VAR ต้องตอบคำถาม ! ไก่ เชือด หงส์ 9ตัว 2-1 มาติป ยิงตัวเองนาทีบาป 90+6
เป็นเกมที่อุดมเดือดไปด้วยความดราม่าจริงๆ สำหรับ ศึกพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่7 คู่สุดท้ายวันอาทิตย์ ระหว่างเจ้าบ้าน ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส กับผู้มาเยือนที่ร้อนแรงสุดๆ ณ นาทีนี้อย่าง ลิเวอร์พูล ที่พลิกสถานการณ์จากตามหลังกลับมาชนะเก่งเหลือเกิน โดยผลลัพธ์90นาทีของสงครามสัตว์ปีก เป็น สเปอร์ส ที่เฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 หลังหงส์แดงต้องเหลือผู้เล่นเพียง9คน
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีโอกาสดีมากๆที่จะขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก หากว่าพวกเขาบุกมาหักคอไก่คาเล้าได้ เพราะจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ แบบสุดช็อก 2-1
ซึ่งเมื่อเกมออกสตาร์ทมา ลิเวอร์พูลก็เป็นฝ่ายที่ครองเกมได้เหนือกว่า หาจังหวะจบสกอร์ได้จะแจ้งกว่า รวมไปจนถึงดูกระหายในชัยชนะมากกว่า แต่ทว่าใบแดงของ เคอร์ติส โจนส์ ที่โดน VAR ริบคำตัดสินเปลี่ยนจากใบเหลืองเป็นแดง ก็ทำให้หงส์แดงต้องเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10คน ตั้งแต่ น.26
แต่ทว่า10คนของทีมเครื่องจักรสีแดง ก็เล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น และส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ จาก หลุยส์ ดิอาซ แต่ทว่า VAR ไปตีเส้นอีท่าไหนไม่รู้ให้เป็นล้ำหน้าซะงั้น ซึ่งดูจากภาพช้ายังไง จังหวะจ่ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็มีขาของ คริสเตียน โรเมโร่ ที่ห้อยต่ำกว่าใครเพื่อน
หลังจากนั้นอีกเพียงแค่2นาที สถานการณ์ก็กลายเป็นตีกลับ คลับไก่ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 น.36 จาก ซน ฮึง -มิน แต่ทว่าอย่างไรก็ตามลิเวอร์พูล ก็มาสวมบทนักสู้ตีเสมอได้ 1-1 ก่อนจบครึ่งแรก จาก โคดี้ กัคโป น.45+4 จบ45นาทีแรก ด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังสถานการณ์ของผู้มาเยือนก็แย่ลงไปอีก เมื่อ ดิโอโก้ โชต้า มาโดนใบเหลืองแดง น.69 ทำให้ลิเวอร์พูล ต้องสู้โดยที่เหลือผู้เล่นเพียง9คน หลังจากนั้นก็เป็นสเปอร์สที่เปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างเต็มตัว แต่ทว่าก็เป็น อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่เซฟสวยๆ ไว้ได้ถึง2ครั้ง
บวกกับการเน้นเกมรับเต็มสูบของ เจเค ในระบบ 5-3-0 การถอยรับลึกเล่นเอา สเปอร์ส ของ อังเก้ ปอสเตโคกลู เจาะไม่เข้าหรือไม่ใกล้เคียงเลยกับการเล่นแบบมหาอุตของลิเวอร์พูล แต่ทว่าอย่างไรก็ตามทำนบของทีมหงส์แดงต้องมาแตกสิ้นพ่ายในนาทีบาปจนได้
เมื่อแบ็กขวา เปโดร ปอร์โร่ เปิดบอลไปในเขตโทษลิเวอร์พูล และก็เป็น โฌเอล มาติป ที่ดวงแตกสกัดเข้าประตูตัวเองไป น.90+6 สเปอร์สขึ้นนำ 2-1 และชนะไปได้ในที่สุด ส่วนหงส์แดงเป็นผู้แพ้ที่น่าชื่นชมในหัวจิตหัวใจจริงๆ แม้ว่าจะเจอคำตัดสินที่ค้านสายตาก็ตาม
แม็ดดิสัน ยิ่งเล่นยิ่งดี เป็นมากกว่าเพลย์เมคเกอร์
40ล้านปอนด์ ที่จ่ายไปให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ แค่ยังไม่ต้องเล่นให้กับสเปอ์รส ก็ดูเป็นถูกไปเลยสำหรับ เจมส์ แม็ดดิสัน เพราะฤดูกาลที่สุนัขจิ้งจอกตกชั้น ผลงานส่วนตัวของ " แมดเดอร์ส " ไม่ได้ย่ำแย่เลย เพราะทำไปได้ถึง 10ประตู 9แอสซิสต์ จาก30นัดในลีก
ยิ่งพอมาเห็นเล่นให้กับไก่เดือยทอง เพียง7นัดแรกในพรีเมียร์ลีก2ประตู 4แอสซิสต์ ก็แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าทุกเพนนีแล้ว สำหรับ เจมส์ แม็ดดิสัน เกมเมื่อคืน แม้จะไม่มีประตูหรือแอสซิสต์มาฝาก แต่ทว่าอิทธิพลต่อเกมรุก ต้องบอกว่าเหลือล้นจริงๆสำหรับ แข้งหมายเลข10รายนี้
แม็ดดิสัน เกือบทำประตูได้ด้วยซ้ำจากลูกง้างยิงด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ แต่ทว่าโดนความยอดเยี่ยมของ อลิสซง เบคเกอร์ เซฟไว้ได้อย่างเส้นยาแดงฝ่าแปด ประตูนำ1-0ของทีมก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละที่จ่ายทะลุช่องคีย์พาสให้ ริชาร์ลิซอน หลุดไป ตบเข้ากลางให้ ซน ฮึง - มิน แทปอินเข้าไป
เจมส์ แม็ดดิสัน ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ในยามยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์เท่านั้น เวลาแข้งวัย26ปี มายืนต่ำก็มีวิสัยทัศน์การออกบอลที่ยอดเยี่ยมเช่นกันเลือกจังหวะการเล่นได้ว่าจะจ่ายออกขวาหรือออกซ้ายให้ ริชาร์ลิซอน หรือ เดยัน คูลูเชฟสกี้
โดยอดีตแข้งเลสเตอร์ มีสถิติหลังเกมออกมาว่า มีโอกาสยิงมากถึง4ครั้งด้วยกัน แถมยังจ่ายบอลคีย์พาสได้มากถึง4หน อีกปัจจัยที่ทำให้ แม็ดดิสัน เล่นได้ดีและง่ายนั่นก็คือ มิดฟิลด์อย่าง อีฟส์ บิสซูม่า ที่เล่นเกมรับตัดบอลทำงานสกปรกได้อย่างไม่มีที่ติ
ริชาร์ลิซอน เล่นปีกได้ดีกว่าหน้าเป้านะ
การย้ายออกไปของ แฮร์รี่ เคน คาดว่าจะทำให้ดาวเตะตัวตึงอย่าง ริชาร์ลิซอน ได้สำแดงฤทธิเดชมากขึ้นในตำแหน่งหน้าเป้า แต่ทว่าหลายนัดที่ผ่านมา ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ดาวยิงสายแด๊นซ์ ยังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเลย มีแค่ลงมาทำ1ประตู 1แอสซิสต์ ในเกมเฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ที่เข้าตากรรมการ
ริชาร์ลิซอน หลายๆนัดที่ผ่านมาดูจะทำอะไรผิดที่ผิดทาง ยืนขวางทางบอลไปหมดเวลาได้รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ทว่าเมื่อคืนแข้งชาวบราซิล ได้รับหน้าที่เป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แจ้งเกิดของเจ้าตัวเลยสมัยอยู่วัตฟอร์ด และช่วงแรกๆที่มาอยู่เอฟเวอร์ตัน
การมาเป็นตัวริมเส้นทำให้ ริชาร์ลิซอน ดูจะมีพิษสงมากขึ้น และเจ้าตัวก็เป็นคนแอสซิสต์ให้ ซน ฮึง- มิน ยิงเข้าไปง่ายๆกับลูก 1-0 คอมโบด้านซ้ายของเจ้าตัวนั้นดีเหลือเกินเมื่อได้ประสานงานกับ เดสตินี่ อูโดกี โจมตีแบ็กอย่าง โจ โกเมซ
" เทพแด๊นซ์ " ก็เกือบจะมี แอสซิสต์ ที่2ได้เหมือนกัน เมื่อเข้าทำแบบเดิมให้ ซน เข้าฮอส แต่ล้ำหน้าไปก่อน ถึงกระนั้นก็ดี ริชาร์ลิซอน ก็มีสิ่งที่ควรพัฒนาอย่างเร่งด่วนนั่นก็คือ ความเฉียบคมในการยิงประตู เพราะเมื่อคืนโอกาส5ครั้ง เอาไปทิ้งลงโถชักโครกหมดเลย
ยิ่งเมื่อนับต่อยอดมาจากฤดูกาลที่แล้ว 2022-2023 เท่ากับว่า ริชาร์ลิซอน ทำไปได้เพียงแค่2เม็ดเท่านั้น จาก34นัดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เจ้าของค่าตัว60ล้านปอนด์ ไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งศูนย์หน้าเท่าไหร่ เพราะชอบยืนอยู่ผิดที่ผิดเวลาสัญชาติญาณในเขตโทษไม่ดี ตำแหน่งปีกที่คุ้นเคย อาจเป็นแนวทางการเล่นที่เจ้าตัวถนัดมากกว่าก็ได้
หงส์จะดีหรือแย่ อลิสซง ก็ช่วยเซฟมหัศจรรย์ตลอด
เรียกว่าเป็นผู้ช่วยให้หงส์แดงรอดได้ทุกสถานการณ์จริงๆสำหรับ อลิสซง เบ็คเกอร์ เพราะแม้ว่าลิเวอร์พูลจะอยู่ในช่วงฟอร์มดีหรือฟอร์มแย่ แต่ทว่าโกลชาวบราซิลรายนี้ ก็มีงัดซุปเปอร์เซฟมหัศจรรย์มาให้เห็นเสมอ เมื่อคืนกับคลับไก่ก็เหมือนกัน
ซีซั่นนี้ อลิสซง เบ็คเกอร์ ก็คว้ารางวัลลูกเซฟประจำเดือนมาแล้ว ในเกมกับที่เหลือ10ตัว แล้วพลิกแซงเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 กับการหยุดลูกยิงเต็มแรงของ มิเกล อัมมิร่อน ในเขตโทษได้อย่างชนิดความยาก 10เต็ม10
ส่วนกับไก่เดือยทอง " พี่หมี " ก็มีช็อตบินเหินหาวเซฟลูกยิงด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษของ เจมส์ แม็ดดิสัน ได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะเมื่อดูจากภาพช้าลูกยิงของดาวเตะเบอร์10รายนี้ เข้ามุมกริบเลย
ยังไม่นับเซฟลูกวอลเล่ย์ยิงเร็วในเขตโทษของ ซน ฮึง-มิน ที่ อลิสซง ปฎิกิริยาไวรวดเร็วมาก อีกจุดหนึ่งที่ต้องชมมากกว่าการเซฟนั่นก็คือ การบัญชาเกมในแนวรับตอนที่หงส์แดงเหลือผู้เล่นเพียงแค่9คน ลูกโด่งโยนเข้ามาของสเปอร์ส อลิสซง ไม่มีข้อผิดพลาดเลย
ก่อนท้ายที่สุดแล้ว หงส์แดงจะมาทำนบแตกกับ นาทีบาป 90+6 จากลูกเปิดเรียดเข้ามาของ เปโดร ปอร์โร และก็เป็น โฌแอล มาติป ที่เล่นดีมาทั้งเกม ทนความกดดันไม่ไหว หวดเข้าประตูตัวเองไป
โดย อลิสซง เบ็คเกอร์ ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดใส่แนวรับชาวแคเมอรูนแต่อย่างใด แถมยังให้กำลังใจ แสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมทีม ไม่ให้เสียขวัญไปในเกมหน้าๆ ต่อไป
ผู้ตัดสินเป่าค้านสายตา ใบแดง โจนส์ ทำเกมเปลี่ยน
หนึ่งประเด็นใหญ่ๆที่ถูกพูดถึงแน่ๆ เกมที่ สเปอร์ส เฉือน เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 นั่นก็คือการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในสนาม ไซมอน ฮูเปอร์ กับจังหวะ VAR ขึ้นนำไปก่อน1-0 ของหงส์แดง จากลูกจ่ายทะลุช่องของ โม ซาลาห์ ให้ หลุยซ์ ดิอ๊าซ หลุดไปยิงอย่างสุดเฉียบ
โดยลูกยิงของปีกชาวโคลัมเบีย ต้องมาถูกยึดอย่างน่าเสียดาย เพราะผู้ตัดสินจากห้อง VAR ส่งสัญญาณมาว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทั้งที่มองจากภาพช้าด้วยตา ไม่ว่าจากมุมไหนๆ ขาของ คริสเตียน โรเมโร่ ก็อยู่ต่ำกว่า ดิอ๊าซ เห็นๆ
