เป๊ป แทบหงาย ! คูลูเชฟสกี้ โขกนาทีบาป พาไก่ตามเจ๊าเรือใบ ระทึก 3-3
ก่อนเกมคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส จะเริ่มขึ้น กูรูหลายๆสำนักรวมไปจนถึงบ่อนพนันถูกกฎหมาย ได้ยกให้พลพรรคเรือใบสีฟ้าเป็นต่ออยู่พอสมควร แม้ว่าจะสดุดมา2นัดติดต่อกัน แต่ทว่าทางฝั่งผู้มาเยือนคลับไก่นั้นย่ำแย่กว่า แพ้มา3นัดรวด พร้อมด้วยสภาพทีมที่พิการ ตัวหลักหายไปหลายราย
ผลลัพธ์ 90นาทีที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม พร้อมด้วยสกอร์3-3 จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแมตช์ ที่มีอัตราความเมามันสูงมากๆเลยทีเดียว พลัดกันเป็นฝ่ายขึ้นนำและตาม แถมยังมีเหตุการณ์ดราม่าท้ายเกม ทั้งประตูของ เดยัน คูลูเชฟสกี้ และ จังหวะการเป่าที่ค้านสายตาสุดๆของ ไซม่อน ฮูเปอร์
เริ่มเกมมาก็เป็นตามเชิงที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะเหนือกว่าคู่แข่ง เพราะวิ่งไล่บีบเพรสซิ่งตั้งแต่จากแดนบน แต่ทว่าก็เป็น สเปอร์ส ที่ชิงขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะสวนกลับทีเด็ด ซน ฮึง- มิน ที่หลุดไปยิงผ่าน เอแดร์ซอน เข้าไป ขึ้นนำ 1-0 น.6
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่กี่นาที ซน ก็เปลี่ยนสถานะตัวเองจาก ฮีโร่ ทู ซีโร่ เมื่อโชคร้ายสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง น.9 สกอร์เป็น 1-1 หลังจากนั้น ซิตี้ ก็มาแซงขึ้นนำ2-1จนได้ ด้วยรูปแบบการเข้าทำที่เนียนตา ติกิตาก้า ก่อนไปจบที่ ฟิล โฟเด้น น.31 จบ45นาทีแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลัง กุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ได้มีการปรับทัพ ด้วยการ ถอด ไบรอั้น กิลล์ ออก แล้วให้ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก ลงมาเล่นแทน เป็น จิโอวานี่ โล เซลโซ่ ทีถูกขยับไปเล่นสูงเหมือนเบอร์10 และรูปเกมของคลับไก่ ก็ดีขึ้นทันตาเห็น แม้จะมีสิทธิโดนลูก3อยู่เป็นระยะ
น.69 โล เซลโซ่ ก็มาปั่นด้วยซ้าย โยกตัดเข้าด้านในและปั่นด้วยร้าย ระยะ 18 หลา บอลเสียบมุมเข้าไปตีเสมอได้เป็น 2-2 แต่ทว่าอย่างไรก็ดี เจ้าบ้านก็มาขึ้นนำอีกครั้ง จากการเสียบอลของ อิฟส์ บิสซูม่า แล้วเป็น ฮาลันด์ ตวัดเข้ามาตรงกลางให้ ตัวสำรอง แจ็ค กรีลิช ชาร์จไม่เหลือ นำ3-2 น.80
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามความใจสู้ของแข้งไก่ บวกกับความหละหลวมในแนวรับของเจ้าบ้าน สเปอร์ส ก็มาตามตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ จากลูกครอสเข้ามาของ เบรนแน่น จอห์นสันให้ เดยัน คูลูเชฟสกี้ ที่พยายามโหม่ง แต่บอลกลายเป็นดีตกใส่ไหล่ ย้อนไปเช็ดใต้คานเข้าประตูไป น.90
ซึ่งช่วงทดเวลาที่ลากยาวไป9นาที ซิตี้ ก็น่าจะได้ลุ้นประตูชัยมากๆ เมื่อ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ตักให้ แจ็ค กรีลิช หลุดเดี่ยว แต่ทว่าผู้ตัดสินอย่าง ไซม่อน ฮูเปอร์ส ไม่รู้อะไรดลใจ เลือกเป่าเป็นฟาวล์กลับมาซะงั้น ซ็อตดังกล่าวถึงขนาดที่ทำให้ผู้เล่นเจ้าบ้านหลายคนฟิวส์ขาดเลยทีเดียว
จบเกมผลเสมอ 3-3 น่าจะไม่ใช่ผลดีสักเท่าไหร่ สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะนี่คือการสดุดในพรีเมียร์ลีก 3นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว ทำให้หล่นมาเป็นอันดับ3 ตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อลเป็น3แต้ม แถมนัดต่อไปทีมของ เป๊ป ยังต้องเจอศึกหนักบุกไปเยือนทีมที่เล่นในบ้านแกร่งสุดๆอย่าง แอสตัน วิลล่า
นี่ไม่ใช่วันที่ดีของ ฮาลันด์ แต่ยังมีอิมแพคต่อเกม
ผลงาน1แอสซิสต์ ใน1เกม ถ้าเทียบกับกองหน้าทั่วไปนี่ถือว่าไม่ได้แย่อะไรเลย แต่ทว่าสำหรับดาวยิงตีนพระกาฬระดับ เออร์ลิง ฮาลันด์ นี่ถือว่าเป็นอะไรที่ต่ำกว่ามาตรฐานของเจ้าตัวเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อเทียบกับโอกาส ได้ยิง จึงถือว่าเป็นแมตช์ที่น่าผิดหวังนิดหน่อย
เมื่อคืน ฮาลันด์ มีโอกาสได้จบสกอร์มากถึง 5ครั้ง แต่ไม่เป็นประตูเลย มิหนำซ้ำโอกาสทั้งหมดทั้งมวลดังกล่าว ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ยังซัดไม่ตรงกรอบอีกด้วย ไม่ต้องลำบากถึง วิคารริโอ ต้องออกแรงเซฟ
ถ้านับเป็นโอกาสแหน่งๆ เออร์ลิง ฮาลันด์ ควรจะใส่สกอร์ได้2ครั้ง โดยเฉพาะในนาทีที่ 15 ช็อตที่ แบร์นาโด้ ซิลวาปาดเข้ามาในเขตโทษ แต่ทว่า ฮาลันด์ ที่ตวัดยิงไร้ตัวประกบระยะราวๆ10หลา หลุดออกนอกรอบไปแบบน่าเหลือเชื่อ
แต่ถึงกระนั้นก็ดี " ดาวยิงจอมมารบู " ก็ยังมีคลาสความเป็นยอดกองหน้าอยู่เต็มเปี่ยม แม้จะเป็นเกมที่เล่นไม่ดี แต่ก็ยังมีอะไรที่หวังผลได้ เพราะมีจังหวะแอสซิสต์ให้ กรีลิช เข้าชาร์จ 3-2 นอกจากที่ ฮาลันด์ ยังคิดเร็วทำเร็ว ตัดให้ กรีลิช ได้หลุดเดี่ยว แต่ทว่าเปาอย่าง ไซม่อน ฮูเปอร์ กลับทำตัวขวางโลก เลือกที่จะเป่าเป็นฟาวล์ให้เรือใบซะงั้น
ตลอดทั้งเกม ฮาลันด์ ได้จ่ายบอลเพียง 15ครั้งเท่านั้น แต่ทว่าก็ยังมีจังหวะจ่ายคีย์พาสถึง2หน หลังจบเกม ดาวยิงวัย23ปี มีความสุ่มเสี่ยงมากๆ ที่จะโดนเอฟเอลงโทษ หลังจากที่ไปต่อว่ากรรมการอย่าง ไซม่อน ฮูเปอร์ อย่างหยายคาย แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม14นัด พร้อมผลงาน 14ประตู 4แอสซิสต์ นี่คือผลงานที่สุดยอดมากๆแล้วของเจ้าตัว
โดกู อันตรายต่อเนื่อง เห็นความแตกต่างเมื่อกรีลิชลงมาแทน
จังหวะสเต็ปการเลี้ยงที่ทั้งเร็วและคล่อง พาบอลไปกับตัวได้ดี เรียกว่า ณ นาทีนี้ น่าจะหาตัวจับยากแล้วสำหรับ เฌเรมี่ โดกู ที่ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเลยกับลีกลูกหนังอังกฤษ เพราะมาถึงก็วาดลวดลายไฉไล ปั่นป่วยแบ็กฝั่งตรงข้าม นั่นจึงไม่แปลกใจที่ทำไมแย่งตัวจริงจาก แจ็ค กรีลิช มาได้
เปโดร ปอร์โร่ หนักใจเป็นอย่างมากที่ต้องรับมือ " เดอะ แฟลช เบลเบี่ยม " ที่บอลติดกับเท้าไปดีเหลือเกิน แถมยังทำชิ่งจ่ายบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างไม่ขัดเขิน จังหวะไม่ได้สะดุดอะไร โชคร้ายเหมือนกันที่ลูกซัดของเจ้าตัวไปกระแทกคานเข้าอย่างจัง
