ถนนสู่แชมป์โคตรสดใส ! หงส์ สยบ เรือ ง่ายดาย 2-0 ซาลาห์ ทั้งยิงทั้งจ่าย
ว่ากันว่าบิ๊กแมตช์ที่ แอนฟิลด์ เมื่อคืน จัดได้ว่าเป็นการชี้ชะตาเส้นทางการลุ้นแชมป์ที่เหลืออยู่อีกยาวไกลได้เลย สำหรับ จ่าฝูงลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์ 4สมัยติดต่อกัน ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นพลพรรคหงส์แดง มีภาษีที่เป็นต่อเนื่องด้วยฟอร์มอันร้อนแรงทะลุจุดปรอทแตก สวนทางกับ เรือใบสีฟ้า ที่ออกอ่าวออกทะเลยังไม่จบ และท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ 90นาที ก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ ซิตี้ ไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก 2-0
ก่อนเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้านลิเวอร์พูลเน้นหนักมากๆ ที่จะเอาชนะผู้มาเยือนจากเมืองแมนเชสเตอร์ ให้ได้ เนื่องจากจะทำให้ช่องว่างห่างออกไปจาก 8 เป็น11แต้ม และนั่นเป็นเหมือนการตัดเรือใบออกจากสารบบการลุ้นแชมป์ แม้ว่าจะผ่านมาได้ไม่ถึงครึ่งฤดูกาลก็ตาม
การจัดทัพ อาร์เน่อ สล็อต มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย 3ตำแหน่ง เซ็นเตอร์ อิบราฮิมา โกนาเต้ ที่เจ็บ ให้โอกาสเป็น โจ โกเมซ ขยับมาแดนกลาง โดมินิค โซโบซไล ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งก่อน เคอร์ติส โจนส์ และหน้าเป้า โคดี้ กัคโป ได้เล่นก่อน ดาร์วิน นูนเญซ
นอกนั้นก็ฟูลทีมทั้ง โกล ควีวิน เคลเลเฮอร์ - แบ็กขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เซ็นเตอร์ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตรงกลาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ -ไรอัน กราเฟนแบร์ค แนวรุก ลุยซ์ ดีอ๊าซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ระบบการเล่น 4-3-3
ด้าน ซิตี้ มาในแผน 4-2-3-1 ผู้รักษาประตู เปลี่ยนมาใช้ สเตฟาน ออเตก้า คู่เซ็นเตอร์ รูเบน ดิอาซ จับคู่กับ มานูเอล อคานยี่ แบ็กขวาใช้บริการ ไคล วอล์คเกอร์ แบ็กซ้ายดร็อป ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ให้โอกาสเป็น เนธาน อาเก้
มิดฟิลด์ คู่กลาง ริโก้ ลูอิส กับ อิลคาย กุนโดกัน แนวรุก ฟิล โฟเด้น - แบร์นาโด้ ซิลวา - มาเตอุส นูเนส หน้าเป้า เออร์ลิง ฮาลันด์ หลังสิ้นเสียงผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ เป่าเริ่มเกม เป็นลิเวอร์พูล ที่ตั้งใจบีบกระโจนเข้าใส่ทีมเยือนทุกทิศทุกทาง จนทำให้ครองเกมได้อย่างเสร็จสรรพ และก็มาขึ้นนำได้ 1-0 จาก ลูกจ่ายดีดไซด์ของ โม ซาลาห์ ให้ โคดี้ กัคโป ชาร์จ เข้าไป น.12
หลังจากขึ้นนำ1-0 ทีมของ สล็อต ก็ยังครองเกมครองบอล บีบเข้าใส่ตลอด จน ซิตี้ มาบอลขึ้นมาแทบไม่ถึงครึ่งสนามเลย เออร์ลิง ฮาลันด์ หายไปจากเกมอีกนัด จนเริ่มเข้าสู่ช่วง น.30 เป็นต้นไป ทีมเยือนเริ่มครองเกมได้ แต่โอกาสเข้าทำจังๆแทบไม่มี เป็นเจ้าบ้านที่สวนแต่ละที น่าหวาดเสียวกว่าสุดๆ ก่อนจบ45นาทีแกด้วยสกอร์ 1-0
เริ่มครึ่งหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิเวอร์พูล ตั้งใจผ่อนเกมเปล่า ที่เป็นเหมือนการขุดบ่อล่อปลาเปล่า ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ครองบอลเยอะกว่ามากๆ แต่หาโอกาสจบแทบไม่ได้เลย และพอเปลี่ยน เฌเรมี่ โดกู ลงมาแทน นูเนส ก็คุกคามแบ็กขวา เทรนต์ ได้ดีมากๆ แต่จังหวะสุดท้ายของปีกชาวเบลเยี่ยม ยังขาดๆเกินๆเหมือนเดิม
มิหนำซ้ำลิเวอร์พูลที่ได้สวนมาเป็นระยะๆ นั้นน่ากลัวตลอดด้วย โดยเฉพาะ ซาลาห์ ที่ได้หลุดเดี่ยวแต่ยิงข้ามคานออกไปแบบหมูหก แต่ทว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ด้วยความที่กองหลัง ซิตี้ ดันสูง บวกกับผู้เล่นแนวรุกหงส์แดงก็ช่วยกันเพรสซิ่งแดนบนอย่างหนักหน่วง
รูเบน ดิอาซ เสียบอลให้ นูนเญซ (ตัวสำรอง) ลุยซ์ ดิอ๊าซ ได้ควบเข้าไปในเขตโทษ และโดน ออร์เตต้า รวบ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ โม ซาลาห์ ที่แม้จะพลาดในเกมกับ เรอัล มาดริด จะรับหน้าที่สังหารเข้าไป ขึ้นนำ 2-0 น.76
พอขึ้นนำ2-0 บวกรูปเกมที่เหนือกว่าบานเบอะ แถมยังได้เล่นในแอนฟิลด์ ทำให้เจ้าบ้านผ่อนเกมลงบ้าง จนมีลูกติดประมาทของ ฟาน ไดค์ ที่โดน เควิน เดอ บรอยน์ ฉกได้ยิง ดีที่ เคลเลเฮอร์ หุบขาได้ทันไม่โดนยิงไล่มา 1-2 ก่อนจบ90นาที ไปด้วยชัยชนะอันสวยงามของลิเวอร์พูล 2-0 ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 11แต้ม และฉีกหนีรองจ่าฝูงอาร์เซน่อล 9แต้ม
ซาลาห์ แม้ใช้โอกาสเปลือง แต่ยังมี 1ประตู 1แอสซิสต์
ด้วยความที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอ แบ๊กซ้าย ฟอร์มออกอ่าวออกทะเลมาหลายนัด นั่นทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกดร็อปเจ้าตัว แล้วให้โอกาส เนธาน อาเก้ ที่แม้จะเกมรุกไม่ได้ แต่ก็เลือกซื้อเกมรับในการรับมือกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มากกว่า
นั่นทำให้ ซาลาห์ เจอกับงานที่หนักขึ้นมาหน่อยในการดวลกับ อาเก้ ที่ดูจะเน้นเกมรับเป็นพิเศษ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามด้วยแนวทางปรัชญาการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แม้ว่าจะเจอคู่แข่งในระดับไหน แต่ทว่าพวกเขานั้นก็ยังหลังลอยตลอด
ส่งผลให้บอลเมื่อออกข้างมายังริมเส้น ทั้ง ซาลาห์ และ ดิอ๊าซ มีพื้นที่และเวลาให้คิดเลือกช็อตเพลย์การเล่นต่อไปตลอด โดยเพียงแค่ น.11 " บังโม " ก็แผลงฤทธิเลย เมื่อได้บอลลากตัดเข้าขวาเข้าในเขตโทษ แล้วดีดไซด์หนี อาเก้ ให้ กัคโป ได้ชาร์จเข้าไปง่าย เป็นลูกจ่ายที่ทำยากพอสมควร เพราะบอลต้องหนีอ้อมกองหลัง และห่างพอไม่ให้โกลปัดได้
