บรูโน่ แฮนด์บอลโง่ๆ ! ผี แผ่ว โซเซียดาด ตามเจ๊า 1-1 การ์นาโช่ ยิงนกตกปลา

บรูโน่ แฮนด์บอลโง่ๆ ! ผี แผ่ว โซเซียดาด ตามเจ๊า 1-1 การ์นาโช่ ยิงนกตกปลา


เป็นรายการเดียวที่เหลืออยู่ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเน้นสุดๆ เพื่อก้าวไปให้ถึงแชมป์ให้ได้ สำหรับ ยูโรป้า ลีก โดยพวกเขาผ่านทะลุเข้ามาได้ถึงรอบ16ทีม โดยมีคู่แข่งคือ เรอัล โซเซียดาด ที่ซีซั่นนี้ไม่ได้แข็งเท่าไหร่ อยู่กลางตาราง ลาลีก้า และเกมแรกที่ปีศาจแดง ต้องบุกไปเยือนถึงสเปน พวกเขาเกือบจะชนะได้อยู่แล้ว แต่ทว่ามาพลาดท่า โดนตีเสมอจากลูกแฮนด์บอลจนเสียจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ จบ90นาที 1-1

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ในพรีเมียร์ลีก ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว อยู่อันดับ14ของตาราง แต้มห่างๆมากๆกับทีมโซนตกชั้น แต่ครั้นจะให้ ทำคะแนนพุ่งไปจบอันดับเลขเดียว ก็จะยากมากๆกับฟอร์มแบบนี้
 

ถ้วยเดียวที่ยังเป็นความหวังสูงสุด ทางลัดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นก็คือ ยูโรป้า ลีก ซึ่งรอบ16ทีมสุดท้าย เลกแรก ปีศาจแดง ต้องดวลกับ เรอัล โซเซียดาด รูเบน อโมริม เล่นระบบเดิม 3-4-2-1 ผู้รักษาประตู อ็องเดร โอนาน่า 3เซ็นเตอร์แบ็ก ไม่มี แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่เจ็บ ทำให้เป็นหน้าที่ของ นุสแซร์ มาซราวี - มาไตส์ เดอ ลิกต์ และ เลนี่ โยโร่

วิงแบ็กซ้าย-ขวา แพทริค ดอร์กู กับ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ มิดฟิลด์คู่กลาง กาเซมิโร่ ยืนกับ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ตัวรุก2ตัวหลังกองหน้า อเลฮานโดร การ์นาโช่ ประสานงานกับ โจซัว เซิร์กเซ่ ศูนย์หน้าไม่มีทางเลือก ราสมุส ฮอยลุนด์ ฝั่งเจ้าบ้าน เรอัล โซเซียดาด มีข่าวร้ายเล็กน้อยก่อนเกม เมื่อ มิดฟิลด์ตัวเก่ง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ ป่วยทำให้ไม่มีชื่อ
 

กุนซือ มานอล อัลกูอาซิล เล่นในระบบ 4-3-3 นายด่าน อเล็กซ์ โรมีโร แผงแบ็กโฟร์ไล่จากขวาไปซ้าย อาริตซ์ เอลุสตอนโด - นาเยฟ อาเกิร์ด - อีกอร์ ซูเบลเดีย และ ไอเยน มูนญอซ 3มิดฟิลด์ ลูกา ซูชิช - เบนญัต ตูร์เรียนเตส กับ บราอิส เมนเดซ ริมเส้นฝั่งซ้าย อันเดร์ บาร์เรเนตเซีย ฝั่งขวา ทาเคฟุสะ คุโบะ และ กองหน้า มิเกล โอยาร์ซาบาล ผู้ยิงประตูชัยพาสเปนคว้าแชมป์ ยูโร 2024
 

เริ่มเกมที่สนาม เรอาเล่ อารีน่า ออกสตาร์ทมาก็เห็นได้เลยว่า นี่น่าจะเป็นอีกแมตช์ที่ชวนง่วงเหงาหาวนอนสุดๆ เพราะสปีดบอลช้าทั้งคู่ หาไอเดียการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้ แม่ว่า เรอัล โซเซียดาด จะครองบอลเยอะว่า แต่โอกาสทำประตูของพวกเขาไม่มีเลย

กลายเป็นท้ายครึ่งแรก ปีศาจแดงได้ลุ้นมากกว่า ทั้งจากจังหวะยิงของ บรูโน่ แต่ไปติดบล็อกแนวรับเจ้าบ้าน บอลขลุกขลิกหน้าประตู จังหวะสุดท้ายเป็น เซิร์กเซ่ ดีดออกหลังไป รวมถึง ดาโล่ต์ เอง ได้พุ่งตอร์ปิโด โขก ลูกเปิดของ บรูโน่ แต่ไม่ยากเกินมือของ โรมีโร จบครึ่งแรก 0-0
 

และแล้วครึ่งหลังปีศาจแดง ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ การ์นาโช่ เปิดบอลเรียดเข้าตรงกลางให้ เซิร์กเซ่ กดด้วยขวา แม้ไม่มุมมาก แต่ก็ผ่านมือ โรมีโร เข้าไปได้ ขึ้นนำ1-0 น.57 หลังจากนั้น ยูไนเต็ด ก็ยังดูเหนือกว่าและครองบอลได้มากขึ้น ฝั่งเจ้าบ้านก็เหมือนหมดมุกจะตีเสมอแล้ว

แต่ทว่าจากลูกเตะมุมที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทว่าทีมงาน VAR ได้ท้วงให้ผู้ตัดสินไปดูจอ อีวาน ครูซลิยัค เมื่อได้เห็นภาพช้าจึงให้จุดโทษ เพราะ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ไปกางแขนออกมา และก็เป็น โอยาร์ซาบาล สังหารจุดโทษ ส่ง โอนาน่า พุ่งผิดทางตีเสมอเป็น 1-1 น.70
 

หลังจากนั้นเกมก็เป็นของเจ้าบ้านเลย เพราะได้โมเมนตัมเหวี่ยงกลับมา มีทั้งลูกยิงของ บราอิส เมนเดซ ที่ โอนาน่า ต้องออกแรงเซฟ และตัวสำรองอย่าง ออร์รี ออสการ์สสัน ได้ชาร์จโล่งๆ แต่หลุดออกไปแบบไม่น่าเชื่อ และได้ยิงอีกครั้งช่วงทดเจ็บ น.90+4 แต่ไม่หนีมือ " บิ๊กโอ" จบ 90 นาที เสมอกันไป 1-1 ไปวัดกันเลก2ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 

ภาพหายากโคตร กาเซมิโร่ เล่นแจ่ม

กาเซมิโร่ ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะตัวหลัก มานูเอล อูการ์เต้ มีอาการบาดเจ็บ นั่นทำให้แฟนบอลปีศาจแดง เสียวอยู่ไม่น้อย เมื่อได้เห็น กองกลางชาวบราซิลรายนี้ลงสนาม เพราะภาพติดตาในฤดูกาลนี้ของ กาเซมิโร่ คือความช้า อืดอาด
 

ทีมในพรีเมียร์ลีกที่รู้ทางหมดแล้ว บีบ เพรสซิ่งเร็ว เข้าใส่ กาเซมิโร่ แบบสนุกสนานเลย เพราะเจ้าตัวเป็นแข้งที่ช้าและโรยราตามอายุ ทำให้บอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปตายตรงที่ "เกษม " หลายครั้ง แถมจังหวะแย่งบอลสไลด์ยังน่าหวาดเสียวมากๆ กลัวว่าจะโดนแต่คนไม่โดนบอล
 

แต่ทว่าเกมกับ เรอัล โซเซียดาด นั้นต่างออกไป เจ้าบ้าน ไม่ได้บีบหรือพุ่งเข้าใส่ กาเซมิโร่ หรือ ผู้เล่นแมนฯยู เลย นั่นทำให้ อดีตมิดฟิลด์ เรอัล มาดริด รายนี้เล่นง่าย ดึงบอล พลิกหลบจังหวะเพรสซิ่งที่ไม่ดุดันมากได้แบบชิลๆ
 

กาเซมิโร่ เอาชนะจังหวะแท็กเกิ้ลได้ถึง 5ครั้ง / เอาชนะการดวลได้ 8หน / บล็อคบอลกับตัดบอลได้อย่างละ 2ครั้ง  การบีบแย่งบอลที่ไม่หนักหน่วงของเจ้าบ้าน บวกกับการขาด ซูบิเมนดี้ ไม่รู้นั่นเป็นอีกเหตุผลเปล่าที่ทำให้ กองกลางวัย33ปี ผลงานแจ่ม
 

ส่วนทางด้าน บรูโน่ แฟร์นันเดซ ถ้าไม่นับลูกเสียค่าโง่แฮนด์บอลจนเป็นจุดโทษ " กัปตันหน้าหนวด " ถือว่ามีเกมที่ดีนะ ในเรื่องของการจ่ายบอล เราได้เห็นบอลวางยาวไปให้ ดอร์กู หลายครั้ง และไม่เร่งจังหวะจนเกินไปเหมือนหลายๆนัด ก่อนหน้า
 


ดอร์กู ดูดีๆ เปิดบอลไม่แม่น

ติดโทษแบนในรายการฟุตบอลอังกฤษ แต่ทว่าใน เวที ยุโรป แพริค ดอร์กู ยังสามารถลงสนามเล่นได้ตามปรกติ และวิงแบ็กฝั่งซ้าย น่าจะเป็นตำแหน่งถาวรแล้วที่ แข้งชาวเดนมาร์กจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงหลังช่วงแรก มีแก้ขัดไปยืนทางขวา
 

หลายนัด ดอร์กู ก็ทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ความธรรมชาติของเกมรุก เจ้าตัวทำได้ดีกว่า ดิโอโก้ ดาโล่ต์ เพราะจังหวะเติมสวย ค่อนข้างรู้จังหวะจะโคนของเกม นั่นเราจึงได้เห็นบอลยาวจาก บรูโน่ ไปให้ แพทริค ดอร์กู หลายครั้ง กับหลายนัดที่ผ่านมา
 

แต่จากที่เริ่มจับสังเกตุได้ ตอนนี้จุดอ่อนของเจ้าตัวนั่นก็คือ ความแม่นยำในการเปิดครอสบอล บอกตรงๆว่า เมื่อใดที่อดีตแข้งเลชเช่รายนี้ ได้เปิดเรียดหรือครอสมาจากริมเส้น เราแทบไม่ได้เห็นมันไปเข้าเป้าจุดนัดพบของเพื่อนร่วมทีมเลย
 

ล้น เกิน ขาด นี่คือการเปิดของ ดอร์กู นับตั้งแต่ย้ายมา แมนยู  มีเข้าเป้าหนเดียวน่าจะเป็นจังหวะเปิดเสาสองไปให้ การ์นาโช่ ที่ยิงเข้าข้างตาข่าย ส่วนในเรื่องของเกมรับ ท้ายเกมเจ้าตัวก็เหมือนหมดแรงเอา เกมรุกริมเส้นของเจ้าบ้านไม่อยู่เช่นกัน
 

ลูกจ่ายของ ตัวสำรอง เชราลโด เบคเกอร์ ให้ ออสการ์สสัน ชาร์จจ่อๆออกหลังไปดื้อๆ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ริมเส้นฝั่งนั้นว่างก็เพราะ ดอร์กู นี่แหละที่พยายามไปเสียบแล้ววืดจนหลุดตำแหน่ง ให้ มาซราวี ต้องมาตามโคฟเวอร์ประกบ

 

ดาโล่ต์ ควง ออยลุนด์ พากันไม่เอาอ่าว

กลายเป็นคู่ขวัญ  " ลูกโล่ต์ " กับ " พ่อริม " ไปแล้ว เพราะหากว่าไม่เจ็บ ไม่แบน เขาขอจองโควตาตัวจริงวิงแบ็กเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งซ้ายหรือขวา ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก็พร้อมทำหน้าที่ทุกอย่างที่เจ้านายสั่งแบบไม่มี อิดออด ความขยัน มุ่งมันทุ่มเท แฟนผีไม่มีเถียงอยู่แล้ว
 

แต่ทว่าในเรื่อง IQ ฟุตบอล ความเนี๊ยบในการเล่น หรือเอาง่ายๆแค่เล่นแล้วไม่มึน ดาโล่ต์ ยังทำไม่ได้เลย และมักจะมีช็อตพลาดเล็กๆน้อยๆ แบบไม่น่าพลาดให้เห็นหลายครั้ง เมื่อคืนแบ็กชาวโปรตุเกส มีจ่ายบอลเสียง่ายๆให้เห็น มีลื่น
 

บอลที่ไปถึงเจ้าตัว มักจะมีคืนหลังตามสูตร เล่นประคองตัว ทั้งที่ควรพุ่งทะยานไปข้างหน้าแท้ๆ จัดได้ว่าเป็นแบ็กที่นอกจากจะกระชากไม่เป็นแล้ว ยังมักมีอะไรให้เห็นขัดหูขัดตา ไม่เนี๊ยบอีกด้วย แถ่ถึงกระนั้นก็ดี ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก็จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้อยู่ในสนามครบ90นาทีประจำ
 

ช็อตที่ถูกวิจารณ์เป็นอย่างมาก นั่นก็คือการหลุดมาทางฝั่งขวา กลับไม่เลือกเปิดเรียดเข้ากลางให้ ฮอยลุนด์ ที่วิ่งหมายจะชาร์จประตู แต่กลับเลือกทำในสิ่งที่ถนัดนั่นก็คือ งึกๆงักๆ คืนหลังให้ การ์นาโช่ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็นอะไรทำนองนี้กับ ดาโล่ต์
 

ส่วน ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่รวมเมื่อคืน ทำให้เจ้าตัว เป้าสะอาดยิงประตูไม่ได้มา 19นัดติดต่อกันแล้ว เวลาได้ลงสนาม ดาวรุ่งแดนโคนม ก็ยังทำแบบเดิมๆ นั่นก็คือ เก็บบอลไม่ได้ หาช่องไม่เก่ง เหมือนกับเพื่อนร่วมทีมไม่เชื่อใจแล้วด้วย ล้มแผละๆ
 

90นาทีที่อยู่ในสนาม เรอาเล่ อารีน่า ฮอยลุนด์ มีโอกาสยิง0ครั้ง มักไปแอบหลู่หลังเซ็นเตอร์คู่แข่ง ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 0ครั้ง จากการดวล3ครั้ง แถมยังเสียบอลมากถึง8หนอีกด้วย ไม่มีสัญญาณว่าจะดีขึ้น แม้แต่นิดเดียวเลยจริงๆ

 

โซเซียดาด เหมือนไม่ได้ศึกษา แมนฯยู

ฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ6 ได้ไปเล่น ยูโรป้า ลีก แต่ทว่าพอมาซีซั่น 2024-2025 นี้ พวกเขาดร็อปลงไปเยอะเลยสำหรับ เรอัล โซเซียดาด เพราะปัจจุบัน อยู่อันดับ11ของ ลาลีก้า และพึ่งแพ้ บาร์เซโลน่า มานับเยิน 4-0 เกมกับ แมนฯยู เมื่อคืน ถือว่าพวกเขาเสียหายไม่น้อยกับการขาด มาร์ติน ซูบิเมนดี้
 

ทางด้านกุนซือ มานอล อัลกูอาซิล ที่อยู่คุมทีมดัง " แคว้นบาสก์ " จากชุดเยาวชน เมื่อปี 2011 ก่อนก้าวมาสู่ชุดใหญ่ เมื่อปี 2018 การดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นายใหญ่วัย53ปี เหมือนไม่ได้ศึกษาคู่แข่งเท่าไหร่
 

ปีศาจแดง มี่มีจุดอ่อนอยู่แล้ว เวลาโดนบีบเพรสซิ่งเร็ว แต่ อัลกูอาซิล กลับไม่ได้เล่นแบบนั้น ปล่อยให้ ทีมเยือน ครองเกมครองบอลได้แบบสบายๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ออกบอลง่าย โดยเฉพาะในรายของ กาเซมิโร่
 

ตอนที่โดนนำ 1-0 เหมือนจะจบไปแล้วนะ เพราะ เรอัล โซเซียดาด เร่งเกมไม่ขึ้นเลย จนมาได้ประตูตีเสมอแบบเฮงๆ จากลูกแฮนด์บอลของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ นั่นแหละ หลังจากที่สกอร์เป็น 1-1 เกมโมเมนตัมก็กลายเป็นของเจ้าบ้านเลย
 

ตัวสำรองที่ลงมาอย่าง เชราลโด เบคเกอร์ ทำได้ดีมากๆ และเกือบจะทำแอสซิสต์ เป็นประตูชัยได้ด้วยแต่ สำรองอีกรายอย่าง ออร์รี ออสการ์สสัน ชาร์จออกไปแบบเหลือเชื่อ รวมถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ออสการ์สสัน เจ้าเก่า ได้ซัดแต่ไปติดเซฟ โอนาน่า

 

1-1 ไม่เสียหาย แต่เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น่าหวาดเสียว

ก่อนเกมจะยกพลไปฟาดแข้งกับ เรอัล โซเซียดาด ถึงสเปน เชื่อว่าหากไม่แพ้กลับมา แฟนๆผีแดง ก็น่าจะพอใจแล้ว แต่ทว่าเมื่อได้ลงไปวัดกันในสนาม ด้วยรูปเกมที่ออกมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดหวังถึงผลลัพธ์ที่จะเอาชนะได้เลย เพราะเจ้าบ้านไม่ได้ดีเท่าไหร่
 

สุดท้ายการกลับออกมาด้วยสกอร์ 1-1 แม้ไม่จะไม่ได้เสียหายถึงแพ้ แต่เมื่อดูจากรูปเกมก็น่าเสียดายไม่น้อย โดยเพราะตอนที่สกอร์นำ 1-0 เจ้าบ้านไม่ได้มีหือ มีอือ อะไรแล้ว อเลฮานโดร การ์นาโช่ ใช้โอกาสเปลืองเช่นเดิม และถูกใจเหลือเกินกับการเลือกยิงเสาแรก แล้วไปเข้าข้างตาข่าย
 

ทีมของ รูเบน อโมริม มีจุดสลบเดิมที่แก้ไม่หายคือ พวกเขาพร้อมที่จะเสียโมเมนตัมได้ทุกเสี้ยววินาทีในเกม ลูกจุดโทษของ โอยาร์ซาบาล ตีเสมอ 1-1 น.70 เท่านั้นแหละ สติและกระบวนท่าของปีศาจแดง แตกซ่านเลย ถึงขนาดเกือบแพ้
 

ส่วน อโมริม ก็น่าตำหนิไม่น้อยกับการเลือกเปลี่ยนตัว เหมือนจะอยากได้ผลเสมอกลับบ้าน ทั้งที่ก็มีโอกาสเผด็จศึก โซเซียดาด เช่นกัน เพราะเปลี่ยนเอาตัวเกมรุกที่พอจะทะลุทะลวงได้ออกอย่าง การ์นาโช่ แล้วให้ คริสเตียน อิริคเซ่น ลงมาแทน รวมไปจนถึงส่งมิดฟิลด์ตัวดาวรุ่งอย่าง โทบี้ คอลลิเยอร์ ลงมาแทน เซิร์กเซ่
 

สรุปแล้วผลเสมอ 1-1 ในเกมเยือน ถือว่าไม่เลวร้ายเลย แต่ทว่า ฤดูกาลนี้ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน โอลด์ แทร็ฟอร์ด บ่อยเหลือเกิน ในลีกแพ้คาโรงละครแห่งความฝันไปแล้วถึง7นัด ช่างก็น่าหวั่นใจเหลือเกิน
 

ทว่าอย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นกระท่อนกระแท่นขนาดนี้ แต่ทว่าในเกมยุโรป พวกเขายังไม่แพ้ใครเลย นี่น่าจะเป็นมุมบวกให้แฟนบอลอยู่บ้าง นัด2 รูเบน อโมริม ต้องเน้นสุดๆแล้ว เพราะเป็นถ้วยเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้จบฤดูกาล 2024-2025 ไปเลวร้ายกว่านี้

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง