เสี่ยท็อดด์ ทนดูไม่จบเกม ! เรือ แม้ไม่แจ่ม ชนะ สิงห์ สบาย 2-0 โควาซิช ยิงทีมเก่า
ใครไม่รู้วางโปรแกรมรับน้อง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ในบทบาทผู้จัดการทีมเซลซี ได้โหดจริงๆ เพราะนัดแรกแม้ว่าสิงห์บูลส์จะได้เล่นในบ้าน สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ทว่าคู่แข่งของพวกเขานั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมา4สมัยติด แถมเกมอุ่นเครื่องล่าสุด ซิตี้ ก็ถลุงชนะพวกเขาไปสบายๆ 4-2 โดยสุดท้ายแล้วเมื่อคืน แม้เซลซีจะเล่นดีขึ้น แต่ทว่าก็เป็น เรือใบสีฟ้าที่บุกมาควัก3แต้ม ชนะออกไปแบบไม่ยากเย็นนัก 2-0
เซลซี ที่ประเดิมหัวฤดูกาลใหม่ 2024-2025 แล้วเจอของแข็งอย่าง ซิตี้ เลย กุนซือป้ายแดง เอ็นโซ่ มาเรสก้า มาในระบบ 4-2-3-1 แต่ทว่าเวลาที่เล่นเกมบุก พวกเขาปรับฟอร์เมชั่นเป็น 3-2-4-1 โดย แบ็กขวา มาโล่ กุสโต้ ขยับไปยืนสูงเป็นปีก พร้อมหุบ มาร์ค กูกูเรย่า มาเป็นเซ็นเตอร์ฝั่งขวา
โดย โรเมโอ ลาเวีย ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ร่วมกับ มอยเซส ไกเซโด้ และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่ยืนสูง แนวรุกเป็น โคล พาลเมอร์ - คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู หน้าเป้า นิโคลัส แจ็คสัน ทางฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังไม่ฟูลทีมเท่าไหร่ ไร้เงาของ โรดรี้ และ ตัวหลักอย่าง ไคล วอล์คเกอร์ - ฟิล โฟเด้น ยังต้องนั่งสำรองไปก่อน
แนวรุก เฌเรมี่ โดกู ริมเส้นตัวจริงฝั่งขวา ส่วนตัวใหม่อย่าง ซาวินโญ่ ก็ได้ออกสตาร์ทตัวจริงเช่นกัน แนวรุก เออร์ลิง ฮาลันด์ พร้อมเผด็จศึก โดยมีหน่วยสนับสนุนเปิดป้อนอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา
ผู้ตัดสิน แอนโทนี่ เทย์เลอร์ เป่านกหวีดเริ่มเกมมาต้องบอกว่าเกินคาดเหมือนกับเพราะ เซลซี ไม่ได้เป็นรอง ซิตี้ มาก สามารถต่อบอล ครองบอล แย่งบอลสู้ได้ แต่ทว่าจังหวะการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายขาดๆเกินๆตลอด
จนสุดท้ายต้องมาวัดกันที่ความเฉียบคมและ ซิตี้ ก็ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก ฮาลันด์ ที่แข็งแกร่งสุดๆบังบอลจาก กูกูเรย่า และ เวสลี่ย์ โฟฟาโน่ ยิงนิ่มๆผ่าน โรเบิร์ต ซานเซส เข้าไป น.18 หลังจากนั้น ก็ยังเป็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มีโอกาสได้จบเรื่อยๆ แต่ยังไม่ผ่านมือ ซานเซส ส่วนสิงห์น้ำเงิน ก็ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้เหมือนกัน จาก แจ็คสัน แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน จบ45 นาทีแรก เรือใบขึ้นนำ 1-0
ครึ่งหลังแม้การครองบอลจะยังสูสี แต่โอกาสจะแจ้งในการทำประตู ผู้มาเยือนยังสร้างได้มากกว่า กุนซือ มาเรสก้า แก้เกมด้วยการส่งเหล่าบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง เปโดร เนโต้ - เคียร์นัน ดิวส์บูรี่ฮอลล์ - มาร์ก กิว และ เรนาโต้ เวก้า ลงมาเปลี่ยนเกม
แต่ทว่าท้ายที่สุดความเฉียบคมของเรือใบสีฟ้า และความผิดพลาดเล็กๆน้อยของสิงห์น้ำเงิน ก็ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตอกฝาโรงจนได้ เมื่อเจอกฎการยิงประตูทีมเก่าของ มัตเตโอ โควาซิซ กระชากมายิงปั่นโค้งๆระยะ ราวๆ 20 หลา ซานเซส ปัดไม่ออก หนีห่างไปเป็น 2-0 น.85 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว ซึ่งหลังโดนเม็ด2 กล้องก็จับไปที่เจ้าของทีม ท็อดด์ โบลี่ห์ ที่ถึงกับต้องลุกเดินหนีออกจากสนามเลยทีเดียว
ฮาลันด์ ยิงประเดิม เอาคืน กูกูเรย่า ที่ร้องเพลงล้อ
ฤดูกาลที่3ในลีกเมืองผู้ดี ก่อนหน้านั้น เออร์ลิง ฮาลันด์ ก็ยิงประเดิมเปิดซีซั่นใหม่ของพรีเมียร์ลีกได้ตลอด1ประตู กับ เวสต์แฮม ( 2022-2023) 2ประตู ใส่ เบิร์นลี่ย์ ( 2023-2024) และเมื่อคืนอีก1ประตู ใส่ เซลซี นั่นทำให้ ดาวยิงชาวนอร์เวย์ เป็นเพียงนักเตะรายที่5 ที่ซัดประตูเกมเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกได้ 3ปีติด
1ประตูเมื่อคืนส่งผลให้ ฮาลันด์ มียอดรวมการล่าตาข่ายกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ร้ายกาจมาก เพราะนี่คือประตูที่ 91ของเจ้าตัว จากเพียงแค่100นัดเท่านั้น ดาวยิงร่างยักษ์รายนี้มีค่าเฉลี่ยนในการยิงต่อ1ประตูเพียงแค่ 75นาทีเท่านั้น
ส่วนรูปเกมเมื่อคืนต้องบอกว่า ฮาลันด์ มีโอกาสยิงเพียงแค่2ครั้งเท่านั้น จ่ายบอลเพียงแค่8หน แต่ทว่าเพียงแค่การยืนตำแหน่ง หรือการเคลื่อนที่เวลาไม่มีบอล นั่นก็ทำให้ดึงดูดความสนใจ ดึงตัวประกบ ให้แนวรุกคนอื่นๆ ได้พื้นที่เล่นง่ายขึ้น
ลูกยิง1-0 ต้องให้เครดิตเจ้าตัวเลยในเรื่องของความแข็งแกร่ง เพราะบังบอลเหลี่ยมที่เอาชนะทั้ง โฟฟาน่า และ กูกูเรย่า ที่แต่งเพลงล่อเลียนหลังได้แชมป์ยูโร 2024กับทีมชาติสเปน แบ็กผมฟูพยายามเบียดกระแทก แต่ ฮาลันด์ แทบไม่สะดุ้งเลย และยิงบอลฉลาดมากๆ
จริงๆ เออร์ลิง ฮาลันด์ ควรจะได้โอกาสมากกว่านี้หากว่า เฌเรมี่ โดกู ครอสบอลแม่นหรือจ่ายบอลแบบได้เสียมากกว่านี้หน่อย รวมไปจนถึงตัวของ ฟิล โฟเด้น ที่ลงมาในครึ่งหลัง แต่ก็เหมือนจะยังไม่พร้อมนัก เล่นไม่ค่อยออก หลังกลับมาจากรายการตัวยูโร 2024 เป็นผู้เล่นกลุ่มท้ายๆ เพราะอังกฤาเข้ารอบลึก
แจ็คสัน มีบทบาท แต่ก็ขาดจุดเดิม
จากแผนการเล่นและการจัดตัวตอนปรี-ซีซั่นของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า คาดกว่าเมื่อคืน น่าจะใช้ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู เล่นหน้าเป้า แต่ทว่าเกมอย่างเป็นทางการนัดแรก อดีตแข้งไลป์ซิกรายนี้ ถูกจับมายืนต่ำคล้ายๆหมายเลข10 โดยให้ นิโคลัส แจ็คสัน เป็นหน้าเป้าแทน
ซึ่งการลงสนามของ แจ็คสัน ก็ชอบลงเอยอีหร็อบเดิมนั่นก็คือ " พี่แจ็ค " ค่อนข้างมีบทบาทและส่วนร่วมกับทีม แต่จังหวะชี้เป็นชี้ตาย ที่ต้องทำอะไรสักอย่าง ดาวยิงทีมชาติเซเนกัล ยังคงพึ่งพาหรือทำให้อุ่นใจไม่ได้เสมอ
ความคล่องตัวของ แจ็คสัน คือสิ่งที่สร้างความลำบากใจให้แนวรับผู้มาเยือนได้ แต่ทว่าการตัดสินใจจังหวะสุดท้ายยังมีช็อตนรกเหมือนเดิม เสียดายที่ลูกเก็บตกตีลังกายิงในเขตโทษระยะไม่ไกลมาก เจ้าตัวฟาดไปตรงตัว เอแดร์ซอน เป๊ะๆ
หรือมีจังหวะได้แหวกไปยิงในเขตโทษ แต่ซัดเบาหวิวตามสูตรไปติดแนวรับของ ซิตี้ ซะงั้น มีช็อตได้บอลในเขตโทษ แต่ทว่าไม่เข้าใจกันไปขวางทางจังหวะการเล่นกันเองกับ เอ็นโซ่ ดื้อๆ
ถึงกระนั้นก็ดี นิโคลัส แจ็คสัน ยังอุตส่าห์ ส่งผลไปซุกก้นตาข่ายได้ จากการตามซ้ำลูกยิงของ เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ ที่ เอแอร์ซอน พลาด แต่ทว่าเจ้าตัวยืนล้ำหน้าไปก่อน ซึ่งเห็นฟอร์มของ แจ็คสัน แล้ว อาจไม่ได้เล่นแย่อะไร แต่สำหรับกองหน้าการทำประตูได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งอดีตแข้งบียาร์เรอัล ยังขาดตรงนี้ตลอด
แจ็คสัน ไม่ใช่ดาวยิงตัวความหวังที่ฝากสกอร์ชี้เป็นชี้ตายได้ เป็นตัวสำรองตัวเสริมน่าจะเหมาะกว่า เห็นทีตลาดซัมเมอร์นี้ที่เหลือเวลาไม่ถึง2สัปดาห์ ท็อดด์ โบห์ลี่ อาจต้องเร่งเครื่องอีกครั้งเดินดีลทุ่มคว้าตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน ก็เป็นได้...
โดกู พริ้วเหลือล้น เสียแค่จังหวะสุดท้าย
เกมเปิดหัวฤดูกาล เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงไม่ใช้งาน ฟิล โฟเด้น ทำให้ปีกตัวรุกด้านขวา เป็นหน้าที่ของ เฌเรมี่ โดกู ที่ปรกติจะเล่นทางซ้ายแย่งตำแหน่งกันกับ แจ็ค กรีลิช ส่วนทางซ้ายเป็นโอกาสของแข้งหน้าใหม่ ซาวินโญ่
ออกสตาร์ทมาก็ต้องต้องบอกว่าจอมมุดอย่าง โดกู ไม่ผ่าน มาร์ค กูกูเรย่า ที่ฟอร์มดีต่อเนื่องมาจากยูโร 2024 เลย แบ็กหัวฟู ชิงเหลี่ยมเบียดบังบอลได้ดีกว่าตลอด นั่นจึงทำให้ เป๊ป ลองปรับปีกชาวเบลเยี่ยมไปยืนทางซ้าย และ ซาวินโญ่ มายืนทางขวา เท่านั้นแหละพริ้วเลย
เฌเรมี่ โดกู ไปกับบอลได้ดีมากๆ เลี้ยงแหวก หรือเอาตัวรอดเวลาโดนบีบเร็วหรือโดนรุมได้ แถมยังจุดศูนย์ถ่วงดีเสียบอลยากอีกด้วย ชนะการดวล 10ครั้ง - เอาชนะการครอบครองบอล8ครั้ง- เลี้ยงบอลผ่าน 5ครั้ง และเรียกฟาวล์ 4ครั้ง
เอาตรงๆ โดกู ควรจะมีประตูหรือแอสซิสต์ด้วยซ้ำหากเจ้าตัวมีความเฉียบขาด หรือเท้าชั่งทองมากๆนี้ ซึ่งก็เป็นปัญหาเดิมที่เห็นมาจากฤดูกาลที่แล้วนั่นแหละกับการตัดสินใจจังหวะสุดท้าย
ส่วนปีกป้ายแดงอย่าง ซาวินโญ่ ที่มีอาการบาดเจ็บและถูกถอดออกในครึ่งหลัง 45นาทีที่ได้อยู่ในสนามจรวดชาวบราซิลเล่นงาน กูกูเรย่า จนหัวหมุน เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเจ้าบ้านถึง3ครั้ง จ่ายบอลคีย์พาสถึง3หน ซึ่งหลังจบเกมก็ต้องมาลุ้นว่าอาการเดี้ยงของเจ้าตัวจะหนักหนาไหม
ไม่มีโรดี้ ไม่เป็นไร โควาซิช ยิงทีมเก่า
อาจจะเนื่องด้วย โรดรี้ ที่ได้แชมป์ยูโร2024กับทีมชาติสเปน ทำให้จะได้พักยาวนานกว่าเพื่อนหน่อย ส่งผลให้เจ้าตัวไม่มีชื่ออยู่ในทีม2นัดติดต่อกันแล้ว ทั้งเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนัดเปิดหัวพรีเมียร์ลีกกับเซลซี
ซึ่งการไร้เงา โรดรี้ สิ่งหนึ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ เปอร์เซ็นต์การครองบอล เกมเมื่อคืนกับ เซลซี เรือใบสีฟ้าแม้จะครองบอลมากกว่าแต่ก็แค่ 52ต่อ 48เท่านั้น ซึ่งหลายเกม ทีมของ เป๊ป จะครองบอลแตะหลัก 60%เสมอ
โดยผู้ที่ได้รับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับแทน โรดรี้ นั่นก็คือ มัตเตโอ โควาซิช โอเคแม้ว่า ห้องเครื่องชาวโครแอต จะไม่ได้เล่นเกมรับแข็งแกร่งเท่า โรดรี้ แต่ในเรื่องของการครองบอล เสียบอลยาก โควาซิช ก็ทำได้ดีเช่นกัน
การกลับมาเจอทีมเก่า โควาซิช ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 62 จาก 64ครั้ง - ชนะการดวล7ครั้ง - ผ่านบอลเข้าแดนสาม 7ครั้ง - เข้าแท็กเกิ้ล 6ครั้ง และเอาชนะการครอบครองบอล 6หน และที่ไม่พูดไม่ได้กับประตู2-0 ตอกฝาโรง
ปรกติ โควาซิช ไม่ใช่กองกลางสายประเภททำประตูอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้น48นัดกับเรือใบ เจ้าตัวกดไป 3ประตู แต่ลูกที่ซัดทีมเก่าเซลซี นั้นสวยงามขนานแท้ เมื่อดักบอลจาก โฟฟาน่า แล้วค่อยๆลากจี้ไปในเขตโทษ ก่อนปั่นบอลโค้งๆด้วยขวาระยะราวๆ 20หลา ผ่านมือ ซานเซส ที่ปัดไม่ออก เข้าไปซุกก้นตาข่าย
ซึ่งก่อนจะมายิงประตูตอกฝาโรง ด้วยกฎใหม่ของพรีเมียร์ลีก ทำให้ มัตเตโอ โควาซิช รอดพ้นจากการทำให้ทีมเสียจุดโทษเช่นกัน เมื่อบอลจังหวะหวดของ กุสโต้ ไปโดนแขนเจ้าตัวแบบเต็มๆ แต่ผู้ตัดสินและห้อง VAR มองว่าไม่ได้เป็นการเจตนา ซึ่งหากเป็นซีซั่นที่แล้วจังหวะแบบนี้จะให้หรือไม่ให้ก็ 50/50 เลย
นัดแรกทางการ มาเรสก้า
ถูกจัดโปรแกรมโหดร้ายเหลือเกินสำหรับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กับการคุมเซลซีนัดแรกอย่างเป็นทางการ นั่นก็คือเจอกับยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และต้องประลองมีมือกับอาจารย์เก่าที่เจ้าตัวร่วมงานกันมาด้วยอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ซึ่งอดีตกุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ มาในระบบ 4-2-3-1 แต่ทว่าเวลาเล่นเกมรุก ฟอร์เมชั่น จะปรับเป็นเหมือน 3-2-4-1นั่นก็คือ มาโล่ต์ กุสโต้ จะขยับสูงไปเล่นปีก หุบ มาร์ค กูกูเรย่า มาเป็นเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย ดัน เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ไปยืนสูงกว่าเดิม
เอาจริงๆถ้ามองในภาพรวมเซลซี ก็ไม่ได้เป็นรอง ซิตี้ มาก ในเรื่องของการครองบอล แต่ทว่าความเฉียบคมจังหวะสุดท้าย และไอเดียการเข้าทำความอันตรายต่างๆ ทีมของ เป๊ป ดีกว่ามากๆ อาจเพราะด้วยคุณภาพนักเตะสูงกว่าอีกแรง
ซึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ซัมเมอร์นี้ 9ราย ไม่มีใครได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลย มีบทบาทเป็นตัวสำรองทั้งหมด เปโดร เนโต้ ปีกค่าตัวแพง ระดับ 51ล้านปอนด์ ถูกส่งลงมา ตั้งแต่ น.58 แต่ทว่าก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรเลย
ปรกติ เนโต้ เป็นปีกสายเลี้ยงตัดมายิงอยู่แล้ว แต่เมื่อคืนดูเหมือนจะฝืนธรรมชาติเจ้าตัวไปหน่อย เพราะหนักไปทางเปิด แถมยังเปิดล้นเกินไม่เข้าเป้าด้วย โอเคว่าการแพ้ เซลซี ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเท่าไหร่ แต่ก็น่าคิดตรงที่เมื่อคืน นายใหญ่ มาเรสก้า ไม่รู้เล่นตรงจุดไหนระหว่าง จะรุกใส่หรือตั้งรับสวนกลับ นั่นจึงทำให้เกมมันดูกั๊กๆ ไม่ประติดประต่อ
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล เซลซี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เออร์ลิง ฮาลันด์ มัตเตโอ โควาซิช
- 286
- 19 ส.ค. 2567 13:29