ค่ำคืนมหัศจรรย์ ที่ เอมิเรต ! ปืน ร่างทอง ยิง ชุดขาว ยับ 3-0 ไรซ์ เบิ้ลฟรีคิก 10เต็ม10

ค่ำคืนมหัศจรรย์ ที่ เอมิเรต ! ปืน ร่างทอง ยิง ชุดขาว ยับ 3-0 ไรซ์ เบิ้ลฟรีคิก 10เต็ม10


ก่อนเกมดูเหมือนจะเป็นรองมากๆ สำหรับ อาร์เซน่อล ที่จะพบกับ เรอัล มาดริด ในรอบ8ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก เพราะพวกเขาเหมือนจะประสบการณ์น้อยในถ้วยดังกล่าว ผิดกับราชันชุดขาวที่เขี้ยวลากดินสุดๆ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเมื่อไปวัดกัน90นาที ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม กลับกลายเป็นว่าลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ระเบิดพลังขั้นสุดยอด เหนือกว่ายอดทีมจากสเปนทุกเหลี่ยมมุม ปูพรมถล่มเอาชนะไปได้ 3-0 ซึ่งพระเอกของเกมไม่ใช้ใครที่ไหน เดแคลน ไรซ์ ที่ซัดเบิ้ลฟรีคิกสุดสวย

 

อาร์เซน่อล ที่ ณ ตอนนี้ มีเพียงถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น ที่พอจะมีความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ เพราะในลีก พวกเขายังตามหลังลิเวอร์พูล มากถึง11แต้ม เกมกับ เรอัล มาดริด เมื่อคืน ทีมของ อาร์เตต้า จึงทุ่มเททุกอย่างทุกสิ่งออกมา ปืนโต เล่นระบบเก่ง 4-3-3

นาด่าน ดาบิด ราย่า แบ็กขวา-ซ้าย เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ กับ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ยาคุบ คิวิออร์ ได้ยืนคู่กับ วิลเลี่ยม ซาลิบา 3 มิดฟิลด์ โธมัส ปาร์เตย์ - เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ตัวรุกริมเส้น บูกาโย่ ซาก้า - กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หน้าเป้า มิเกล เมริโน่
 

ฟากผู้มาเยือน เรอัล มาดริด พวกเขาพึ่งช็อกพ่าย บาเลนเซีย คาบ้าน มา 1-2 กุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ จัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม 4-3-3 โกล ติโบต์ กูร์กตัวส์ แผงแบ็กโฟร์ เฟเดรีโก วัลเวร์เด้ - ราอูล อาเซนซีโอ - อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ดาวิด อลาบา 3มิดฟิลด์ เอดูอาร์โด กามาวินก้า - ลูก้า โมดริช และ จู๊ด เบลลิงแฮม
 

3ประสานแนวรุกเร็วจี๊ดหมด วินิซิอุส จูเนียร์ - โรดรีโก้ และ  คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เริ่มเกมมา เป็นปืนใหญ่ที่ครองบอลเหนือกว่าตามคาด และฝั่งของ มาดริด เอง ก็หวังเน้นเกมสวนกลับ โดยเจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแบบโชคช่วย รูดิเกอร์ เคลียร์บอลทิ้งหน้าปากประตู ไปโดนพวกเดียวกัน กามาวินก้า เกือบเข้าประตูตัวเอง

มาดริด มีได้เสียวเหมือนกัน กับจังหวะสวนกลับหลุดไปยิงของ เอ็มปั๊ปเป้ ที่โด่งข้ามคานไปและล้ำหน้าไปก่อน " ประธานเป้ " ได้ยิงอีกครั้ง แต่ติดเซฟ ราย่า ฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลเหนือกว่าก็จริงแต่หาโอกาสจังๆไม่ได้เลย ท้ายครึ่งแรกได้ลุ้นจังจาก ลูกโขกของ เมริโน่ แต่ กรูกตัวส์ เซฟได้ มาร์ติเนลลี่ ได้ซ้ำ ก็ติดโกลชาวเบลเยี่ยมรายนี้อีก 45นาทีแรก สกอร์ยังอยู่ที่ 0-0
 