โดกู มีโอกาสยิง3หน ส่วนประตู0-1 ที่เสียไป แม้เจ้าตัวจะวิ่งไปเบียด ซน ฮึง- มิน ไม่ได้ดีพอ แต่ทว่านั่นก็ไม่ใช่งานความรับผิดชอบของเจ้าตัวขนาดนั้นแต่อย่างใด ด้วยความที่ตัวเล็กกว่า บวกไม่ใช่ผู้เล่นประเภทตัวรับอยู่แล้ว
ทว่าอย่างไรก็ดี ปีกตัวจี๊ดรายนี้ ก็อยู่ในสนามได้เพียงแค่52นาทีเท่านั้นเนื่องจาก มีอาการบาดเจ็บ กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จึงเลือกส่ง แจ็ค กรีลิช มาเล่นแทน ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็น " ขุนแจ็ค " นี่แหละที่มาเข้าชาร์จประตูนำ 3-2
ถึงแม้ กรีลิช จะมีประตูมาฝาก แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ในเรื่องของความสมูท ทำให้เกมรุกซิตี้ ไกลลื่น โดกู ทำได้ดีกว่า เพราะมีความทะลุทะลวง เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอด ซึ่งต่างจากสไตล์ของกรีลิช ที่เป็นจังหวะยึกๆ รอจังหวะ เข้าในมากกว่า เฌเรมี่ โดกู ที่พุ่งไปข้างหน้า แต่ถึงกระนั้นก็ดี มันก็ไม่ใช่ฟอร์มที่แย่ของ กรีลิช แต่อย่างใด เป็นในเรืองของสไตล์ใครสไตล์มันมากกว่า
ซิตี้ หลังรั่ว วอลค์เกอร์ ดูโอเคสุดรายเดียว
โดนส่อง16ประตู จาก14นัดในพรีเมียร์ลีก เก็บไปได้ 4คลีนชีต แม้จะเป็นสถิติที่ไม่ได้แย่อะไร แต่ทว่าสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว นี่ก็เป็นการบ่งบอกถึงปัญหาในเกมรับพอสมควร ทั้งคู่เซ็นเตอร์ที่เปลี่ยนหน้ากันบ่อย รวมไปจนถึงในตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ยังไม่เข้าที่เข้าทางกับบอลอังกฤษ
เกมลอยสูงแล้วเปิดพื้นที่โล่งหลังบ้าน ทำให้โดนเกมสวนกลับมาทะลุตลอด นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นข้อบกพร่องแนวรับเรือใบในฤดูกาลนี้ ประตูแรกเห็นได้ชัดเลย เมื่อโดนสวน กวาร์ดิโอ หาย ทำให้เป็น โดกู ที่ตัวเล็ก และเป็นผู้เล่นเกมรุกต้องประกบ ตี๋ซน ซึ่งก็ไม่แปลกใจที่เอาไม่อยู่
รูเบน ดิอาซ ดูฟอร์มดร็อปลงจากซีซั่นที่แล้วมาก ประตู 2-2 เซ็นเตอร์ชาวโปรตุเกส เหมือนจะอยู่ห่างจาก จิโอวานี่ โล เซลโซ่ มากเกินไป ไม่ได้ขวางทางวิธีซัดไกลของแข้งไก่เดือยทองเลย
ถึงกระนั้นก็ดี ในฤดูกาลใหม่นี้ แนวรับที่ไว้ใจได้มากที่สุดของเรือใบสีฟ้านั่นก็คือ ไคล วอล์คเกอร์ ที่ทำท่าว่าจะได้ย้ายทีมในซัมเมอร์ แต่ก็กลับมาเล่นได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะความแข็งแกร่งในเกมรับ
ด้วยที่ทั้งมีความเร็วและความแข็งแกร่ง ไบรอั้น กิลล์ ปีกร่างบางก็ไปไม่เป็นเลย เมื่อต้องดวลกับ วอล์คเกอร์ รวมไปจนถึง ดิสเตนี่ โอเดกี ก็เติมเกมรุกแบบที่ถนัดไม่ได้ ไคล วอล์คเกอร์ มีสถิติที่ดีทั้ง ตัดบอลได้3ครั้ง แถมวางบอลยาวได้ถึง7หน
คูลู ชอบปล่อยของเวลาเจอเรือ
กลายเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีเวลาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว สำหรับ ปีกสายเนิร์บ แต่สกิลอันตรายสุดๆอย่าง เดยัน คูลูเชฟสกี้ ที่แม้ไม่ได้มีจังหวะการเลี้ยงบอลที่เร็วจี๊แต่ทว่าก็พาบอลไปในเขตโทษได้ดีทีเดียว
ประตูแรกก็เป็นอีกชาวสวีเดนรายนี้แหละ ที่แอสซิสต์ ตักให้ ซน ฮึง-มิน หลุดไปซัดผ่าน เอแดร์ซอน ส่วนประตูตีเสมอ 3-3 ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นโชคเลยก็ว่าได้เพราะปรกติ คูลูเชฟสกี้ ไม่ใช่ผู้เล่นที่เล่นลูกกลางอากาศดีแต่อย่างใด
แต่ทว่าลูกเปิดของ เบรนเน่น จอห์นสัน ตัวของ คูลูเชฟสกี้ ที่ต้องการโหม่งเอาชนะ มานูเอล อคานยี่ บอลกลับไปตกใส่หัวไหล่เจ้าตัว ย้อยเสียบมุมไปอย่างงดงามซะงั้น เป็นประตูที่มีองค์ประกอบครบทั้งโชคและความพยายาม
ประตูสุดเฮงดังกล่าวของ คูลู ทำให้เจ้าตัวทำสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูใส่ทีมแชมป์เก่า ได้3ฤดูกาลติดต่อกัน ในเกมเยือน โดนก่อนหน้านั้นที่ทำได้นั่นก็คือ แดนนี่ เมอร์ฟี่ ของลิเวอร์พูลที่ชอบซัดประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (สมัยรุ่งเรื่อง)
นอกจากนี้แล้ว ท็อตแน่ม ท็อต สเปอร์ส ยังกลายเป็นทีมที่เป็นของแสลง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว เมื่อ5นัดหลังสุดที่ดวลกันพวกเขาเอาชนะเรือใบไปได้3 เสมอ1 และพ่ายแค่นัดเดียว หรือจะนับให้ละเอียดว่า ทั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาเป็นนายใหญ่ซิตี้ เมื่อปี 2016 ไก่เดือยทอง คือทีมที่ยัดเยียดความปราชัยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากที่สุด 6ครั้ง
ไก่ ขาดเซ็นเตอร์ตัวหลัก เอเมอร์สัน พร้อมแจกเสมอ
หนึ่งในสาเหตุที่ก่อนหน้านั้น3นัดรวด ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ต้องเจอกับความปราชัยทั้งหมด ปัญหาอาการบาดเจ็บนี่แหละคือสิ่งที่ฉุดรั้งแต้มและผลงานของพวกเขา บวกกับขุมกำลังสำรองไม่ดีพอเท่ากับผู้เล่นชุดใหญ่ ผลลัพธ์จึงออกมาแบบที่เห็น
คริสเตียน โรเมโร่ ติดโทษแบนนัดสุดท้าย ส่วน มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ กุนซือ อังเก้ ไม่มีทางเลือกต้องใช้บริการคู่เซ็นเตอร์ที่ปรกติเป็นแบ็กซ้าย-ขวา ทั้งคู่ มาขัดตราทัพเล่นทั้ง เบน เดวิส และ เอเมอร์สัน โรยัล
7ประตู คือจำนวนที่ไก่เดือยทองโดนคู่แข่งกระซวกตาข่าย ช่วงที่ขาดเซ็นเตอร์ตัวจริง ส่วนเกมเมือคืนต้องบอกว่า เบน เดวิส พยายามทำดีสุดแล้ว ช่วยได้ในหลายจังหวะ แต่สำหรับกับ เอเมอร์สัน โรยัล นั้นไม่ใช่เลย
เชื่องช้า งงงวย นี่คือคำอธิบายอดีตแข้งบาร์ซ่ารายนี้ได้เลย ตามจังหวะบอล ติกิ ตาก้า ของเจ้าบ้านไม่ทัน ประตู 2-1 ก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละที่ไม่วิ่งไปตาม ฟิล โฟเด้น จน เบน เดวิส ต้องโวยยกใหญ่ รวมไปจนถึงจังหวะจ่ายบอลพลาดไปติด อัลวาเรซ เด้งมาเข้าทาง แบร์นาโด้ ตบเข้ากลางให้ ฮาแลนด์ ดีที่ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ยิงพลาดดื้อๆ ระยะแถวจุดโทษ
จังหวะที่ต้องทันเกม รวมไปจนถึงช็อตที้ต้องเคลียร์บอลหน้าเขตโทษ เอเมอร์สัน เคลียร์บอลสุ่มเสี่ยงไม่พ้นระยะอันตรายมากๆ ซึ่งเวลาที่เล่นเป็นแบ็กขวาก็รั่วพอควรอยู่แล้ว ยิ่งพอขยับมาเป็นเซ็นเตอร์ที่ต้องอาศัยการอ่านเกมล่วงหน้าด้วย จึงให้ทั้งมั่วและอลเวลไปใหญ่เลย
- คอลัมน์นิสต์
- 356
- 4 ธ.ค. 2566