เป่าน่ากังขา ! เปแอชเช รอดตาย ตามเจ๊า สาลิกา ทดเจ็บ 1-1 เอ็มปั๊ปเป้ ซัดโทษ
ก่อนเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่5กลุ่ม เอฟ ที่สนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ระหว่างเจ้าบ้าน ปารีส แซงต์ -แชร์กแมงต์ กับ ผู้มาเยือน นิวคาสเซิ่ล ซึ่ง ทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ มีโอกาสผ่านเข้ารอบสูงมากๆ หากเกมเมื่อคืนพวกเขาปิดจ็อบผู้มาเยือนจากอังกฤษได้ ส่วน สาลิกาดง การบุกมาควัก3แต้มออกจากฝรั่งเศส จะเป็นหนทางเดียวหากว่าพวกเขาอยากผ่านเข้าไปเล่นรอบ16ทีม
ซึ่งด้วยสถานการณ์ เมื่อเป่านกหวีดเริ่มขึ้น ก็เป็นเจ้าบ้าน เปแอชเช ที่พยามยาม เปิดเกมบุกเข้าใส่ นิวคาสเซิ่ล ตามสไตล์ ซึ่งผลลัพธ์นัดแรก การบุกไปพ่ายที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ยับเยิน 4-1 น่าจะทำให้ทีมลีกเมืองน้ำหอม หมายมั่นปั้นมือจะล้างอายอยู่ไม่น้อย
เปแอชเชที่เปิดเกมบุกใส่ในช่วงแรก ถือว่าสร้างโอกาสน่าหวาดเสียวได้หลายคนเหมือนกัน แต่ทว่านอกจาก คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ แล้ว ตัวรุกคนอื่นๆอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ และ โกโล มูอานี่ นั้นเข้าขั้นเลอะเทะมากๆ ใช้โอกาสเปลืองและฝืนเล่นในจังหวะที่ยากหลายครั้ง
ปารีส ที่บุกอยู่พักใหญ่ๆแต่นิวคาสเซิ่ล ก็มีจังหวะคอยสวนตลอด และความผิดพลาดของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่ปัดลูกยิงที่ไม่ยากเท่าไหร่ของ มิเกล อัลมิรอน ออกมา แล้วก็กลายเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่จมูกไว ซ้ำง่ายๆเข้าไป น.24 ขึ้นนำ 1-0 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลังมาก็เป็นหลังม้วนเดิมที่เจ้าบ้านขึงเกมเข้าใส่ แต่ก็แตกต่างตรงที่นิวคาสเซิ่ล เน้นรับมากกว่าใน45นาทีแรก จังหวะสวนกลับสวยๆของลูกทีม เอ็ดดี้ ฮาว มีน้อยมาก ซึ่งต้องบอกว่าเมื่อคืน " เดอะ แมกพายส์ " รอดพ้นจากจังหวะที่ควรเสียประตูได้เพราะ ความหนึบของ นิค โป๊ป
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามกำแพงมนุษย์ของนิวคาสเซิ่ล ก็ต้องมาพังทลายลงเพราะคำตัดสินที่ค้านสายตาของเปาอย่าง ซีมอน มาร์ซิเนียค กับการเป่าจุดโทษให้ เปแอชเช ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เดมเบเล่ เปิดบอลไปโดนหน้าอกของ ทิโน ลิฟราเมนโต บอลไต่มาโดนมือต่อ VAR มาเช็กย้อนหลังแล้วตัดสินเป็นจุดโทษ
ท้ายที่สุดแล้วเป็น คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ที่สังหารจุดโทษตีเสมอ1-1เข้าไป น.90+8 โกงความตายได้สำเร็จ ซึ่งตลอดทั้งเกมพวกเขาเหนือกว่าผู้มาเยือนจากอังกฤษ (นิวคาสเซิ่ลตั้งใจเน้นตั้งรับด้วย) แต่ทว่าขาดความเฉียบคมกันไปเอง ทั้งในรายของ อุสมาน เดมเบเล่ และตัวสำรองดาวรุ่งอย่าง แบรดลี่ย์ บาร์โคล่า ที่มีโอกาสเหน่ง3ครั้ง แต่พลาดไปแบบน่าเขกกะโหลก
ส่วนผู้มาเยือน แม้จะกลับออกไปพร้อม1แต้ม แต่นั่นทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบ16ทีมนั้นยากมากๆ เพราะแมตช์สุดท้าย พวกเขาต้องเปิดบ้านเอาชนะ เอซี มิลาน ให้ได้สถานเดียว และลุ้นให้ เปแอชเช ไม่ชนะ ดอร์ทมุนด์ ที่อาจปล่อยจอย เพราะเข้ารอบไปแล้ว
เดมเบเล่ เล่นยาก ไม่คม - ดาวรุ่ง บาร์โคล่า เลอะเทอะ
ในเรื่องของลีลาความพริ้วความสามารถส่วนตัว ทักษะสกิลต่างๆ ไม่มีใครสงสัยในตัว อุสมาน เดมเบเล่ อยู่แล้ว แต่ทว่าในเรื่องทีเด็ดทีขาด การตัดสินใจช็อตสำคัญๆ นี่คือสิ่งที่เป็นเครื่องหมายคำถามกับปีกกระดูกยุงรายนี้มาตลอดทั้งแต่อยู่กับ บาร์เซโลน่าแล้ว
ก่อนเกมเราจึงได้เห็นว่า14นัดตัวจริง และอีก3นัดตัวสำรอง เดมเบเล่ มีผลงานที่เป็นรูปธรรมเพียงแค่ 1ประตู กับอีก4 แอสซิสต์เท่านั้น ซึ่งประตูแรกก็พึ่งมาทำได้ในเกมลีกเอิงที่ เอาชนะ โมนาโก 5-2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โดยการเล่นริมเส้นปีกขวาของ อุสมาน เดเบเล่ ทำให้จะได้รับการซัพพอร์ทในการเล่นเกมรุกเป็นอย่างดีกับ แบ็กขวาจอมบุก อัชราฟ ฮาคิมี่ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เดมเบเล่ ก็เลี้ยงบอลไปในพื้นที่ที่เล่นยากหลายหน เลือกเพลย์การเล่นที่หลายจังหวะเกินไปทำให้เกมรุกทีมสะดุด
เมื่อคืนปีกวัย26ปี มีโอกาสยิงมากถึง6ครั้ง มีทั้งซัดโด่งออกไปแบบไม่ได้ลุ้น ชาร์จยิงออกไปเอง ติดเซฟ ชาร์จจ่อๆโดน นิค โป๊ป ที่ออกมาปิดมุมดี แต่ก็ต้องบอกว่า จังหวะตะบันของเจ้าตัวขาดความเฉียบคมมากๆ ส่วนดาวรุ่งวัย21ปีอย่าง แบรดลี่ย์ บาร์โคล่า ก็เล่นเอาเพื่อนร่วมทีมหงายเงิบไม่อยากส่งบอลให้แล้ว
เพราะแม้ลงมาเป็นตัวสำรองแทน โกโกโล มูอานี่ น.62 ก็มีโอกาสเหน่งๆถึง3ครั้ง จากช็อตหลุดเดี่ยวไปซัดมุมแคบ บอลหลุดออกไปแบบเสียของ - ยิงไม่จับแบบโล่งๆระยะไม่ถึง10หลาจากลูกเปิดของ ฮาคิมี่ ข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น รวมถึงตวัดจ่อๆไปติดเซฟ นิค โป๊ป ซึ่งภาพรวมการยิงประตูก็สมกับการเป็นผู้เล่นดาวรุ่งจริงๆ
เอ็มปั๊ปเป้ แนวรุกปารีสคนเดียว ที่หวังผลได้
เห็นถูกมองว่าติดโชว์ หรือเล่นเพื่อตัวเอง แต่ทว่าเมื่อมองถึงผลลัพธ์หรือประสิทธิผลแล้ว ต้องบอกว่า คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ นั้นทรงประสิทธิภาพมาก เมื่อคืนกับนิวคาสเซิ่ล ต้องบอกว่าเมื่อเทียบกับแนวรุกคนอื่นๆ " ประธานเป้ " ดีกว่าชัดเจน
เมื่อโอกาสยิงเป็นของพวก โกโล มูอานี่ หรือ อุสมาน เดมเบเล่ เราไม่รู้สึกเลยว่าเปแอชเชจะได้ประตูเลย แต่ทว่าพอบอลไปอยู่กับเท้าของ เอ็มปั๊ปเป้ กลับรู้สึกได้ลุ้นและคุกคามผู้มาเยือนได้มากกว่า
จังหวะลากตะลุยยังคงอันตรายเสมอ มีช็อตจ่ายคิลเลอร์พาสให้ บาร์โคล่า หลุดไปยิงเสาแรก แต่เจ้าหนูดาวรุ่งรายนี้ หมายยิงเสาแรกทำบอลออกไปแบบเสียของสุดๆ 4ครั้ง คือการจ่ายคีย์พาสของ เอ็มปั๊ปเป้ เมื่อคืน เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นนิวคาสเซิ่ล 5ครั้ง
หาจังหวะได้สับไกล5หน ซึ่งการสังหารจุดโทษในวินาทีชี้เป็นชี้ตาย สตาร์เลือดน้ำหอมรายนี้ก็ยิงได้อย่างเยือกเย็นและเฉียบคมมากๆ ซึ่งนับตั้งแต่ซัดจุดโทษพลาดในยูโร 2020 เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ เอ็มปั๊ปเป้ ก็ดูจะชัวร์มากขึ้นกว่าเดิม
ประตูตีเสมอ1-1แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่1แต้มสำหรับการเล่นในบ้านแต่ ทว่าก็เป็นประตูที่กุมความได้เปรียบในการผ่านเข้าไปเล่นรอบ16ทีม เพราะทำให้เปแอชเชเอง สามารถกุมชะตาตัวเองได้ในนัดสุดท้าย
ทิโน ลิฟราเมนโต นิ่งเกินวันในเวที ยูซีแอล
ด้วยสถานการณ์ที่แบ็กซ้ายตัวหลักของ นิวคาสเซิ่ล อย่าง แดน เบิร์น เจ็บยาว ทำให้โอกาสชิ้นมันในการพิสูจน์ฝีเท้าตัวเองเป็นของ ทิโน ลิฟราเมนโต แบ็กซ้าย(ที่ปรกติเล่นแบ็กขวา) ได้รับโอกาสก่อน ลูอิส ฮอลล์ เกมก่อนหน้ากับดอร์ทมุนด์แบ็กเชื้อสายอิตาเลี่ยน ได้เล่นสูงเป็นถึงปีกตัวรุกเลยทีเดียว
ด้วยวัยเพียงแค่ 21ปี มีประสบการณ์ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่1นัด แต่ทว่าผลลัพธ์90นาที ลิฟราเมนโต ทำได้ดีมากๆทั้งในเรื่องของการเล่นเกมรับ (แม้จะไม่เนี๊ยบทุกจังหวะ) รวมไปจนถึงการตัดสินใจเล่นเกมรุกช็อตต่างๆ
ความฉลาดในการเล่นเกมรุกน่าปรบมือให้เจ้าหนูรายนี้จริงๆ มีจังหวะเลี้ยงตะลุยหนีผู้เล่นเจ้าบ้านหลายหน เล่นเอา เดมเบเล่ หรือ ฮาคิมี่ ปั่นป่วนหลายสถานการณ์ เกมรับแท็กเกิ้ลได้3ครั้ง - เคลียร์บอลไป4หน
เกมใหญ่ สถานการณ์ที่กดดัน ประสบการณ์อันน้อยนิด กับผลงาน90นาทีในสนาม หากพัฒนาบ่มเพาะฝีเท้าไปเรื่อยๆ นี่จะเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองของนิวคาสเซิ่ลในอนาคตแน่นอน ซึ่งจังหวะจุดโทษของเจ้าตัว ต้องบอกว่าเป็นความซวยมากๆกว่า เพราะบอลไปโดนหน้าอกก่อนแท้ๆ ค่อยแฉลบมาโดนแขน แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าค้านสายตา เป็นจุดโทษดื้อๆ
แข้งวัยรุ่นอีกคนที่คงไม่พูดถึงก็ไม่ได้นั่นก็คือ มิดฟิลด์ อย่าง ลุยส์ ไมลีย์ ที่อายุเพียง17ปีเท่านั้น แค่ประทานโทษ เล่นดีกว่ารุ่นพี่อย่าง บรูโน่ กิมาเรส ที่ดูไม่ดุดันเหมือนในเวทีพรีเมียร์ลีก (อาจด้วยกลัวโดนใบเหลืองหรือแดง)
โป๊ป เซฟชีวิตสาลิกา พาแบ่ง1แต้ม
แม้ในพรีเมียร์ลีกจะเก็บคลีนชีตได้4นัด แต่ทว่าฟอร์มของนายด่านอย่าง นิค โป๊ป กลับไม่ค่อยเปรี๊ยงหรือหนึบมากเท่าไหร่ ช็อตเซฟลูกยากๆ ไม่ค่อยมีให้เห็นหรือรวมไปถึง ความผิดพลาดของเจ้าตัวที่ก่อนขึ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะการออกบอลด้วยเท้า
สถิติหลังเกมระบุว่า เปแอชเช ยิงเข้ากรอบไปมากถึง7ครั้ง และเป็น1ประตู ซึ่ง1ประตูดังกล่าว ก็มาจากจุดโทษของ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ที่ซัดได้แบบหมดสิทธิป้องกันสุดๆ นอกจากนั้น ก็เป็นงานของ นิค โป๊ป โชว์