จริงๆ ซาลาห์ มีจังหวะติดๆขัดๆ บางช่วงเหมือนกัน โดยเฉพาะลูกหลุดเดี่ยว ที่ปั๊มบอลมาจาก อคานยี่ ได้ เลี้่ยงบอลรอจังหวะ พยายามยกข้าม สเตฟาน ออร์เตต้า แต่ทว่าซัดข้ามคานออกไปแบบเสียของ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ซาลาห์ ก็มีประตูจนได้ เมื่อสังหารจุดโทษเข้าไป แก้ตัวจากที่เคยพลาดเกมกลางสัปดาห์กับ เรอัล มาดริด
เรียกว่าเกมใหญ่ผลงานมาตลอดจริงๆสำหรับ สตาร์ชาวอียิปต์รายนี้ ไม่มีเหตุผลเลยที่ทางบอร์ดบริหารเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา ส่วนแนวรุกอีกคนที่ต้องชื่นชมจัดๆนั่นก็คือ ดิอ๊าซ ที่ขยันวิ่งบีบในแดนบนมาก จังหวะกระชากสุดอันตราย แถมยังเป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีมได้อีกด้วย
ฟาน ไดค์ สุดแกร่ง แต่เกือบตกม้าตาย
การขาด อิบราฮิมา โกนาเต้ ดูจะไม่มีผลเท่าไหร่สำหรับแนวรับลิเวอร์พูล เพราะพวกเขายังมีผู้บัญชาการเกมรับอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ อยู่ ไม่ว่าคู่ขาจะเป็นใคร ยอดปราการหลังชาวดัตช์ ก็เล่นได้เสมอ เมื่อคืนพาร์ทเนอร์ นั่นก็คือ โจ โกโมซ
งานหนักของ VVD ที่ทำให้ดีมากๆ นั่นก็คือ การประกบติด เออร์ลิง ฮาลันด์ ใส่กระเป๋าอีกครั้ง เล่นเอาเด็กยักษ์หายตัวไปจากเกม บอลไม่ว่าจะมาโด่งหรือเรียด ฟาน ไดค์ ก็ดักเก็บกินได้เสมอ เรียกว่าแทบจะไม่ต้องออกแรงเข้าปะทะเลยด้วยซ้ำ
บอลเปิดเข้ามาของ ซิตี้ ฟาน ไดค์ สามารถเคลียร์ได้มากถึง 7ครั้ง / บล็อกลูกยิงอีก2หน และตัดบอลได้3ครั้ง การยืนตำแหน่งและสั่งการเพื่อนในเขตโทษของลูกพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมมากๆ นอกจากนี้ ฟาน ไดค์ ยังเป็นอาวุธลับอันตรายสุดๆในลูกตั้งเตะ
ลูกเตะมุมของลิเวอร์พูล แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาที่หมายจะให้เข้าหัวนั่นก็คือ ฟาน ไดค์ เมื่อคืน กองหลังวัย33ปี ได้ โอกาสขึ้นโขกมากถึง3ครั้ง และใกล้เคียงมากๆจากเตะมุม ที่ขวิดไปชนเสาไกล
แต่ทว่าอย่างไรก็ดี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็เกือบจะมาตกม้าตายท้ายเกมเช่นกัน จากจังหวะที่ไม่มีอะไรเลย พยายามจะโชว์เหนือล็อกหนี เควิน เดอ บรอยน์ แต่โดนฉกไปได้ ดีที่ เคเลเฮอร์ ช่วยไว้ได้ หุบขาทันกับจังหวะยิงของ KDB
ฟอร์มภาพรวมของ ฟาน ไดค์ ตลอดซีซั่นใหม่นี้ จึงทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ว่า ทำไมลิเวอร์พูล เสียประตูน้อยสุดในลีก แค่8ประตู นี่แหละคือรากฐานที่จะทำให้เห็นว่า เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณได้แชมป์
กลาง ซิตี้ โคตรยวบ
เรียกว่าขาดไปหลายตัวจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตตี้ โดยเฉพาะในแดนกลาง เมื่อไม่มีตัวหลักอย่าง โรดรี้ ที่ปิดเทอมยาวไปแล้ว ส่วนมวยแทนที่พอเล่นได้ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง มัตเตโอ โควาซิซ ก็ยังมาเดี้ยงไปอีกราย
