ประวัติศาสตร์ถูกเขียน ! เรือใบ ทำได้ เชือด งูใหญ่ 1-0 โรดรี้ ฮีโร่ พาแชมป์ ยูซีแอล

ประวัติศาสตร์ถูกเขียน ! เรือใบ ทำได้ เชือด งูใหญ่ 1-0 โรดรี้ ฮีโร่ พาแชมป์ ยูซีแอล


วันที่รอคอยมานานแสนทาง ก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อพวกเขาเขียนประวัติศาสตร์เป็นของตัวเองได้สำเร็จ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นหนแรกของสโมสร หลังนัดชิงดำยูซีแอล ประจำฤดูกาล 2022-2023 พลพรรคเรือใบสีฟ้า เฉือนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ได้สำเร็จ 1-0 ชนิดที่ต้องออกแรงเหนื่อยกว่าที่คิด

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฝ่าด่านสุดหินมาหลายทีม ทั้ง บาเยิร์น มิวนิค - เรอัล มาดริด  ก่อนทะลุมาถึงนัดชิงชนะเลิศ ต้องมาดวลกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ถือว่ามีดวงไม่น้อยในรอบน็อกเอ้าท์  เพราะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ถือว่าไม่แข็งมากอย่าง เอฟซี ปอร์โต้ - เบนฟิก้า และ คู่ปรับร่วมเมือง เอซี มิลาน
 

บวกกับเทียบฟอร์มทุกๆอย่าง ทำให้นัดชิงที่ อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม (ตุรกี) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูจะเป็นต่อ อินเตอร์ มิลาน พอสมควร แต่ทว่าเมื่อลงไปฟาดแข้งในสนามแล้ว ต้องบอกว่าทีมจากอิตาลี ทำได้ดีพอสมควรตามแท็กติกของตัวเอง

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีปัญหาในการจัดทัพเล็กน้อย เมื่อ ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็กขวาจอมอึดไม่ผ่านความฟิตทำให้ได้แค่เป็นตัวสำรอง เป็น มานูเอล อคานยี่ ที่ได้ออกสตาร์ทแทน ส่วน อินเตอร์ มิลาน ของ ซิโมเน่ อินซากี้ ก็มาในระบบเก่ง 3-5-2
 

ออกสตาร์ทมาต้องบอกว่า ถึงแม้ ซิตี้ จะครองเกมได้ แต่พวกเขาแทบไม่มีจังหวะเข้าทำที่เหมาะเหม่งเลย นอกจากช็อตที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หลุดไปยิงมุมแคบ (ที่ไม่ถนัด) เป็นทางฝั่ง อินเตอร์ ที่มีจังหวะยิงมากกว่า (แม้ไม่ใกล้เคียง) จากความผิดพลาดของผู้เล่น ซิตี้
 

45นาทีแรก ขุมพลังในแดนกลางของงูใหญ่ ทำได้ดีมาก ตัดเกมท่อน้ำเลี้ยงจากมิดฟิลด์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในรายของ มาร์เซโล่ โบรโซวิช รวมไปจนถึง ฮาคาน ชาลาโนกลู ที่แม้เกมรุกจะไม่ได้เด่นอะไร แต่ก็มีลูกขยัน เข้าบอลหนัก มาทดแทน

มิหนำซ้ำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องมาใจเสียอีกด้วยเพราะ เพลย์เมคเกอร์คนเก่งอย่าง เควิน เดอ บรอยน์  เจ็บเล่นต่อไม่ไหว จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก น.36 ให้ ฟิล โฟเด้น ลงมาเล่นแทน และจบครึ่งแรกไปที่สกอร์ 0-0
 

ครึ่งหลังเกมยังดำเนินไปอย่างสูสี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบหาโอกาสจะแจ้งทำประตูไม่ได้ แต่ทว่าจังหวะเพียงไม่กี่หน พวกเขาก็มาทำได้สำเร็จ จากลูกยิงในเขตโทษหนีบล็อกผู้เล่น อินเตอร์ เสียบตาข่ายเข้าไปของ โรดรี้ น.69
 

โดยหลังจากที่โดนนำสถานการณ์บีบให้ "เนรัซซูรี่ " ต้องโหมทวงเอาประตูคืนอย่างหนัก และเกือบที่จะได้มากๆทั้ง จากลูกโหม่งไปชนคานของ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ที่พยายามโขกซ้ำอีกรอบ แต่ไปติดเพื่อนร่วมทีม โรเมลู ลูกากู ซะงั้น

" พี่ตู้ " ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแทน เอดิน เซโก้ น.57 ก็มีคอนเท้นต์อีกจนได้ เพราะมีโอกาสดีมากๆที่จะโขกประตูตีเสมอให้กับทีมโล่งๆ ระยะแค่ 5-6หลา แต่ดาวยิงร่างยักษ์รายนี้ กลับโหม่งไปตรงกลางประตูให้ เอแดร์ซอน ใช้เท้าเซฟ
 

ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะเป็นชัยชนะที่ตะกุกตะกัก 1-0 แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และรูดม่านฤดูกาล 2022-2023 ด้วยทริปเปิ้ลแชมป์สุดยิ่งใหญ่


 

โรดี้ ไม่ได้ปิดทองหลังพระอีกต่อไป 

ตอนย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มายัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใหม่ๆ ก็มีคำถามเยอะเหมือนกันสำหรับ โรดรี้ เพราะช่วงแรกมิดฟิลด์ชาวสเปนรายนี้ ดูจะช้าและยังจับจังหวะไม่ได้กับการเล่นบนเวทีลีกเมืองผู้ดี ทำให้ในตำแหน่งมิดฟิดล์ตัวรับ ณ ช่วงนั้นเป็นหน้าที่ของ แฟร์นันดินโญ่ มากกว่า
 

แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม โรดรี้ ก็ค่อยๆดีขึ้นมาแบบเงียบๆ ในฐานะมิดฟิลด์ตัวโฮลบอล ทำให้ บรรดากองกลางอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ หรือ อิลคาย กุนโดกัน เล่นง่าย ครองบอลแน่น ออกบอลเยี่ยม ยืนตำแหน่งดี เป็นมิดฟิลด์สมัยใหม่ 
 

ถ้าจะพูดตามตรงเกมเมื่อคืน45นาทีแรก นี่ไม่ใช่ฟอร์มที่น่าประทับใจของ โรดรี้ เท่าไหร่ โอเค แม้ซิตี้ จะครองเกมได้มากกว่า แต่ทว่าบอลที่ขึ้นลำเลียงเกมรุก มาจากด้านข้างเสียส่วนใหญ่ เพราะ มาร์เซโล่ โบรโซวิช ของ อินเตอร์ มิลาน ทำได้ดีกว่า
 

แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ประตูชัยของ โรดรี้ ในช่วงครึ่งหลัง นั้นก็สำคัญเหลือเกิน เพราะเป็นประตูชัยให้ทีม กับลูกซัดอ้อมหนีบล็อกผู้เล่นอินเตอร์ถึง2คน และเป็นมุมเดียวที่จะเป็นประตูได้ ชนิดที่ อังเดร โอนาน่า หมดสิทธิเซฟ
 

ลูกยิงที่แรง แม่นยำ เกิดจากการวางเท้ายิงที่ดี โรดรี้ เคยทำให้เห็นมาแล้ว ในเกมรอบ8ทีมกับ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงในพรีเมียร์ลีก 1-2 ฤดูกาลหลังสุด เราจึงได้เห็นลูกซัดแรงเป็นปืนกลของ โรดรี้ มาหลายครั้ง 
 

เมื่อคืน โรดรี้ มีการวางบอลยาวถึง6ครั้ง - จ่ายคีย์พาส 2หน - ตัดบอลอีก3ครั้ง ปรกติอดีตมิดฟิลด์ตราหมีรายนี้ มักจะถูกยกย่องว่าเป็นผู้ปิดทองหลังพระให้กับ ซิตี้ แต่ทว่าฟอร์ม ณ ปัจจุบัน ต้องบอกว่ากลายเป็นปิดทองหน้าพระชนิดที่ใครทุกคนก็เห็นถึงความสำคัญและโดดเด่นแล้ว 
 



แนวรับเรือครึ่งแรกแปลก เอแดร์ซอน เกือบแจก

จะว่าไป45นาทีแรก เกมกับ อินเตอร์ มิลาน ทางฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอง เหมือนจะเล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในแนวรับ มานูเอล อคานยี่ ดูจะยังตื่นๆพอสมควร กับเกมนัดชิงชนะเลิส เอาวิงแบ็กซ้ายอย่าง เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ไม่ค่อยอยู่
 

แถมยังมีจังหวะจ่ายบอลพลาด จนเกือบเสียประตูด้วย ดีที่ นิโคโล่ บาร์เรลล่า ฉวยโอกาสไม่ดียิงสวนไกลออกไปแบบไม่ได้ลุ้น แต่ทว่าอย่างไรก็ตามประตูชัยก็เป็นการขึ้นเกมของ มานูเอล อคานยี่ นี่แหละ
 

ส่วนที่ผิดฟอร์มมากๆกับ45นาทีแรก นั่นก็คือโกลอย่าง เอแดร์ซอน ที่ปรกติเป็นเป็นนายด่านที่ใช้เท้าดีอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อคืนปล่อยไก่ 2-3 หนด้วยกัน ทั้งเปิดบอลไม่ดี กะจังหวะบอลตกพลาดแต่ทว่าโชคดีที่ งูใหญ่ลงโทษไม่สำเร็จ 
 

ครึ่งหลังจอมหนึบชาวบราซิลต้องออกแรงเซฟทั้ง ลูกยิงมุมแคบของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ รวมไปจนถึงจังหวะใช้ขาเซฟลูกโขกจ่อๆของ โรเมลู ลูกากู ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งที่จริงเป็นช็อตหมูหกของ " พี่ตู้ " ด้วย ที่เลือกโหม่งไปตรงกลางประตู ทั้งที่มุมมีเยอะแยะ
 

มาจนถึงท้ายเกม เอแดร์ซอน ก็มีเซฟสำคัญอีกครั้งกับลูกลอยตัวโขกของ โรบิน โกเซนส์ แถมช่วงที่ถูกบอมบ์ตอนทดเวลาบาดเจ็บ อดีตโกลเบนฟิก้ารายนี้ ก็ออกมาคว้าบอลกลางอากาศได้แบบไม่มีปัญหาอีกด้วย 
 

เรียกว่าฟอร์มในครึ่งแรกของ เอแดร์ซอน และแผงรับคนอื่นๆ เกือบทำให้ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากที่จะกลับมาเหมือนกัน (โดนนำก่อน) ก่อนมาแก้ตัวได้สำเร็จใน45นาทีหลัง
 



ดิมาร์โก วิงแบ็กไฉไลของ อินเตอร์ 3เซ็นเตอร์แน่น

ก่อนเกมจะเริ่มต้นเชื่อว่าหากไม่ใช่คอ กัลโช่ เซเรียอา จริงๆ คงจะงงกันพอสมควรควรว่า วิงแบ็กซ้ายของ อินเตอร์ มิลาน รายนี่คือใคร สำหรับ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้สำเร็จ ช่วงที่ โรบิน โกเซนส์ เจ็บยาว
 

ดิมาร์โก ก่อนเกมนัดชิงยูซีแอล ถือว่าเป็นแบ็กที่มีสถิติกาเล่นเกมบุกดีมากๆคนหนึ่งในฤดูกาลนี้ จากผลงาน5ประตู 8แอสซิสต์ รวมทุกรายการ และเมื่อคืนก็เป็นอีกเกมที่น่าประทับใจของวิงแบ็กซ้ายวัย25ปีรายนี้
 

เกมรับถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน กับการรับมือ แบร์นาโด้ ซิลวา ให้พริ้วไม่ออก ไม่หลุดตำแหน่ง แต่ว่าประตูที่เสียไป ดิมาร์โก ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของตน ทิ้งพื้นที่ให้ มานูเอล อคานยี่ ได้จ่ายบอลทะลุง่ายๆ
 

ทว่าในเรื่องของเกมรุก เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ทำได้ปั่นป่วนแนวรับ ซิตี้ มากๆได้ครอสบอลไป3ครั้ง - เข้าแท็กเกิ้ล4หน - เลี้ยงบอลผ่าน4ครั้ง แถมยังมีจังหวะเกือบตีเสมอให้ทีมกับลูกโหม่งไปชนคาน และพยายามจะโขกซ้ำ แต่ทว่าไปติดพวกเดียวกันเองอย่าง ลูกากู
 

3เซ็นเตอร์ของงูใหญ่ เล่นกันได้เหนียวแน่นโคตรๆ แทบไม่ก่อความผิดพลาดให้ ฮาลันด์ เล่นงานเลย (มีโอกาสยิงจะๆหนเดียว) ทั้ง มัตเตโอ ดาร์เมียน - ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ และ อเลสซานโดร บาสโตนี่ เล่นได้ตามแท็กติกที่วางไว้ไม่แตกแถว
 

ส่วนโกลอย่าง อังเดร โอนาบ่า มีช็อตเซฟสวยๆกับลูกยิงของ ฟิล โฟเด้น และลูกซัดมุมแคบของ ฮาลันด์ และที่น่าปรบมือให้โกลชาวแคเมอรูนนั่นก็คือ การออกบอลด้วยเท้า ที่ส่วนใหญ่ทำได้ดีมาก แม้ว่าจะโดนเพรสกดดันอย่างหนัก ก็ยังแจกจ่ายออกบอลให้เพื่อนร่วมทีมเล่นต่อได้สบายๆ
 


อินซากี้ ทำดีที่สุดแล้ว / ลูกากู ภาพเดิม

จากกุนซือที่สุ่มเสี่ยงจะโดน อินเตอร์ มิลาน ปลดถึง2รอบ กับผลงานขึ้นๆลงๆระหว่างฤดูกาล แต่ทว่าผลลัพธ์าสุดท้ายแล้ว ซิโมเน่ อินซากี้ ทำผลงานได้น่าประทับใจเลยทั้ง จบท็อปโฟร์ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก คว้าแชมป์บอลด้วย โคปา อิตาเลีย และเป็นรองแชมป์ยูซีแอล
 

เชื่อว่าก่อนเกมจะเริ่มขึ้น หลายคนน่าจะคิดว่านี่ไม่ใช่งานที่ยากสักเท่าไหร่ สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ แต่ทว่าพอไปวัดกันในสนามต้องบอกว่างูใหญ่ไม่เป็นรองเลย
 

โอเคแม้เปอร์เซ็นต์การครองบอลจะน้อยกว่า 43 ต่อ57 แต่โอกาสยิงประตู งูใหญ่มากกว่าด้วยซ้ำ12 ต่อ7 ซึ่งน่าเสียดายตรงที่ ทีมจากลีกแดนมะกะโรนี จะตั้งใจบุกจริงๆจังๆหลังโดนขึ้นนำไปแล้ว 
 

เรียกได้ว่าแท็กติก รับแล้วรอสวน กองกลางบีบเร็ว เข้าถึงตัว เล่นหนัก ใช้พลังงานเยอะ ที่ ซิโมเน่ อินซากี้ เลือกใช้จะได้ผลมากๆ แต่ทว่าแนวรุกขอพวกเขาขาดความเฉียบคมไปเอง อย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่ทำประโยชน์ให้ทีมน้อยมาก
 

และที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้สำหรับ โรเมลู ลูกากู ที่สร้างคอนเทนต์ อีกครั้งกับการยืนอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลา สกัดลูกโหม่งของ ดิมาร์โก ช่วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดื้อๆ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวแบบนี้ " พี่ตู้ " ก็เคยทำให้เห็นมาแล้ว ในยูซีแอล ปี2020 เกมกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ ที่ไปขวางทางบอลลูกโหม่งของ อเล็กซิส ซานเชซ
 

นอกจากนี้ช่วงท้ายเกม ลูกากู ยังมีโอกาสได้โขกเหน่งๆไร้ตัวประกบระยะ5-6หลา แต่ทว่ากลับขวิดไปตรงกลางให้ เอแอร์ซอน ใช้ขาเซฟดื้อๆ ซึ่งไม่ต้องแปลกใจเลยว่า โรเมลู ลูกากู จะไม่ถูกอินเตอร์ ใช้งานต่อส่งตัวกลับเซลซีแน่นอน

 


เป๊ป ตอกย้ำ ความเป็นกุนซือระดับโลก

ความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองเกาะอังกฤษ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5จาก7ปี ที่เข้ามารับตำแหน่ง สไตล์การเล่นที่ชัดเจน ยากแก่การที่คู่แข่งจะต่อกรได้ พร้อมพัฒนาเรือใบสีฟ้าขึ้นมาเป็นทีมระดับโลก เพราะเป็นเต็ง1ทุกรายการที่ลงแข่งขัน
 

แต่ยังมีสิ่งเดียวที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังทำไม่สำเร็จนั่นก็คือ การพาเรือใบสีฟ้าลำนี้ ผงาดไปเป็นแชมป์ยุโรป ให้ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร จากความพยายาม6ครั้งก่อนหน้านั่นที่ล้มเหลว ใกล้สุดเพียงแค่การเป็นรองแชมป์
 

เมื่อคืนเกมชิงดำกับ อินเตอร์ มิลาน จึงเป็นอะไรที่ เป๊ป หมายมั่นปั้นมือมากๆ เพราะจะเป็นการปลดล็อคสร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสร รวมไปจนถึงลบคำครหาของเจ้าตัว ว่าไม่สามารถคว้าถ้วยใบหูใหญ่ของยุโรปได้ หากไม่มี ลิโอเนล เมสซี่
 

เป๊ป ถือว่าไม่ได้จัดตัวแหวกโผ เหมือนนัดชิงกับเซลซีปี 2021 แต่อย่างใด คราวนี้ให้ โรดรี้ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ไม่เหมือนปี2021 ที่เรือใบสีฟ้า เล่นโดยไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับเลย
 

อาจด้วยความเป็นเกมที่เดิมพันสูงกดดัน ทำให้ ซิตี้ เล่นพลาดกันในช่วงแรก เราจึงได้เห็นยอดโค้ชชาวสเปนรายนี้ ตะโกนบอกให้ลูกทีม รีแล็กซ์ๆ ค่อยๆเล่น จนท้ายที่สุดขึ้นนำและปิดเกมคว้าแชมป์ไปได้
 

นั่นเท่ากับว่า 7ปี ยังเมืองแมนเชสเตอร์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สถาปนาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมเบอร์1ของเกาะอังกฤษเต็มรูปแบบ กวาด12โทรฟี่แชมป์ (ไม่นับ คอมมูนิติ้ ชิลด์) 
 

และเป็นกุนซือรายที่6ที่สามารถ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ แตกต่างกัน2สโมสรที่คุม ซึ่งหากนายใหญ่สมองเพชรรายนี้อยู่คุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อ ก็คงยากเหลือเกินที่ทีมไหนสอยหล่นลงจากบัลลังก์ได้  โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ที่ เป๊ป เซ็ตมาตรฐานทีมคว้าแชมป์ไว้แต้มที่สูงเหลือเกิน

 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง