิง ก็หวดโด่งข้ามคานไม่ได้ลุ้นตลอด แต่เวลาบอลไปถึงเจ้าตัวก็ดูน่าคุกคามได้ที่สุดแล้ว
กลางที่ไม่สมดุลของผี เมนู มุ่งจะไปคนเดียว
นับตั้งแต่ที่ รูเบน อโมริม เข้ามารับหน้าที่ กุนซือหนุ่มวัย39ปีรายนี้ ลองสับเปลี่ยนผู้เล่นแทบจะทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะแดนกลางที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งในการสับเปลี่ยนดังกล่าว ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า คนที่ยืนจองไว้แน่ๆ1คนนั่นก็คือ มานูเอล อูกาเต้ นอกนั้นสลับลองไปเรื่อยทั้ง ค็อบบี้ เมนู - บรูโน่ แฟร์นันเดซ - กาเซมิโร่ หรือแม้กระทั่ง คริสเตียน อิริคเซ่น
กับ บอร์นมัธ อูกาเต้ ได้ผนึกกำลังกับ เมนู ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาแม้จะได้ครองบอลมากกว่า แต่ทว่าในจังหวะสำคัญ การชิงไหวชิงพริบ ชิงเหลี่ยมกันตรงกลางสนาม คู่ของทีมเยือนอย่าง ไทเลอร์ อดัมส์ กับ ไรอัน คริสตี้ ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดเกม เจ้าหนู เมนู ไม่ใช่ผู้เล่นคนเดียวกันกับที่เราเคยเห็นเมื่อซีซั่นที่แล้ว 2023-2024 กองกลางเบอร์37 เหมือนจะกลายเป็น " เดอะ มุ่ง " คนใหม่ แทน มาร์คัส แรชฟฟอร์ด ซะงั้น
จังหวะง่ายๆไม่ จังหวะยากๆขอทำ ขอโชว์หน่อย นี่คือ ค็อบบี้ เมนู ณ ตอนนี้ จังหวะแรกที่สามารถจ่ายได้ กลับไม่เลือก ต้องมีดึงจังหวะดึงเชิง พลิกหรือม้วนผ่านเสียก่อน จนกลายเป็นหนึ่งในต้นเหตุของการเสียประตู
ส่วนเม็ดที่3ที่ เซเมนโย่ ได้ยิงแบบสบายโคตรๆในเขตโทษ คู่มิดฟิลด์ปีศาจแดง ณ ตอนนั้น ( เมนู กับ บรูโน่) ก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน เพราะปล่อยพื้นที่โล่งเป็นลานรถบัส ไม่มีใครมาเข้าบล็อกหรือลงมาขวางทางบอลคู่แข่งเลย
อดัมส์ กับ คริสตี้ เก็บกินกลางผีขนมกรุบ
แม้ว่าจะครองบอลน้อยกว่า 40 ต่อ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่เหล่าแดนกลางของ บอร์นมัธ อย่าง ไทเลอร์ อดัมส์ และ ไรอัน คริสตี้ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ในการเบรกเกมชะลอเกม จากตรงกลางของปีศาจแดง ไม่ให้พลิกขึ้นมาเล่นง่ายๆ โดย เฉพาะในรายของ ค็อบบี้ เมนู ที่เหมือนโดนหายใจรดต้นคอจนทำอะไรไม่ถนัด หากจะพลิกเล่น
อดัมส์ ที่พึ่งได้ลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีก นัดที่5 เมื่อคืนทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีกับ คริสตี้ 89นาทีที่แข้งเมืองมะกันได้อยู่ในสนาม เจ้าตัวแท็กเกิ้ลมากถึง 5ครั้ง และตัดบอลได้ถึง 3หน ทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน ชื่อชั้นเป็นรองแต่ผลงานในสนามไม่เป็นรองเลย
ทางฝั่ง ไรอัน คริสตี้ เด่นพอที่จะเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้เลยนะ กับผลงานความขยันทุ่มเทในแดนกลาง แถมยังเป็นคนแอสซิสต์ เปิดฟรีคิกให้ ดีน ฮุยเซ่น โขกประตูขึ้นนำ1-0 ทำให้รูปเกมมาเข้าทาง บอร์นมัธ ด้วย
ผลงานของ คริสตี้ ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืน น่าปรบมือให้ดังๆมากทั้ง กองกลางชาวสก็อต สัมผัสบอล64ครั้ง เอาชนะการครอบครองบอล 10 ครั้ง - ชนะการดวล8ครั้ง - ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย5ครั้งและสร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้ 3หน
รวมไปจนถึงต้องชื่นชมกุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า ด้วยที่เข้ามาพลิกโฉม สไตล์การเล่นของบอร์นมัธ จากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากยุคของ สก็อต ปาร์คเกอร์ และต้องไม่ลืมว่านายใหญ่ชาวสเปนรายนี้ อาจหาญพา บอร์นมัธ บุกมาชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-0 ได้2ซีซั่นติดแล้ว
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไร้มนต์ขลัง แพ้เกม 0-3 คือเรี่องปรกติไปแล้ว
การเข้ามาของ INEOS ที่นำโดย เซอร์จิม แรตต์คลิฟ พร้อมบอร์ดบริหารหลังบ้านยุคใหม่ ผู้เล่นหน้าใหม่ 4-5 ราย เมื่อตอนซัมเมอร์ ผู้จัดการทีมก็มีการปลดกลางคัน เอริก เทน ฮาก ไม่ได้อยู่ต่อ เป็น รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้คุมขัดตราทัพช่วงระยะเวลาสั้นๆ ผลงานกระเตื้องขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น รูเบน อโมริม เข้ามารับงานคุมเต็มตัว
ช่วงแรก แม้จะผลลัพธ์ไม่ได่ได้ดีขึ้นมาก แต่ทว่าก็ยังพอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ตรงที่ วิธีการเล่น ที่ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น จังหวะการเข้าทำที่มีมิติกว่าเดิม ระบบหลัง3ที่หวังเข้ามาให้เกมรับกระชับ อุดรอยรั่ว ไม่เสียง่ายเหมือนยุคก่อนๆ
แต่ทว่าไปๆมาๆ 9นัด ในยุค กุนซือ รูเบน อโมริม ประดุจการพายเรือใบอ่างเรื่องผลลัพธ์ เหมือนในยุคของ เอริก เทน ฮาก เลย รวมทุกรายการ ชนะ 4 / เสมอ1 และแพ้ 4 ประทานโทษเล่นระบบหลัง3 แต่แนวรับรั่วเหลือเกิน เสีย17ประตู จาก9นัด
รวมถึงปัญหาการรับมือลูกตั้งเตะยังแก้ไม่หาย 1ประตูจากลูกโขกของ ฮุยเซ่น นั่นเท่ากับว่าในปฎิทินปี 2024 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียประตูจากลูกตั้งแตะไปมากถึง 17ประตู แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรยุคพรีเมียร์ลีก
ส่วนผลงานเกมลีก ใน โรงละครแห่งความฝัน ต้องบอกว่าเปิดทำการให้กลายเป็น สวรรค์ของทีมเยือนอีกรอบ เพราะพวกเขาแพ้ด้วย สกอร์ 0-3 มาแล้วถึง3นัด ต่อทั้ง ลิเวอร์พูล - ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส และเมื่อคืน บอร์นมัธ ปัจจุบันปีศาจแดงยังอยู่ที่อันดับ13ในลีก แถมยังเอาชนะคู่แข่ง2เกมติดในพรีเมียร์ลีก ไม่ได้เลย
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บอร์นมัธ รูเบน อโมริม บรูโน่ แฟร์นันเดซ อันโดนี่ อิราโอล่า จัสติน ไคลเวิร์ต
- 34
- 23 ธ.ค. 2567 16:16