ชะตาอยู่ในมือ เป๊ป ! เรือ โคตรนิ่ง บุกหักคอไก่ 2-0 ฮาลันด์ เบิ้ล นำโด่งดาวซัลโว
เป็นคู่บิ๊กแมตช์ท้ายฤดกาลที่เปี่ยมไปด้วยความหมายจริงๆ สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส กับความหวังอันน้อยนิดในการไปเล่น ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ต้องการ3แต้มอย่างยิ่งยวดในการ กำหนดชะตากรรมของตัวเอง สำหรับการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4สมัยติดก่อนกัน และผลลัพธ์90นาที ก็เป็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มาเร่งเครื่องใน45นาทีหลัง เอาชนะไป 2-0 แบบไม่ยากเย็นนัก
น่าจะเป็นเพียงไม่กี่นัดที่ แฟนบอลอาร์เซน่อลจะส่งใจเชียร์ อริร่วมกรุงลอนดอนอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ในการต้านทาน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้อยู่ เพื่อที่จะรักษาโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ20ปีของ ปืนใหญ่ เองสมหวังสักที ส่วนทีมคลับไก่ พวกเขาก็ยังมีความหวังเล็กๆในการคว้าตั๋ว ยูซีแอล
อังเก้ ปอสเตโคกูล เปลี่ยนผู้เล่น3ตำแหน่งในนัดที่เฉือนเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-1 ราดู ดรากูซิน - โรดริโก้ เบนตันกูร์ และ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนที่ ของ โอลิเวอร์ สคิปป์ - อิฟส์ บิสซูม่า และ เดยัน คูลูเชฟสกี้ พร้อมขยับ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ที่ถนัดเซ็นเตอร์ไปยืนเป็นแบ็กซ้ายแทน
ส่วน เรือใบสีฟ้า มีการเปลี่ยนผู้เล่นเพียงแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมที่ ถล่มฟูแล่ม 4-0 นั่นก็คือ ไคล วอล์คเกอร์ แทน นาธาน อาเก้ ขยับ มานูเอล อคานยี่ มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ ส่วนแนวรุกก็อาวุธครบมือทั้ง เออร์ลิง ฮาลันด์ - เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น
รูปเกมครึ่งแรกต้องบอกว่า เกมสูสีกว่าที่คาด ซิตี้ ดูจะเกร็งไปเอง ทำให้รูปเกมค่อนข้างผลัดกันรุกรับ สเปอร์ส แก้เพรสเวลาโดนบีบเร็วได้เป็นอย่างดี มีโอกาสได้ยิงจาก โรดริโก้ เบนตันกูร์ และ ซน ฮึง-มิน แต่ไม่ผ่านมือ เอแดร์ซอน ทีมเยือนก็มีโอกาสเหมือนกันจาก โฟเด้น ไปติดเซฟ วิคาริโอ รวมถึง แบร์นาโด้ ซิลวา แต่ไปติด ดรากูซิน เป็นฮีโร่ช่วยสกัดไว้ จบครึ่งแรกเป็นบอลทันกัน เสมอ 0-0
เริ่มครึ่งหลังมา ทำนบของ คลับไก่ ก็แตกทะลายลงอย่างง่ายดาย เควิน เดอ บรอยน์ ได้จ่ายบอลในเขตโทษหักจ่ายทะลุผู้เล่นสเปอร์ส 3-4 คน เข้ามาให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ จิ้มเข้าไปง่ายๆ ขึ้นนำ1-0 น.50 ถึงกระนั้นก็ดี ไก่เดือยทอง ก็มีโอกาสตีเสมอได้หลายครั้งเหมือนกัน
ทั้งจาก ซน ฮึง-มิน และ เดยัน คูลูเชฟสกี้ แต่ทว่าโกลตัวสำรองที่มาแทน เอแดร์ซอน ที่เจ็บอย่าง สเตฟาน ออเตก้า เซฟ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะจังหวะหลุดเดี่ยวของ " ตี๋ซน "ที่ทำเอา เป๊ป เสียวสุดๆถึงขนาดไปนอนหงายเงิบบนพื้นสนาม
และสุดท้ายความนิ่งของ เรือใบสีฟ้า ก็มาทำให้ พวกเขาได้ลูกตอกฝาโรงจนได้ จากจังหวะที่ตัวสำรอง เฌเรมี่ โดกู เลี้ยงเข้าไปในเขตโทษและ เปโดร ปอร์โร่ เสียด่าไปหวด ผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ เป่าเป็นจุดโทษทันที และ เออร์ลิง ฮาลันด์ สังหาร น.90+1ไม่พลาด ตอกฝาโรงและเอาชนะไป2-0
3แต้มดังกล่าว ในเกมที่ 45นาทีแรกค่อนข้างกดดัน ทำให้นัดสุดท้ายที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะเปิดบ้านต้อนรับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ไม่เอาอะไรแล้ว มองภาพไม่ออกจริงๆว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และลูกทีมจะพลาดยังไง กับการสร้างประวัติศาสตร์แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ 4สมัย เป็นทีมแรก
ฮอยเบิร์ก เกือบแจก มีแววโดนปล่อยสูง
ตอนย้ายมาจากเซาธ์แฮมป์ตัน ใหม่ๆ ต้องบอกว่าฟอร์มดี และเป็นขวัญใจแฟนบอลคลับไก่เลย สำหรับ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก เพราะขยัน ทุ่มเท เปี่ยมไปด้วยแพสชั่น แต่ทว่าด้วยอายุที่มากขึ้น(28ปี) รวมถึงการเปลี่ยนกุนซือมาเป็น อังเก้ ทำให้ กองกลางแดนโคนม เป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆในแผงมิดฟิลด์
ปรกติถ้าไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่แบน " น้าแอนจ์ " ใช้มิดฟิลด์คู่กลางตัวจริงเป็น ป๊าปเป้ ซาร์ กับ อิฟส์ บิสซูม่า แต่ทว่าเมื่อคืน บิสซูม่า เจ็บ ทำให้ ฮอยเบิร์ก ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ร่วมกับ โรดริโก้ เบนตันกูร์ และ เจมส์ แม็ดดิสัน
ไมรู้ว่าเป็นเพราะไม่ค่อยได้ลงสนามเปล่า ฮอยเบิร์ก แม้จะดูขยันหรือมุ่งมั่นก็ตาม แต่ทว่าด้วยสปีดบอลและความอืด ทำให้เจ้าตัว โดนเพรสจนจ่ายบอลเสียบางจังหวะ รวมไปจนถึงช่วง15นาทีแรก ไปหวดบอลแป๊กในเขตโทษตัวเอง ส้มไปหล่นใส่ ฟิล โฟเด้น ดีที่ วิคาริโอ มือไวยกแขนมาเซฟไว้ได้
แข้งวัย28ปี เข้าแท็กเกิ้ลได้4ครั้ง แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ฤดูกาล 2023-2024 นี้ ดูเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ในแผนสไตล์การทำทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกูล เท่าไหร่ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในลีกเพียงแค่ 8นัด แต่ทว่าเป็นสำรองมากถึง 27นัด
ส่วนมิดฟิลด์ที่เล่นดี่สุดของคลับไก่ เมื่อคืนเห็นทีจะเป็น โรดริเก้ เบนตันกูร์ ที่ครึ่งแรกมีโอกาสได้ซัดแต่ไปติดเซฟ เอแดร์ซอน รวมถึงพลังงานเหลือล้นวิ่งขึ้นวิ่งลงได้ใน45นาทีแรก แต่ทว่าการมีใบแหลืองติดตัวทำให้ แอนจ์ เลือกถอดห้องเครื่องชาวอุรุกวัยนายนี้ออกจากสนามตั้งแต่ น.55 ทำให้เจ้าตัวโมโหออกอารมณ์สุดๆ กระทืบเเก้าอี้ม้านั่งสำรองเลยทีเดียว
เปลี่ยน โดกู สร้างความแตกต่าง
ช่วงเปิดฤดูกาลมีวูบวาบ เร็วด่วนจี๊ มุทะลุน่ากลัวมากๆ สำหรับ เฌเรมี่ โดกู ที่ต้นซีซั่นตอนเปิดตัวใหม่ๆกับผลงาน 1ประตู 4แอสซิสต์ นัดถล่มบอร์นมัธ 6-1 แต่ทว่าหลังจากนั่นก็แผ่วเงียบไปเรื่อยๆ เพราะสไตล์ของเจ้าตัวเล่นแบบหน้าเดียวเกินไป
จนมาราวๆช่วง เดือน เมษายน เฌเรมี่ โดกู แม้จะไม่ใช่ตัวจริงต่อเนื่องเหมือนต้นฤดูกาล แต่แข้งชาวเบลเยี่ยมรายนี้ กลับมีอิมแพคและประโยชน์เป็นอย่างมาก เมื่อได้รับมอบหมายให้เป็นตัวสำรองลงมาเพิ่มความหลากหลายหรือเปลี่ยนเกม
" เดอะ แฟลช เบลเยี่ยม " ถูกส่งลงมาแทน เควิน เดอ บรอยน์ โดยขยับ ฟิล โฟเด้น มายืนเป็นเพลย์เมคเกอร์ และ โดกู เอง ก็ประจำการตรงฝั่งซ้ายที่ถนัดเหมือนเดิม ซึ่งด้วยแท็กติกและรูปเกมต่างๆเป็นอะไรที่เข้าทางอดีตดาวเตะนีซมากๆ
สเปอร์ส ที่ดันสูงขึ้นไปอีกจากที่เป็นทีมดันสูงอยู่แล้ว ทำให้ นั่นเป็นการเปิดพื้นที่ให้ โดกู ได้สำแดงฤทธิเดชได้ถนัด การปล่อยให้มีทั้งพื้นที่และเวลาให้เจ้าตัวได้ใช้ความเร็วนั่นเป็นอะไรที่ ทำให้แบ็กขวาสเปอร์ส อย่าง เปโดร ปอร์โร่ หัวหมุนแน่ๆ
และแล้วความวูบวาบของ โดกู นี่แหละ ก็มาเรียกจุดโทษให้ ซิตี้ ได้ เพราะมีทั้งพื้นที่และเวลาลากบอลไปดวลเดี่ยวกับ ปอร์โร่ ในเขตโทษ และแบ็กชาวสเปนที่ช้ากว่าก็ไปหวดเข้าอย่างจัง กลายเป็นจุดโทษให้ ฮาลันด์ ได้ซัด เป็นประตูฉีกหนี2-0 ให้ เรือใบสีฟ้า ได้เล่นอย่างผ่อนคลายสบายใจช่วงทดเจ็บที่ยาวถึง9นาที
ออเตก้า เซฟแห่งฤดูกาล มือ2ที่โคตรไว้ใจได้
ตอนย้ายมาจากลีกเยอรมัน อย่างทีม อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ ถือว่ายังไม่ค่อยเป็นที่ได้ยินชื่อหนาหนูเท่าไหร่ สำหรับ สเตฟาน ออเตก้า แต่ทว่า2ปียังถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม นายด่านเมือเบียร์รายนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือ2ที่ไว้ใจได้สุดๆเหมือนกัน โดยเฉพาะความไว้วางใจให้ลงเล่นในฟุตบอลถ้วยในภายในประเทศหรือในยามที่ เอแดร์ซอน เจ็บระหว่างเกม
เมื่อคืนโกลตัวจริงในการไปเยือนคลับไก่ ก็เป็น เอแดร์ซอน ซึ่งนายด่านจอมสักลาย ก็มีช็อตเซฟให้เห็นเหมือนกัน 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะโชคร้าย ไปโดน คริสเตียน โรเมโร่ เข้าอัด จังหวะที่พยายามจะซ้ำทำประตู จนต้องทำการปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ กลับมาเล่นต่อได้พักหนึ่ง แต่ทว่า เป๊ป ไม่อยากเสี่ยง เป็นห่วงเรื่องคอนคัสชั่น การกระทบกระเทือนทางสมอง
และก็เป็น สเตฟาน ออเตก้า ลงมาเล่นแทน น.69 ซึ่งการถูกถอดออกดังกล่าว โกลชาวบราซิลก็แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาแบบไม่เก็บเลยทีเดียว ซึ่งการลงมาเผ้าเสาของ ออเตก้า ต้องบอกว่านี่คือโกลที่ไม่ได้มีสไตล์แตกต่างจาก มือ1 เอแดร์ซอน มากแต่อย่างใด
ออเตก้า ยังทำได้ดีในเรื่องของการออกบอล จ่ายบอลด้วยเท้าแม่นยำ และการถูกส่งลงมาแก้สถานการณ์เมื่อคืน นายด่านวัย31ปี ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เพราะมี2เซฟสวยๆกับจังหวะของ เดยัน คูเชฟสกี้ ที่ลูกแรกหุบเขาทันทั้งที่เกือบลอดขาไปแล้ว เม็ด2ของ คูลู ก็ออกมาปิดมุมได้อย่างยอดเยี่ยม
และที่ไม่ถูกพูดถึงไม่ได้ ก็เป็นจังหวะ น.85 มานูเอล อคานยี่ พลาดจน ซน ฮึง -มิน ได้หลุดเดี่ยว แต่ทว่า ออเตก้า ก็ยังยอดเยี่ยมเช่นเคย กางขาดักลูกยิงเรียดเล่นทางของ " ตี๋ซน " ไว้ได้ แบบสุดยอด ช็อตนี้แฟนบอลปืนใหญ่ก็น่าจะเสียดายสุดๆ ส่วน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เกร็งกับจังหวะนี้เหมือนกัน ถึงขนาดลงไปนอนกองกับพื้นเลยทีเดียว
ช่วงหนึ่ง เรือใบเคยมีปัญหามือ1และมือ2 ฝีมือห่างกันมากเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่เป็น แซ็ค สตีเฟ่น แต่การมาของ ออเตก้า ทำให้ความเหลื่อมล้ำนั้นหายไป เป็นมือ2ที่แฟนๆอุ่นใจสุดๆ และช็อตเซฟลูกหลุดเดี่ยวของ ซน นั้น เปรียบเสมือนเซฟแห่งฤดูกาล เป็นการพา แมนฯซิตี้ คว้าถ้วยไว้แล้วครึ่งใบในมือของตัวเองเลยทีเดียว
สเปอร์ส อด ยูซีแอล เสียดายจบไม่คม
ก่อนเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าสถิติเวลา ไก่เดือยทอง เล่นที่สนามใหม่แห่งนี้ในยุคพรีเมียร์ลีก พวกเขาจะไม่เคยพลาดพลั้งให้กับทีมมหาเศรษฐีเจ้าของจากดูไบรายนี้เลย แต่ทว่าเมื่อพิจารณาจากภาพรวมฟอร์มการเล่น สภาพทีมต้องบอกว่า พวกเขาเป็นเหมือนไก่ที่รอโดนเชือจริงๆ
แถมแฟนบอลพวกเขาบางส่วนยังอยากเห็นทีมแพ้ เพื่อไม่ให้ อริตลอดกาลอย่าง อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกด้วย แต่ทว่าอย่างไรก็ตามรูปเกมที่ออกมาช่วง 45นาทีแรก ต้องบอกว่าค่อนข้างสูสี แข้งไก่เดือยทองดูพลังงานล้นเหลือ แต่ทว่าเมื่อดูจากรายละเอียดจริงๆ จะเห็นว่า ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ มีโอกาสเข้าทำที่จะแจ้งกว่าได้น้ำได้เนื้อกว่า
ถึงกระนั้นก็ดี สเปอร์ส ก็ ยังเป็น สเปอร์ส วันยังค่ำบทจะเสียก็เสียง่ายเหลือเกิน ทั้งที่มีผู้เล่นในเขตโทษเต็มไปหมด มีช่องจ่ายที่ KDB จะตวัดทะลุเข้าไปให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ เพียงไม่กี่รู แต่ทว่าก็ปล่อยมาให้ ดาวยิงจอมมารบู ได้จิ้มเข้าไปง่ายๆได้
อย่างไรก็ดีทีมของ " น้าแอนจ์ " ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้เผด็จศึกใส่ผู้มาเยือนเลย แต่ทว่าพวกเขาขาดความเฉียบขาดกันไปเองทั้ง เดยัน คูลูเชฟสกี้ ตัวสำรอง ได้หลุดไปซัดมุมแคบ มีทั้ง ออเตก้า ที่หนีบขาทัน และปิดเสาแรกไว้ได้อย่างดี
ที่ถูกพูดถึงมากๆ และแฟนบอลอาร์เซน่อล เองก็เสียดายเหมือนกัน กับจังหวะได้หลุดของ ซน ฮึง-มิน แต่ ออเตก้า ใช้ขาเซฟ ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว การบ้าปรัชญา ดันสูงของ กุนซือ อังเก้ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้มีพื้นที่โล่งเป็นลานจอดรถ ได้จ่ายบอลเร็ว มีเวลาให้ได้เลี้ยงและจี้ จนทำให้โดนเม็ด 2-0 ในที่สุด
บทสรุปแล้วทำให้ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส แต้มห่างขาดจาก แอสตัน วิลล่า แล้ว ทำให้ทีมของ อูไน เอเมรี่ ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนคลับไก่ได้ไปลุย ยูโรป้า ทั้งที่ต้องๆไม่ลืมว่า10นัดแรก พวกเขามาแรงเหลือเกิน เป็นจ่าฝูง ชนะ8 /เสมอ2 ไร้พ่าย
เมื่อทุกอย่างอยู่ในมือเรือ พวกเขาทำหลุดเองยาก
เอาตรงๆซีซั่น2023-2024นี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ได้พีคเท่าไหร่เมื่อเทียบกับทริปเปิ้ลแชมป์ ฤดูกาลก่อน เออร์ลิง ฮาลันด์ มีช่วงที่ฟอร์มดร็อปฟอร์มแผ่วยิงไม่ได้ แถมยังหายหน้าหายตาออกจากทีมเพราะอาการบาดเจ็บช่วงต้นเดือนธันวาคม ถึง ปลายมกราคม
ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ ที่เจ็บไปตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลกับ เบิร์นลี่ย์ กว่าที่ KDB จะหายเดี้ยงกลับมาได้ก็ต้องรอถึงเดือน มกราคม หรือราวๆ5เดือนเลยทีเดียว แต่ทว่าแป๊ปเดียว เดอ บรอยน์ ก็มีถึง10แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีกแล้ว จากการลงตัวจริงเพียง14นัด และสำรองอีก3นัด
แม้เรือใบสีฟ้าจะไม่ได้พีคมากมีสะดุดอยู่เป็นระยะๆ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำได้เป็นอย่างดีคือการเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการ และเกาะกลุ่มผู้นำไปเรื่อยๆ และมาระเบิดพลังช่วงท้ายฤดูกาล ทั้งที่มีช่วงที่ลิเวอร์พูลกับอาร์เซน่อลเปลี่ยนหน้ากันขึ้นมาเป็นจ่าฝูง
หลังสะดุดเสมอกับ ปืนใหญ่และหงส์แดง2นัดติดต่อกัน ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ชนะในลีกมา8นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว ยิงได้30เม็ด และเสียไปเพียง5ประตู ซึ่งคอมโบชนะรัวๆเป็นซีรี่ย์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะทีมของ เป๊ป โชว์แสนยานุภาพแบบนี้ให้เห็นหลายซีซั่นทั้ง 18นัดรวด (2017-2018) / 15นัดรวด (2020-2021) / 14นัดรวด (2018-2019) และ 12นัดรวด (2022-2023)
ต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจความเก๋าของแข้งซิตี้ และกลเม็ดแผนการกระตุ้นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยที่สถาปนาเรือใบสีฟ้าให้เป็นเจ้าแห่งอังกฤษ เราจะเห็นว่าหลายนัดกุนซือหัวใสรายนี้ เน้นสั่งการกระตุ้นลูกทีมตลอด เก็บทุกเม็ด แม้ว่าสกอร์จะนำขาดลอยแล้วก็ตาม
และสุดสัปดาห์นี้กับการปราบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว ยังรังเหย้าสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม คงไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร หรือมีพลิกล็อกช็อกโลกเกิดขึ้น และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสถาปนาเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์พงศาสาวดารอังกฤษ ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้4สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่ฟุตบอลลีกเมืองผู้ดีมีมายาวนาน 136ปี
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สเปอร์ส เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เออร์ลิง ฮาลันด์ ซน ฮึง มิน
- 244
- 15 พ.ค. 2567 16:06