เจมส์ แม็คอาตี้ ก็ยังพรรษาเด็กละอ่อนเกินไปกว่าที่จะมารับมือกับลิเวอร์พูล ที่กำลังติดเครื่องสุดๆ แถมได้เล่นยังถิ่นแอนฟิลด์ นั่นทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้บริการคู่มิดฟิลด์เป็น ริโก้ ลูอิส และ อิคคาย กุนโดกัน
และต้องบอกว่าด้วยธรรมชาติของ ลูอิส กับ กุนโดกัน ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับขนานแท้แต่อย่างใด นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่ช่วง30นาทีแรก จุดยุทธศาสตร์ในแดนกลาง จะเป็นลิเวอร์พูล ที่เหนือกว่า เจ้าหนู ริโก้ ลูิส ที่ปรกติเป็นแบ็กทำให้ไม่มีเซ้นเรื่องเกมรับเท่าไหร่
บวกกับรูปร่างที่เตี้ยเล็ก ทำให้เสียเปรียบมากๆจังหวะที่ต้องตัดเกมทำฟาวล์ หรือแม้กระทั่งเวลาโดนผู้เล่นลิเวอร์พูลเข้าบอลหนักๆ แข้งหัวฟูรายนี้มีกระเจิงตลอด นั่นจึงทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ 30นาทีแรก บอลเป็นของหงส์แดงหมด ซิตี้ แทบเอาบอลมาไม่พ้นครึ่งสนามเลย
ทางด้าน อิลคาย กุนโดกัน การกลับมาจากบาร์เซโลน่ารอบนี้ แข้งชาวเยอรมัน ดร็อปไปเยอะ ทั้งเรื่องร่างกายและความเร็ว ดูเชื่องช้า ทำให้ได้อยู่ในสนามแค่ 57นาทีเท่านั้น บางช่วงบางตอน เอา แบร์นาร์โด้ ซิลวา ถอยต่ำลงมาช่วย ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น เพราะ แข้งชาวโปรตุเกส ก็เป็นประเภทนักเตะตัวเล็กเช่นกัน จังหวะเบียดจังหวะปะทะไม่ต้องพูดถึง
กลางหงส์พลังดุ กราเฟนแบร์ค อย่างชิล
นับตั้งแต่ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นต้นมา ต้องบอกว่าจุดเด่นกองกลา3คนของลิเวอร์พูล ที่มีมาให้เห็นมาตลอด นั่นก็คือพละกำลังเรื่องความฟิต ต้องเล่นเกมรับได้ทุกคน หรือไม่ก็ต้องขยันวิ่งพลังงานไม่มีวันหมด จุดนี้เองที่เล่นเอา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปไม่เป็นเลยเมื่อคืน
การจัดทัพแผงกลางมี อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - ไรอั้น กราเฟนแบร์ค และ โดมินิค โซโบซไล ที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แทนที่ เคอร์ติส โจนส์ ช่วงราวๆ 30นาทีแรก ต้องบอกว่าแดนกลางลิเวอร์พูล ข่ม ซิตี้ แบบกินขาดเลย
พละกำลังและความฟิต เล่นเอา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาบอลมาแทบไม่ถึงครึ่งสนาม กองกลางหงส์แดงเข้าบีบเร็วใช้พละกำลังความสดเอาอยู่ตลอด โซโบซไล ที่แพ้ลูกทีเด็ดในการยิงการจ่ายคีย์พาสน้อยไปหน่อย แต่ก็ได้พลังงานและความขยันพุ่งทยานไปข้างหน้า กำหนดจังหวะจะโคนเล่นเร็วและช้าได้
ส่วน กราเฟนแบร์ค ที่ถูกโมดิฟาย โดย อาร์เน่อ สล็อต กลับกลายเป็นว่าเกิดใหม่ได้ไฉไลเป็นบ้า มีจังหวะดึงหลอกคู่ต่อสู้เวลาไล่เพรสให้หลุดมาได้ดื้อๆ เสียบอลยาก คอยตัดเกมลดหนักเบาก่อนที่จะไปถึงกองหลัง ตลอดทั้งเกมเข้าแท็กเกิ้ลได้ถึง5ครั้ง
