ในลีกไม่เอาอะไรแล้ว ! ผึ้ง เปิดบ้าน ต่อยผีชุดสำรอง ดับ 4-3 ชาเด้อ ดับเบิ้ลโขก

ในลีกไม่เอาอะไรแล้ว ! ผึ้ง เปิดบ้าน ต่อยผีชุดสำรอง ดับ 4-3 ชาเด้อ ดับเบิ้ลโขก


กลายเป็นว่าพรีเมียร์ลีกไม่เอาอะไรแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาทั้งปล่อยจอยและแพ้เป็นว่าเล่น บวกกับปีศาจแดงเอง มีเกมสำคัญ ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศเลก2 ในวันพฤหัสบดี ทำให้ รูเบน อโมริม ได้มีการโรเตชั่นนักเตะเกือบทั้งทีม นัดที่บุกมาเยือน เบรนท์ฟอร์ด และท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ที่ จีเท็ค สเตเดี้ยม ก็เป็นทัพ " ผึ้งน้อย " ที่เอาชนะ ยูไนเต็ด ไปได้สุดมัน 4-3 พร้อมการเหมาคนเดียว2ประตูของ เควิน ชาเด้อ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะใครในลีกมา5นัดติด ต้องบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด โดยที่มีโปรแกรมห่วง ยูโรป้า ลีก คั่นอยู่กลางสัปดาห์ นั่นทำให้พวกเขา โรเตชั่นนักเตะกันเกือบยกทีม มาในระบบ 3-4-2-1 โกลให้โอกาส อัลตาย บายินดีร์ 3 คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ไทเลอร์ เฟรดริคสัน - มาไตส์ เดอ ลิกส์ และ ลุค ชอว์ วิงแบ็กซ้าย-ขวา แฮร์รี่ อามาสส์ กับ แพทริค ดอร์กู

มิดฟิลด์คู่กลาง มานูเอล อูการ์เต้ กับ ค็อบบี้ เมนู 2 ตัวรุกหลังกองหน้า อเลฮานโดร การ์นาโช่ กับ เมสัน เม้าท์ และหัวหอกตัวเป้าให้โอกาสดาวรุ่ง ชิโด โอบี ฝั่งเจ้าบ้าน เบรนท์ฟอร์ด ที่ระยะหลังฟอร์มดีขึ้นมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 โกล  มาร์ค เฟล็คเค่น
 

แผงแบ็กโฟร์ ไมเคิ่ล คาโย- เนธาน คอลลินส์ - เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ คีน ลูอิส-พ็อตเตอร์ มิดฟิลด์คู่กลาง  คริสเตียน นอร์การ์ด ยืนกับ เยกอร์ ยาร์โมลุค ปีกซ้าย-ขวา ไบรอัน เอ็มเบอโม่ - เควิน ชาเด้อ เพลย์เมคเกอร์ปั้นเกม มิคเคล ดัมส์การ์ด ศูนย์หน้า โยอัน วิสซ่า
 

เป่าเริ่มเกมมาไม่ทันไร เบรนท์ฟอร์ด ของ โธมัส แฟร้งค์ ก็ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดเลย นั่นก็คือการบีบเพรสเข้าใส่ทีมเยือนจนทำอะไรไม่เป็น แต่ทว่ากลับกลายเป็นปีศาจแดงขึ้นนำไปก่อน การ์นาโช่ หลุดมาทางเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเรียดมาให้ เมสัน เมาท์ ยิงเข้าไปง่ายๆ ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 น.14

แต่ทว่าอย่างไรก็ตามแนวรับที่รั่วไหลของ ยูไนเต็ด พวกเขาก็มาโดนตีเสมอ 1-1 จนได้ จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ลุค ชอว์ น.27 และก็มาโดนแซงขึ้นนำหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เดอ ลิกต์ ที่นอนเจ็บอยู่ทำให้ เควิน ชาเด้อ ได้โถมโขกเข้าไปแซงนำ 2-1 น.33 ซึ่งช็อตดังกล่าว เดอ ลิกต์ เล่นต่อไม่ไหว จึงถูกเปลี่ยนตัวออกให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มาแทน
 

เบรนท์ฟอร์ด หวิดจะได้ประตูเพิ่มหลายครั้งทั้ง ชาเด้อ ได้ลากมายิง รวมถึง นอร์การ์ด โฉบมาโหม่ง แต่ บายินดีร์ ยังซุปเปอร์เซฟช่วยไว้ได้ จบครึ่งแรก เจ้าบ้านเป็นฝ่ายนำ 2-1 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าสุด ซึ่งออกสตาร์ทครึ่งหลัง อโมริม ก็เปลี่ยนตัวเลย ดอร์กู และ ชอว์ ที่ห่วยมากๆออก ให้ เลนี่ โยโร่ กับ อาหมัด ดิยัลโล่ ลงมาเล่นแทน
 

45นาทีหลังปีศาจแดงรูปเกมดีขึ้น แต่ทว่าด้วยความปวกเปียกในแนวรับ ทำให้พวกเขาโดนทีเด็ดของเจ้าบ้านยิงเพิ่มอีก2เม็ด ฉีกหนีเป็น 4-1 ชาเด้อ เจ้าเดิมได้โหม่งอีกครั้ง น.70 และจังหวะชิ่งสวยๆ วิสซ่า ก่อนไปจบที่ยิงเข้าไปง่ายๆ น .74

ด้วยสกอร์ที่ขาดลอย นึกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะปล่อยจอยแล้ว แต่ทว่าพวกเขาก็ยังพยายามเต็มที่ เพื่อไล่ประตูคืนกลับมา และได้ การ์นาโช่ ลากตัดจากขวาเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวานอกเขตโทษเข้าไปสุดสวย ไล่มา 2-4 น.85
 

ก่อนที่ อาหมัด จะลากตัดจากซ้ายเข้ากลาง แล้วซัดด้วยซ้าย ลอดขา เฟล็คเค่น ที่คิดว่าเพื่อนจะสกัดบอล ผ่านเข้าประตูไป 4-3 น.90+5 แต่ทว่าไล่ไม่ทัน ผู้ตัดสิน แอนโทนี่ เทย์เลอร์ เป่านกหวีดจบเกม เป็น เบรนท์ฟอร์ด ที่เปิดบ้านชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 4-3
 


ชาเด้อ โขก2ตุงใส่แนวรับผี

แม้ว่าจะมีส่วนสูงเพียงแค่ 183 ซม. แต่ทว่า2ประตูที่ เควิน ชาเด้อ ทำได้ในนัดกับปีศาจแดงมาจากลูกโขกทั้งสิ้น ซึ่งประตูแรกที่โหม่งเข้าไปต้องบอกว่า เป็นความเฮงของเจ้าตัวด้วยที่ เซ็นเตอร์ตัวกลางอย่าง เดอ ลิกต์ นอนเจ็บอยู่ ทำให้ไม่ยากเลยที่จะโถมเอาชนะกองหลังดาวรุ่งอย่าง เฟรดริคสัน
 

ชาเด้อ มาทำประตูที่ 2 ด้วยลูกโขกที่สบายๆ จากลูกโยนมาให้ของ เอ็มบูโม่ พื้นที่บริเวณนั้นมีแนวรับปีศาจแดงคนเดียวคือ เฟรดริคสัน ซึ่งหากเลยจาก ชาเด้อ ไป ก็ยังมีผู้เล่นของเบรนท์ฟอร์ด อยู่อีกถึง2คน
 

ชาเด้อ แม้จะไม่มีส่วนร่วมกับทีมมาก แต่ก็ยังสอดขึ้นมาทำได้2ประตู อย่างเหมาะเจาะ ซึ่งอีกจุดที่ต้องชม " เดอะ บีส์ " นั่นก็คือเกมริมเส้นฝั่งขวาของแบ็กที่ไม่ค่อยได้ลงสนามอย่าง ไมเคิ่ล คาโยเด้ ที่เมื่อคืนเด่นมากๆกับการโจมตี อามาสส์
 

คาโยโด้ เล่นเอา แฮร์รี่ อามาสส์ วิ่งหัวหมุนเลย แบ็กวัย20ปีรายนี้ เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมเยือนมากถึง5ครั้ง จ่ายคีย์พาสได้อีก2หน ส่วนในเกมรับก็ไม่เลยเคลียร์บอลได้2ครั้ง ตัดบอลได้อีก2ครั้ง ยิ่งพอมาคอมโบกับ เอ็มโบโม่ ยิ่งอันตราย
 

ซึ่งจุดที่ต้องชม โธมัส แฟร้งค์ มากๆเมื่อคืนนั่นก็คือ การวางแท็กติกที่เป็นจุดแข็งตัวเอง และมาโจมตีจุดอ่อนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เข้าเป้าแบบ10/10 นั่นก็คือ การบีบเร็ว และการเล่นงานลูกกลางอากาศ
 


ยืนหลัง3ยังไง ให้เสียประตูเยอะทุกนัด

ปรกติของทีมที่เล่นติดตั้งระบบหลัง3 แนวรับจะต้องมีความเหนียวแน่นเสียประตูยากขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ทว่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ รูเบน อโมริม ไม่ใช่เลย พวกเขาเสียประตูเป็นว่าเล่น เสียประตูจากทุกรูปแบบ และเสียแบบโง่ๆ
 

นับตั้งแต่ รูเบน อโมริม เข้ามารับตำแหน่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียไปแล้วถึง 39ประตูในพรีเมียร์ลีก จาก 24นัด รักษาคลีนชีตได้เพียงแค่ 4 นัด สิ่งหนึ่งที่เห็นมาตลอดกับระบบ3เซ็นเตอร์แบ็กของ ปีศาจแดงนั่นก็คือ การยืนที่ย้วย ช่องว่างมากมายมหาศาล
 

ประตูแรกที่เสีย1-1 ก็เริ่มต้นจาก แพทริค ดอร์กู ที่มั่วซั่วแทบทุกจังหวะ เตะบอลจุดพลุมั่วพาที่หน้าประตูตัวเอง รวมไปจนถึง ลุค ชอว์ ที่ประสบการณ์อยู่กับทีมมา 10ฤดูกาล สื่อสารไม่ดี และแหย่จังหวะนรกมากทำเข้าประตูตัวเอง
 

รวมถึงประตูที่โดนแซง 2-1 โอเค จะว่าเป็นโชคร้ายก็ได้กับจังหวะต่อเนื่อง เพราะ เดอ ลิกต์ นอนเจ็บอยู่ ส่งผลให้ในเขตโทษว่างมาก ทำให้ เฟรดริคสัน ที่เชิงบอลไร้ประสบการณ์อยู่แล้ว โดน ชาเด้อ โถมโขกเอาชนะไปได้ง่ายๆ โดยที่ไม่มีผู้เล่นรายอื่นมายืนทดแทนตำแหน่ง เดอ ลิกต์ เลย
 

จึงไม่แปลกใจเลยที่ทั้ง ชอว์ และ ดอร์กู จะโดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่พักครึ่ง 45นาทีหลังแม้ว่าจะมีทั้ง แม็คไกวร์ และ โยโร่ แต่การยืนตำแหน่งของ3เซ็นเตอร์ก็ยังพลาดระดับอนุบาลเหมือนเดิม ลูกโขก 3-1 ไม่รู้ แม็คไกวร์ ยืนล่นไปไหน ทำให้เมื่อบอลเลยเจ้าตัวมา เป็นการดวลกันของ เฟรดริคสัน กับ แนวรุกเบรนท์ฟอร์ด ที่มีอยู่ตรงนั้นถึง3คน



เช็กฟอร์มดาวรุ่งผี

ด้วยความที่ในพรีเมียร์ลีก ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว ไม่ต้องตกชั้นและไม่ต้องหวังถึงพื้นที่ฟุตบอลถ้วยยุโรป หรืออาจจะรวมไปจนถึง การลุ้นทำอันดับให้จบครึ่งบนของตาราง เพราะมาจนถึงโปรแกรมนัดที่ 35 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถเอาชนะใครในลีกได้2นัดติดเลย บวกกับวันพฤหัสบดีนี้ ปีศาจแดง มีเกมรอบรอง ยูโรป้า กับ บิลเบา ด้วย
 

นั่นทำให้เราได้เห็น11ผู้เล่นดาวรุ่ง ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงกันหลายรายทั้ง ไทเลอร์ เฟรดริคสัน (20ปี) - แฮร์รี่ อามาสส์ (18ปี) และ ชิโด โอบิ- มาร์ติน (17ปี) ซึ่งเอาตรงๆฟอร์มของเหล่าผู้เล่นวัยรุ่นเหล่านี่ไม่โสภาเท่าไหร่
 

ในรายของ เฟรดริคสัน เห็นได้ชัดเลยว่า ชั้นบอล เกรดบอล รวมไปจนถึงประสบการณ์ยังเวทีพรีเมียร์ลีก กระดูกยังไม่ถึงจริงๆ ประตู 2-1 ก็โดน ชาเด้อ โถมโขกเข้าไปง่ายๆ
 

การยืนตำแหน่งของเจ้าตัว กับ เซ็นเตอร์ตัวกลางทั้งช่วงที่เป็น เดอ ลิกต์ และ แม็คไกวร์ มีช่องว่างมหาศาล มีปัญหาอย่างยิ่งกับการปะทะเล่นลูกกลางอากาศ ส่วนในรายของ อามาสส์ ก็โดน เอ็มโบโม่ เผาเครื่องเป็นว่าเล่น
 

เจ้าหนูวิงแบ็กรายนี้ วิ่งหัวซุกหัวซุนเลย ดีที่45นาทีหลังดีขึ้นบ้าง ส่วน ชิโด โอบิ เล่นไปเล่นมาต้องบอกว่า ทำให้เห็นเงา มาร์คัส แรชฟอร์ด เช่นกัน เงาที่ว่านั่นคือจังหวะวิ่งเหยาะๆ จังหวะพลิกบอลบังบอลในเขตโทษยังไม่แข็งแรง
 

อดีตเด็กปั้นอาร์เซน่อลรายนี้ มีจังหวะล็อกได้ยิงในเขตโทษช่วงทดเจ็บ แต่ทว่าน่าเสียดายที่โดนบล็อกไว้ก่อน เมื่อเห็นการเล่นของเจ้าหนูเบอร์56รายนี้ต้องบอกว่า ต้องเก็บสะสมชั่วโมงบินในพรีเมียร์ลีกอีกพอสมควร กว่าจะใช้งานได้จริงจัง

 

ผึ้งน้อยใช้จุดเด่นตัวเองเล่นงานผีอยู่หมัด

ครึ่งฤดูกาลแรกหลุดไปเหมือนกันสำหรับ เบรนท์ฟอร์ด แต่ทว่าหลังจากปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา พวกเขามีฟอร์มที่ดีขึ้นผิดหูผิดตา ชัยชนะ4-3 เหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่ากับว่า " ผึ้งน้อย "คว้าชัยในเกมลีกมาแล้ว 3นัดติดต่อกัน ขึ้นมาอยู่อันดับ9ของตาราง
 

ก่อนเกมจะเริ่มต้น ก็เป็นอันรู้ๆอยู่แล้วว่า ภายใต้การทำงานของ โธมัส แฟร้งค์ นั้นตัดแต่งให้ทีมมีจุดเด่นทางด้านไหน ซึ่งนั่นก็คือลูกตั้งเตะ เตะมุม หรือแม้กระทั่งลูกทุ่ม สำหรับ เบรนท์ฟอร์ด ก็เป็นอาวุธอันตรายของพวกเขาได้
 

เราจึงได้เห็นเกมกับ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน ครอสบอล เล่นลูกกลางอากาศเข้าใส่ผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง และทำให้กระบวนท่าแนวรับของปีศาจแดงมีสั่นคลอนทุกครั้ง และบอลเปิดครอสของพวกเขาก็ได้ผลมากๆ และผลลัพธ์ก็มาจากลูกโขก2ประตูของ ชาเด้อ
 

แม้ว่าจะไม่ได้ประตูจากลูกเตะมุม แต่ทว่าทั้ง7ครั้งที่ได้เปิดเข้ามา เล่นเอาแนวรับปีศาจแดง และ บายินดีร์ ปั่นป่วนพอควร เรียกว่าเป็นเจ้าพ่อบอลไดเร็คของอังกฤษอีกทีมหนึ่งได้เลย และจุดเด่นของ เบรนท์ฟอร์ด ที่ไปขัดกับจุดสลบของ แมนยู นั่นก็คือการเพรสซิ่ง
 

 " เดอะ บีส์ " บีบเร็วมากๆเวลาผู้เล่น แมนยู ได้บอล ทำให้ทำอะไรไม่ถนัด นั่นทำให้เราได้เห็นทีมของ รูเบน อโมริม ต้องส่งบอลคืนหลังประจำเพราะไปไหนต่อไม่ได้ หรือถึงขนาดโดนหนักๆต้องถอยล่นไปให้ บายินดีร์ หวดตูมเดียวมั่วๆมาก็มี
 


เม้าท์ - อาหมัด ยิงได้ แง่บวกของผี

การโรเตชั่นในการบุกไปสนาม จีเท็ค สเตเดี้ยม แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแพ้กลับมา แต่ทว่านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่แฟนบอลผีแดงน่าจะพอเข้าใจและรับได้ เพราะว่ามีโปรแกรมสำคัญ รอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า กับ แอธเลติก บิลเบา คืนวันพฤหัสบดี
 

แข้งตัวหลักอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ - เลนี่ โยโร่ - นุสแซร์ มาซราวี - กาเซมิโร่ - บรูโน่ แฟร์นันเดซ - ราสมุส ฮอยลุนด์ หรืออาจรวมไปจนถึงผู้เล่นเอ้าท์ฟิลด์อย่าง อ็องเดร โอนาน่า รายชื่อเหล่านี้เป็นเพียงตัวสำรอง
 

สุดท้ายความปราชัย 4-3 ไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว เพราะนี่คือการแพ้16ในพรีเมียร์ลีกของพวกเขา ซึ่งหากจะหาจุดดี ก็พอมีให้เห็นบ้าง อย่าง เมสัน เมาท์ ที่กลับมายิงประตูได้ในรอบกว่า1ปี ซึ่งหนสุดท้ายที่ เจ้าของค่าตัว60ล้านปอนด์ ยิงได้ ก็คือนัดกับ เบรนท์ฟอร์ด นี่แหละ 30 มีนาคม
 

ครึ่งหลัง หลังจากที่ อาหมัด ลงมารูปเกมถือว่าดีขึ้นนะ ครองบอล ขึงเกมรุกได้ระดับหนึ่ง ก่อนท้ายที่สุด " บังหมัด " จะมาซัดประตูไล่มา 3-4 ได้ อีกคนที่น่าชื่นชมเมื่อคืนคือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ แม้จะมีทำเสียเปิดล้นเปิดติด แต่ปีกเลือดฟ้า-ขาว ไม่ถอดใจ มี1ประตู 1แอสซิสต์ และประตูนอกเขตโทษของเจ้าตัว ก็สวยส่งเข้าลูกยิงประจำสัปดาห์ได้เลย
 

บรูโน่ - กาเซมิโร่ - มาซราวี รวมถึง ฮอยลุนด์ คือเหล่าผู้เล่นที่ได้พักเต็มๆในนัดนี้ เก็บสดไว้บู๊กับ บิลเบา ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปล่อยจอยในพรีเมียร์ลีกสุดๆ จนมีสถิติเลวร้ายตามมามากมาย และสิ่งเดียวที่จะลบความห่วยแตกนั้นได้ ก็คือการคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก เท่านั้น เพราะ รูเบน อโมริม ทุบหม้อข้าวเกมลีกไปนานแล้ว

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง