ใกล้ทริปเปิ้ลแชมป์ ! เรือ บดผี 2-1ซิว เอฟเอ คัพ กุนโดกัน พระเอกเหมา

ใกล้ทริปเปิ้ลแชมป์ ! เรือ บดผี 2-1ซิว เอฟเอ คัพ กุนโดกัน พระเอกเหมา


เส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ มีความเป็นไปได้มากขึ้่นเรื่อยๆจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นพวกเขา คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดโทรฟี่ใบที่สองก็ตามมาจนได้ เมื่อลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ 2-1


 

ก่อนเกมชิงดำจะเริ่มขึ้นที่ เวมบลีย์ ซิตี้ ถือว่าเป็นต่อพอสมควรทั้งในเรื่องของตัวผู้เล่น และฟอร์มระยะหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดผู้เล่นได้เต็มสูบแม้จะมีนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อินเตอร์ มิลาน สัปดาห์หน้า
 

เรือใบสีฟ้ามาในระบบ 3-2-4-1 ที่ กุนซือชาวสเปนได้พัฒนาให้มีความหลากหลาย โมเดิร์น รอบจัดขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล และก็ได้ทำตามวาจาที่พูดไว้ก่อนเกมนั่นก็คือให้โกลสำรองอย่าง สเตฟาน ออร์เตก้า เฝ้าเสาตัวจริงแทน เอแดร์ซอน

ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีปัญหาในการจัดทัพไม่น้อย เพราะ อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ อันโตนี่ มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ เอริก เทน ฮาก ต้องปรับทัพพอสมควรในแนวรุก คริสเตียน อิริคเซ่น ได้เล่นในบทบาทคล้ายๆเพลย์เมคเกอร์ โยก บรูโน่ แฟร์นันเดซ ไปเล่นตำแหน่งไม่ถนัดปีกขวา
 

ออกสตาร์ทเกมพริบตาเดียวจริงๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ชิงประตูขึ้นนำไปก่อน1-0เพียงแค่13วินาที ออร์เตก้า เปิดยาวมา วิคเตอร์ ลินเลอเลิฟ ปล่อยบอลตก เป็น เควิน เดอ บรอยน์ โขกชงต่อมาให้ อิลคาย กุนโดกัน วอลเล่ย์แบบไม่จับ เสียบตาข่ายเข้าไปสุดสวย

หลังจากขึ้นนำ ซิตี้ ก็มีโอกาสหลายครั้งบวกประตูที่สอง แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนจะมีโชคเหมือนกันกับจังหวะประตูตีเสมอ อารอน วาน- บิสซาก้า โหม่งบอลไปโดนมือ แจ็ค กรีลิช อย่างโชคร้าย เกมผ่านช็อตดังกล่าวไปร่วม 50วินาที 
 

แต่ VAR มาเช็กย้อนหลัง ผู้ตัดสิน พอล เทียร์นี่ ไปดูจอแล้วเป่าเป็นจุดโทษ บรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารตีเสมอ 1-1 เข้าไป น.32 จบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว แต่ทว่าอย่างไรก็ตามครึ่งหลังออกสตาร์ทมาก็เป็น ซิตี้ ที่เหนือกว่าชัดเจน จนมาบดได้ประตูชัย จากเจ้าเก่า อิลคาย กุนโดนกัน วอลเล่ย์ด้วยซ้ายจากลูกเปิดเตะมุมของ เดอ บรอยน์ เข้าไปสุดสวย น.51
 

หลังจากนั้น ซิตี้ ก็ผ่อนเกมมากขึ้น จึงทำให้ ยูไนเต็ด มีโอกาสบุกบ้างในช่วงท้ายเกม หรือนับตั้งแต่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง น.62 แทน คริสเตียน อิริคเซ่น เกมริมเส้นฝั่งซ้ายของปีศาจแดงดูวูบวาบขึ้นมาทันที
 

แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยความเขี้ยวและคุณภาพรวมถึงความเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาก็ปิดเกมเอาชนะ คู่ปรับร่วมเมืองไปได้แบบไม่ต้องเหนื่อยนักในช่วงท้ายเกม คว้าแชมป์ที่2ของฤดูกาล และจ่อมากๆที่จะปิดซีซั่นด้วยทริปเปิ้ลแชมป์ เพราะนัดชิงยูซีแอล พวกเขาเหนือกว่า อินเตอร์ พอสมควร


 

กุนโดกัน สุดยอดแมตช์วินเนอร์

แนวรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ แน่นอนอยู่แล้วว่าแสงไปสาดส่องที่ จอมถล่มประตูตีนระเบิดอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ รวมไปจนถึง เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ผู้ทำแอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 16ครั้ง
 

อีกคนที่เด่นมาแบบเงียบๆก็คือ อิลคาย กุนโดกัน ซึ่งต้องไม่ลืมว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เกมตัดสินแชมป์ที่แซงเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2ก็เป็นแข้งเมืองเบียร์รายนี้แหละที่เหมา2ประตู และหนึ่งในนั้นคือประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์
 

มาฤดูกาลนี้แรกๆ กุนโดกัน เข้าๆออกๆระหว่างตัวจริงกับตัวสำรอง เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โรเตชั่นหมุนเวียนนักเตะเป็นประจำอยู่แล้ว จนมาช่วง 2-3เดือนสุดท้ายนี่แหละที่อดีตแข้งดอร์ทมุนด์รายนี้ ยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง
 

นัดชิง เอฟเอ คัพ กุนโดกัน เสกความมหัศจรรย์ ได้ตั้งแต่12วินาทีแรก ด้วยลูกวอลเล่ย์สุดสวย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาเบิ้ลลูกที่สอง จากการวอลเล่ย์อีกเช่นเคย แต่ทว่าหนนี้เป็นเท้าซ้าย ที่เหมือนจะยิงแป๊ก แต่ทิศทางแทบจะ 100% เกือบทำแฮตทริกได้ด้วยซ้ำ แต่จังหวะซ้ำลูกของ ฮาลันด์ ล้ำหน้าไปก่อน
 

กุนโดกัน ที่โดดเด่นอยู่แล้วในเรื่องของการอยู่ถูกที่ถูกจังหวะ การสอดเข้ามายิง เราจะเห็นว่า ประตูในระยะหลังที่เจ้าตัวทำได้ เป็นการโชว์คลาสทั้งสิ้น เช่นลูกกระดกยิงเร็วโดยใช้ไหวพริบนัดกับเอฟเวอร์ตัน 
 

โอเคเข้าใจว่าอายุปาเข้าไป32ปี แถมสัญญากำลังจะหมดลงในซัมเมอร์นี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยากให้เจ้าตัวต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปแน่ๆ ขึ้นอยู่ที่กุนโดกันแล้วว่า จะเลือกอยู่กับซิตี้ต่อไหมหรืออยากหาความท้าทายใหม่ๆ 
 


วอล์คเกอร์ เร็ว แรง แน่น / สโตนส์ พัฒนาอีกขั้น

แม้จะอายุปาเข้าไป33ปี แต่ทว่าแบ็กขวาอย่าง ไคล วอล์คเกอร์ ไม่ได้ทำให้จำนวนตัวเลขที่ดูจะเยอะดังกล่าว เป็นอุปสรรคเล่นการเล่นตำแหน่งแบ็กเลย เพราะตัวของ วอล์คเกอร์ ยังเต็มเปี่ยมไปด้วย ความเร็ว ความแข็งแกร่ง การเล่นเกมรับที่ดี
 

วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ถ้านับฟอร์ม ณ ตอนนี้ จัดได้ว่าเป็นริมเส้นตัวจี๊ดลำดับต้นๆคนหนึ่ง วอล์คเกอร์ ก็จัดการจับใส่กุญแจมือได้อย่างอยู่หมัด เกมเอฟเอ คัพ นัดชิงเมื่อคืน ก็เหมือนกัน กับบทบาทเซ็นเตอร์ฝั่งขวาในระบบหลัง3 หรือการยืนเป็นแบ็กขวาเวลาเล่นระบบแผงแบ็กโฟร์
 

ทำให้ วอล์คเกอร์ ต้องได้ดวลกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ที่สลับกันเล่นเวลาทำเกมรุก ซึ่งไม่ใช่ปัญหาน่าหนักใจของแบ็กจอมอึดรายนี้เลย โดยเฉพาะในรายของ ซานโช่ ที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ เบียดเก็บกินได้สบายหมูมากๆ
 

จะมีเสียวๆบ้างกับการรับมือการ์นาโช่ ที่เร็วและสด แต่ถือว่าเอาได้อยู่เลยทีเดียว อีกคนหนึ่งที่ไม่ถูกพูดถึงไม่ได้คือ จอห์น สโตนส์ ที่เมื่อคืนได้เล่นเป็นมิดฟิลด์คู่กับ โรดรี้ และทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากๆ จ่ายบอลไม่มีพลาด ลงมาช่วยเซ็นเตอร์ได้เวลาโดนสวนกลับ
 