ครึ่งหลังเริ่มมาได้ไม่นาน เอ็มปั๊ปเป้ ก็ได้หลุดไปอีกครั้งแต่มุมแคบเกินทำให้ซัดเข้าข้างตาข่าย และแล้วทีเด็ดจากลูกตั้งเตะของ เดอะ กันเนอร์ส ก็มาทำงานจนได้ เดแคลน ไรซ์ ซัดฟรีคิก บอลโค้งอ้อมกำแพงเข้าไปอย่างสวยงาม ขึ้นนำ 1-0 น.58
 

พอโดนนำ1-0 มาดริด ก็ยังดูไม่ได้เป๋อะไรมาก แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ไรซ์ ก็มาบันดาล สิ่งพิเศษได้อีกครั้ง อาร์เซน่อล ได้ฟรีคิกอีกรอบ และซัดเข้าไปเสียบสามเหลี่ยมสุดสวย บอลพุ่งแรงและโค้งหมดสิทธิ กรูกตัวส์ ที่ว่าแขนยาวๆจะบินถึง ฉีกหนี 2-0 น.70

ฟาก ราชันชุดขาว พอโดนเม็ด2สมาธิของพวกเขาแตกกระจายเลย ทำให้บีบไล่เปิดเกมบุก เล่นแบบหัวร้อนมากขึ้น และก็มาโดนประตู 3-0 ตอกฝาโรง จากลูกยิงที่สวยเหมือนกันของ เมริโน่ ที่ถอยหลังลงมาตวัดยิงด้วยซ้ายตามน้ำ เสียบมุมล่างเข้าไป น.75
 

ณ วินาทีนั้นต้องบอกว่า ชุดขาว หมดหนทางสู้แล้ว 3ประสานแนวรุกประสานงานกันไม่ประติดประต่อ สำรองที่ลงมาอย่าง ลูคัส บาสเกซ - บราฮิม ดิอ๊าซ ก็สร้างความแตกต่างไม่ได้ แถมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีสุดท้าย 90+4 กามาวินก้า ก็มาหัวร้อนเตะบอลทิ้ง โดนใบเหลืองที่2เป็นใบแดง ชุดขาวเหลือ10คน และแพ้ไปแบบยับเยินในที่สุด 3-0

 

ไรซ์ เสกสิ่งมหัศจรรย์ 2ฟรีคิกระดับโลก

การย้ายจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มายัง อาร์เซน่อล ถือว่านี่คือการพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของ เดแคลน ไรซ์ จริงๆ เพราะภายใต้อุ้งมือการดูแลของ มิเคล อาร์เตต้า แข้งชาวอังกฤษรายนี้ ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น จากเบอร์6จ๋าๆ ยืนสูงขึ้นมาเป็นเบอร์8 ที่เล่นเกมรับได้รุกก็ดี
 

เราจึงได้เห็นประตูสวยๆของ ไรซ์ ในเครื่องแบบอาร์เซน่อลหลายครั้ง เมื่อคืนเอาในเรื่องของเกมรับก่อน แข้งเบอร์ 41 มีบทบาทส่วนใหญ่เป็นเกมรุกเสียมากกว่า บวกกับ3กองหลางชุดขาวครองเกม คอนโทรลบอลไม่ได้เลย ทำให้ ไรซ์ ค่อนข้างมีอิสระเต็มที่ในเกมรุก
 

ในเรื่องของการจ่ายบอล เดแคลน ไรซ์ มีความแม่นยำถึง 90% เอาจริงๆตอนที่สกอร์ยัง0-0 แม้ว่า เดอะ กันเนอร์ส จะครองบอลมากกว่า แต่ทว่าความใกล้เคียงในการได้ประตู ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บวกกับ กูร์กตัวส์ ก็มีฟอร์มหนึบขั้นเทพมาองค์ลงช่วยด้วย
 

และต้องบอกว่าในขณะที่สกอร์ยังคง 0-0 ไรซ์ นี่แหละที่เป็นคนพลิกโฉมหน้าของเกมอย่างสิ้นเชิง ลูกฟรีคิกแรกของเจ้าตัว นั้นปั่นไม่โด้ง แต่โค้งข้ามกำแพงเข้าไปแบบสุดสวย ลูกเดียวไม่พอ อดีตแข้งขุนค้อน ยังมีติดคอมโบ ฟรีคิกลูกที่2 จากระยะที่ไกลกว่าเดิม
 

โดย ไรซ์ วางเท้ายิงได้มุมสนั่นจริงๆเสียบ3เหลี่ยม ชนิดที่ กูร์กตัวส์ พุ่งสุดเหยียดยังไงก็ไปไม่ทันแน่ๆ อาวุธเด็ดฟรีคิกของ เดแคลน ไรซ์ ไม่มีใครคาดคิดอยู่แล้ว เพราะ338 เกมก่อนหน้าทั้งในเครื่องแบบเวสต์แฮมและอาร์เซน่อล เจ้าตัวไม่เคยทำประตูจากลูกฟรีคิกได้เลย
 

ผลงานของ เดแคลน ไรซ์ โดดเด่นเหนือกว่า จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ค่าตัวแตะหลัก 100ล้านปอนด์ เหมือนกันเป็นไหนๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวรุกเต็มสูบ แต่ ไรซ์ ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งถึง9ครั้ง มีโอกาสยิงถึง 5หน คู่ควรด้วยประการทั้งปวงกับ 80นาทีในสนาม กับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์

 

ลูอิส-สเกลลี นิ่งเกินวัย แก้ตัวจากนัดทอฟฟี่

เกมกับเอฟเวอร์ตัน ภาพรวมแม้จะไม่ได้เล่นแย่อะไร แต่ก็น่าตำหนิเหมือนกัน กับการเป็นคนที่ไปเสียเหลี่ยมทำเสียจุดโทษ ซึ่งเกมรุก เจ้าหนูรายนี้ ไม่มีใครสงสัยอยู่แล้ว เกี่ยวกับเซนส์ฟุตบอล และความเข้าอกเข้าใจกับปรัชญาการเล่นของ มิเคล อาร์เตต้า
 

ทว่าการเจอกับ เรอัล มาดริด นั้นน่ากังวลเหมือนกันกับกระดูกเบอร์ของ สเกลลี่ ที่โดนตำแหน่งจะต้องรับมือกับริมเส้นที่รอบจัดอย่าง โรดรีโก้ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ดาวรุ่งวัย18ปี ก็ถูกปรับบทบาทการเล่นนิดหน่อย
 

เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ลูอิส- สเกลลี่ กลายเป็นแบ็กที่มีบทบาท อิน-เวิร์ด เข้ามาช่วยตรงกลาง ให้จุดพื้นที่ยุทธศาสตร์มีความแน่นขึ้น และก็ต้องบอกว่า ดาวรุ่งปืนโต ทำได้ดีและนิ่งเกินคาดมากๆจริงๆ ทั้งการเจอกับ ลูก้า โมดริช - กามาวินก้า
 

ความเร็วและความคล่องของเจ้าตัว ทำให้เอาชนะการดวลไปได้ถึง4ครั้ง ผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย 21หน เอาชนะการครอบครองบอล3ครั้ง และที่สำคัญ ยังเป็นผู้แอสซิสต์ให้ เมริโน่ กดประตูตอกฝาโรง 3-0 อีกด้วย
 

ไม่มีผู้เล่นคนไหนของราชันชุดขาว ที่เลี้ยงบอลผ่าน ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี เลย โดยหลังจบเกม อดีตกองหลังพรีเมียร์ลีกอย่าง ไมก้า ริชาร์ด ถึงกับได้ออกมาชื่นชมว่า นี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดของฟูลแบ็กในวัย18ปี ที่ตนเคยเห็นเลย


ไม่มีมือปลาหมึก กูร์กตัวส์ อาจโดนมากกว่า3

ไม่ว่า เรอัล มาดริด จะอยู่ในสภาพแบบไหน แต่สำหรับโกล ติโบต์ กูร์กตัวส์ แล้ว มาตรฐานฟอร์มการเซฟนั้นยังคงสม่ำเสมอเหมือเดิมตลอด ครึ่งแรกไปจนถึงช่วงต้นครึ่งหลัง ก็เป็นนายด่านชาวเบลเยี่ยมรายนี้แหละ ที่ช่วยไม่ให้ทีมโดนทะลวงตาข่าย
 

ช็อตดับเบิ้ลเซฟต่อเนื่อง ล้มแล้วลุกขึ้นมารับทัน นี่คือสิ่งที่ กูรก์ตัวส์ ทำให้ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ช่วงท้ายครึ่งแรก โกลก้านยาว โชว์ซุปเปอร์เซฟ ปัดลูกโหม่งของ เมริโน่ ก่อนจะขลุกขลิกมาป้องกันลูกซ้ำของ มาร์ติเนลลี่ ได้อย่างยอดเยี่ยม
 

รวมไปจนถึงตอนที่สกอร์ยัง1-0 กูรก์ตัวส์ ก็แดงอภินิหารอีกรอบ จากลูกยิงซ้ำ 3ดาบของ อาร์เซน่อล มี อลาบา สกัดช่วย1ครั้ง เจ้าของส่วนสูง2เมตร ปัดลูกยิงในเขตโทษของ มาร์ติเนลลี่ และ เซฟลูกยิงซ้ำดาบสองเต็มแรงของ เมริโน่ แบบหวุดหวิดสุดๆ
 

ส่วน2ประตูที่เสียให้จากฟรีคิกของ เดแคลน ไรซ์ นั้นต้องบอกว่าเกินความสามารถที่จะปัดป้องจริงๆ เพราะมีทั้งบอลอ้อมกำแพงเห็นๆ และตะบันโค้งเสียบสามเหลี่ยมหมดจด แต่ทว่าเอาจริงๆ ก่อนจะมาเสียประตูจาก2ฟรีคิก แนวรับชุดขาวก็เล่นกันได้ดีทั้งหมด
 

โดยเฉพาะดาวรุ่งอย่าง ราอูล อาเซนซีโอ (ก่อนเสียประตู2-0) ที่ดูผิดพลาดน้อยกว่า รูดิเกอร์ เสียอีก และพวกเขาก็น่าจะตำหนิตัวเองด้วยที่ เมื่อเสียประตูแรกจากฟรีคิกไปแล้ว ก็ยังไม่ระแวงระวังไปทำฟาวล์ในพื้นที่อันตราย จนโดนลงโทษเม็ด2ในที่สุด

 

แนวรุกไม่ทำงาน /ชุดขาว แพ้ทางทีมต่อบอลเพรสซิ่ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเสียกองกลางอย่าง โทนี่ โครส ที่ประกาศอำลาทีมและแขวนสตั๊ดไปเมื่อซัมเมอร์เปล่านะ ทำให้ขุมกำลังมิดฟิลด์ราชันชุดขาว ไม่สมดุลเท่าไหร่ บวกกับพวกเขาไม่ได้เสริมทัพในตำแหน่งแดนกลางเข้ามาเติมสล็อตอีกด้วย
 

เรอัล มาดริด ซีซั่นนี้ มีปัญหามากๆในเรื่องของการเจอกับทีมที่ต่อบอลแม่นๆ ทำเร็ว เพราะพวกเขาเสียท่าให้กับทีมไทป์คล้ายกันจ่ายบอลเร็ว บีบเพรสซิ่ง อย่าง ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลน่า โดยเฉพาะรายหลังนี่อัดพวกเขากลิ้งเลยทั้ง2นัด 0-4 และ 2-5
 

โมดริช เก็บบอล พักบอลได้ดี แต่ในเรื่องของพละกำลัง กองกลางชาวโครแอต แพ้ทางฝั่งอาร์เซน่อลชัดเจน ในรายของ กามาวินก้า ครึ่งแรกทำได้ดีในการสกัดบอลแย่งบอล แต่ครึ่งหลังกลับเป็นคนไปทำฟาวล์อย่างไม่ระวังระวัง จนเสียฟรีคิกและประตูที่2
 

ทางด้าน 3ประสานแนวรุก ที่มีความเร็วกันทั้งหมด เอ็มปั๊ปเป้ - วินิซิอุส และ โรดรีโก้ จังหวะกระชากสวนกลับ มีให้ได้เห็นในครึ่งแรก แต่ทว่าการประสานงานจ่ายบอลทำชิ่งกัน ยังไม่ไหลลื่น เข้าใจกันผิดหลายครั้ง จ่ายบอลกันคนละช่อง
 

อีกจุดที่ผิดคาดของ เรอัล มาดริด นั่นก็คือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในถ้วยนี้ที่พวกเขา รูปเกมเป็นรองคู่แข่ง แต่ทว่าด้วยความเก๋าเขี้ยวลากเดิน ทำให้พวกเขาเอาตัวรอดออกมาได้ แต่ทว่าเมื่อคืนนั้นผิดคาดจริงๆ เพราะหลังโดนประตู 2-0
 

ราชันชุดขาวเหมือนน็อตหลุด เล่นไปเข้าทางอาร์เซน่อลมากขึ้น ไปบีบเพรสซิ่งเข้าบอลเร็ว ซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ถนัดอยู่แล้ว จนโดนตอกฝาโรง3-0 ในที่สุด จู๊ด เบลลิงแฮม มีหัวร้อนกับจังหวะจะหยุด โอเดการ์ด ส่วน เอดูอาร์โด กามาวินก้า ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะหงุดหงิดไปเตะบอลทิ้งดื้อๆ จนกลายเป็นเหลือง-แดง

 

ค่ำคืนมหัศจรรย์ ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม

อาร์เซน่อล ที่พึ่งสะดุดเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน มา1-1 แถมเหล่าบรรดาตัวหลักก็ไม่ได้พักเต็มที่ด้วย บูกาโย่ ซาก้า ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยังโดนผู้เล่นทอฟฟี่สีน้ำเงินไล่เตะอยู่เลย ทำให้ดูจะผิดคาดอยู่เหมือนกันในการเจอกับ เรอัล มาดริด ที่เป็นราชาในฟุตบอลถ้วยยุโรป ( 5สมัย)
 

เรอัล มาดริด ที่แม้ใน ลาลีก้า จะพึ่งเปิดบ้านแพ้ บาเลนเซีย มา1-2 แต่ทว่ามาใน เวที แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็พร้อมจะกลายเป็นอีกร่างหนึ่งได้เสมอๆ แต่ทว่าตลอด90นาทีที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม เมื่อคืนนั้นไม่ใช่เลย
 

ต้องบอกว่าฟรีคิก2ประตูของ เดแคลน ไรซ์ ทำให้ เรอัล มาดริด สมาธิแตกกระเจิงเลย ผู้เล่นของปืนโตเล่นทีแทบทุกตำแห่ง จะเรียกได้ว่านี่คือฟอร์มนัดที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ 11ตัวจริงของ เดอะ กันเนอร์ส เล่นกันได้ดีทุกราย
 

คนที่น่าเป็นห่วงก่อนเกมอย่าง คิวิออร์ ครึ่งแรกมีจังหวะผิดพลาดให้เห็น แต่45นาทีหลัง เล่นกันได้อย่างเหนียวแน่นกับ ซาลิบา ทางฝั่งตัวรุกอย่าง บูกาโย่ ซาก้า ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกตั้งแต่ เดือน ธันวาคม " บี " ก็ทำเอา ดาบิด อลาบา หัวหมุนเลย
 

ส่วน มิเกล เมริโน่ ที่ถูกจับมาเล่นหน้าเป้า นับตั้งแต่ ไค ฮาแวร์ตช์ เจ็บ แม้จะมีนัดที่เล่นดีและไม่ดี แต่ที่แน่ๆคือ แข้งชาวสเปนรายนี้ มีสกอร์มาฝากเป็นระยะ ประตูตอกฝาโรง 3-0 ของเจ้าตัว นั้นเสียบมุมล่างเหลือเกิน นี่คือประตูที่6ของ เมริโน่ แล้ว กับบทบาทกองหน้ารวมทุกรายการ
 

สกอร์ 3-0 น่าจะทำให้ มิเคล อาร์เตต้า ฝันหวานถึงรอบรองชนะเลิศได้เลย แม้จะมีเกมที่2ที่ เบอร์นาบิว รออยู่ เพราะพวกเขานำด้วยสกอร์ที่ห่าง สามารถจะบุกไปที่แดนกระทิงดุ โดยเลือกแท็กติกวิธีการเล่นได้ เชื่อว่าหากว่าไม่บุกไปโดนยิงเร็ว อาร์เซน่อล น่าจะไม่แพ้ ราชันชุดขาว ขาดลอยขนาดเกิน3ประตูขึ้นไปแน่นอน

 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง