แบร์นาร์โด้ โขกเซฟ ท้ายเกม ! เรือ แม่นเป้า ชนะผี 7-6 คว้าโล่ห์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์
การฟาดแข้งของศึก คอมมิวนี้ตี้ ชิลด์ เป็นสัญญาณว่าพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ กำลังมาถึงแล้ว โดยคู่ชิงโล่ห์การกุศลประจำฤดูกาล 2024-2025 นี้ นั่นก็คือ แชมป์พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับทีมคู่ปรับร่วมเมืองที่โค่นพวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยความพร้อมก่อนเกมต้องบอกว่าทีมปีศาจแดง ดูจะเอาจริงเอาจังกว่าในเรื่องตัวผู้เล่น เพราะเข็น11ตัวจริงชุดที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ลงไปบู๊
ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดูจะชิวๆหน่อยเพราะส่งแข้งดาวรุ่งหลายรายลงไปวาดลวดลายยังสนาม เวมบลีย์ ทั้ง ริโก้ ลูอิส -นิโก้ โอเรลลี่ - ออสการ์ บ็อบบ์ และ เจมส์ แม็คอาตี้ ส่วนตัวชุดใหญ่ในแนวรุกมีเพียง เออร์ลิง ฮาลันด์ กับ เฌเรมี่ โดกู เท่านั้น
ทางฟากปีศาจแดงต้องบอกว่าพวกเขา จัดตัวผู้เล่นแทบจะฟูลทีมเลย (ไม่นับตัวที่เจ็บ) แต่ทว่าแนวรับยังดูมีปัญหาตรงที่ไม่มีแบ็กซ้าย ทำให้ต้องขยับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ มาเล่น แล้วให้คู่เซ็นเตอร์เป็น จอนนี่ อีแวนส์ ผนึกกำลังกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
ส่วนแนวรุกใช้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ เป็นหน้าเป้า(ฟอลส์ไนน์) ขนาบข้างซ้ายขวาเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อาหมัด ดิยาโล่ โดยเกม45นาทีแรก ต้องบอกว่าน่าเบื่อเป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ยังไม่ค่อยฟิตกันเท่าไหร่ มีจ่ายบอลพลาดกันให้เห็น โอกาสจะแจ้งในการจบสกอร์แทบมีแค่ฝั่งละ1-2ครั้ง ทำให้จบ 45นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลังเป็น ซิตี้ ที่ยังครองบอลได้ดีกว่าแม้ว่าจะใช้ผู้เล่นดาวรุ่งซะเยอะ แต่ทว่าในเรื่องของการสวนกลับ ปีศาจแดงยังทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะในรายของ แรชฟอร์ด ที่ได้ยิงเหน่งๆ2ครั้ง แต่พลาดไปแบบไม่น่าให้อภัย รวมถึงลูกยิงไกลสุดสวยของ บรูโน่ แต่ถูกจับล้ำหน้าไปก่อน
แล้วในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ1-0 จนได้ น.82จากความสามารถเฉพาะตัวของตัวสำรอง อเลฮานโดร การ์นาโช่ เลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรกเข้าไป แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เรือใบก็มาเร่งเครื่องท้ายเกมตีเจ๊าเป็น1-1 จนได้จากลูกโหม่งของตัวสำรอง แบร์นาโด้ ซิลวา น.89
ทำให้เกมชิงโลห์ต้องไปฎีกาไปที่การดวลจุดโทษ ซึ่งการเสี่ยงทายเหมือนปีศาจแดงจะได้เปรียบเล็กน้อย เพราะได้ยิงก่อน และเป็นการดวลเป้าตรงฝั่งอัฒจันทร์ที่มีแต่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในการดวลจุดโทษท้ายที่สุดแล้วเป็น ซิตี้ ที่แม่นยำกว่าเอาชนะไป 7-6
และในการดวลจุดโทษนั้น โกลอย่าง อ็องเดร โอนาน่า ได้พยายามใช้จิตวิทยาเต็มที่ แต่ทว่าก็เซฟได้เพียงลูกเดียวนั่นก็คือ จาก แบร์นาโด้ ทางฟากของ เอแดร์ซอน นายด่านชาวบราซิลเซฟจุดโทษของ เจดอน ซานโช่ ได้ ส่วนใน ซัดเดนเดธ เป็น จอนนี่ อีแวนส์ คนเดียวที่พลาดยิงข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น และคนสุดท้ายของ ซิตี้ มานูเอล อคานยี่ สังหารพาทีมคว้าแชมป์ โล่ห์การกุศลไป
ครึ่งแรกเกมน่าเบื่อ
อาจจะด้วยเพราะฟิตไม่เต็งถังทั้งสองฝั่งด้วยเปล่า ทำให้45นาทีแรก ในศึกชิงโล่ห์การกุศลระหว่าง2ทีมคู่ปรับเมืองแมนเชสเตอร์ น่าเบื่อถึงกับถ้าไม่ตั้งใจดู มีหลับคาจอได้เลย รวมถึงในเกมอุ่นเครื่องก่อนหน้าทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ฟอร์มไม่ได้ดีเท่าไหร่ด้วย
นอกจากลูกยิงโล่งๆแปเอี้ยวตัวด้วยขวาที่หลุดออกไปแบบน่าเกลียดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และลูกยิงชนเสาของเจ้าหนู เจมส์ แม็คอาตี้ แทบจะไม่มีจังหวะให้ลุ้นหวาดเสียวได้เลย เมื่อคืนเป็นเพียงไม่กี่นัดที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จ่ายบอลเสียบ่อยมาก ส่วนฝั่งปีศาจแดงก็ดูตะกุกตะกักเช่นกัน
โอเคแม้เหล่าบรรดาดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง ริโก้ ลูอิส -นิโก้ โอเรลลี่ - ออสการ์ บ็อบบ์ และ เจมส์ แม็คอาตี้ จะไม่ได้เล่นแย่หรือทำให้เสียระบบแต่อย่างใด บอลของเรือใบสีฟ้าก็ยังเป็นในแบบสไตล์เอกลักษณ์ของพวกเขา
แต่ทว่าความเฉียบขาดในการเข้าทำจังหวะอันตรายน้อยไปหน่อย เราจึงได้เห็น ฮาลันด์ โดดเดี่ยวในแดนหน้า เมื่อไม่มีตัวซับพอร์ตอย่าง ฟิล โฟเด้น หรือ เควิน เดอ บรอยน์ ที่กว่าจะลงมาก็ ปาเข้าไป น.90แล้ว
ทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้จะครองบอลได้น้อยกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าจังหวะเปลี่ยนรับเป็นรุกเร็วของพวกเขาทำได้น่ากลัวมากๆ แถมโอกาสจบสกอร์เหน่งๆมากกว่า ซิตี้ ด้วยซ้ำ เป็นวันที่ กาเซมิโร่ เล่นดีมากๆมีลูกวางยาวสวยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่า " พี่เกษม " จะยืนระยะเล่นแบบนี้ได้ทั้งฤดูกาลไหม
แรชฟอร์ด จะยังไม่ฟื้นเปล่า ?
อาจจะด้วย อเลฮานโดร การ์นาโช่ พึ่งกลับมาซ้อมกับทีมได้ไม่นาน รวมถึงตัวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เองได้ลงมาต่อเนื่องในเกมอุ่นเครื่องและน่าจะเข้าใจกับระบบหรือคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี ทำให้ศึกชิงโล่ห์การกุศลนี้ " แรชชี่ " ยังได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
โดยการออกสตาร์ทเป็นริมเส้นฝั่งซ้าย แรชฟอร์ด จะต้องดวลกับ ดาวรุ่ง ริโก้ ลูอิส ดาวเตะเบอร์10 ตลอด83 นาทีที่อยู่ในสนาม เลี้ยงบอลผ่านแข้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่1ครั้งเท่านั้น ส่วนที่ดีของ แรชฟอร์ด นัดนี้นั่นก็คือไม่มีช็อตพยายามมุดไปเองแล้วทำเสียมากเท่าไหร่
ดร.แรช จ่ายบอลคีย์พายสวยๆได้2ครั้ง แถมยังมีจังหวะโขกชงเข้ามาในเขตโทษโล่งๆ แต่ทว่าก็น่าเสียดายที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ หวดวืดเข้าไม่ถึงในระยะ 4-5 หลา อย่างไรก็ตาม แรชฟอร์ด ยังคงต้องพัฒนามากๆในเรื่องของความคมในการจบสกอร์
กาเซมิโร่ (ที่เมื่อคืนเล่นดี) จ่ายให้ แรชฟอร์ด ได้เอี้ยวตัวยิงด้วยขวาในเขตโทษไร้ตัวประกบ แต่ทว่าเจ้าตัวยิงแบ็กหลุดเสาไกลแบบไม่ได้ลุ้นและน่าผิดหวังจริงๆ รวมไปจนถึงใน45นาทีหลัง การ์นาโช่ ถวายพานมาให้จากด้านขวา
แรชฟอร์ด ได้วางเท้าแปด้วยซ้ายในเขตโทษโล่งๆ แต่เหมือนกะจะเอาบอลให้หนีมือ เอแดร์ซอน มากเกินไป จนชนเสาปลิ้นออกหลัง ทำให้ การ์นาโช่ เซ็งสุดๆ เรียกว่า2โอกาสทองของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ควรอย่างยิ่งที่จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายทั้ง2ลูก
8ประตู จาก43นัดรวมทุกรายการจากซีซั่นที่แล้ว นี่คือสิ่งที่ แรชฟอร์ด ต้องแก้ตัวให้ได้มากๆ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเรื่องภาษากายและความเฉียบคมทั้งจากในเกมเมื่อคืนและอุ่นเครื่อง แข้งเบอร์10รายนี้ เหมือนจะไม่ได้เป็นไปในทิศทางบวกเท่าไหร่กับฤดูกาลใหม่ 2024-2025 ที่จะถึง
การ์นาโช่ & แบร์นาโด้ สำรองสร้างความแตกต่าง
จะว่าไปเกมริมเส้นฝั่งขวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำได้ดีเลยนะสำหรับ อาหมัด ดิยาโล่ ที่แม้จะไม่ได้บอลมาก แต่ทว่าเวลาที่บอลอยู่กับเท้าเจ้าตัว มันดูวูบวาบและน่ากลัวกว่าตอนที่บอลไปอยู่ฝั่งซ้าย แรชฟอร์ด 59นาทีที่อยู่ในสนาม อาหมัด ถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลย
อาหมัด มีความกล้าเล่น กล้าลุย มั่นใจ ถึงแม้ว่าจังหวะสุดท้ายจะยังไม่ได้แผลงที่เด็ดอะไรออกมามากพอ ส่วนคนที่ลงมาแทนปีกชาวไอวอรี่ โคสต์ รายนี้นั่นก็คือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ยังไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องเลย
เกมริมเส้นฝั่งขวาของปีศาจแดงอันตรายมากๆ เมื่อ การ์นาโช่ ได้บอลหรือลากเลื้อย ปีกชาวอาร์เจนไตน์ น่าจะทำแอสซิสต์ได้ด้วยซ้ำ มีจังหวะทำทางสวยๆ เปิดให้ แรชฟอร์ด ได้ยิงแบบโล่งๆ ชนเสาออกหลังไปแบบเสียของสุดๆ
ถึงกระนั้นก็ดี การ์นาโช่ ก็มาอาศัยความสามารถเฉพาะตัว ลากตัดเข้าในแล้วยิงด้วยซ้ายเรียดหนีมือ เอแดร์ซอน เข้าไป ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่โดนขึ้นนำ1-0 พวกเขาเหมือนเพิ่งเริ่มจะมาเอาจริง เพราะส่ง เควิน เดอ บรอยน์ ลงมา น.90
ส่วน แบร์นาโด้ ซิลวา ที่ลงมาก่อนหน้านั้น น.80 แทน เจมส์ แม็คอาตี้ ทำให้บอลจังหวะลากจากตรงกลางน่ากลัวมากๆ และแข้งชาวโปรตุเกสรายนี้ ก็ฉลองวันเกิด30ปี ด้วยการโขกประตูเซฟชีวิตตีเสมอ น.90 แม้ว่าในช่วงการดวลจุดโทษ แบร์นาโด้ จะยิงไม่ดีไปให้ โอนาน่า เซฟ ก็ตาม
ดวลเป้าสุดมัน จิตวิทยา โอนาน่า ยังไม่ได้ผล
8ครั้งหลังของศึกชิงโล่ห์การกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ต้องลงเอยฎีกาด้วยการดวลจุดโทษถึง 5ครั้ง โดยหนที่แล้วเป็น อาร์เซน่อล ที่ดวลเป้าเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้4-1 หลังเสมอกันใน 90นาที1-1 เมื่อคืนทำให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องทำศึกดวลเป้าอีกครั้ง หลังก่อนหน้านั้นชวดแชมป์รายการนี้มา3ปีติด
เอาตรงๆเลยเรือใบสีฟ้า ถือว่าเสียเปรียบอยู่เหมือนกันในการดวลจุดโทษ เพราะเป็นฝ่ายยิงทีหลัง แถมยังต้องมายิงตรงฝั่งอัฒจันทร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในการยิงเป้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ลำบากด้วยเพราะ แบร์นาโด้ ซิลวา พลาดเป็นคนแรก
แต่ทว่าก็ยังดีที่ เอแดร์ซอน มาเซฟลูกยิงของ เจดอน ซานโช่ ไว้ได้ ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ การยิงจุดโทษหนนี้คงหนีไม่พ้น อ็องเดร โอนาน่า ที่เราได้เห็นนายด่านชาวแคเมอรูน ทำแบบนี้มาแล้วในเกมอุ่นเครื่องกับอาร์เซน่อล และทีมเอาชนะไปในการส่องเป้าไปได้
โอนาน่า เซฟลูกยิงของ แบร์นาโด้ ได้ แต่ทว่า8ครั้ง ในการเซฟจุดโทษเมื่อคืน โอนาน่า พุ่งผิดทางไปมากถึง 5จาก8ครั้ง และมีสงครามจิตวิทยากับ ฮาลันด์ ด้วยด้วยการยืนภายมือยั่วให้ ฮาลันด์ ยิงไปทางซ้ายมือของตน แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ยิงหลอกไปทางขวาซะงั้น
ผู้เล่นที่คาดว่าจะพลาดของปีศาจแดงอย่าง ดาโล่ต์ - แม็คโทมิเนย์ ยิงเข้าทั้งคู่ กลายเป็น จอนนี่ อีแวนส์ ที่ยิงโด่งข้ามคานออกไปไกลแบบไม่ได้ลุ้น และ มานูเอล อคานยี่ สังหารเสียบมุมบนสุดๆเป็นคนสุดท้ายพา ซิตี้ คว้าโล่ห์ไป
ส่วน เอแดร์ซอน นายด่าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังขึ้นมาเป็นคนสังหารจุดโทษ คนที่5 ซึ่งถือว่ากดดันเหมือนกันเพราะยิงไม่เข้าแล้วแพ้เลย โดยโกลชาวบราซิลจัดได้ไว่าเป็นมือสังหารจุดโทษที่ไว้ใจได้มากๆคนหนึ่งเลย เพราะเคยทำหน้าที่นี้มาแล้ว ในเกมยูซีแอลที่เจอกับ เรอัล มาดริด
เป๊ป ซิลๆ ใช้เด็กดาวรุ่งหลายคนดวลผี
ตั้งตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่คือการคุมทีมลงทำศึกชิงโล่ห์การกุศลครั้งที่6 ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แล้ว โดย5ครั้งที่ผ่านมา กุนซือชาวสเปนคว้าแชมป์ไป2ครั้ง แต่ทว่า3หนล่าสุด เรือใบสีฟ้าพ่ายหมดเลย ทั้งต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ - อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล
โดยการดวลกับคู่ปรับร่วมเมืองปีศาจแดง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือว่าจัดตัวชิลเหมือนกัน เพราะมีแข้งดาวรุ่งหลายราย ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้ง ริโก้ ลูอิส -นิโก้ โอเรลลี่ - ออสการ์ บ็อบบ์ และ เจมส์ แม็คอาตี้
โอเคว่าแม้บรรดาดาวรุ่งเหล่านี้ จะไม่ได้ความสามารถเท่าผู้เล่นชุดใหญ่ แต่ทว่าในเรื่องของสไตล์และปรัชญาการเล่น ความเข้าใจเกมเข้าใจระบบ เมื่อถูกหย่อนลงไปในสนามก็ต่อติดได้เลย ไม่ทำให้รูปเกมสะดุดหรือเสียกระบวนแต่อย่างใด
โดยเฉพาะในรายของ บ็อบบ์ ที่ดึงหลอก ลิซานโดร มาร์ติเนซ นิดหน่อยแล้วหลุดไปเปิดให้ แบร์นาโด้ ตีเสมอ เป็นเกมที่ดาวรุ่งอย่าง ออสการ์ บ็อบบ์ ปั่นป่วยแบ็กซ้ายขัดตราทัพของปีศาจแดงได้ดีมากๆเลย เจ้าหนู แม็คอาตี้ ได้หลุดไปยิงชนเสา แต่ทว่านอกจากนั้นถือว่าเงียบไปหน่อย
ซึ่งการคว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ จะทำให้แฟนบอลเรือใบกังวลหรือเปล่าไม่รู้ เพราะสถิติระบุว่า 13ครั้งหลังของทีมที่คว้าถาดแชมป์นี้ มีเพียงหนเดียวเท่านั้น ที่ลงเอยด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ซึ่งนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอง ในฤดูกาล 2018-2019 ต้องมาดูว่า 2024-2025นี้ ลูกทีมของ เป๊ป จะลบอาถรรพ์ดังกล่าวได้หรือไม่ ?
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เอริก เทน ฮาก
- 292
- 11 ส.ค. 2567 13:22