เจ้าภาพไม่ถึงฝัน ! สเปน เฉือน เยอรมัน ช่วงต่อเวลา 2-1 เมรีโน่ ขวิดชัย น.119
เรียกว่าเลือกยากจริงๆสำหรับ รอบ8ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 กับการเผชิญหน้ากันของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง สเปน ที่เล่นคู่ควรมากๆกับการเป็นทีมเต็งแชมป์รายการ ณ ปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากผลงาน และรูปแบบสไตล์การเล่น และ เยอรมัน เจ้าภาพ ที่ฟอร์มดุดันใช้ได้เลย และหมายมั่นปั้นมือมากๆกับการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ใหญ่ ในบ้านเกิดตัวเองในฐานะเจ้าภาพ
เยอรมันแม้ว่าจะผ่านเข้ารอบ8ทีมมาได้ด้วยการเอาชนะ เดนมาร์ก ไป2-0 แต่ทว่าเมื่อพิจารณาจากรูปเกมต้องบอกว่าลูกทีมของ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ต้องเหนื่อยหนักพอควร กว่าจะพิชิตทีมโคนมได้ โดยเกมรอบรองกับสเปน ทัพ " อินทรีเหล็ก " มีการปรับทัพบางตำแหน่ง
ลีรอย ซาเน่ ได้ออกสตาร์ทแทน ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ และตำแหน่ง มิดฟิลด์ เอ็มเร่ ชาน ได้ลงเล่นก่อน โรเบิร์ต อันดริช ส่วนสเปนที่เป็นทีมเดียวในยูโร คราวนี้ ที่เอาชนะทั้ง4นัดรวม กุนซือ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ก็มาในแผนการเล่นเก่ง 4-3-3
ตัวผู้เล่นก็เป็นชุดที่ดีที่สุด ปีกสองข้างดาวรุ่งพุ่งแรง ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลียมส์ หน้าเป้าเป็นกัปตันทีม อัลบาโร่ โมราต้า เริ่มเกมมาต้องบอกว่า ขุนพลกระทิงดุเหนือการทีมเจ้าบ้านมากๆ ทำชิ่งต่อบอลจ่ายบอลกันอย่างแม่นยำ
แต่ทว่าเยอรมันนี ก็ใช้ลูกหนักเข้าสู้และก็เหมือนจะได้ผล อาจเป็นเพราะช่วงแรก ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ค่อนข้างปล่อยเกมด้วย ทำให้นักเตะสเปนแทบน่วมเลย จากตอนแรกที่เป็นรองแต่ทว่าทีมของ นากิลส์มันน์ ก็แก้ลำสู้ได้อย่างสูสี และจบ45นาทีแรกที่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน ด้วยการต่อบอลที่แม่นยำ การเข้าทำที่หลากหลาย ทำให้สเปนขึ้นนำไปก่อน 1-0 จนได้จากจังหวะที่ ไหลบอลทางกราบขวาไปยังพื้นที่ว่างแล้วก็เป็น ตัวสำรองที่ลงมาแทน เปดรี้ ที่เจ็บอย่าง ดานี่ โอลโม่ สอดขึ้นมายิงตามน้ำอย่างสวยงาม น.51
หลังจากนั้นทัพอินทรีเหล็กก็พยายามมากๆที่จะทวงประตูตีเสมอคืน และก็มีการเปลี่ยนตัวที่เห็นผลสุดๆกับ นิคลาส ฟุลล์ครุก กองหน้าตัวเป้าที่ลงมาแทน อิลคาน กุนโดกัน พร้อมถอยขยับ ไค ฮาแวร์ตช์ มาเล่นหน้าต่ำ
บอลเกมบุกของทีมเมืองเบียร์ดูอันตรายขึ้นมากๆ โดยเฉพาะลูกบอมบ์เข้ากลางความสูงใหญ่ของ ฟุลล์ครุก เล่นงานเซ็นเตอร์สเปนได้ตลอด รวมถึง ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ ที่ลงมาแทน ซาเน่ ตั้งแต่พักครึ่ง ก็ปั่นป่วนได่ดีเช่นกัน เยอรมัน จวนเจียนที่จะได้ประตูหลายครั้งแต่พลาดเองยิงนกไปหมด
จนท้ายที่สุดแล้วเจ้าภาพก็มาได้ประตูตีเสมอ1-1จนได้จากจังหวะที่ โจซัว คิมมิช โหม่งชงมาให้ เวียร์ทซ์ ได้วอลเล่ย์ด้วยขวาเช็ดเสาเข้าไป น.89 รอดตายหวุดหวิด จนเกมต้องลากยาวไปจนถึงการต่อเวลาพิเศษ 120 นาที
ซึ่งการต่อเวลากลับกลายเป็นว่าด้วยเสียงเชียร์ของแฟนบอลทำให้เยอรมัน จะแจ้งและหาโอกาสสร้างเกมรุก และลุ้นจบสกอร์ได้มากกว่า โดยเฉพาะในรายของ ฟุลล์ครุก ที่มีส่วนร่วมกับเกมบุกมากๆ แต่ทว่าจบไม่คมจริงๆ
จนสุดท้ายแล้วก็มี แอนตี้ ไคลแมกซ์ จนได้สเปน ที่เจียนอยู่เจียนไป ก็มาได้ประตูชัย นาทีบาป 119 ตัวสำรอง มิเกล เมรีโน โขกลูกเปิดของ โอลโม่ เข้าไปสุดเสียบ ดับฝันการจะเป็นแชมป์ในดินแดนบ้านเกิดของเจ้าภาพ ไว้เพียงแค่รอบ8ทีมเท่านั้น
เยอรมันงัดเกมหนักอัดสเปนช่วงต้นเกม
ด้วยความที่เป็นทีมต่อบอลแม่นยำรวดเร็วมาตั้งแต่ในยุคของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ อยู่แล้วสำหรับทีมชาติสเปน แต่ทว่าพอมาในยุคของโค้ชใหม่ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ (ที่ไต่เต้ามาตั้งแต่ทีมชุดเล็ก) การต่อบอลความแม่นยำที่เป็นเอกลักษณ์นั้นก็ยังคงมีเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือจังหวะพร่ำเพรื่อแบบ ติกี -ตากา น้อยลง
สเปนตัดตอนจ่ายบอลน้อยจังหวะกว่าเดิม แต่ทว่ายังเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ นักเตะของพวกเขาผ่านบอลแม่นยำแทบทุกราย ทั้งแดนหลังไปจนถึงแดนหน้า นั่นจึงทำให้ เยอรมัน ของ ยูเลี่ยน นากิลส์มันน์ ต้องงัดแท็กติกมาสู้
ส่วนหนึ่งที่ทัพอินทรีเหล็กตัดสินใจพักแดนกลางอย่าง โรเบิร์ต อันดริช แล้วให้ เอ็มเร่ ชาน ลงบู๊แทนนั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาอาจเลี่ยงใบเหลืองให้กับ มิดฟิลด์จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รายนี้ เพราะหากโดนอีกใบ จะอดลงเล่นในรอบรองชนะเลิศ
เปิดเกมมาต้องบอกว่าเยอรมัน วิ่งไล่เตะ เล่นลูกหนักใส่สเปนเป็นว่าเล่นเลย ยามาล - วิลเลี่ยมส์ โดนหวดเป็นลูกขนุน โดยเฉพาะในรายของ เปดรี้ ที่ถูก โทนี่ โครส อัดหนักตั้งแต่ น.3 ก่อนถูกหวดหนักอีกครั้งไม่กี่นาทีต่อมา จนท้ายที่สุดแล้ว เปดรี้ ก็เล่นต่อไม่ไหว ถูกเปลี่ยนตัว น.8 ให้ โอลโม่ มาเล่นแทน
ซึ่งหลังจบเกม ผลการสแกนก็ออกมาว่าดาวรุ่งจากบาร์ซ่า รายนี้ต้องอำลาทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (พัก2-6สัปดาห์) ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องตำหนิผู้ตัดสิน เมด อิน อิงแลนด์ อย่าง แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ด้วย ที่ช่วงแรก ปล่อยเกมเหลือเกิน ใบเหลืองไม่ออก ทำให้แข้งเยอรมันอัดสเปนแบบไม่กังวลอะไร
หลังจบ90นาที นี่ต้องบอกว่าเป็นเกมที่อัดกันหนักมาก เพราะมีใบเหลืองรวมกันมากถึง 16 ใบ ผู้เล่นม้านั่งสำรอง ก็โดนกันด้วย และมี1ใบแดงของ ดานี่ การ์บาฆาล
โอลโม่ คนที่ไม่คาดคิด
ก่อนมายูโร 2024 คราวนี้ ถือว่าฟอร์มไม่ได้เปรี้ยงมากเท่าไหร่ สำหรับแนวรุกอย่าง ดานี่ โอลโม่ จาก แอร์ไบ ไลป์ซิก เพราะทำไปได้เพียง 4ประตู 5แอสซิสต์ จาก21นัดใน บุนเดสลีก้า ส่วนในทีมชาติสเปนชุดปัจจุบัน โอลโม่ ก็ไม่ใช่ตัวจริง
ตำแหน่งของ ดานี่ โอลโม่ ทับกับ เปดรี้ ทำให้เจ้าตัวต้องออกสตาร์ทจากการเป็นตัวสำรองไปก่อน ได้ลงเล่นตัวจริงในรายการนี้เพียงแค่1นัดเท่านั้น (สำรอง2) แต่ทว่าอาการเดี้ยงของ เปดรี้ ตั้งแต่ต้นเกม ทำให้ แข้งจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ได้ลงเล่นเร็วเลย
ซึ่งการลงมาเป็นมวยแทนของ โอลโม่ ก็ไม่ทำให้เสียของเลย เพราะเล่นได้ดีมากๆ มีทั้งความเร็วและคล่อง และเข้าใจเกมเป็นอย่างดี ชนะการดวล8ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ 4ครั้ง / สร้างสรรค์โอกาส 3หน / เอาชนะการครอบครองบอลได้5ครั้ง
โดย ดานี่ โอลโม่ ยังเป็นผู้ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ให้สเปนด้วย เมื่อสอดเข้ามาในเขตโทษแบบบไร้ตัวประกบ ยิงแม้จะไม่แรงมาก แต่ทว่าทิศทางนั้น 100% ค่อยๆไหลหนีมือ มานูเอล นอยเออร์ เข้าไปซุกก้นตาข่าย
นอกจากนี้ โอลโม่ ยังเป็นผู้บรรจงเปิดข้ามสองเซ็นเตอร์เยอรมันไปให้กับ มิเกล เมรีโน่ โขกประตูชัยช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาทีอีกด้วย นั่นเท่ากับว่าเมื่อคืน แข้งวัย26ปี มีทั้งประตูและแอสซิสต์ ส่งผลให้คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปแบบไม่มีข้อโต้แย้ง
กลางสเปนโคตรโหด ยูโร 2024 ฉาย ฟาเบียน ลุยซ์
จริงๆก็ฟอร์มเด่นมาตั้งแต่สมัยที่ค้าแข้งกับ นาโปลี แล้วนะ สำหรับ ฟาเบียน ลุยซ์ แค่ทว่าพอย้ายไป เปแอชเช กระแสของเจ้าตัวเหมือนจะหายไปหน่อย เพราะนั่นคือสโมสรที่มีสตาร์ล้นทีม แต่ทว่าเมื่อทีมลีกเมืองหลวงแดนน้ำหอม เปลี่ยนกุนซือมาเป็น หลุยส์ เอ็นริเก้ นั่นทำให้ ลุยซ์ พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น
นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่ ยูโร 2024 คราวนี้ ลุยซ์ จะได้เป็นตัวจริงของทีมชาติสเปน แข้งจากเปแอชเช เล่นในฐานะคล้ายๆบทบาทมิดฟิลด์หมายเลข8 มีส่วนทั้งเกมรับและรุก ไม่ค่อยแหยงจากการเข้าบอลหนักของผู้เล่นเยอรมันเท่าไหร่