บวกด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้ทางร่างกายแล้ว กราเฟนแบร์ค เอาชนะ ริโก้ ลูอิส ไปได้แบบสบายๆในเรื่องของการเบียดการปะทะ การบังบอล จะว่าไปแล้ว3ประสานแดนหลางหงส์แดงชุดนี้ ความกลมกล่อมดังกล่าวทำให้นึกถึงปีที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2019-2020 ที่มีทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และ ฟาบินโญ่ อยู่เหมือนกัน
หรือ เป๊ป ถูกตัดออกจากการลุ้นแชมป์แล้ว
โอเคแม้ว่าจะผ่านมาเพียง 13นัดของพรีเมียร์ลีก เส้นทางยังเหลืออีกยาวไกล แต่ทว่าระยะห่างจากลิเวอร์พูล ที่มากถึง 11แต้ม บวกด้วยฟอร์มของพลพรรคหงส์แดง ยังแรงไม่มีทีท่าว่าจะตก เป็นเรื่องยากจริงๆที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกวดไล่มัน ด้วยสถานการณ์ฟอร์มต่างๆของทีม ณ ตอนนี้
ก่อนหน้านั้น ซิตี้ ก็ช็อกมามากพอแล้วด้วยการแพ้5นัดรวดรวมทุกรายการ เกมล่าสุดถึงแม้จะไม่แพ้ แต่ทว่าการนำ เฟเยนูร์ด ถึง3-0 แต่ทว่ากลับโดนตีเสมอ 3-3 นั่นก็ทำให้ช็อก จนไม่สามารถเรียกโมเมนตัมกลับคืนมาเกมกับลิเวอร์พูลไม่น้อย
กับลิเวอร์พูล เมื่อคืน ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รูปเกมเป็นรองขนาดนี้ในเรื่องการครองบอล แดนกลางของพวกเขาโดนบีบ จนบอลแทบไม่ไปถึงครึ่งสนาม ซึ่งก็ต้องตำหนิกุนซือชาวสเปนด้วยที่เลือกมิดฟิลด์ ที่ไม่ถนัดเกมรับทั้งคู่ แถมยังรูปร่างไม่สูงใหญ่ (บวกไม่มีตัวเลือกแล้ว)
แม้จะเจอลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มพีคจริงๆช่วงนี้ แต่ เป๊ป ก็ยังเลือกเล่นเหมือนกัน ในการยืนแผงหลังนั่นก็คือ ดันสูงตลอด ทำให้ เวลาบอลไปทางปีกลิเวอร์พูล ทั้ง ซาลาห์ และ ดิอ๊าซ มีพื้นที่มากมายให้ได้เลื้อยกระชากหรือดวลตัวต่อตัว
หรือในตำแหน่งปีก กลับเลือกที่จะใช้ มาเตอุส นูเนส ทีทำอะไรไม่ได้เลย แม้จะดวลกับ เทรนต์ ที่ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องเกมรับเท่าไหร่ ซึ่งพอเปลี่ยนเป็น เฌเรมี่ โดกู จะเห็นได้ว่าเกมวูบวาบทะลุทะลวงขึ้นมาดีขึ้นชัดเจน
อีกจุดที่ผิดพลาดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นก็คือทีมงานหลังบ้านของพวกเขา ไม่ได้มีการเสริมทัพที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับทีม ไม่มีกองหน้าสำรองมาแทน ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ มิดฟิลด์ ไม่ได้มิดฟิลด์ตัวเชิงรับมาเพิ่ม หรือรวมไปจนถึงจอมทัพ ที่ไม่หาตัวมาสแตนบาย เควิน เดอ บรอยน์ ที่สภาพร่างกายไม่ได้แล้ว
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูล อาร์เน่อ สล็อต เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โคดี้ กัคโป เออร์ลิง ฮาลันด์
- 77
- 02 ธ.ค. 2567 14:13