ฮาแลนด์ ควง โฟเด้น แฮตทริก ! แมนเชสเตอร์ เป็นสีฟ้า เรือถลุงผียับ 6-3
ก่อนเกมเข้าใจว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูจะเป็นต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากมายอยู่แล้ว ด้วยฟอร์มการเล่นที่กระฉูดแตกจริงๆของทัพเรือใบสีฟ้า ณ ตอนนี้ บวกกับ แม้ทัพปีศาจแดง จะร้อนแรงขึ้นมาคว้าชัย4นัดรวดในพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า ลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็ไม่ได้เล่นดีมากๆทุกนัด บางแมตช์คว้าชัยเพราะจังหวะของเกมมากกว่า
บ่อนพนันถูกกฎหมายของอังกฤษ ออกราคาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่1เสาไฟฟ้าครึ่ง โดยเพียงแค่ 45นาทีแรกของเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็ตัดสินได้แล้วว่า ดาร์บี้ แมตช์หนนี้ เมืองแมนเชสเตอร์จะเป็นสีอะไร
4-0 คือสกอร์ขึ้นนำของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในครึ่งแรก จากผลงานของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ ฟิล โฟเด้น ที่เหมากันคนละ2ตุง ด้วยรูปเกมที่ ซิตี้ ครองเกมเหนือกว่า สร้างโอกาสทำประตูได้มากกว่า ทุกๆอย่างที่เป็นฟุตบอลเหนือกว่าทุกแง่มุม
เริ่มครึ่งหลัง ทัพปีศาจแดง ดูจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ภาษากายดีขึ้น มาตีตื้นเป็น 1-4 จากลูกยิงผีจับยัดนอกกรอบเขตโทษของ แอนโทนี่ น.56 แต่ทว่านั่นก็เหมือนเป็นการกระตุกใบสำเภาทัพเรือใบอีกครั้ง เมื่อ ซิตี้ มาได้อีก2ประตูจาก ฮาแลนด์ และ โฟเด้น น.64 และ 73
ส่งผลให้หัวหอกชาวนอร์เวย์ และ ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ มีแฮตทริก ในแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ทั้งคู่ หลังขึ้นนำเป็น 6-1 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เลือกที่จะผ่อนเกมกถอด ผู้เล่นตัวหลักออกไปทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น
โอเค ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยที่ เล่นบอลในสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเจอคู่แข่งระดับไหน นั่นก็คือการครองบอล เดินหน้าบุกไม่ยั้ง ไม่หยุดเพียงแค่ลูกเดียว แต่ทว่าก็ต้องตำหนิการวางแผนของ เทน ฮาก เช่นกันที่กลัวทีมเจ้าบ้านไปหน่อย เล่นกั๊กๆระหว่าง จะเน้นรับหรือเน้นรุก(แบบสวนกลับ)กันแน่
ส่วน เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ยังฉายฟอร์มเป็นปีศาจเหมือนเดิม นอกจากจะกดแฮตทริกได้แล้ว ดาวยิงจอมมารบู ยังทำแอสซิสต์ ได้อีกถึง2เม็ดอีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องต้มยำสุดๆจริงๆสำหรับ ดาวยิงคนใหม่ของ ซิตี้ ณ เวลานี้
ท้ายเกมที่ ซิตี้ ผ่อนเกม ทำให้ผู้มาเยือน ไล่คืนมาได้สองประตู 6-3 ให้แฟนผีได้อายลงมาน้อยกว่าเดิมหน่อย จาก ตัวสำรอง อองโตนี่ มาร์กซิยาล 2เม็ด น.84 และ 90+1 (จุดโทษ) และจบ90นาทีด้วยสกอร์ดังกล่าว เป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 3จาก 7เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ของ เอริก เทน ฮาก
ฮาแลนด์ อสูรกายตัวจริง
ตอนแรกถูกตั้งคำถามไม่น้อยว่า จะปรับตัวหรือเมื่อเจอลีกฟุตบอลที่ยากขึ้นได้ไหม เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะยังทะลวงตาข่ายได้ร้อนแรงเหมือนสมัย อยู่ เร้ดบูลส์ ซัลบวร์ก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รึเปล่า ประกอบกับจังหวะซัดจ่อๆพลาดไปชนคาน เกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ทำให้เจ้าตัวโดนล้ออยู่ไม่น้อย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เพียงแค่8นัดแรกในพรีเมียร์ลีก " เจ้ายักษ์ " ก็สามารถลบข้อครหาเรื่องฝีเท้าและการปรับตัวให้เข้ากับลีกที่ยากกว่าอย่าง พรีเมียร์ลีก ได้อย่างหมดสิ้น ด้วยผลงาน 14ประตู พร้อมการเขย่าขวัญกองหลังฝ่ายตรงข้ามไม่หยุดหย่อน
ลูกแรกกับ แมนยู ฮาแลนด์ อาศัยช่วงที่ ราฟาเอล วาราน บาดเจ็บ ทำให้ เป็น คริสเตียน อิริคเซ่น ที่ต้องมาประกบแทน อาศัยความใหญ่ยักษ์ โถมเอาชนะไปได้ง่ายๆ ดอกสอง ต้องชื่นชม เควิน เดอ บรอยน์ ด้วยที่ผ่านบอลมาด้วย วิสัยทัศน์ระดับโลก อ้อม วานราน ให้ ฮาแลนด์ กระโดดเหยียดถีบบอลเข้าไปตุงตาข่าย
ลูกสาม (แฮตทริก) ก็หาที่ว่างได้เป็นอย่างดี ตวัดลูกเปิดของ เซร์คิโอ โกเมซ เข้าไปอย่างเฉียบขาด นอกจากแฮตทริกแล้ว ฮาแลนด์ ยังมีแอสซิสต์ ให้ ฟิล โฟเด้น ได้อีก2ครั้งด้วยกัน สรุป แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ แมตช์หนแรก ด้วยผลงาน 3ประตู 2แอสซิสต์
ตัวใหญ่ แต่เร็ว วิ่งหาช่องดี ยืนในพื้นที่สุดท้ายได้อย่างถูกเวลา บังบอลเยี่ยม ยากแก่กองหลังฝั่งตรงข้ามจะแย่งชิงฉกไปได้ จบสกอร์ได้เฉียบขาด นี่คือสิ่งที่ ฮาแลนด์ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นในเวทีที่ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในลีกที่หินที่สุดในโลก
นอกจากนี้แล้วหัวหอกวัย22ปี ยังเป็นผู้เล่นในคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ ทำแฮตทริกได้3นัดติดต่อกันในบ้านคนแรก และยังเป็นผู้เล่นที่ทำ แฮตทริกได้3หน ด้วยจำนวนนัดที่น้อยที่สุด 8เกม ทุบสถิติเดิมของ ไมเคิ่ล โอเว่น กระจุยกระจาย ที่เคยทำไว้เร็วสุด (48เกม)
โฟเด้น สตาร์ที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
นี่คือหนึ่งในผลผลิตลูกหม้อของทัพเรือใบสีฟ้า ที่สาวกแมนคูเนี่ยน ภูมิใจสุดๆสำหรับ เจ้าหนู ฟิล โฟเด้น ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ค่อยๆปลุกปั้นเพาะบ่มมาเป็นอย่างดี และเป็นผู้เล่นที่ โดดเด่นไม่แพ้ ฮาแลนด์ เลย เพราะทำแฮตทริกได้เช่นกัน
โฟเด้น เป็นแข้งนักเตะที่เสียบอลยากมากๆ แถมยังเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆได้เป็นอย่างดี ยิงประตูเฉียบคม เกมนี้ดาวรุ่งเลือดผู้ดีสลับกันเล่นกับ แจ็ค กรีลิช เล่นงานแบ็กสองข้างของผู้มาเยือนอย่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ และ ไทไรลล์ มาลาเซีย จนหัวหมุน
ประตูขึ้นนำเร็วของ ฟิล โฟเด้น เรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นเพราะให้ สมาธิแนวรับของ ยูไนเต็ด แตกกระเจิง เพราะหวังมาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยการรับให้แน่นเสียประยาก พอโดนเร็วเพียงแค่ น.8 ทำให้แผนที่วางไว้ต้องปรับเปลี่ยนทันที
แข้งหมายเลข47 มีโอกาสยิงมากถึง 6ครั้งด้วยกัน / สัมผัสบอลในเขตโทษแมนยู 8 ครั้ง / เอาชนะการครอบครองบอล 5หน ซึ่ง แฮตทริก เมื่อคืน นี่คือครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของโฟเด้นอีกด้วย และต้องอย่าลืมว่า โฟเด้น พึ่งจะวัยแค่ 22ปี ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นไปได้อีกเยอะ
ยิ่งมองไปอีกฝั่ง เจดอน ซานโช่ ซึ่งเป็นเด็กปั้นของพวกเขาเอง แล้วไปเติบโตที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับโชว์ฟอร์มไม่ออกเลย ทั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อมาด้วยค่าตัวที่แพงถึง 73ล้านปอนด์
แบ็กสองข้าง + แนวรับผีเอาไม่อยู่จริงๆ
จะว่าไปฤดูกาลใหม่ 2022-2023นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็โดนคู่แข่ง ถล่มตาข่ายไปได้ 3เม็ดขึ้นไป สองหนแล้ว ทั้งเกมพ่าย เบรนท์ฟอร์ด 0-4 และสดๆร้อนๆกับการโดนคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ระเบิดโถส้วม 6-3
โดยทัพปีศาจแดง ลางไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ โดนใบเหลืองตั้งแต่ น.2 จากการไปหวด แจ็ค กรีลิช จากนั้นเพียงแค่ น.23 แบ็กอีกข้าง ไทเรลล์ มาลาเซีย ก็ไปสอย ฟิล โฟเด้น จนโดนเหลืองอีกคน นั่นเท่ากับว่า ไม่ถึง30นาทีแรก แบ็กซ้ายขวา พวกเขาโดนใบเหลืองทั้งคู่
ซึ่งเกมบุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ริมเส้นก็อันตรายอยู่แล้ว เพราะทั้ง กรีลิช และ โฟเด้น ก็จี๊ดจ๊าด มีความเร็วคล่องทั้งคู่ ยังไม่รวมนับ แบ็กจอมบุกอย่าง ชูเอา กานเชโล่ ที่พร้อมเติมบุกตลอดเวลา ใบเหลืองที่คาดโทษอยู่กับแบ็กทั้ง2ฝั่ง ทำให้เกมริมเส้นของ ซิตี้ ไหลทะลุทะลวงมาก
นอกจากนี้ประตูหนีห่าง 2-0 ของ ซิตี้ ก็ถือว่า ยูไนเต็ด ดวงแตกไม่น้อย เมื่อ วาราน เจ็บอยู่ข้างสนาม ทำให้ไม่มีผู้เล่นตัวสูง (เหลือแม็คโมมิเน่ย์) คอยประกบฮาแลนด์จากลูกเตะมุม สุดท้ายเป็น อิริคเซ่น ที่ตัวเล็กนิดเดียวและเอาไว้อยู่โดนโหม่งเข้าไป
ยิ่งช่วงที่ วาราน ไม่ไหวแล้ว เปลี่ยนเอา วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ มาแทน ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะ " เฮียเลิฟ " เป็นเซ็นเตอร์ประเภทจ้องๆไม่ค่อยเข้าบอลพร้อมชอบถอยเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องโทษผู้มิดฟิลด์คู่กลางของพวกเขาอย่าง อิริคเซ่น และ แม็คโทมิเน่ย์ ด้วยที่ยืนค่อนข้างห่าง และไม่เข้าประกบประชิด เควิน เดอ บรอยน์ ยิ่งปล่อยให้เพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยม ได้มีเวลามีพื้นที่เล่นง่ายๆ หายนะก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ผีสู้สุดใจเพื่อให้แฟนบอลขายหน้าน้อยกว่าเดิม
ต้องยอมรับว่าด้วยคุณภาพของตัวผู้เล่นและทีมเวิร์คของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บวกกับความร้อนแรงซัดประตูเป็นระเบิดของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทำให้ตั้งแต่ก่อนเกม แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดูเป็นรองพอสมควรอยู่แล้ว
ยิ่งมาเจอภาพซ้ำเหมือนเกมกับเบรนท์ฟอร์ด กับการโดนนำใน45นาทีแรก 4-0 น่าจะทำให้กำลังใจของพลพรรคปีศาจแดงลดน้อยถอยลงมาอีกไม่น้อย แต่ทว่าออกตาร์ทครึ่งหลัง ภาษากายพวกเขาดูโอเคขึ้น รูปเกมก็กระเตื้องขึ้นมานิดหนึ่ง
ความพ่ายแพ้เมื่อคืนสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตคือ ปีศาจแดง เล่นเกมนี้ โดยที่ไม่เป็นของตัวเอง และไม่ชัดเจนว่าจะมาไม้ไหน จะรับก็ไม่สุด (กั๊กๆ) จะเล่นเกมสวนกลับก็ไม่มีประสิทธิภาพ Transition เปลี่ยนจากรับเป็นรุกโดย คริสเตียน อิริคเซ่น ที่ทำให้เห็นผลมาตลอด แต่ทว่านัดนี้เจอเข้าเร็วประกบติด จนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยทีเดียว
แม็คโทมิเนย์ ที่เด่นมาตลอดช่วงคว้าชัย 4นัดติด จนมาเจอของจริงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ " แม็คทอม " ต้องถอดร่างทองทิ้งไปได้เลย เพราะด้วยขีดความสามารถของเจ้าตัว มันสู้ไม่ได้เลย เมื่อต้องมาเจอกับเหล่ากองกลางแข้งเชิงสูงอย่าง กุนโดกัน - เดอ บรอยน์ และ แบร์นาโด้
ช่วงที่โดนนำ 6-1 บวกกับทัพเรือใบสีฟ้า เปลี่ยนตัวและผ่อนเกมด้วย ทำให้เป็นทีมของ ลูกทีม เอริก เทน ฮาก ได้โจมตีอย่างต่อเนื่อง ฮึดขึ้นไล่มาเป็น 2-3 จากตัวสำรอง อองโตนี่ มาร์กซิยาล คนเดียว2เม็ด 84 และ 90+1 (จุดโทษ)
ซึ่ง2ประตูของ มาร์กซิยาล ที่พึ่งหายเจ็บกลับมา แม้จะไม่ช่วยให้ทีมมีแต้มได้ แต่มันก็ลดความอับอายรู้สึกแย่ของแฟนบอลลงไปได้บ้าง
เป๊ป ยิงโหดเหมือนโกรธใคร
ซีซั่นที่แล้ว 2021-2022 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้า แต่ทว่าพวกเขายังอุตส่าห์ถล่มตาข่ายในพรีเมียร์ลีกได้ถึง 99ดอกด้วยกัน พอมาฤดูกาลนี้ 2022-2023 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เครื่องจักรถล่มประตูอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ เข้ามาทำให้ ทัพเรือใบยิ่งเพิ่มความสยดสยองน่ากลัวขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นลูกจ่ายทะลุตามช่อง บอลเปิดมาจากด้านข้าง ลูกซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ รวมไปจนถึงลูกกลางอากาศซึ่งที่ผ่านมาไม่ใช่จุดเด่นของ ซิตี้เท่าไหร ก็มาถูกเติมเต็มโดย ฮาแลนด์
ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงฉายภาพซ้ำเสมอ ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งรายไหน นั่นก็คือ รูปเกมที่ค่อนข้างเหนือกว่า ทั้งโอกาสการทำประตู และครองบอล แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ เมื่อคืนพวกเขาหาโอกาสซัดตรงกรอบได้ถึง 10ครั้งด้วยกัน
อีกอย่าง ซิตี้ ถือว่าเมื่อคืนไม่ฟูลทีมก็ได้นะ เพราะพวกเขาไม่มีเซ็นเตอร์ตัวเก่งอย่าง รูเบน ดิอาซ คู่ที่ได้ลงเป็น นาธาน อาเก้ ที่ชอบก่อความผิดพลาดบ่อยๆ กับ มานูเอล อคานยี่ แข้งหน้าใหม่ที่ไปสอยมากจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แต่ภาพรวมของ 2เซ็นเตอร์ชาว เนเธอร์แลนด์ และ สวิตเซอร์แลนด์ ก็ถือว่าไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไรน่าเกลียดเลย ขุมกำลังสำรองของ ซิตี้ ไม่ได้มีความเหลื่อมล้ำกันมากจนเห็นความแตกต่าง เมื่อได้ลงสนามระหว่างตัวจริงกับตัวสำรอง เพราะระบบการเล่นถูกเซ็ตกันไว้เป็นอย่างดี
ส่วนเกมบุก 6จาก8นัด ในลีก ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ระเบิดตาข่ายคู่แข่งได้มากกว่านัดละ3เม็ดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกับ บอร์นมัธ (4) -นิวคาสเซิ่ล (3) - คริสตัล พาเลซ (4) - น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (6) - วูลฟ์แฮมป์ตัน (3) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (6)
- คอลัมน์นิสต์
- 348
- 03 ต.ค. 2565 09:08