เซฟลูกไขว้ของ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ และใช้หน้าอกหยุดลูกยิงของสตาร์ชาวฝรั่งเศสรายนี้อีกรอบ เซฟปลายมือลูกยิงที่ไม่แรงแต่มุมของ เดมเบเล่ และออกมาเร็วปิดมุมจังหวะหลุดมายิงของปีกกระดูกยุงได้อีกหน
ที่น่าปรบมือให้สุดๆเห็นทีจะเป็นการใช้ปฎิกิริยาเซฟลูกยิงเผาขนของ ตัวสำรองดาวรุ่งอย่าง บาร์โคล่า แบบที่เห็นยังไงบอลก็ต้องไปซุกก้นตาข่ายแน่ๆ 6เซฟของนายด่านชาวอังกฤษเมื่อคืน มาจากการเซฟในเขตโทษถึง5ครั้งด้วยกัน
ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ นิค โป๊ป ไม่ได้กลับออกมาจาก ปาร์ค เดส์ แพร็งส์ พร้อม3แต้ม และคลีนชีต เพราะโดนจังหวะจุดโทษแบบน่ากังขา จากการเช็ก VAR แต่ฟอร์มของ โป๊ป เอง อย่างน้อยก็ทำให้สาลิกาดง ยังพอมีลุ้นลมหายใจเล็กๆในการผ่านเข้ารอบนัดสุดท้าย
น่าเห็นใจสาลิกา บวกผู้เล่นเจ็บเป็นหางว่าว
การกลับมาเล่นใน เวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบ20ปี ประสบการณ์นี่จึงเป็นสิ่งที่นิวคาสเซิ่ล หายไปแน่ๆ ในการกลับมาเล่นถ้วยใบใหญ่ยุโรป บวกกับความโชคร้ายที่ถูกจับมาอยู่ในกรุ๊ป ออฟ เดธ ทั้ง เอซี มิลาน - ดอร์ทมุนด์ และ เปแอชเช นั่นจึงเป็นอะไรที่ยากพอสมควรหาก " เดอะ แมกพายส์ " จะผ่านเข้ารอบไปได้
ซึ่งก่อนเกมจะบุกไปเยือนเปแอชเช ต้องบอกว่าสภาพทีมของ นิวคาสเซิ่ล เข้าขั้นพิการได้เลย เพราะรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บยาวเหยียด ทั้ง แดน เบิร์น - ฌอน ลองสตาฟฟ - สเวน บอตแมน - จาค็อบ เมอร์ฟี่ - โจ วิลล็อค -ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ - เอลเลียต์ แอนเดอร์สัน รวมไปจนถึง คัลลัม วิลสัน
ทำให้รายชื่อตัวสำรองสาลิกาดงเมื่อคืน มีเพียงแค่7คน และเป็นในตำแหน่งผู้รักษาประตูถึง2รายทั้ง มาร์ติน ดูบราฟก้า และ ลอริส คาริอุส ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เล่นดาวรุ่งหมดทั้ง ลูอิส ฮอลล์ (19ปี) - ไมเคิ่ล ดิเวนี่ (19ปี) - เจมส์ ฮันท์ลี่ย์ (19ปี) - เบน พาร์กินสัน (19ปี)
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ครบ90นาที กุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว จะไม่เลือกเปลี่ยนตัวสำรองสักราย เพราะเด็กๆเหล่านี้ยังอ่อนพรรษาเกินไปที่จะเล่นในเกมใหญ่ที่กดดันใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีความหมายต่อการเข้ารอบขนาดนี้
โดยเกมนัดสุดท้าย โอกาสในการเข้ารอบน็อกเอ้าท์แม้จะยังมี แต่ก็ถือว่ายากหน่อย เพราะทุกอย่างไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาเอง นิวคาสเซิ่ลเอง ต้องเอาชนะ เอซี มิลาน ที่ก็ยังมีลุ้นเข้ารอบอยู่ ให้ได้เพียงสถานเดียว และภาวนาให้ เปแอชเช ต้องบุกไปไม่ชนะดอร์ทมุนด์ (ที่เข้ารอบไปแล้ว)
- คอลัมน์นิสต์
- 326
- 29 พ.ย. 2566