เซาธ์เกต บอลไม่มีทรง ! สิงโต น่าเบื่อ เจ๊า โคนม 1-1 ยังไร้เงา กอร์ดอน - พาลเมอร์
ผ่านมา2นัด ยูโร2024 สำหรับทีมชาติอังกฤษ ที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ ต้องบอกว่ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือรูปแบบทรงการเล่นที่เจริญตาเลย ทั้งที่ทรัพยากรนักเตะมีให้ใช้งานมากมาย เกมแรกเชือด เซอร์เบีย มาได้แบบหืดจับ 1-0 ชนิดทีเกือบไปโดนตามเจ๊าท้ายเกม นัดล่าสุดทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ทำได้เพียงแค่เสมอกับ เดนมาร์ก 1-1 โดยในรายละเอียด 90นาที ต้องบอกว่าทัพ " ทรี ไลออนส์ " น่าส่ายหัวมากๆ
การจัดทัพนัดกับเดนมาร์ก กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ไม่ได้ปรับ11ผู้เล่นตัวจริง จากในเกมกับเซอร์เบีย แต่อย่างใด จุดที่โดนตั้งคำถามทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับบทบาทมิดฟิลด์ - ฟิล โฟเด้น ที่ฉายแสงไม่ออกเหมือนยามเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรืออาจรวมถึง แบ็กซ้ายขัดตราทัพอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ ก็ยังได้ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงตามเดิม
ทางด้านเดนมาร์กหลังจากที่แมตช์แรกทำได้แค่เจ๊ากับ สโลเวเนีย พวกเขาก็ยังเล่นในระบบเดิม สำหรับการดวลกับทีมชาติอังกฤษ ติดตั้งระบบ3เซ็นเตอร์ เพื่อความเหนียวแน่น 3-4-1-2 กองกลางมีปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก ส่วน คริสเตียน อิริคเซ่น ทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมข้างหลังกองหน้าคู่ ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์
เริ่มเกมมาที่สนาม แฟร้งค์เฟิร์ต อารีน่า เป็นฝ่ายอังกฤษที่ดูคึกคักกว่าเป็นอย่างมาก และก็มาได้ประตูขึ้นนำก่อน1-0 จากช็อตที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ อาศัยจังหวะที่ วิคตอร์ คริสเตียนเซ่น เหม่อ ฉกบอลมาได้ แล้วหลุดเข้าไปในเขตโทษ เปิดแฉลบแนวรับเดนมาร์ก มาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน สังหารจ่อๆหน้ากรอบ6หลา เข้าไป น.6
หลังจากนั้นสิงโตคำรามก็เล่นเหมือนในเกมกับ เซอร์เบีย นั่นก็คือ เมื่อขึ้นนำเร็ว เน้นเนิบๆช้าๆ ไม่รีบเร่ง จนมาโดนลูกยิงไกลผีจับยัดระยะร่วม30หลาของ มอร์เท่น ฮูลมันด์ พุ่งเป็นจรวด เสียบเสาเข้าไป ตีเสมอเป็น 1-1 น.34 และจบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังสิงโตคำราม ไม่ได้มีรูปทรงการเล่นที่ดีขึ้นเลย ยิ่งเล่นไปยิ่งแผ่วและกลายเป็นเดนมาร์ก เหนือกว่าซะงั้น แข้งอังกฤษหลายคนสำแดงฤทธิ์กันไม่ออกเหมือนเวลาที่เล่นในนามสโมสรทั้ง ฟิล โฟเด้น - เดแคลน ไรซ์ รวมไปจนถึง บูกาโย่ ซาก้า ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ในบทบาทมิดฟิลด์ ก็ไม่เวิร์คอีกนัด จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างรวดเร็ว
ส่วน แกเร็ธ เซาธ์เกต ในยามที่แนวรุกของทีมตีบตัน อดีตกุนซือโบโร่รายนี้ ก็ไม่สามารถพลิกแพลงหรือแก้เกมได้เลย แถมยังเปลี่ยนตัวขัดใจแฟนบอลสุดๆ ทั้งเอา ตัวความหวังอย่าง แฮร์รี่ เคน ออก แล้วให้ โอลลี่ย์ วัตกินส์ มาแทน ตัวริมเส้น โฟเด้น- ซาก้า ออก เป็น โบเว่น และ เอเซ่ ที่ได้ลงมาเลื้อย
ช่วง 10-15นาทีสุดท้าย อาการของสิงโตคำราม นั้นร่อแร่มาๆ เพราะโดนบอลเพรสซิ่งหนักจากเดนมาร์ก เล่นเอาผู้เล่นอังกฤษ เคลียร์บอลแทบไม่พ้นจากแดนตัวเองเลย คริสเตียน อิริคเซ่น และ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก เล่นเด่นเป็นแบบคนละคนกับในยามเล่นสโมสร
ดีที่ว่าเกมสวนกลับ หรือจังหวะสุดท้ายในการโจมตี ลูกทีมของ แคสเปอร์ ยูลแมนด์ ทำกันได้ไม่เฉียบคมเท่าไหร่ ทำให้จบ90นาที ลงเอยด้วยการเจ๊ากันไป 1-1 ทีมแดนโคนม มี2แต้ม จาก2นัด ส่วนอังกฤษ แม้ว่าจะเสมอ แต่ก็ยังคงเป็นจ่าฝูงกลุ่มซี มีอยู่4แต้ม แต่ทว่ามองไม่เห็นอนาคตในรอบลึกๆจริงๆหากยังเล่นได้แค่นี้
เทรนต์ ไม่ใช่มิดฟิลด์ธรรมชาติ ทีมเสียสมดุล
ไม่รู้ว่าติดใจกับอะไรแบบนี้หนักหนาสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต ทั้งที่เรียกมิดฟิลด์ธรรมชาติมาลุย ยูโร 2024 คราวนี้ 4ราย แต่ทว่าเจ้าตัวยังคงใช้บริการ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ - อาร์โนลด์ ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กับ เดแคลน ไรซ์ เป็นนัดที่2ติดต่อกัน ซึ่งผลลัพธ์ก็เลยลงเอยแบบเดิมๆ เช่นกัน
เดแคลน ไรซ์ รับหน้าที่เป็นกองกลางหมายเลข6 ส่วน " หนุ่มเทรนต์ " เล่นในบทบาทคล้ายๆมิดฟิลด์ หมายเลข8 ที่มีจุดเด่นตรงที่เรื่องของการวางบอลยาว ข้ามหัวกองหลังเดนมาร์ก ซึ่งก็ตามมาตรฐาน ดาวเตะจากลิเวอร์พูลรายนี้ ทำได้ดีในเรื่องของการวางบอลยาวอยู่แล้ว แต่ทว่าจุดอื่นๆ เทรนต์ ที่ไม่ได้เป็นมิดฟิลด์อาชีพ ทำให้ทีมเสียสมดุลพอควร
TAA ด้วยความที่เล่นเป็นแบ็กขวา ทำให้ไม่ได้มีคุณสมบัติแบบมิดฟิลด์ นั่นก็คือ การตัดบอล ครองบอล แก้เพรส หรือวิ่งสอดเข้าไปข้างหน้า รวมถึงการยืนตำแหน่งที่ไม่ดี อาร์โนลด์ ไม่ได้ทำให้ทีมได้เปรียบเท่าไหร่ เวลาโดนเกมบุก ส่งผลให้ ไรซ์ รับมืองานหนักอยู่ฝ่ายเดียว
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ หลุดตำแหน่งง่ายเงินไป แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม โทษเจ้าตัวไม่ได้เท่าไร่ เพราะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด ในสนามสโมสร เทรนต์ เล่นกลางส่วนใหญ่ก็คือ อินเวิร์ดฟูลแบ็กเท่านั้น
ซึ่งผลงานที่ไม่ผ่านของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ -อาร์โนลด์ ก็สะท้อนออกมาได้จากการโดนเปลี่ยนตัวออกเร็วเป็นนัดที่สองติดต่อกัน น.54 ให้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ลงมาแล่นแทน ซึ่ง กองกลางจอมขยันกับเซลซี ก็ไม่ได้ทำให้เกมดีขึ้นเลย มีเพียงแค่ความขยันเท่านั้น
อย่างไรก็ตามก็ต้องตำหนิ เดแคลน ไรซ์ ด้วยสำหรับในแผงมิดฟิดล์ ที่จ่ายบอลเสียบ่อยมากๆ เวลาโดนบีบเพรสก็ลนจ่ายบอลแย่ ซึ่งไม่ใช่ภาพที่เราคุ้นเคยมากนักเวลาที่เจ้าตัวเล่นให้อาร์เซน่อล เห็นทีนัดหน้าในตำแหน่งกองกลาง อาจถึงคราวโอกาสของ อดัม วอร์ตัน หรือ ค็อบบี้ ไมนู ที่จะได้เสียบแทน TAA แล้ว
โฟเด้น คนละคนกับเวลาเล่นให้ ซิตี้
สำหรับตัวรุกฝั่งซ้าย เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ แฟนๆเรียกร้องให้ทีมชาติอังกฤษ มีการเปลี่ยนแปลง เพราะ ฟิล โฟเด้น ที่เราได้เห็นในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นคนละคนกับในยามเล่นให้สิงโตคำรามอย่างสิ้นเชิงเลย
ทว่าอย่างไรก็ตาม โฟเด้น ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก เซาธ์เกต ให้ได้ออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้ง ภาพที่เราเห็นซ้ำๆของเด็กลูกหม้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ เวลาเล่นให้กับทีมชาตินั่นคือ บอลประเภทชายเดี่ยว พยายามเลี้ยงชงกินเอง
การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม โฟเด้น ดูติดๆขัดๆตลอด ไม่เห็นการประสานงานชิ่งสอดรับกับ ซาก้า - เคน หรือ เบลลิงแฮม ซึ่งจังหวะสุดท้ายของ ฟิล โฟเด้น ก็มักลงเอยด้วยการยิงจบเองตลอด มีใกล้เคียงสุดๆคือ จังหวะตะบันเรียดไกลนอกกรอบเขตโทษไปชนเสาอย่างจัง
แข้งวัย24ปี มีโอกาสจบสกอร์ทั้งหมด4ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเดนมาร์ก 4หน โอเคว่าพัฒนาขึ้นกว่าเกมกับเซอร์เบียร์ แต่ทว่าด้วยศักยภาพของเจ้าตัวน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ โฟเด้น เอง ไม่มีเพื่อนร่วมทีมคอยสอดประสานงานมองตารู้ใจ แบบที่อยู่กับเรือใบรึเปล่าไม่รู้
นั่นทำให้ท้ายที่สุดแล้ว โฟเด้น ได้อยู่ในสนามถึงแค่ น.69 ให้ จาร็อด โบเว่น ลงมาแทน จริงๆดาวเตะลูกหม้อของ ซิตี้ ยังสามารถเล่นได้อีกหลายตำแหน่งในแนวรุก เพลย์เมคเกอร์ ก็ได้ แนวรุกฝั่งขวาที่ถนัดก็ได้ ซึ่งก็ต้องมาดูในนัดต่อไปกับ สโลเวเนีย ว่า ฟิล โฟเด้น จะถูกดร็อปเป็นสำรอง หรือ ปรับไปเล่นตำแหน่งอื่นในแนวรุกไหม
เซาธ์เกต ทำได้แค่นี้จริงๆหรือ ?
เอาตรงๆสำหรับทีมชาติอังกฤษ น่าจะเห็นแผลหรือจุดอ่อนของตัวเองให้เห็นตั้งแต่ในเกมอุ่นเครื่องที่แพ้คาบ้าน ต่อ ไอซ์แลนด์ 0-1 คา เวมบลีย์ ซึ่งอาจจะเป็นผลดีที่ทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้มีเวลาปรับจูนทีม แต่ทว่าเหมือนความพ่ายแพ้นั้นไมได้เป็นบทเรียนให้ทัพสิงโตคำรามเลย
(เซอร์) เซาธ์เกต ยังคงยึดมั่นในรูปแบบวิธีการเล่นเดิมในนัดที่เชือดเซอร์เบียร์ 1-0 รวมถึง11ตัวผู้เล่นยังคงเป็นตัวเดิมแบบเป๊ะๆ ทั้งที่จริงควรจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไข 2-3 ตำแหน่ง ซึ่งการไม่ปรับแก้ไขของเจ้าตัว ก็ทำให้ทีมผลงานออกมาอีหร็อบเดิม
อังกฤษ อุตส่าห์ ขึ้นนำเร็วตั้งแต่ น.6 จาก แฮร์รี่ เคน คิดว่าน่าจะเป็นงานง่ายเสียแล้ว แต่ทว่าก็มาโดนลูกยิงไกลผีจับยัด ตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดครึ่งแรกราวๆ11นาที ทีนี้แหละทัพ " ทรี ไลออนส์ " ก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดเลย
บอล แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นบอลน่าเบื่อ เน้นชัวร์และปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งมันก็ไม่ใช่วิธีการเล่นที่ผิดนะ แต่มันเป็นเหมือนการลดทอนศักยภาพนักเตะของตัวเองสุดๆ แนวรุกของพวกเขาต่างผลงานสะเด่ากับสโมสรกันทั้งนั้น แต่ทว่าพอมาเล่นทีมชาติ ทางใครทางมันเลย ไม่ค่อยมีไอเดียการเข้าทำที่ประสานงานกัน เป็นบอลประเภทไปวัดกันหน้างานมากกว่าในพื้นที่สุดท้าย
จู๊ด เบลลิงแฮม ที่หมดแรงแทบจะเดินและเล่นไม่ออกแล้ว เซาธ์เกต ยังให้อยู่ต่อจนครบ90นาที การเปลี่ยนแนวรุกทีเดียว3คนรวด เราไม่ค่อยจะได้เห็นกันมากนัก เพราะมันจะต้องมาเซ็ตกันใหม่หมด ส่วนใหญ่ จะค่อยๆถอดออกทีละ 1-2คนให้สมดุลมากกว่า
นายใหญ่ชาวอังกฤษรายนี้ ไม่เคยแก้เกมหรือเปลี่ยนแท็กติกสถานการณ์ให้ทีมดีขึ้นเลย เรียกได้ว่ามีของอยู่ในมือเยอะแยะ แต่หยิบสอยปรุงแต่งใช้งานไม่เป็นของแท้ เมื่อคืนสิงโตคำรามที่ไม่มีทรงแบบนี้ ทำให้เรานึกถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวทีพรีเมียร์ลีก ทีตั้งเกมกันไม่ได้(บอลไม่มีทรง)พิกล
ยิ่งพอไปดูผลงานทีมชาติอังกฤษ 7นัดหลัง พวกเขาเอาชนะคู่แข่งเพียงแค่2นัดเท่านั้น นั่นก็คือกับ เซอร์เบีย และ บอสเนีย มีหลุดเสมอกับทีมเล็กๆอย่าง นอร์ท มาซิโดเนีย และแพ้ต่อทีมอย่าง เบลเยี่ยม - บราซิล เห็นฟอร์มล่าสุด เป็นไปได้สูงเช่นกันที่สิงโตคำรามจะได้ Coming Home ในยูโร 2024 เร็วกว่าที่คิด
น่าจะถึงเวลา พาลเมอร์ และ กอร์ดอน
หลังผ่านไป2นัด กับ เซอร์เบียร์ และ เดนมาร์ก 0นาที นี่คือจำนวนเวลาที่ตัวรุกอย่าง โคล พาลเมอร์ และ แอนโธนี่ กอร์ดอน ได้ลงสนามในศึกยูโร 2024 โดยเฉพาะในรายของ พาลเมอร์ ที่แบกเซลซีหลังแอ่นซีซั่นที่ผ่านมา กับผลงาน 22ประตู 11แอสซิสต์ จาก33นัดในพรีเมียร์ลีก
ด้าน แอนโธนี่ กอร์ดอน ก็มีขวบปีที่ดีกับนิวคาสเซิ่ล กับผลงาน 11ประตู 10แอสซิสต์ อย่างไรก็ตามการที่ทั้ง กอร์ดอน และ พาลเมอร์ เป็นเพียงตัวสำรองในทัวร์นาเม้นต์นี้ก็พอเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะตัวเลือกอย่าง ซาก้า - โฟเด้น ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แถมยังเป็นตัวหลักให้อังกฤษอีกด้วย
แต่ทว่าการที่ทั้ง กอร์ดอน และ พาลเมอร์ ไม่ได้ถูกส่งลงเล่นเลยแม้แต่นาทีเดียว ในบทบาทตัวสำรอง เป็นอะไรที่ค้านสายตาไปหน่อย จาร็อด โบเว่น ได้โอกาสลงเป็นตัวสำรองทั้ง2นัด ส่วน เอเบเรชี่ เอเซ่ ได้ลงเล่นสำรองนัดแรกเมื่อคืน
โดยเฉพาะในรายของเจ้าหนู พาลเมอร์ ที่นัดต่อๆไปน่าจะถูกแฟนบอลสิงโตคำรามเรียกร้องเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าตัวเล่นได้หลายบทบาทในแนวรุก ทั้งปีกขวา รวมไปจนถึง เพลย์เมคเกอร์
เซลซีที่ในฤดูกาลที่ผ่านมาโหลยโท่ย ขนาดไหน โคล พาลเมอร์ ยังสามารถแบบได้เลย ความสดความห้าว การอยากพิสูจน์ตัวเองน่าจะเป็นแรงปะทุช่วยทีมชาติอังกฤษอยู่ไม่น้อย ซึ่งเหลืออีก1นัดในรอบแบ่งกลุ่ม พาลเมอร์ ควรได้โอกาสลองได้แล้ว
โคนม ไม่ธรรมดา บีบสิงโตท้ายเกมจนเกือบไม่รอด
สำหรับ เดนมาร์ก ในยูโร 2024 คราวนี้ พวกเขาออกสตาร์ทได้น่าผิดหวังเหมือนกัน เพราะทำได้แค่เสมอกับ สโลเวเนีย 1-1 ซึ่งเป็นรูปเกมที่พวกเขาไม่คมแผ่วกันไปเอง แดนหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์ แทบจะหายไปจากเกมเพราะบอลไปไม่ถึง
โดยแมตช์กับอังกฤษ เมื่อคืน ผู้จัดการทีม แคสเปอร์ ฮุลมันด์ มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่น1ตำแหน่งจากนัดแรก นั่นก็คือ วิงแบ็กฝั่งขวา โยอาคิม เมห์เล่ ได้ออกสตาร์ทแทน อเล็กซานเดอร์ บาห์
เริ่มเกมมาไม่นานด้วยความเหม่อของ วิคตอร์ คริสเตียนเซ่น ทำให้ เดนมาร์ก ต้องโดนนำเร็วไปก่อน น.6 แต่ทว่าด้วยความที่ตีเสมอก่อนหมดครึ่งแรก จากลูกตะบันราวๆ25หลาของ มอร์เท่น ฮูลมันด์ น.34 ทำให้ทีมแดนโคนมไม่ต้องกดดันมากนักในครึ่งหลัง
เล่นไปเล่นมา กลายเป็นเดนมาร์กที่ทีมเวิร์คระบบทีมดีกว่าอังกฤษ ค่อยๆเหนือกว่า โอกาสยิงมากกว่า 16 ต่อ 12 ยิงเข้ากรอบมากกว่า 7ต่อ4ครั้ง แถมในช่วง15นาทีสุดท้ายที่ทัพโคนม บีบเพรสซิ่งอังกฤษ จนทำให้ออกบอลไม่ได้ตั้งแต่แดนหลังเลย
น่าเสียดายที่จังหวะได้สวนกลับครึ่งหลังเดนมาร์ก ทำช้าไปหน่อยแถมยังชอบลื่นล้มลื่นสนามไปเอง สำหรับผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทัพโคนมเมื่อคืน เห็นทีจะเป็น ปิแอล เอมิล ฮอยเบิร์ก ที่ใช้ลูกหนักบดบี้กับแดนกลางของอังกฤษได้อย่างเมามัน แถมยังมีจังหวะตะบันไกลให้เห็นเป็นระยะ ได้จบมากถึง5ครั้ง
ห้องเครื่องจากสเปอร์ส เข้าแท็กเกิ้ล 6ครั้ง - ตัดบอล 3ครั้ง / เคลียร์บอล 2ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่าน 3หน และประสานงานกันได้อย่างกลมกล่อมกับผู้ยิงประตูชัยสุดสวย มอร์เท่น ฮูลมันด์
- คอลัมน์นิสต์
- วิเคราะห์บอล ยูโร2024 อังกฤษ เดนมาร์ก แกเร็ธ เซาธ์เกต แฮร์รี่ เคน มอร์เท่น ฮูลมันด์
- 414
- 21 มิ.ย. 2567 15:08