แถมยังมีจังหวะหนึ่งที่โดนผู้เล่น แมนยู มาเพรส3-4คน สโตนส์ พลิกบอลออกมาเล่นได้ชนิดหลุดโล่งเป็นช่องไฟ พาบอลขึ้นหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา เซ็นเตอร์ - แบ็คขวา รวมไปจนถึงมิดฟิลด์ตัวกลาง นี่คือพัฒนาการของ จอห์น สโตนส์ ทำได้ดีมาอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลของ เป๊ป 
 



ทริปเปิ้ลแชมป์ ไม่ไกลเกินเอื้อม เรือเล่นแบบถนอมแรงด้วยซ้ำ

ดาวน์โหลดมาแล้ว 2ถ้วย นั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก และ เมื่อคืน เอฟเอ คัพ เหลืออีกเพียงถ้วยเดียวเท่านั้น จะก้าวเข้าสู่การเป็นทริปเปิ้ลแชมป์นั่นก็คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะดวลกับอินเตอร์ มิลาน สัปดาห์หน้า
 

เมื่อคืนแม้จะเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้แค่เม็ดเดียว 2-1 ซึ่งเมื่อดูจากสกอร์อาจดูเหมือนสูสี แต่ทว่ารายละเอียดในเกมต้องว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหนือกว่าทีมสีแดงอย่างชัดเจน จะว่าไปลูกทีมของ เป๊ป เหมือนไม่ได้กดเต็ม100ด้วยซ้ำ
 

ช่วงที่ขึ้นนำ1-0 หรือ 2-1 เราไม่ได้เห็น ซิตี้ แบบที่คุ้นตาเท่าหลายๆนัดที่ผ่านมานั่นก็คือ การขึงเกมบุกเป็นพายุหมายเอาลูกต่อไป แต่ทว่าพวกเขาเร่งไปตามสถานการณ์มากกว่า เร่งในจังหวะที่ควรเร่ง แม้จะไม่ได้โหมเต็มที่พวกเขา ก็ยังมีโอกาสส่องเพิ่มเหน่งๆ 2-3 หน
 

อาจเนื่องด้วยการมีเกมนัดชิงยูซีแอล รออยู่ ทำให้ลูกทีมของ เป๊ป ไม่ได้ใส่เต็มที่มากเท่าที่ควร เราจึงได้เห็น เควิน เดอ บรอยน์ ออกไปพักตั้งแต่ น.76 รวมถึงช่วงท้ายเกม แนวรุก แจ็ค กรีลิช โดนถอดออกให้ เนธาน อาเก้ ลงมาเล่นแทน
 

นัดชิงดำเจ้ายุโรปที่จะถึง เรือใบสีฟ้า เป็นต่อทีมงูใหญ่อยู่แล้ว ถ้าวัดจากฟอร์มการเล่นและทุกอย่างที่เป็นฟุตบอล และหากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ทำตัวเองหลุดฟอร์มไปเอง แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัตศาตร์ และทริปเปิ้ลแชมป์สุดยิ่งใหญ่ อยู่ไม่เกินเอื้อมทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์จริงๆ 

 


แผนเฟร็ด ตามประกบไม่ได้ผล / ลูกเซ็ตพีชผีมีปัญหา

การต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ ณ ตอนนี้ด้วยฟอร์มนี่คือทีมอับดับ1ของโลกเลยก็ว่าได้ นั่นทำให้ เอริก เทน ฮาก ต้องมีแผนกลยุทธ์พิเศษในการรับมือ นั่นก็คือใช้ เฟร็ด ตามประกบเป็นเงาตามตัว เควิน เดอ บรอยน์
 

ซึ่งจะว่าไป เฟร็ด ก็ตามติดชีวิต KDB จริงๆ แต่ทว่า ทำอะไรไม่ได้เลย ได้เพียงแต่วิ่งไล่ตามแต่จังหวะตัดบอล แย่งบอล แข้งบราซิลเสิ่นเจิ้นรายนี้ทำไม่ได้เลย เราจึงได้เห็น บอลตรงกลางที่ ซิตี้ ลากมา ผ่านเฟร็ดไปเหมือนกรวยจราจรไม่มีปัญหา
 

รวมถึงหลายๆช็อต เฟร็ด ไม่ยอมตัดฟาวล์คู่แข่งด้วย ทั้งที่เป็นจังหวะที่ควรทำมากๆในการชะลอบอลตรงกลาง หรือเมื่อฟาวล์ก็เป็นจังหวะจุกๆจิกๆไม่ควรทำฟาวล์ กว่าจะมาฟาวล์จังหวะที่ควรฟาวล์จริงๆ ก็ต้องรอไปจนท้ายเกมกับการหยุด กรีลิช แล้วโดนใบเหลือง
 

เรียกว่าการเล่น ไม่ได้ช่วงแบ่งเบาภาระของ กาเซมิโร่ เลย ส่วนประตู2-1 หลายคนอาจโทษ ดาบิด เด เคอา ที่ขยับตัวช้าไปหน่อย ทั้งที่บอลไม่ได้แรงมากนัก แต่ทว่าเมื่อดูจากภาพช้าจะเห็นว่า บอลผ่านบล็อค ราฟาเอล วาราน มา อาจทำให้ "เดฟ " มองไม่เห็นวิถีก็เป็นได้
 

ซึ่งเราก็ต้องไปย้อนดูจุดเริ่มต้นดังกล่าวนั่นก็คือจังหวะเตะมุม ปีศาจแดงขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นทีมที่ป้องกันลูกเซ็ตพีชห่วยแตก ช็อตเปิดเตะมุมมาหน้าเขตโทษของ เดอ บรอยน์ ไม่มีผู้เล่นคนไหนเลยเข้าไปบีบ บังบอล กดดัน อิลคาย กุนโดกัน 
 

รวมไปจนถึงถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่า นอกกรอบเขตโทษช็อตดังกล่าว มีผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนว่างอยู่อีกถึง2คนทั้ง แจ็ค กรีลิช และ แบร์นาโด้ ซิลวา แสดงให้เห็นถึง ความหละหลวม การจัดระเบียบแนวรับเวลาตั้งรับลูกตั้งเตะชัดเจนมากๆ    

 


ภาพรวมปีแรก เทน ฮาก น่าประทับใจ

ฤดูกาล 2021-2022 ด้วยสภาพทีมที่เละตุ้มเป๊ะ จบอันดับ6 ได้ไปเล่นแค่ ยูโรป้า ลีก ผลต่างประตูได้เสียแย่ที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก (0) มาในซีซั่นนี้ 2022-2023 เอริก เทน ฮาก ถือว่าทำปีแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตามเป้าหมายหลักนั่นก็คือ การกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก
 

ปีศาจแดงจบอันดับ3 พร้อมด้วยโบนัสแชมป์บอลถ้วยเล็ก คาราบาว คัพ - รองแชมป์ เอฟเอ คัพ - และไปได่ไกลถึงรอบ8ทีม ยูโรป้า ลีก และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าออกสตาร์ทฤดูกาล แมนฯยูไนเต็ด เป๋สุดๆ ด้วยการแพ้2นัดแรก ต่อ ไบร์ทตัน (1-2)  และ เบรนท์ฟอร์ด (0-4)
 

ในพรีเมียร์ลีก ยูไนเต็ด มีช่วงชนะเป็นคอมโบ 5นัดรวด 1หน และชนะ4นัดรวด 2ครั้ง เกมเหย้าในลีกสุดแข็งแกร่ง ชนะ 15 / เสมอ 3 / แพ้1 เสียไปเพียงแค่ เอาชนะท็อปทีมใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เรียบทั้ง ลิเวอร์พูล - อาร์เซน่อล - สเปอร์ส - เซลซี รวมไปจนถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 

ทว่าอย่างไรก็ตามเกมเยือน นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่อดีตกุนซืออาแจ็กซ์ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะแพ้ไปมากถึง8นัด แถมเป็นสกอร์ที่ถล่มทลายทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น 7-0 กับลิเวอร์พูล / 6-3 กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / หรือ 4-0 กับ เบรนท์ฟอร์ด 
 

อีกหนึ่งจุดที่เดินทางมาถึงจุดสำคัญของ ยูไนเต็ด นั่นก็คือตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ ดาบิด เด เคอา พลาดบ่อยครั้ง รวมถึงการออกบอลด้วยเท้าที่ไม่ตอบปรัชญาการเล่นของ เอริก เทน ฮากแม้ว่า " เดฟ " จะยังคงมีช็อตเซฟมหัศจรรย์ให้เห็นก็ตาม
 

และที่สำคัญสุดๆ Priority ที่ต้องแก้ไขปรับปรุงในซัมเมอร์นี้นั่นก็คือ กองหน้า เพราะนอกจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด แล้ว ก็ไม่มีใครที่ฝากความหวังการทำประตูได้เลย ซึ่งต้องเป็นช้อยส์ที่ได้มาแล้วใช้งานได้เลย อย่างเช่น แฮร์รี่ เคน หรือ วิคเตอร์ โฮซิมเฮน รองเกรดลงมาก็อย่าง ดูซาน วลาโฮวิช หรือ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง