นี่แหละร่างจริง ! ผี เน่า คารัง(อีกแล้ว) ไบร์ทตัน บุกฝังง่าย 3-1 โอนาน่า แจกของขวัญ
ผลงานที่ยอดเยี่ยมในการดวลกับทีมใหญ่ สุดท้ายแล้วก็เป็นเหมือนเพียงแค่ภาพลวงตาหลอกแฟนบอลเท่านั้น สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมที่แล้ว พวกเขาก็ร่อแร่อย่างหนัก กว่าจะมายิงรัวแซง เซาธ์แฮมป์ตัน ในช่วง10นาทีสุดท้าย และชนะไปได้3-1 วันอาทิตย์ ปีศาจแดง ได้เล่นยังรังเหย้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง เจอกับ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ทีมที่พวกเขาแพ้ทางตลอดในระยะหลัง และแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือร่างลูปเดิม เจอนกนางนวล บุกมาจิกดับคารังง่ายๆ 3-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ12ของตาราง เปิดบ้านเจอกับทีมบอลสไตล์ที่พวกเขาแพ้ทางและสู้ไม่ได้ในระยะหลังอย่าง ไบร์ทตัน การจัดทัพ นายใหญ่ รูเบน อโมริม มาในระบบโปรด ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 3-4-2-1 โกล อันเดร โอนาน่า ส่วน3เซ็นเตอร์ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ - แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ เลนี่ โยโร่ ที่ได้โอกาสก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ
วิงแบ็กซ้ายขวา ดิโอโก้ ดาโล่ต์ และ นุสแซร์ มาซราวี ขยับมามิดฟิลด์คู่กลาง มานูเอล อูกาเต้ ยืนกับ ค็อบบี้ เมนู 2ตัวรุกหลังกองหน้า อาหมัด ดิยาโล่ และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ หน้าเป้าเป็นโอกาสของ โจซัว เซิร์กเซ่ บ้าง ฟาก ไบร์ทตัน ที่ไม่ชนะใครมานาน แต่พึ่งบุกไปทุบ อิปสวิช ทาวน์ มาได้ 2-0 กุนซือ ฟาเบียน เฮือร์เซเลอร์ จัดระบบ 4-2-3-1
โกลเป็น บาร์ต แฟร์บรุคเค่น แผงแบ็กโฟร์ โยแอล เฟลต์แมน - ยาน พอล ฟาน เฮ็คเค่อ - ลูอิส ดังค์ และ เปร์วิส เอสตูปินญาน มิดฟิลด์คู่กลาง คาร์ลอส บาเลบา ผนึกกำลังกับ ยาซิน อายารี่ 3ตัวรุก ยานคูบา มินเตห์ - คาโอรุ มิโตมะ และ เจา เปโดร ศูนย์หน้า " มหาเทพ " แดนนี่ เวลเบ็ค
สิ้นเสียงผู้ตัดสิน ปีเตอร์ แบงค์ เป่าเริ่มเกมไม่ทันไร ยูไนเต็ด ก็ออกอาการเดิมปัญหาที่แก้ยังไม่หายสักที นั่นก็คือการเสียประตูเร็วทันทีอย่างง่ายดาย บาเลบา วางบอลจากแดนหลังให้ มิโตมะ หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนที่แข้งแดนปลาดิบจะใจกว้างลากควบไปปาดให้ มินเตห์ ยิงง่ายๆ ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 เพียง น.5
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด ก็ทวงประตูตีเสมอจนได้ จากจังหวะไล่เพรสแดนดน เซิร์กเซ่ ที่บีบได้ดี แย่งบอลได้ในเขตโทษแล้วไปโดน บาเลบา เหนี่ยว ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารเข้าไปตีเจ๊า 1-1 น.23
โดยหลังจากตีเจ๊าได้ ก็ยังเป็น ไบร์ทตัน ทีต่อบอลทำชิ่งได้แม่นยำกว่า แดนกลางของพวกเขาเหนือกว่าเจ้าบ้านชัดเจน และเกือบจะได้ประตูแซงช่วงท้ายครึ่งแรกที่ บรูโน่ จ่ายบอลพลาด เข้าทาง เวลเบ็ค ปล่อยให้ มินเตห์ เล่น ก่อนไปปะทะกับ เดอ ลิกต์ บอลมาเข้าทาง เวลเบ็ค อีกรอบ ก่อนที่ ดาโล่ต์ จะมาเบียดให้ยิงไม่ถนัดและออกหลังไป แต่ทว่ากรรมการเป่าฟาวล์ไปก่อนแล้ว จบ45นาทีแรก ยัง 1-1
ครึ่งหลัง น.53 นกนางนวล ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ จากจังหวะขลุกขลิกในเขตโทษ เจา เปโดร ได้บอลแล้วพลิกยิงเข้าไป แต่ทว่า VAR มาเช็กตัดสินย้อนหลัง ปรากฎว่าโดนริบคืนเพราะ ฟาน เฮ็คเค่อ ไปเตะเท้า ดาโล่ต์ ที่พยายามสกัดบอลก่อน จึงอดได้ประตูไป
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า คุณภาพต่อบอลที่ยอดเยี่ยม ไบร์ทตัน ก็มานำอีกหนจนได้ ยานคูบา มินเตห์ ที่ได้บอลมาจาก อายารี่ ที่โชว์พริ้วแหวกมาให้ เกี่ยวเข้าเท้าซ้ายแล้วโยนไปทางเสาไกล โอนาน่า และ มาซราวี ที่เหมือนกั๊กกันเอง กลายเป็น มิโตมะ ที่แหย่ขาถึงก่อน จิ้มเข้าประตูไป นำ2-1 น.60
หลังจากโดนนำอีกรอบ ปีศาจแดง ก็พยายามทวงประตูตีเสมอเหลือเกิน แต่ทว่าเกมรุกไอเดียการเข้าทำของพวกเขานั้นย่ำแย่และตีบตันมากๆ โอกาสใกล้เคียงสุดเห็นทีจะเป็นจังหวะได้ยิงในเขตโทษของ เซิร์กเซ่ แต่ติดบล็อก รวมถึง โอโมริม ก็ได้มีการพยามเปลี่ยนตัวแก้เกมทั้ง โทบี้ คอลลิเยอร์ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ลงมาแทน เมนู กับ อูกาเต้ ที่พากันผิดฟอร์มมากๆ
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ความหวังที่จะตีเสมอหรือหวังแซงชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาถูกดับฝันและพังทลายลงราบคาบ ยาซิน อายารี่ ที่หลุดมาทางฝั่งขวา เปิดบอลเข้ากลางมาไม่มีอะไรแล้ว แต่ทว่า อันเดร โอนาน่า ไปรับบอลกระฉอกออกมาแบบไม่มีใครคาดคิด
กลายเป็นรถเข็นส้มมาหล่นต่อหน้า จอร์จินโย่ รุตแตร์ ตัวสำรอง ได้หลอก1จังหวะแล้วยิงเข้าไปง่าย ฉีกหนีห่างเป็น 3-1 น.76 ทำให้ปีศาจแดง แทบจะหมดโอกาสกลับเข้าสู่เกมได้ แม้ว่าในช่วง10นาทีสุดท้ายจะพยายามโหมมากๆ แต่ก็แทบไม่มีจังหวะใกล้เคียงให้ทีมเยือนระคายผิว จบ90นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงแพ้คาบ้าน(อีกแล้ว) ต่อ ไบร์ทตัน ไป 1-3
โอนาน่า เหมือนจะดีแต่กลับมาร้ายอีกแล้ว
รถไฟเหาะตีลังกาจริงๆสำหรับ อันเดร โอนาน่า หลังจากที่มีช่วงโชว์หนึบมาสักพัก จนเริ่มไว้ใจได้ แต่ทว่าก็มีมาเหวอหรือออกอาการพุ่งช้าหรือขาตายอีกในเกมเปิดบ้านแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-3 ส่วนเกมลีกล่าสุดที่ เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 " บิ๊กโอ " ก็มีเซฟสวยๆ รวมถึงดับเบิ้ลเซฟ ไม่ให้ทีมโดนฉีกหนีเป็น 2-0 เพื่อให้กลับเข้าสู่เกมได้
แม้ว่า อัลตาย บายินดีร์ จะฮ็อตใน เอฟเอ คัพ ล่าสุดที่เอาชนะ จุดโทษ อาร์เซน่อล (5-3) แต่ทว่าในพรีเมียร์ลีก กุนซือ รูเบน อโมริม ก็ยังคงไว้ใจ โอนาน่า เสมอ ประตูที่ ไบร์ทตัน ขึ้นนำ 1-0 จริงๆ นายด่านชาวแคเมอรูน ก็เกือบทำได้ดีนะ แต่ทว่าลูกบอล มันทั้งจ่อและแรง ยากที่จะปัดออกมาได้
ในระยะหลัง สิ่งหนึ่งที่เคยเป็นจุดเด่นของ โอนาน่า สมัยอยู่ อินเตอร์ มิลาน แล้วหายไปเยอะมากๆนั่นก็คือ การออกบอลด้วยเท้า ที่แทบไม่มีความแม่นยำเหลืออยู่แล้ว อาจเพราะด้วยคุณภาพกองหลังของ ยูไนเต็ด รวมถึงแผนการเล่น ที่ไม่ซัพพอร์ท ให้โกลเล่นบอลด้วยเท้าเท่าไหร่ หรือถ้าได้บอล ก็มักจะเป็นจังหวะที่แนวรับ ไปไม่เป็น ส่งมาให้ โกลแก้มากกว่า
นัดกับ ไบร์ทตัน โอนาน่า ความแม่นยำในการผ่านบอลสั้น 52% / ความแม่นยำในการผ่านบอลยาว27% ส่วนประตูที่ 2ที่ แมนฯยู เสียไป จะมองเป็นความรับผิดชอบของ โอนาน่า ด้วยก็ได้นะ เพราะเหมือนกับไปกั๊กกันกับ มาซราวี ไม่ยอมออกมา ทำให้ มิโตมะ ได้แหย่ขามาจิ้มง่ายๆ
ส่วนประตู 3-1 นี่ต้องบอกว่าหนักเลย มองโลกแบบตลกร้ายคือ นี่แหละคือซิกเนเจอร์ของ อันเดร โอนาน่า บอลเปิดมาแทบจะไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้เล่น ไบร์ทตันมากดดัน แต่อดีตโกลอาแจ็กซ์รายนี้ กลับรับหลุดซองดื้อๆ จนกลายเป็นคนใจดีแจกของขวัญให้ รุตแตร์ ยิงง่ายๆ ตอกฝาโรง
แม้ว่าก่อนหน้าหลายๆนัดจะมีช็อตเชฟมหัศจรรย์ ไวเป็นลิงลม แต่บทจะพลาดนั้นก็เข้าตาทุกทีสำหรับ โกลจอมคอนเท้นต์รายนี้ บางทีในเกม ยูโรป้า ลีก กลางสัปดาห์กับ กลาสโกว เรนเจอร์ส และพรีเมียร์ลีก กับ ฟูแล่ม เห็นที รูเบน อโมริม ต้องให้ โอกาส อัลตาย บายินดีร์ ได้เฝ้าเสาพิสูจน์ตัวเองแบบต่อเนื่องได้แล้วนะ
มาซราวี เริ่มมีแผ่วให้เห็น
ช่วงย้ายมา 2-3 เดือนแรก ต้องบอกว่าดีและคุ้มค่าเหลือเกิน สำหรับ นุสแซร์ มาซราวี รุกรับดี เล่นได้หมดทั้ง เซ็นเตอร์ฝั่งขวา / วิงแบ็กฝั่งขวา หรือรวมไปจนถึง ขัดตราทัพ ไปเล่นยังวิงแบ็กฝั่งซ้าย แต่ทว่าหลังจากปลายเดือนธันวาคมเป็นต้นมาต้องบอกว่า มาซราวี ดูจะแผ่วและพลังงานลดลงไปพอสมควร
แข้งชาวโมร็อกโก เมื่อคืนได้เล่นตัวจริงเป็น วิงแบ็กขวา และต้องรับมือกับ คาโอรุ มิโตมะ ที่เป็นสายกระชากความเร็วสูงอยู่แล้ว และก็กลายเป็นว่าจุดเด่นของแข้งชาวญี่ปุ่น นั้นกลายเป็นอาวุธโจมจี มาซราวี ได้แบบไม่มีปัญหา
ประตูแรกต้องบอกว่าช่างง่ายดายเหลือเกิน บอลวางยาวมาให้ มิโตมะ ใช้ความเร็วเอาชนะ มาซราวี ขาดกระจุย รวมถึงหลายช็อตในเกมที่ ตัวรุกแดนปลาดิบของทีมเยือน อาศัยความเร็วเล่นงาน นุสแซร์ มาซราวี จนก้นไหม้เพราะโดนเผาหลายรอบ
กลับกลายเป็น อาหมัด ที่ไม่ใช่ตัวรับ แต่ลงมาช่วยเกมรับ และจัดการ มิโตมะ ได้ดีกว่า อดีตแข้งบาร์เยิร์นรายนี้ เสียอีก ส่วนประตูที่2 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประมาทหรือ สื่อสารไม่ดีกับ โอนาน่า กันแน่ บอลเปิดเข้ามาของ มินเตห์
มาซราวี ที่อยู่ข้างหน้า คาโอรุ มิโตมะ แท้ๆ แต่เหมือนกับจะปล่อยให้บอลออก แต่โดนแข้งแดนซามูไร เบียดจิ้มเข้าไปง่ายๆดื้อๆ แถมตัวเองยังโดนอัดไปชนเสาอีก หลายนัดแล้วที่แบ็กเบอร์3รายนี้ เล่นเหมือนประคองตัวตลอด รุกก็ไม่ได้เด่นเพราะพลังงานน้อย เกมรับก็ไม่ได้รอบจัดอะไร
มิโตมะ โชว์เผา ทำฝั่งขวาผีป่วน
จะว่าไปตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว 2023-2024 เป็นต้นมา ตัวริมเส้นอย่าง คาโอรุ มิโตมะ ก็ถือว่าดร็อปไปพอสมควรนะ แม้ว่าจะยังวูบวาบอยู่ แต่ทว่าจำนวนประตูและแอสซิสต์ ที่ปรกติก็ไม่ได้มากอยู่แล้ว ต้องลดน้อยถอยลงไปอีก
ก่อนนัดกับปีศาจแดง แข้งชาวญี่ปุ่น ก็พึ่งจะเบิกสกอร์ในพรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ9นัด เกมที่บุกไปเอาชนะ อิปสวิช ทาวน์ 2-0 เมื่อคืนด้วยตำแหน่งทำให้เจ้าตัวได้ดวลกบ นุสแซร์ มาซราวี ซึ่งเพียงแค่ 5นาทีแรก ความเร็วของ มิโตมะ ก็เล่นงานแนวรับปีศาจแดงเลย
บอลวางยาวตักมาง่ายๆของ บาเลบา ให้ มิโตมะ ได้ใช้ความเร็ว สปีดหนี มาซราวี ที่ประกบห่าง ก่อนใจกว้างเป็นแม่น้ำบรรจงถวายพานให้ มินเตห์ ยิงง่าย จริงๆความเร็วของ มิโตมะ ไม่มีปัญหาหรอกสำหรับการเล่นงาน มาซราวี
แต่ทว่าเมื่อมี อาหมัด ดิยัลโล่ ลงมาช่วย มิโตมะ ถึงกับเสียเหลี่ยมให้หลายครั้ง แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แข้งชาวญี่ปุ่น ก็มาทำประตูได้ จากจังหวะครอสของ มินเตห์ โอนาน่า กับ มาซราวี เหมือนไปกั๊กกัน มิโตมะ ที่อยู่หลังสุด แต่กลับเบียดจิ้มเข้าไปไม่เหลือ
โดย1ประตู 1แอสซิสต์ เมื่อคืน นี่เป็นเพียงหนที่สองเท่านั้นที่ มิโตมะ ทั้งยิงและจ่ายในพรีเมียร์ลีกนัดเดียวกันได้ และส่งผลให้เจ้าตัว กลายเป็นแข้งชาวญี่ปุ่นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก มากที่สุด15ประตู แซง ชินจิ โอกาซากิ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำไป14ลูก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กลางไบร์ทตัน เหนือกว่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือสนามโปรด
เกมฟุตบอลสมัยนี้ ด้วยความที่กองกลางคือจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากๆ หากว่าทีมไหน ควบคุมหรือคอนโทรลเกมได้ ก็มีสิทธิสูงที่จะได้รับผลการแข่งขันที่ดี แต่หากกลางแพ้ ก็จะทำให้ทีมตั้งกระบวนยาก และแนวรับก็จะเจอกับความยากลำบาก
แม้ว่าสถิติจะออกมาที่ ไบร์ทตัน ครองบอลน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นิดหน่อย แต่ทว่าการครองบอลของปีศาจแดง ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าทำให้ผู้มาเยือนลำบากใจแต่อย่างใด เพราะเป็นบอลช้า ทำได้แค่จ่ายกันไปมาตรงกลางและแดนตัวเอง
คู่มิดฟิลด์ของ ไบร์ทตัน อย่าง คาร์ลอส บาเลบา กับ ยาซิน อายารี่ ชื่อชั้นจะไม่เท่าไหร่ แต่เล่นออกมาได้เนียนมาก โดนเฉพาะจังหวะแก้เพรสของเจ้าบ้าน ที่พวกเขาเอาตัวรอดได้ตลอด อายารี่ ที่มีส่วนร่วมกับประตูที่3 เพราะโชว์แหวกมาดื้อๆ
กลับกัน 2มิดฟิลด์ชาว แคเมอรูนและสวีเดน ทำได้ดีมากๆเวลาไม่มีบอล เพรสซิ่งจน แดนกลาง แมนฯยู อย่าง เมนู / อูกาเต้ ทำอะไรไม่ถนัด หรือล้ากันเองไม่รู้ จนถูกเปลี่ยนตัวออก โดยอีกหนึ่งเกร็ดที่น่าสนใจของ " เดอะ ซีกัลส์ " หลังบุกมาควัก3แต้ม
นั่นก็คือ นี่เป็นฤดูกาลที่3ติดก่อนกันแล้ว ที่พวกเขา บุกมาเก็บ3แต้ม ได้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีก ( 2022-2023) ชนะ 2-1 / ( 2023-2024) ชนะ 3-1 / และเมื่อคืน ชนะด่วยสกอร์เดียวกัน 3-1 นี่คือโรงละครแห่งความฝันของทัพ นกนางนวล ชัดๆ
ผี ไม่น่าขึ้นครึ่งบนของตารางได้ อโมริม อยู่ยากนะ
เหมือนหลอกให้ดีใจเก้อจริงๆ สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเกมที่อาจหาญบุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ได้ 2-2 และเล่น10คน ยันอาร์เซน่อล 1-1 ไปจนถึง 120นาที และเอาชนะการดวลจุดโทษ ไปได้ กับ เอฟเอ คัพ รอบ3 ก่อนโชว์ความตายยาก ยิงรัวพลิกแซงช่วง 10 นาทีสุดท้าย เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1
โอเคแม้รูปเกมกับทีมนักบุญ จะไม่ได้ดีมาก แต่การเก็บ3แต้ม ก็น่าจะเรียกความมั่นใจและโมเมนตัมกลับมาได้บ้าง กับ ไบร์ทตัน เมื่อคืน ทีมที่พวกเขาแพ้ทางตลอดในระยะหลัง เพราะต่อบอลแม่นยำ และเพรสซิ่งหนักหน่วง
และรูปเกมก็ออกมาตามคาด ทีมเยือนแม้จะครองบอลน้อยกว่า แต่โอกาสในการเข้าทำจะแจ้งกว่า แถมเวลาจะบีบเพรสซิ่งบอลจาก ยูไนเต็ด ก็ทำได้แบบไม่มีปัญหา กว่าจะแงะบอลขึ้นมาเล่นแดนบนได้ แมนฯยู ต้องใช้พลังงานเยอะพอสมควร
คุณภาพการรับส่งบอล ไบร์ทตัน เหนือกว่าชัดเจน สำหรับ ทีมของ รูเบน อโมริม นอกจากจุดโทษแล้ว พวกเขาหาจังหวะเข้าทำที่น่าหวาดเสียวไม่ได้เลย เพราะต่อบอลกันช้าเหลือเกิน มีเพียง อาหมัด ดิยัลโล่ ที่พอคุกคามได้
เข้าใจว่าต้องให้เวลา แต่ระบบหลัง3ของ อโมริม ดูจะไม่ตอบโจทย์กับนักเตะชุดนี้เท่าไหร่ เพราะเสียประตูเป็นว่าเล่นหนักกว่าเดิมเสียอีก รวมถึงแม้สถานการณ์จะตามหลังขนาดไหน แต่กุนซือหนุ่มวัย39ปี ไม่เคยพลิกแพลงการเล่นเลย ยังแช่ในระบบ3เซ็นเตอร์ ไม่ปรับมาเล่นแผงแบ็กโฟร์ แล้วใส่ตัวรุกเพิ่ม
ทำเป็นเล่นไป ยูไนเต็ด ยังจมอยู่ครึ่งล่าง อันดับ13ของตาราง แถมยังไร้วี่แวว ขึ้นมาอยู่ครึ่งตารางบน เพราะ ผ่านมา22นัด พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้2เกมติดในพรีเมียร์ลีกเลย แพ้ไปแล้ว10 จาก12นัด
12นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ที่ โอลด์ แทร็ฟอร์ด พวกเขาแพ้ไปแล้ว 6 เป็นจำนวนการออกสตาร์ทที่พ่ายที่มากที่สุด ในรอบ130ปี ของสโมสร ส่วน สถิติการคุมปีศาจแดง 15นัดแรก อโมริม ชนะได้เพียงแค่5 / เสมอ 3 และแพ้ถึง7
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ที่อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ใจไว ชอบแทรกแทรง มีสิทธิเหมือกันที่ รูเบน อโมริม จะโดนปลดและไม่ได้ไปต่อในฤดูกาลหน้า เข้าใจว่าต้องให้เวลา แต่ก่อนจะให้เวลาในอนาคต ปัจจุบันก็ต้องไม่เละขนาดนี้ก่อน
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไบร์ทตัน รูเบน อโมริม คาโอรุ มิโตมะ อันเดร โอนาน่า บรูโน่ แฟร์นันเดซ
- 39
- 20 ม.ค. 2568 15:10