เป๊ป ส่อแชมป์ แลนด์สไลด์ ! เรือ โหด ยำปืน 4-1 เดอ บรอยน์ กดเบิ้ล
ทุกอย่างอยู่ในมือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วจริงๆสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-2023นี้ และส่อจะเป็นการเข้าวินแบบแลนด์สไลด์ เสียด้วยกับโปรแกรม7นัดที่เหลือ เมื่อเกมดีเดย์คืนดึกวันพุธที่ผ่านมา พลพรรคเรือใบสีฟ้าเปิดบ้านต้อนเอาชนะจ่าฝูงอาร์เซน่อล ไปได้คนละคลาสแบบเบ็ดเสร็จ 4-1ชนิดที่ทีมปืนใหญ่แก้ลำสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
เกมที่สนาม เอติฮัด เมื่อคืน ว่ากันว่านี่คือศึกตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ได้เลย โดยก่อนเกมแม้อาร์เซน่ล จะมีแต้มนำเจ้าบ้านอยู่5แต้ม แต่ทว่าพวกเขาก็แข่งมากกว่า ซิตี้ อยู่2นัด แถม3นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ก็มีเป๋ให้เห็นเสมอรวด
การจัดทัพแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาในระบบเก่ง 4-3-3 ผู้เล่นชุดเดิม โดยโยก แบร์นาโด้ ซิลวา ไปเล่นริมเส้น แทน ริยาด มาห์เรซ ที่พึ่งทำแฮตทริกในเกมเอฟเอ คัพ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่วนกองหน้า เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ลงสนามพร้อมหลอกหลอนคู่แข่งฝั่งตรงข้ามเช่นเคย

ส่วนทางฝั่งอาร์เซน่อลพวกเขาก็มาในผู้เล่นชุดเก่ง จะขาดก็ตรงที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่เดี้ยงเป็นเกมที่4ติดต่อกัน ทำให้คู่เซ็นเตอร์ ร็อบ โฮลดิ้ง ยังคงได้รับโอกาสยืนคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส ต่อไป ซึ่ง3นัดหลังแนวรับปืนใหญ่รั่วไหลมากโดนกระทุ้งไป7ดอก
เปิดเกมมาก็เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ดีและเหนือกว่าชัดเจน อาจจะด้วยแท็กติกที่ผิดพลาดของ " เดอะ กันเนอร์ส" ด้วย ทำให้เจ้าบ้านโขยกใส่ผู้มาเยือนอย่างเมามันแทบจะฝ่ายเดียว ตัดบอลได้ทีไรจ่ายทำชิ่งไปถึงหน้าเขตโทษอาร์เซน่อลตลอด
ครึ่งแรกเรือใบสีฟ้าขึ้นนำไปก่อน 2-0 จาก เควิน เดอ บรอยน์ น.7 และ ลูกโขกของ จอห์น สโตนส์ น.45+1 45นาทีหลัง KDB ก็มาเบิ้ลบวกอีกเม็ด น.54 และปิดท้ายด้วย เออร์ลิง ฮาแลนด์ น.90+5 ทางฝั่งของปืนโต ไล่คืนมาได้เม็ดเดียวจาก ร็อบ โฮลดิ้ง น.86

ชัยชนะที่ขาดลอย4-1 นอกจากต้องชมความยอดเยี่ยมแกร่งทุกแผ่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว การเลือกแท็กติกการเล่นของ มิเคล อาร์เตต้า ก็ดูจะทำให้เข้าทางทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เช่นกัน การเลือกดันสูงบีบเร็ว จ่ายบอลเร็ว (แล้วพลาด) ทำให้เข้าเท้า ซิตี้ มากๆเวลาเล่นเกมรุก แล้วเปิดช่องไฟให้ ฮาแลนด์ & เดอ บรอยน์
แนวรับของอาร์เซน่อลดูจะมีปัญหามากๆจริงๆ ตั้งแต่ ซาลิบา เจ็บไป 3คะแนนดังกล่าวของทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ แม้พวกเขาจะยังไม่แซงเป็นจ่าฝูง แต่ก็จี้ไล่ทีมปืนใหญ่เพียงแค่2แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่าถึง2นัด เรียกได้ว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ในมือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เต็มๆแล้ว แถมมีโอกาสที่พวกเขาจะเข้าเส้นชัยฝั่งฝันกับอีก7นัดที่เหลือแบบ แลนด์สไลด์ เสียด้วย
เดอ บรอยน์ ระดับโลก เข้าทำเนียบคนชอบยิงปืน

ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ด้วยฟอร์มที่ตะกุกตะกักพอสมควรสำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ รวมถึงหลังกลับมาจากฟุตบอลโลก 2022 KDB ยังดูฟอร์มไม่ค่อยที่เข้าทางเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ดี แม้จะยังฟอร์มไม่เท่าช่วงพีคๆ แต่เจ้าตัวก็มีแอสซิสต์มาฝากเป็นกอบเป็นกำ
จากสถิติที่ผ่านมาก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า เควิน เดอ บรอยน์ มีสถิติที่ร้ายกาจขนาดไหนในการดวลกับ อาร์เซน่อล นับตั้งแต่ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ 2015 เพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยม กระทุ้งประตูใส่ปืนใหญ่ไปได้มากถึง 6ประตู บวกเมื่อคืนบวกอีก2 เท่ากับ 8ประตูเข้าให้แล้ว
นั่นเท่ากับว่าการค้าแข้งในลีกเมืองผู้ดีอาร์เซน่อลคือทีมที่ เดอ บรอยน์ ทำประตูได้มากที่สุด เมื่อคืนเม็ดแรก มาจากจังหวะที่เจ้าตัวรับบอลจาก ฮาแลนด์ แล้วลากไปเยื้องฝั่งซ้าย พอเซ็นเตอร์อย่าง มากัลเญส ไม่เข้าบอลหรือบีบแคบ เจ้าตัวก็ยิงเรียดนอกกรอบเขตโทษเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวย
ประตู3-0 เควิน เดอ บรอยน์ ที่รับบอลจาก ฮาแลนด์ (เจ้าเก่า) ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะยิงเรียดเล่นมุมลอดขา โฮลดิ้ง เข้าไป นอกจากจะมี2ประตูแล้ว เพลย์เมคเกอร์วัย31ปี ยังมีแอสซิสต์ให้ จอห์น สโตนส์ โขกเต็มกบาล
ผลลัพธ์เมื่อคืนนั่นเท่ากับว่า เควิน เดอ บรอยน์ ทำไปได้7ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แถมยังแอสซิสต์ในลีกไปแล้วถึง16เม็ดด้วยกัน เรียกได้ว่าพลังขับเคลื่อนในเกมรุกของ ซิตี้ มีเจ้าตัวเป็นเชื้อเพลิงเริ่มต้นจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่ KDBทำให้เห็นมาตลอดนั่นก็คือ การเป็นนักเตะที่เล่นฟุตบอลด้วยไอคิวที่สูงมาก จ่ายบอลฉลาด เลือกจังหวะการเล่นได้ที และมีความเป็นแมตช์วินเนอร์ สังเกตุได้จากเวลาเกมใหญ่ๆสำคัญๆ เดอ บรอยน์ มักจะมาตามนัดเสมอ
ฮาแลนด์ ยิงทุบสถิติ พรีเมียร์ลีก (แบบ38นัด)

ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น เออร์ลิง ฮาแลนด์ จ่อมากๆที่จะทุบสถิติยิงประตูต่อ1ฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก (แบบ38นัด)ได้มากที่สุด หลังจากกระทุ้งไปแล้วถึง 32ประตู เทียบเท่ากับ สถิติของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฤดูกาล 2017-2018 อีกแค่เม็ดเดียวเท่านั้น ดาวยิงชาวนอร์เวย์จะทำลายสถิติดังกล่าว
โดยเกมเมื่อคืนกับอาร์เซน่อล ฮาแลนด์เกือบไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเสียแล้ว เพราะจบสกอร์ได้ไม่คม มีโอกาสจบสกอร์มากถึง 6ครั้ง แต่กระนั้นก็ดีต้องชื่นชม อารอน แรมส์เดล ด้วยที่เซฟจังหวะน่าเป็นประตูสุดๆ ไปถึง3หน
ลูกตอกฝาโรงของ ฮาแลนด์ มาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีสุดท้าย 90+5 นั่นเท่ากับว่าฤดูกาลแรกในเวทีพรีเมียร์ลีก " เจ้าเด็กยักษ์ " ก็ทำลายสถิติยิงประตูได้มากสุดเกมลีกต่อ1ฤดูกาลให้แล้ว 33ประตู แถมยังมีเวลาอีกถึง7นัดในการเพิ่มสถิติดังกล่าว
ในรายละเอียดต่างๆนัดกับอาร์เซน่อล กองหน้าวัย22ปี ทำได้ดีมากๆในเรื่องของการรับบอลพักบอล บังบอล แล้วป้ายต่อให้เพื่อนร่วมทีมเล่นในจังหวะสวนกลับ ผลลัพธ์ก็มีให้เห็นชัดเจนกับ2แอสซิสต์ให้ เควิน เดอ บรอยน์
เรื่องของการปะทะต้องบอกว่าฮาแลนด์ ทำให้ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่โดนติงเรื่องเกมรับมาหลายนัดแล้ว กลับแย่เข้าไปอีก การเบียดบอล สลัดหนีตัวประกบกองหลังหน้าหล่อรายนี้ รวมไปจนถึงกับ มากัลเญส ดูจะไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยของดาวยิงจอมมารบูล
เออร์ลิง ฮาแลนด์ 33ประตู กับเส้นทางในเกมลีกอีก7นัด มีโอกาสจริงๆที่เราจะได้เห็นนักเตะคนแรกที่ยิงทะลุ40ลูกในฤดูกาลเดียวของพรีเมียร์ลีก
เซ็นเตอร์ปืนไม่เข้าบอล โฮลดิ้ง แทนซาลิบาไม่ได้

4ประตูที่ถูกส่งผ่านมือ อารอน เแรมส์เดล เมื่อคืน นอกจากประตูจากฟรีคิกของ เควิน เดอ บรอยน์ ให้ จอห์น สโตนส์ โหม่ง จะเห็นได้ว่ามีอาร์เซน่อลลักษณะการเสียที่คล้ายๆกันคือ เซ็นเตอร์พลพรรคปืนใหญ่ไม่ยอมเข้าบอลเร็ว เป็นไปในรูปแบบจดๆจ้องๆถอยๆมากกว่า
ประตูแรกจังหวะกระชากมาทางเยื้องฝั่งขวา กาเบรียล มากัลเญส ประกบห่างไม่ยอมเข้าบอลในจังหวะเลี้ยงเข้ามาของ เดอ บรอยน์ ทำให้เพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยมรายนี้เห็นช่องไฟ มีพื้นที่ให้ได้เล็งสังหารไกลอย่างถนัดถนี่
ประตู 3-0 ก็เป็น ร็อบ โฮลดิ้ง นี่แหละไม่ยอมเข้าบอล (อีกแล้ว) จังหวะที่เจ้าตัวพยามยามบังทางลูกยิง เควิน เดอ บรอยน์ นั้นไม่ได้สร้างอุปสรรคหรือบีบมุดให้ยิงยากอะไรเลย เพราะสุดท้าย เดอ บรอยน์ ก็ยิงลอดขาผ่าน โฮลดิ้ง เข้าไป
โฮลดิ้งที่ทำให้เห็นช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์มาหลายนัด การประกบฮาแลนด์ เป็นเรื่องที่หนักใจมากๆสำหรับเจ้าตัว ประตู1-0 ก็ปล่อยให้ดาวยิงคนเก่งของซิตี้รายนี้ บังบอล เอาบอลลงป้ายต่อให้ เดอ บรอยน์ เล่นง่ายๆ ในส่วนของ กาเบรียล ก็ดูจะลนไปเหมือนกันตั้งแต่ซาลิบาไม่อยู่
การคุมพื้นที่ในแดนหลัง คนหนึ่งคอยเข้า อีกคนคอยซ้อน นี่คือสิ่งที่เรายังไม่ค่อยได้เห็นกับคู่ของโฮลดิ้งและซาลิบา เมื่อคืนคนที่ดูดีที่สุดในแผงแบ็กโฟร์เห็นทีจะเป็น เบน ไวท์ เวลาที่หุบเข้ามาช่วยตรงกลางก็ช่วยเชฟได้บางจังวะ
หากไม่ได้ อารอน แรมส์เดล ที่เซฟลูกยิง ฮาแลนด์ แบบจะๆ 3-4ครั้ง พลพรรคปืนโต อาจกลับออกมาจากเมืองแมนเชสเตอร์ มากกว่า4เม็ดก็เป็นได้ รวมถึงเท่ากับว่า4นัดหลังในลีก อาร์เซน่อล โดนคู่แข่งกระซวกไปถึง11เม็ดด้วยกัน
อาร์เตต้า เลือกวิธีการเล่นผิดพลาด

เข้าใจว่าด้วยสถานการณ์มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่อาร์เซน่อลต้องการ3แต้ม เพื่อลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังสะดุดมา3เกมรวด แต่ทว่าการมาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การเปิดเกมบุกเข้าใส่ดันสูงสู้ นั่นเป็นเหมือนการขี่รถยนต์พุ่งชนรถสิบล้อเลย
อาร์เซน่อล ของ มิเคล อาร์เตต้า มาเยือนด้วยความห้าวหาญมากๆในเรื่องของวิธีการเล่น เพราะบีบดันสูงในแดนหน้าแดนกลาง แต่ทว่าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ ซิตี้ รวนหรือกดดันอะไรเลย แถมยังแก้เพรส จ่ายบอลขึ้นมาในแดนหน้าได้อย่างแม่นยำเช่นเคย
ซึ่งความผิดพลาดของ " พี่ต้า " ทำให้เราเห็นแผลที่ชัดเจนมากๆใน45นาทีแรก อาร์เซน่อลที่พยายามบีบสูงบีบเร็วในแดนกลางแดนหน้า ทำให้เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แก้เพรสออกมาด้านบนได้สำเร็จ ผู้เล่นของซิตี้ มีทั้งพื้นที่และเวลาเหลือเฟือในการเลือกโจมตี
แผลที่ใหญ่ขนาดนั้น กลับไม่ได้รับการแก้ไขจากอาร์เตต้าเลยใน45นาทีหลัง เพราะปืนใหญ่ยังเล่นรูปแบบเดิม เมื่อเล่นแบบเดิมก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมเช่นกัน เพราะโดนไปอีก2เม็ด โอเคว่า เกมรับไม่ใช่สไตล์ของกันเนอร์สชุดนี้ แต่การเล่นแบบรัดกุมไม่ยืนสูงน่าจะเป็นช้อยส์ที่ถูกต้องมากกว่าในการเจอกับ ซิตี้
เพราะหลายทีมที่มาเดินหน้าสู้กับ เรือใบสีฟ้า ผลออกมาคือเละแทบทุกราย มีเบรนท์ฟอร์ดที่มาแบบเจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆ ตั้งรับแล้วใช้บอลไดเร็คสวนกลับเล่นงานสร้างเซอร์ไพรส์บุกมาเชือดได้อย่างเซอร์ไพรส์ 2-1
90นาทีหากไม่มี อารอน แรมส์เดล พลพรรคปืนใหญ่อาจออกมาจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยสภาพที่เละกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ความห้าวหาญของปืนโตดูจะเป็นแท็กติกวิธีการเล่นที่ไม่เวิร์คเท่าไหร่ ในการมาเยือน ซิตี้ ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเชี่ยวกราก
เรือใบส่อ แลนด์สไลด์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

ประสบการณ์ ความเก๋า นักเตะฟอร์มเข้าฝักช่วงท้ายฤดูกาล เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ นี่คือสิ่งที่มาพร้อมกันของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วง100เมตรสุดท้ายของฤดูกาล หลังจากที่เป็นผู้ตามอาร์เซน่อลมาทั้งฤดูกาล แต่ใน7นัดสุดท้าย ทุกอย่างอยู่ในกำมือของพวกเขา
ช่วงที่ยังพยายามทำแต้มกวาดไล่ปืนใหญ่ เรือใบสีฟ้า ยังไม่เคยเข้าฝักขนาดชนะใครได้4นัดติดต่อกันเลยในลีก จนล่าสุด7นัดหลังสุด (รวมเมื่อคืน) ที่คือการคว้า3แต้มได้ 7นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว
นอกจากที่ยอดเยี่ยมมาทั้งฤดูกาลไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์ - เออร์ลิง ฮาแลนด์ - โรดรี้ เรายังได้เห็นหลายคนที่พีคขึ้นมาช่วงท้ายฤดูกาลอย่าง จอห์น สโตนส์ - แจ็ค กรีลิช รวมไปจนถึง ริยาด มาห์เรซ
เก่งใหญ่ เจอเก่งเล็ก เป็นคำเปรียบเปรยการเจอกันของ2ทีมที่สไตล์การเล่นคล้ายกันซิตี้และอาร์เซน่อลได้เลย แต่เป็นเก่งใหญ่ ที่เก๋ากว่าเขี้ยวกว่า หมัดหนักกว่าทุบเอาชนะไปได้แบบสบายบรือ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งทั้งฟอร์มการเล่นและสภาพจิตใจจริงๆสำหรับเรือใบสีฟ้าชุดนี้
สกอร์4-1 เมื่อคืนตอกย้ำความเป็นงูเหลือมกับเชือกล้วยของอาร์เซน่อลจริงๆ เพราะ12นัดในพรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาแพ้รวด12นัด ปืนใหญ่ยิงได้เพียง5ลูก แต่โดนกระซวกกลับมาถึง33แผล
ช่วงที่เรือใบสีฟ้าเข้าเบรกทุกคนรู้ถึงความร้ายกาจเป็นอย่างดี เคยชนะ18จาก19นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (2018-2019) เคยบ้าคลั่งชนะ18นัดรวด ( 2017-2018) ส่วนฤดูกาลนี้การคว้าแชมป์กลับมาอยู่ในมือของพวกเขาเต็มๆ 7นัดที่เหลือกับรายชื่อคู่แข่ง มีโอกาสสูงเหมือนกันที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะแลนด์สไลด์ คว้าแชมป์แบบสวยๆขาดลอยได้
- คอลัมน์นิสต์
- 670
- 27 เม.ย. 2566