และที่น่าข้องใจคูณเป็นสองเท่านั่นก็คือการให้ดูภาพช้าเพียงแค่ครั้งเดียว แถมยังไม่ตีเส้นให้เห็นชัดๆอีกด้วย จนทางรายการของ BEIN SPORT ได้ออกมาตีเส้นให้เห็นว่าช็อตดังกล่าวไม่ล้ำหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว องค์กรผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ (พีจีเอ็มโอแอล) ก็ได้ออกมายอมรับว่า นี่คือการตัดสินที่ผิดพลาด (สูตรเดิม) ซึ่งการขอโทษก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้ หากว่าหงส์แดงขึ้นนำไปก่อน 1-0
อาจทำให้รูปเกมเข้าทาง ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้ นั่นก็คือการเล่นตั้งรับแล้วสวนกลับที่บรรดาแนวรุกพวกเขาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเร็วสปีดนรกแตกถนัดดีนักแล อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ใบแดงของ เคอร์ติส โจนส์ อันเป็นจุดเปลี่ยนของเกม
โอเคว่า โจนส์ ไม่ได้ตั้งใจทำร้าย บิสซูม่า แน่ๆ แต่ดูจากภาพช้าก็เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะรอดพ้นจากใบแดง ส่วนในเคสของ ดิโอโก้ โชต้า ก็ต้องบอกว่าแข้งแดนฝอยทอง โดนเหลืองแดงแบบไม่น่าโดนไปหน่อย เพราะเวลาห่างกันเพียงแค่1นาทีเท่านั้น และเป็นจังหวะที่ไม่น่าโดน เพราะเสียดายไม่ยอมเคลียร์บอลทิ้งตั้งแต่แรก
9ตัวหงส์ แต่สู้โคตรสุดใจ
เคยเหลือ10ตัว แถมโดนนิวคาสเซิ่ลนำไปก่อนใน1-0 ใน45นาทีแรกแต่ทว่า ลิเวอร์พูลก็รวมพลังสปิริตพลิกแซงชนะช่วงทดเวลา 2-1 จากลูกยิงสุดเฉียบของตัวสำรอง ซุปเปอร์ซัพ ดาร์วิน นูนเญซ เหมา2ตุง พลิกนรกกลับมาชนะได้มาแล้ว
เกมกับสปอร์สช่วงที่เหลือ10คน พลพรรคหงส์แดงก็มีแนวโน้มจะพลิกแซงได้เหมือนกัน กับการเล่นเกมรับแน่นๆ แล้วใช้ความสามารถเฉพาะตัวของบรรดาแนวรุกอย่าง โม ซาลาห์ และ ดิอ๊าซ เล่นงานเป็นหมัดน็อกสวนกลับเล่นไม่มากจังหวะ
แต่ทว่าพอเหลือ9คน จากใบแดงของ ดิโอโก้ โชต้า กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มองเห็นแล้วว่า โอกาสพลิกนรกกลับมาจากป่าช้าแซงชนะนั้นไม่เหลือแล้ว เจเค จึงต้องปรับมาเล่นระบบมหาอุด 5-3-0
เราได้เห็น3เซ็นเตอร์ ฟาน ไดค์ - โกนาเต้ และ มาติป ปักหลักเป็นกองหลังร่างยักษ์ในเขตโทษ ซึ่งลูกโด่งของไก่เดือยทอง เล่นงาน3เซ็นเตอร์หงส์แดงไม่ได้เลย ก่อนที่สุดท้ายจะมาดวงแตกกับลูกเปิดเรียดสุดท้ายของเกมและเป็น มาติป ที่ทนความกดดันไม่ไหว หวดเข้าประตูตัวเองไป
แม้จะปราชัยออกมา แต่นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่เชิดหน้าได้อย่างยิ่งของลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ กับการเหลือผู้เล่น9ตัว แต่ยังสู้จนสุดใจเกือบจะยัน1แต้มกลับบ้านได้ด้วยซ้ำ นี่คือ Mentality ที่ เจเค ปลูกฝังให้นักเตะเครื่องจักรสีแดงมาตลอด
เอาแค่ในฤดูกาลนี้ หัวใจที่แข็งแกร่งของผู้เล่นหงส์แดง ก็มีถึง5นัดด้วยกันที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ พาลูกทีมพลิกกลับมาชนะได้ทั้งที่ตามหลังไปก่อนทั้ง กับ บอร์นมัธ 3-1 / นิวคาสเซิ่ล 2-1 / วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1 / เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1(คาราบาว คัพ) และ ลินซ์ 3-1 (ยูโรป้า)
- คอลัมน์นิสต์
- 318
- 01 ต.ค. 2566 16:36