มีบางช็อตที่ ฟาเบียน ลุยซ์ พลิกดึงจังหวะพาบอลหนีผู้เล่นทัพอินทรีเหล็ก ได้รวดเดียวถึง3ราย นอกจากนี้ ลุยซ์ ยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้มากถึง3ครั้ง (มากสุดในทีม) น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้เจ้าตัวถูกถอดออก
แดนกลางอีกคนที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เลยของทัพ กระทิงดุ นั่นก็คือ โรดรี้ ที่พวกพาฟอร์มกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาฉายต่อในสโมสรได้อย่างไม่มีปัญหา เป็นคนที่ยืนปักหลักต่ำสุดในแดนมิดฟิลด์ รับบอลจากหลัง ขึ้นกลางและเชื่อมไปข้างหน้า
สงบนิ่ง มากประสบการณ์นี่คือสิ่งที่ โรดรี้ ทำให้แผงมิดฟิลด์ทัพ " ลา โรฆา " กลมกล่อมลงตัว นอกจากนี้เจ้าตัวยังคงการันตีความโดดเด่นในเกมรับ ด้วยการชนะแท็กเกิ้ลมากถึง 6ครั้ง / เคลียร์บอลได้ 3หน
ฟุลล์ครุก สร้างความแตกต่างแต่จบไม่คมสุดๆ
ก่อนทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2024 จะเริ่มขึ้น หรือช่วงที่เยอรมันกำลังฟอร์มดีๆ จุดหนึ่งที่ทัพอินทรีเหล็ก ถูกมองว่าอาจเป็นจุดด้อยเสมอหากว่าอยู่ในเกมที่เข้มข้นสูสี นั่นก็คือตำแหน่งศูนย์หน้า เพราะต้องใช้ ไค ฮาแวร์ตช์ ยืนเป็นหน้าเป้าแทน โอเคว่าแข้งจากอาร์เซน่อล รายนี้จะเล่นดี แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ต้องพัฒนากับการเป็นศูนย์หน้า
ฮาแวร์ตช์ เมื่อคืนถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ในเรื่องของการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม แต่ทว่าจุดที่ต้องการความเฉียบคม หรือสปีดในการวิ่งต่างๆ ดูเฉื่อยและช้าพอสมควร และแม้จะสูงถึง193ซม.แต่ทว่าลูกกลางอากาศก็ไม่ใช่จุดเด่นของเจ้าตัวแต่อย่างใด
ฮาแวร์ตช์ ตลอดทั้งเกมมีโอกาสยิง4ครั้ง ครั้งที่น่าเสียดายที่สุดเห็นทีจะเป็น ตอนที่ นายด่าน อูไน ซิม่อน เปิดบอลไม่ดี บอลมาเข้าทาง ฮาแวร์ตช์ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับตัดสินใจยิงสวนระยะ 25-30หลา ให้บอลย้อยเข้าโกล แต่ทว่าข้ามคานออกไปแบบเสียของ
ส่วน นิคลาส ฟืลล์ครุก ที่ลงมาแทน กุนโดกัน น.63 และต้องบอกว่าดาวยิงร่างหนารายนี้ อิมแพคต่อเกมรุกของ เยอรมันมากๆ บอลโยนเข้ามาทำให้ทีมได้ลุ้นตลอด บังบอล เก็บบอลได้ แถมด้วยความสูงใหญ่ยังสร้างความปั่นป่วนให้เซ็นเตอร์ทัพกระทิงดุ
ถึงกระนั้นก็ดี ฟืลล์ครุก ก็ทำได้น่าผิดหวังมากๆในเรื่องของการจบสกอร์จังหวะสุดท้ายเข้าด้ายเข้าเข็ม 6 ครั้ง หัวหอกจากดอร์ทมุนด์แปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้เลย มีช็อตได้ตวัดยิงไปชนเสา หรือช่วงท้ายของการต่อเวลา120นาที เจ้าตัวก็โหม่งบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
ซึ่งตำแหน่งกองหน้าที่ใครหลายคนต่างกังวลกับทัพอินทรีเหล็ก ก็มาสะท้อนให้เห็นสุดๆเกมเมื่อคืนกับสเปนนี่แหละ ในอดีตเยอรมันเคยมีศูนย์หน้าระดับพระกาฬในเวทีใหญ่ๆตลอดทั้ง มิโรสลาฟ โคลเซ่ - มาริโอ โกเมซ หรือย้อนไปไกลกว่านั้นก็ โอวิเวอร์ เบียร์โฮฟ เลย
สเปน นี่แหละเต็ง1ของแทร่
เอาจริงๆสเปนในยุคที่เปลี่ยนถ่ายกุนซือจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ มาเป็น หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ นั้นถูกกังวลไม่น้อย เพราะกุนซือหัวเหม่งวัย63ปีรายนี้ แทบไม่มีประสบการณ์คุมทีมยักษ์ใหญ่มาก่อนเลย แต่ทว่าก็มีจุดดีตรงที่ คุมทีมชาติสเปนชุดเล็ก มาตั้งแต่ ปี 2013-2022 ทั้งชุด ยู-19 มาถึง ชุด ยู-23 นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเข้าใจนักเตะและระบบทีมชาติเป็นอย่างดี
เด ลา ฟวนเต้ เคยพากระทิงดุชุด ยู-19 และ ยู-21 คว้าแชมป์ ยูโร มาแล้ว ซึ่งก็มีผู้เล่นหลายรายที่เติบโตมาพร้อมเจ้าตัวทั้ง ฟาเบียน ลุยซ์ และ ดานี่ โอลโม่ รวมถึง มิเกล โอยาร์ซาบัล ถ้าเอาตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2024 คราวนี้ สเปน นี่แหละที่ฟอร์มการเล่นดีที่สุด ชนะมา4นัดรวด (ก่อนจะมาเสมอเยอรมัน ในเวลาปรกติ 90นาที)
ต่อบอลสวยงามเป็นระบบ และเป็นการต่อบอลที่ไม่มากจังหวะเกินไปเหมือนในยุคของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ในยุคของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ จำนวนครั้งในการจ่ายบอลถูกลดลง แต่มีประสิทธิภาพและเข้าหาเขตโทษคู่แข่งมากขึ้น
5นัดที่ผ่านมา ไม่มีเกมไหนเลยทีสเปน รูปเกมเป็นรองคู่แข่ง กดไป11ประตู เสียเพียงแค่ 2ลูกเท่านั้น นักเตะที่ฟอร์มโฉ่งฉ่างมาตลอดในเกมสโมสร กลับมาดีเหลือเชื่อในนามทีมชาติซะอย่างนั้นสำหรับ มาร์ก กูกูเรย่า ที่เก็บกินทางกราบซ้ายหมด
ซึ่งเกมกับฝรั่งเศส ในรอบรองที่จะถึง แม้ว่าฟอร์มของทัพตราไก่ จะไม่ได้ดีอะไรเลย แต่ทว่าก็ประมาทความเขี้ยวของกุนซือ ดิดิเย่ร์ เดช็องส์ ไม่ได้เหมือนกัน เพราเคยทำทีมคว้าแชมป์โลก และไปไกลถึงรองแชมป์ ยูโร มาแล้ว (2016)
อีกจุดที่ทีมแดนกระทิงดุ ต้องระวังและไม่ประมาทนั่นก็คือ พวกเขาจะขาดสองตัวหลักอย่าง ดานี่ การ์บาฆาล และ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ ที่ติดโทษใบแดงและใบเหลืองสะสม ซึ่งในตำแหน่งของ การ์บาฆาล ถ้าจะให้ เซซุส นาบาส ในวัย38ปี รับมือกับ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ก็ดูจะเป็นเรี่องที่น่าหวาดเสียวสุดๆจริงๆ
- คอลัมน์นิสต์
- ยูโร2024 คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล เยอรมัน สเปน มิเกล เมรีโน่ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ดานี่ โอลโม่
- 364
- 06 ก.ค. 2567 15:53