นัดชิง เอ้าท์คลาส ! เปแอชเช แชมป์ ยูซีแอล ถลุง อินเตอร์ ยับ 5-0 ดูเอ้ กดเบิ้ล
เป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยการปลดล็อกแชมป์ของหลายๆทีม ที่ไม่เคยได้แชมป์ หรือห่างเหินโทรฟี่มานานจริงๆ สำหรับ 2024-2025 ล่าสุดก็ถึงคิวของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นหนแรกในประวัติศาตร์สโมสร โดยเกมชิงดำ เปแอชเช โชว์คลาสชั้นเลิศ สอนบอลเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไปแบบย่อยยับ 5-0
ถ้วยยุโรปใบสุดท้ายที่จะชี้ขาดกันในซีซั่นนี้ หลังถ้วยรองลงมาอย่าง คอนฟอเรนซ์ และ ยูโรป้า ลีก ก็ได้ผู้ชนะไปแล้ว คราวนี้มาถึงคิวของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คู่ชิงที่สนาม อาลิอันซ์ อารีน่า เปแอชเช ดวลกับ อินเตอร์ มิลาน
ทีมดังลีกเมืองน้ำหอม ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นไปอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าจะไม่มีสตาร์ดังเท่าแต่ก่อน พวกเขามาในระบบเก่ง 4-3-3 โกล จอมหนึบ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า แบ็กขวา-ซ้าย อัชราฟ ฮาคิมี่ และ นูโน่ เมนเดส คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ วิลเลี่ยน ปาโช่ กับ มาควินญอส
3มิดฟิลด์ ที่น่าจะดีที่สุดและลงตัวที่สุดในยุโรปตอนนี้ อย่าง วิตินญ่า - ฟาเบียน ลุยซ์ และ ชูเอา เนเวส แนวรุก3ประสานเร็วและสลับตำแหน่งกันได้หมดทั้ง ควิชา ควารัตสเคเลีย - เดซิเร่ ดูเอ้ และ อุสมาน เดมเบเล่
ฟาก อินเตอร์ มิลาน ที่อกหักในนัดชิงเมื่อปี 2023 พวกเขาจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด ระบบ3-5-2 นายด่าน แยน ซอมเมอร์ 3เซ็นเตอร์แบ็ก แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ -ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ และ อเลสซานโดร บาสโตนี่ วิงแบ็ก2ข้าง เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก้ กับ เดนเซล ดุมฟรีส 3ห้องเครื่ององ นิโคโล่ บาเรลล่า - เฮนริค มคิทาร์ยาน และ ฮาคาน ชัลฮาโนลู
กองหน้าคู่ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ผนึกกำลัง มาร์คุส ตูราม เริ่มเกมมาก็เป็นทีมจากลีกเมืองน้ำหอม ที่สดกว่าจัดจ้านกว่า ครองเกมได้มากกว่า และก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เลย วิตินญ่า แทงให้ ดูเอ้ หลุดโล่งๆในเขตโทษ แล้วใจกว้างปาดมาให้ ฮาคิมี่ ยิงง่ายๆไร้ตัวประกบ น.12
และแล้วอินเตอร์ ที่พยายามทวงคืน ก็โดนลูกสวนกลับ เปแอชเช เล่นงาน เดมเบเล่ โดยไปเสาไกลให้ ดูเอ้ พักบอลแล้ว วอลเล่ย์ ไปแฉลบ ดิ มาร์โก้ เปลี่ยนทางหมดสิทธิ ซามเมอร์ ที่จะเซฟได้ ฉีกหนีเป็น 2-0 น.20
งูใหญ่พยายามมากๆที่จะทวงประตูตีไข่แตกให้กลับเข้ามาสู่เกมได้ และได้ลุ้นจากลูกเตะมุม น.37 ตูราม ได้โขกแต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว ท้ายครึ่งแรก เปแอชเช น่าได้เพิ่มจากทั้ง เดมเบเล่ และ ดูเอ้ แต่จบกันไม่คมเอง จบ45นาทีแรก ปารีส นำ2-0
ครึ่งหลัง อินซากี้ แก้เกมเร็ว ถอด ดิ มาร์โก้ และ ปาวาร์ ออก ให้โอกาสเป็น ยานน์ บิสเซ็ค กับ นิโคล่า ซาเลฟสกี้ ลงมาน.54 แต่ทว่า บิสเซ็ค ก็อยู่ในสนามได้ไม่ถึง10นาที และมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องถูกถอดออก คาร์ลอส ออกุสโต้ ลงมาแทน น.62
พญางูใหญ่ ที่ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ทว่าก็โดนทีเด็ดลูกสวนกลับของ เปแอชเช เล่นงานอีกจนได้ เดมเบเล่ สะกิดให้ วิตินญ่า แทงต่อให้ ดูเอ้ ได้ยิงยัดเสาแรกผ่าน ซอมเมอร์ เข้าไป 3-0 น. 63
เท่านั้นไม่พอ คิวชา ได้หลุดเดี่ยวจากครึ่งสนาม ไปดวลกับ ซอมเมอร์ และหลอกยิงเสาแรกเข้าไป หนีห่าง 4-0 น.73 หลังโดนเม็ดนั้น อินเตอร์ ก็เหมือนจะถอดใจหยุดวิ่งแล้ว
ท้ายที่สุด เปแอชเช ก็มาได้ประตูตอกฝาโรงแสดงถึงความห่างชั้นขึ้นไปอีก เมื่อเด็กตัวสำรองอย่าง เซนนี่ มายูลู ฝากบอลในเขตโทษ ไปรับบอลและยิงเสาแรก (อีกแล้ว) ผ่าน ซอมเมอร์ เข้าไป 5-0 น.87 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว พร้อมเป็นการปลดล็อกแชมป์ ยูซีแอล หนแรกอย่างยิ่งใหญ่ ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ไม่มี เอ็มปั๊ปเป้ แต่ มี เอ็นริเก้
ยุคที่มี3ประสานในแนวรุกเป็นยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ - เนย์มาร์ และ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สมหวังกับ ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลย อาจด้วยเพราะกุนซือของพวกเขา ณ ตอนนั้น เป็น เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ ที่ไม่ได้เก๋าเขี้ยว หรือแพรวพราวมากนัก
ยิ่งพอมาเสีย เอ็มปั๊ปเป้ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ความหวังในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยิ่งยากเข้าไปอีก เพราะต้องยอมรับว่า " ประธานเป้ " เสกสิ่งมหัศจรรย์ให้กับทีมหลายนัด แต่ทว่าอย่างไรก็ตามแม้ไม่มีสตาร์ดัง แต่พวกเขามี กุนซือ อย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ อยู่
ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีกเฟส ปารีส เริ่มต้นได้แย่มากๆ 5นัดแรก ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3 ก่อนมาเร่งเครื่องชนะรวด3นัดท้าย จบที่อันดับ15 จนต้องไปเพลย์ออฟ ซึ่งก็ไม่ใช่งานยากเจอกับทีมในลีก เอิง อย่าง แบรสต์ และเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 10-0 นั่นเป็นจุดเริ่มต้นความน่ากลัวของพวกเขา
เอ็นริเก้ ได้ทีมขุมกำลังที่ลงตัวมากๆ หลังผ่านครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเฉพาะ3กองกลาง ที่ทักษะเชิงบอล ชั้นเชิง ความคล่องตัวต่างๆ ครบเครื่องไปหมด วิตินญ่า - ฟาเบียน รุยซ์ และ เจา เนเวส รวมไปจนถึง แนวรุก 3ประสาน ที่สลับตำแหน่งกันเล่นได้หมด
เมื่อคืน PSG ไม่ใช่ชนะเพียงแค่สกอร์ที่ขาดลอยเท่านั้น 5-0 แต่รูปเกมทุกๆอย่างของพวกเขา ข่มทีมงูใหญ่ แบบเอ้าท์คลาส เกมบีบเพรสซิ่งได้ผลมากๆ ผู้เล่น อินเตอร์ แทบจะช้ากว่า1จังหวะตลอด ถ้าไม่ยิงทิ้งยิงขว้างไปเอง สกอร์อาจขาดลอยมากกว่านี้ได้
และก็ต้องให้ เครดิต กับ หลุยส์ เอ็นริเก้ เต็มๆกับการ ฝังระบบการเล่นให้กับ เปแอชเช ที่ไม่มีผู้เล่นระดับสตาร์เท่าแต่ก่อน นี่คือภาพซ้อน บาร์เซโลน่า ชุดที่เจ้าตัวพาคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ชัดๆ (เมสซี่- เนย์มาร์ และ ซัวเรซ)
นั่นเท่ากับว่า ฤดูกาล 2024-2025 นี้ เปแอชเช กวาดครบทั้ง4แชมป์ที่ลงเล่น และตัวของ หลุยส์ เอ็นริเก้ เอง กลายเป็นกุนซือคนที่6 ที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้จาก2สโมสร ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ - ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์- เป๊ป กวาร์ดิโอล่า -จุ๊ปป์ ไฮเกส์ และ โชเซ่ มูรินโญ่
ดูเอ้ เหมา2 ร่างแสงออก
สำหรับ เปแอชเช ตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลหลังเป็นต้นมา พวกเขาเหมือนได้ 11ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุด รวมถึงรูปแบบการเล่นที่ลงตัวแล้ว แต่ทว่ามีอยู่ตำแหน่งเดียวที่ มักมีการเปลี่ยนแปลงสลับกันเล่นบ่อยๆตามฟอร์มนั่นก็คือ เดซิเร่ ดูเอ้ กับ แบร็ดเล่ย์ บาร์โคล่า
ซึ่งเมื่อคืนกับ อินเตอร์ มิลาน นายใหญ่ หลุยส์ เอ็นริเก้ เลือกใช้งาน ดูเอ้ ก่อน และเจ้าหนูวัย19ปีรายนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย จากผลงาน 2ประตู 1แอสซิสต์ แถมยังเคลื่อนที่ได้ดีมากๆ ทั้งในเวลามีบอลและไม่มีบอล
แอสซิต์ ให้ ฮาคิมี่ เจ้าหนูรายนี้ก็ใจกว้างเป็นอย่างดี ส่วนประตูแรก ถือว่าเฮงเล็กน้อยเพราะบอลไปแฉลบ ดิ มาร์โก้ เปลี่ยนทาง ส่วนเม็ด2 ดูเอ้ ก็ฉลาดยิงมากๆกับการเลือกเสาแรก เพราะ ซอมเมอร์ ดูจะไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่กับมุมนั้น
นิ่งและ จบสกอร์ได้คมเกินวัยจริงๆ สำหรับ เดซิเร่ ดูเอ้ จังหวะการวิ่งของเจ้าตัว ตีโซน 3เซ็นเตอร์ของ อินเตอร์ มิลาน ได้เป็นอย่างดี นั่นเท่ากับว่า 2ประตู เมื่อคืน ทำให้ อดีตแข้งจากแรนส์รายนี้ กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถยิง2ประตู ในเกมนัดชิงยูซีแอลได้ (19ปี 362วัน)
หรือนับรวมผลงานในซีซั่นนี้ ดูเอ้ ทำไปได้15ประตู กับอีก9 แอสซิสต์ ฟอร์มที่พุ่งขึ้นมาของเจ้าหนูรายนี้ ทำให้เรานึกถึง คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ สมัยเริ่มต้นกับ โมนาโก ได้เลย และภายใต้การดูแลของ ยอดกุนซืออย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ ตัวของ ดูเอ้ จะพัฒนาไปได้อีกไกลแน่
ซามเมอร์ ก็ช่วยไม่ได้ / ดิ มาร์โก้ ตัวทำพัง
เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบเป็นตุ๊กแกในรายการนี้ ตีคู่มากับ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เลย สำหรับ ยาน ซอมเมอร์ โดยเฉพาะทั้ง2เกมกับ บาร์เซโลน่า แม้ว่าจะโดนยิงรวมกันถึง6ประตู แต่ทว่ายอดนายทวารชาวสวิต ก็เหาะเหินเดินอากาศบินปัดลูกยากๆนับไม่ถ้วน
ซึ่งรูปแบบการเล่นของ อินเตอร์ มิลาน เมื่อคืน ต้องบอกว่าเป็นการขอซื้อเกมรับ แล้วขอจังหวะสวนกลับหมัดหนักๆ เพื่อน็อกทีมจากฝรั่งเศส แต่ทว่าอย่างไรก็ตามแท็กติกการเล่นแบบนี้ ถ้าโดนเร็ว แล้วจำเป็นต้องเร่งทวงประตูคืน ก็มีสิทธิเละได้เลย และเมื่อคืนก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ประตูแรกที่งูใหญ่เสียนั้นง่ายไปหน่อย เพราะ เฟเดริโด้ ดิ มาร์โก้ ไปยืนห้อยต่ำ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการไม่ล้ำหน้า แถมยังหลงตำแหน่ง จะวิ่งไปเข้าบอล จนทำให้ ฮาคิมิ่ ยืนโล่งๆยิงแบบง่ายๆสุดๆ รวมถึงประตู 2-0 วิงแบ็กชาวอิตาเลี่ยน ก็ประกบห่างและช้าไปหน่อย แถมยังโชคร้ายบอลแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตูด้วย
ส่วนในรายของ ซามเมอร์ ทุกลูกที่โดนกระซวกตาข่าย หมดสิทธิจริงๆที่เจ้าตัวจะแสดงภินิหารได้ มีทั้งลูกยิงจ่อๆ ลูกยิงแฉลบ รวมไปจนถึงอีก3ประตูที่เหลือ โกลจากแดนนาฬิกา โดนยิงเข้าที่เสาแรกหมดเลย
บวกกับแนวรับที่เชื่องช้าของ อินเตอร์ ทำให้ เปแอชเช สร้างความอันตรายในเขตโทษ หน้ากรอบเขตโทษได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะหากท้ายเกมทีมจาก ลีก เอิง ไม่ยิงทิ้งยิงขว้างไปเอง มีโอกาสที่ ซอมเมอร์ จะโดนมากกว่า 5เม็ด ด้วยซ้ำ
เปแอชเช ชนะราบคาบ แชมเปี้ยนส์ ลีก หนแรกของสโมสร
หมดข้อกังขาไปแล้ว กับ ลีกที่โดนคูแคลนว่าเป็นลีกชาวนา เพราะคู่แข่งที่เหลืออีก17ทีม นั้นเข้าขั้นหมูเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นก็ดี เมื่อได้ออกมาวาดลวดลายในยุโป เปแอชเช ก็สกัดเหล่าท็อปทีมให้ร่วงหล่นลงไปนับไม่ถ้วน
โดยเฉพาะทีมจากอังกฤษ ที่ว่ากันว่าเป็นลีกที่มีอัตราความเข้มข้นมากที่สุดของโลก ปารีส ตบมาได้หมดทั้ง ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก - อาร์เซน่อล รองแชมป์พรีเมียร์ลีก - แอสตัน วิลล่า หรือจะเอาในรอบ ลีก เฟส พวกเขาก็เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้เช่นกัน
กับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนออกสตาร์ทคาดว่าจะเป็นเกมที่สูสี เพราะงูใหญ่ เป็นทีมจากอิตาลีเกมรับดี เล่นระบบหลัง3 และพวกเขาเคยมีประสบการณ์ในเกมนัดชิงมาแล้ว 2ปีก่อน แต่ทว่าอย่างไรก็ดีเมื่อไปวัดกันสนาม ต้องบอกว่า PSG เหนือกว่าทุกช่วงเวลาจริงๆ
ทีมของ เอ็นริเก้ ครองบอลมากกว่า อินซากี้ 59 ต่อ 41 โอกาสยิงมากกว่า 23 ต่อ 8 คนเดียวของ งูใหญ่ ที่เล่นดีเห็นจะมีเพียงแค่ มาร์คุส ตูราม แถมบรรดาเหล่าดาวรุ่งที่ส่งลงมาทั้ง วาร์เรน ซาอีร์-เอเมรี และ เซนนี มายูลู เวลาไม่เยอะแต่ก็เล่นได้ดี แถมยังมีสกอร์ด้วย
การคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ เปแอชเช ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่2ของลีกฝรั่งเศส ที่คว้าถ้วยใบใหญ่ยุโรปรายการนี้ได้ ต่อจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ทำได้เมื่อปี 1993 และ ปารีส เอง ก็ปลดล็อกถ้วยที่รอคอย หลังจากที่พวกเขาหวังมาตลอดนับตั้ง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี เข้ามาเทคโอเวอร์ เมื่อปี2011
อินเตอร์ ต้องเปลี่ยนถ่าย / อนาคต อินซากี้ ไม่มีคำตอบ
อกหักเป็นครั้งที่2 ในรอบ3ปีแล้ว สำหรับ อินเตอร์ มิลาน ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่ง ในปี 2023 พวกเขาพ่ายในนัดชิงชนะเลิส ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 1-0 ซึ่งพอมาถึงเกมชิงดำถ้วยนี้อีกครั้งกับ เปแอเชเช 11ผู้เล่นตัวจริงของ งูใหญ่ เป็นชุดเดิมกับเมื่อปี 2023 ถึง 7ราย
ที่เปลี่ยนแปลงไป4รายมี โกล จาก อ็องเดร โอนาน่า มาเป็น แยน ซามเมอร์ - มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน เป็น แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ - เอดิน เซโก้ เป็น มาร์คุส ตูราม และ มาริโอ โบรโซวิช เป็น เฮนริค มคิทาร์ยาน
7จาก11 คือ11ตัวจริงของอินเตอร์ ที่เป็นชุดเดียวกับ นัดเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอาจจะสื่อเป็นนัยๆว่าทัพ " เนรัซซูรี่ " แทบจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายผู้เล่นในตำแหน่งต่างๆเลย โดยเฉพาะในแดนกลางที่เป็นรองจัดๆ มคิทาร์ยาน - ฮาคาน ก็อายุปาเข้าไป 31และ36แล้ว จะให้บดบี้กับ วิตินญ่า- เนเวส และ ลุยซ์ นั้นยากมากๆ
เราจะเห็นได้ว่า ผู้เล่นของ อินเตอร์ มิลาน ช้ากว่าผู้เล่นของเปแอชเช สเต็ปหนึ่งเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าเวลาโดนบีบเพรสซิ่งจริงจัง ทีมของ ซิโมเน่ อินซากี้ จะทำอะไรแทบไม่ได้ หลังลุ้นได้มากที่สุดคือทีเด็ดจากลูกตั้งเตะเท่านั้น
ส่วนกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ ที่เหลือสัญญากับ อินเตอร์ มิลาน อีก1ปี หลังจบเกมเจ้าตัวก็ได้ปัดตอบเรื่องอนาคตกับทัพงูใหญ่ ท่ามกลางข่าวลือกับทีมในลีก ซาอุฯ และกับ ยูเวนตุส
4ฤดูกาลกับ กับ อินเตอร์ 1แชมป์ เซเรีย อา / 2แชมป์ โคปา อิตาเลียน และเข้ารอบชิง ยูซีแอล 2ครั้ง นี่ก็เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว บางทีอาจถึงจุดที่ทีมต้องหาการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆแล้วก็ได้ ตามวัฎจักรของฟุตบอล