KDB Come Back ! เรือ ระทึกใจ พลิกแซง สาลิกา ทดเจ็บ 3-2 บ๊อบบ์ ฮีโร่เด็ก
มาแล้วจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เป็นสมัยที่4ติดต่อกัน หลังจากที่มีช่วงหนึ่งพลพรรคเรือใบสีฟ้า ไม่ชนะใครในลีกมา4นัดรวด แต่ทว่าล่าสุด 3แต้มที่ไปคว้ามาจากถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค อย่างระทึกขวัญ 3-2 ก็ทำให้ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงและกลับสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวแล้ว
เกมที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ระหว่างเจ้าบ้าน นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังฟอร์มรูดอย่างหนัก หลังตัวผู้เล่นหลายรายบาดเจ็บ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กลับมาจากคว้าแชมป์สโมสรโลก และกำลังเดินหน้าคว้าชัยรัวๆมา2นัดแล้ว
การจัดตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงไร้เงาหมดสิทธิใช้งานขุนพลตัวหลักอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ จอห์น สโตนส์ ที่ยังมีอาการการบาดเจ็บอยู่ รวมไปจนถึง เควิน เดอ บรอยน์ ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว แต่ทว่า ยังคงถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นบนม้านั่งสำรองมา2นัดติด เพื่อให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ในการคืนสนามมากกว่า หลังจากเดี้ยงมา5เดือน
ส่วน นิวคาสเซิ่ล ก็จัดทัพผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มาร์ติน ดูบราฟก้า ที่โชว์ฟอร์มหนึบ ยังได้โอกาสเฝ้าเสาต่อเนื่อง ช่วงที่ นิค โป๊ป เจ็บยาว แดนกลางไร้เงา โชลินตอน ส่วนกองหน้าเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค
เริ่มเกมมากต้องบอกว่าเป็น ซิตี้ ที่เหนือกว่าตามสไตล์ ค่อยๆนวด และก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกไขว้สุดสวยของ แบร์นาโด้ .ซิลวา น.26 แต่ทว่าช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดันสูงเพื่อที่จะเอาประตูที่2 สาลิกาดง ก็อาศัยจังหวะตรงนั้น แซงยิง2เม็ด เลยจากลูกตะบันสุดสวยของทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค น.35 และ แอนโธนี่ กอร์ดอน น.37
ครึ่งหลัง แม้ว่าจะตามหลังอยู่ แต่ เป๊ป ก็ไม่ได้รีบเปลี่ยนตัวเลยทันที ค่อยๆนวดอีกรอบเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่ทว่าแนวรับที่ลอยของพวกเขาก็เกือบจะโดนเจ้าบ้านฝังเป็น 3-1 เหมือนกัน เกมที่ชักจะตื้อๆของ ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว ไพ่เด็ดของพวกเขาก็ถูกส่งลงสนาม
เควิน เดอ บรอยน์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน แบร์นาโด้ ซิลวา น.69 และเวลาเพียง 4นาที 34 วินาทีที่ได้อยู่ในสนาม KDB ก็แผลงฤทธิเลย เมื่อลากไปยิงลอด ฟาเบียน แชร์ บอลเลียดเสียบมุมเข้าไป น.74
หลังจากนั้นโมเมนตัม ก็ไหลมาอยู่ฝั่งผู้มาเยือนเต็มๆ ช่วงที่สกอร์เป็น 2-2 " เดอะ แมกพายส์ " ไม่มีโอกาสได้ลุ้นประตูเลย ถูกขึงให้ตั้งรับรอโดนอย่างเดียว และฮีโร่ขี่ม้าขายของ ซิตี้ ก็บังเกิดจนได้ สำรองดาวรุ่ง ออสการ์ บ็อบบ์ รับบอลยาวสุดแม่น จาก เดอ บรอยน์ หลุดเข้าไปในเขตโทษ แตะหลับ ดูบราฟก้า แบบสลับขา ยิงโล่งๆเข้าไปเป็น 3-2 น.90+1
KDB IS BACK
เควิน เดอ บรอยน์ หายหน้าหายตาไปจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเวลาร่วมๆ5เดือน จากเกมแรกเลยที่เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ซึ่งเพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยม กลับมามีชื่อกลับทีมครั้งแรกหลังเดี้ยงหนัก ในเกมที่เอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 และลงมาเป็นตัวสำรองนัด เอฟเอ คัพ ที่ถลุงเอาชนะ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ 5-0 ซึ่งก็ทำแอสซิสต์ได้ด้วย
เกมกับนิวคาสเซิ่ล เควิน เดอ บรอยน์ ก็ยังไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เนื่องจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มองว่า ยอดเพลย์เมคเกอร์รายนี้ ต้องค่อยๆถูกส่งลงสนาม เรียกแมตชฟิตเนสมากกว่าหลังเดี้ยงหนักมานาน
สกอร์ที่ตามหลังอยู่ 2-1 นั่นทำให้กุนซือชาวสเปน ต้องส่ง KDB ลงไปพลิกเกมสร้างความแตกต่าง และระยะเวลาเพียงแค่ 4นาที 34วินาที เควิน เดอ บรอยน์ ก็มาซัดประตูตีเสมอได้ 2-2 จากจังหวะแหวกเข้ามาบริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวาลอดขา ฟาเบียน แชร์ แบบทิศทาง100% บอลเรียดเสียบมุมเข้าไปอย่างเนียน
ซิตี้ ที่มี เดอ บรอยน์ ในช่วง20นาทีสุดท้าย เกมของพวกเขาดูมีมิติและทะลุทะลวงมากๆ เห็นได้ชัดว่า เจ้าตัวครอสบอลได้อันตรายเป็นไหนๆ คลาสบอลระดับโลก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆโดยเฉพาะกับ เฌเรมี่ โดกู ที่แม้จะเลี้ยงแหวกดี แต่เปิดเข้ากลางมาไม่คมเลย
สุดท้ายประตูชัย3-2 ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นสายตาอันเฉียบคมเป็นพญาเหยี่ยวของ เดอ บรอยน์ ที่วางบอลเข้าไปในเขตโทษให้ ดาวรุ่งตัวสำรองอย่าง ออสการ์ บ็อบบ์ หลุดเข้าไปล็อกหลบ ดูบราฟก้า เข้าไป
21นาทีในสนาม (ไม่รวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ) เควิน เดอ บรอยน์ ที่มาพร้อมทรงผมใหม่สุดหล่อ อิมแพคต่อเกมบุกของเรือใบสีฟ้าเป็นอย่างมาก ครอสบอล 9ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาส3ครั้ง ก่อนที่ผลลัพธ์จะมาเป็น 1ประตู 1แอสซิสต์
ลูกจ่ายของเจ้าตัวให้เจ้าหนู บ็อบบ์ นี่คือแอสซิสต์ที่ 103 ของ เดอ บรอยน์ ในพรีเมียร์ลีกเข้าให้แล้ว แซงหน้า แฟร้งค์ แลมพาร์ด (102) และเท่ากับ เวย์น รูนี่ย์
เอแดร์ซอน เจ็บ ออร์เตก้า ออกลูกลนบ่อย
อาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักนี่คือสิ่งที่รบกวน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาลนี้จริงๆนะ โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคีย์แมนคนสำคัญ เควิน เดอ บรอยน์ ที่หายหน้าหายตาไป 5เดือน พึ่งจะกลับมาลงสนามได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ไม่ได้ลงสนามในเกมลีก มาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมแล้ว
จอห์น สโตนส์ ก็พึ่งได้ออกสตาร์ทตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียงแค่5นัด และก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมเกมที่เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1 นัดกับนิวคาสเซิ่ลเมื่อคืน อาการบาดเจ็บก็เล่นงาน เอแดร์ซอน โกลคนเก่งของพวกเขา
นายด่านชาวบราซิล ที่พยายามฝืนเล่น จนเกือบเสียประตู แต่ทว่าก็เฝ้าเสาต่อไม่ไหว และถูกเปลี่ยนตัวออกให้ สเตฟาน ออร์เตก้า ลงมาเฝ้าเสาแทน ตั้งแต่ น.8 ซึ่งการลงมาของนายด่านสำรองชาวเยอรมันรายนี้ ก็ทำให้เห็นข้อแตกต่างเหมือนกัน
ออเตก้า หมดสิทธิเซฟจริงๆกับลูกยิงปั่นสุดสวยของทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ แอนโธนี่ กอร์ดอน แต่ทว่าในเรื่องของการออกบอลและความนิ่งเจ้าตัวดูจะเป็นรอง เอแดร์ซอน ชัดเจน เวลาเล่นบอลสั้นโดนบีบจนจ่ายบอลไม่แม่น หรือสุ่มเสี่ยงทำให้ทีมเสียเปรียบ
มีจังหวะประมาทออกบอลช้าแล้วโดน อิซิค ป้ำแย่งบอล ดีที่ รูเบน ดิอ๊าซ ยังมาช่วยไว้ได้ในจังหวะสุดท้าย และโดนกองหลังชาวโปรตุเกสรายนี้กระตุ้นดุไปยกใหญ่ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ออร์เตก้า ก็มีจังหวะเซฟหยุดลูกยิงหลุดเข้ามาของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ได้ถึง2หนเช่นกัน
ซิตี้ หลังหลวม (ลอยสูง) วอล์คเกอร์ โดนหลอกง่ายไปหน่อย
เกมรับเหมือนจะไม่ใช่จุดที่ดีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้เท่าไหร่ เพราะโดนกระทุ้งตาข่ายในยพรีเมียร์ลีกไปถึง 23ประตู จาก20นัด ยังเก็บไปได้เพียง 5คลีนชีตเท่านั้น รูเบน ดิอ๊าซ - นาธาน อาเก้ และ มานูเอล อคานยี่ สลับสับเปลี่ยนกันเป็นเซ็นเตอร์ตามสถานการณ์
อาจจะด้วยรูปเกมสไตล์การเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เองด้วย ที่ทำให้ทีมของพวกเขาเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งได้โจมตีสวนกลับ แบบถนัดถนี่ โดยเฉพาะหากมีปีกที่ทักษะดี มีความเร็วสูง อาวุธแบบนี้จะสามารถลงโทษ ซิตี้ได้
2ประตูที่เสียไปเมื่อคืน ต้องบอกว่ามาจากจังหวะที่โดนสวนกลับ และดูจะเสียง่ายไปหน่อย และเป็นระยะเวลาที่ห่างกันเพียง2นาทีกว่าเท่านั้น เกมฝั่งขวาที่ลอยสูง ไคล วอล์คเกอร์ ซึ่งเจ้าตัวทำได้แค่ประคอง ไม่ยอมเข้าติดกับลูกยิงของ อีซัค เพราะมีตัวฉีกมาอีกด้านข้าง
ส่วนประตูถูกแซง 2-1อดีตแบ็กสเปอร์ส ก็โดนเจ้าหนู แอนโธนี่ กอร์ดอน เลี้ยงจี้ไปปั่นไซด์ยิงง่ายไปหน่อย ซึ่งในการประกบชิดตัวเกมเมื่อคืน ไคล วอล์คเกอร์ ทำได้แย่มากๆ แต่ทว่าในเรื่องเกมบุกแล้ว วอล์คเกอร์ รังสรรค์ได้แจ่มจริงๆ เพราะทั้งเร็วและแข็งแกร่งเวลาตะลุย
ประตูไขว้ 1-0 จาก แบร์นาโด้ ซิลวา ก็มาจากจังหวะเปิดของ วอล์คเกอร์ นี่แหละ นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีจังหวะสวยๆแหวกหนี แดน เบิร์น เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเจ้าบ้านได้ถึง3ครั้ง และพลังงานไม่มีหมดตลอด 90นาที
สาลิกา ฉวยโอกาสดี แต่ระยะหลังฟอร์มแผ่วมาก
แม้ว่ารูปเกมจะเป็นรองมากๆ แต่ทว่า นิวคาสเซิ่ล ก็ใช้โอกาสไม่เปลืองในการเผด็จศึก แมนเชสเตอร์ ได้ถึง2เม็ด จากโอกาสไม่กี่ครั้งใน 45นาทีแรก 2ประตูที่เกิดขึ้นของพวกเขาเมื่อคืนมาจากจังวะสวนกลับทั้งสิ้น
หากไม่นับประตูแรกที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัค หลุดไปจ่ายให้ ฌอน ลองสตาฟฟ์ เข้าชาร์ง่ายๆ แต่ล้ำหน้าไปก่อน โอกาสยิง หนแรกและก็เป็นประตูเลยของ อิซัค และ โอกาสหนที่สองโดย แอนโธนี่ กอร์ดอน ก็เช่นกัน
โดยทั้ง2เม็ด นี่คือโอกาส2ครั้งแรกของ " เดอะ แมกพายส์ " แต่สามารถลงโทษ พลพรรคเรือใบสีฟ้าได้เลย ซึ่งก็ต้องชื่นชม เอ็ดดี้ ฮาว ด้วยที่เลือกแผนโจมตี แนวรับที่ดันสูงของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าด้วยคุณภาพของตัวผู้เล่น และการเลือกเปลี่ยนตัวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้นิวคาสเซิ่ล ต้านไม่อยู่และพ่ายไปในที่สุด 2-3 ซึ่งการปราชัยดังกล่าวนี่คือการแพ้ในเกมลีก 6นัด จาก7เกมหลังสุดเข้าให้แล้ว หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ10ของตาราง
นอกจากนี้ สาลิกาดง ยังมีรายชื่อนักเตะตัวหลักที่เจ็บยาวเป็นหางว่าวทั้ง โชลินตอน - คัลลัม วิลสัน - นิค โป๊ป - ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ หรือจะรวมไปจนถึง ซานโดร โตนาลี่ ที่โดนแบนยาว10เดือน จากโทษฐานเล่นการพนันฟุตบอลออนไลน์
เป๊ป เปลี่ยนตัวเทพ บ๊อบบ์ เจ้าหนูมหัศจรรย์
ปรกติสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แล้ว นี่คือกุนซือที่มีอัตราความโรคจิตและติสต์แตกสูงมากๆคนหนึ่ง ทั้งรูปแบบแผนการเล่น และที่ทำแล้วนิยมทำให้ทีมใหญ่บางทีมต้องเดินตามนั่นก็คือ อินเวิร์ด ฟูลแบ็ก กับอีกอย่างนั่นก็คือ เป๊ป เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่ค่อยเปลี่ยนตัวเท่าไหร่
บางนัด90นาที ไม่มีการขยับผู้เล่นบนม้านั่งสำรองเลยก็มี เมื่อคืนที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ด้วยสกอร์ที่ตามหลัง 1-2 หลังจบ45นาทีแรก อดีตนายใหญ่บาร์เซโลน่า ก็ไม่ได้ผลีผลามเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด
จนท้ายที่สุดแล้วตัดสินใจส่งคีย์แมน อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ลงสนาม น.69 ซึ่งการเปลี่ยน KDB เข้ามาไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด แต่ผู้ที่ถูกถอดออกเซอร์ไพรส์ ตรงที่เป็น แบร์นาโด้ ซิลวา แทนที่จะเป็น ตัวรับอย่าง มัตเตโอ โควาซิซ มากกว่า
ซึ่งการเปลี่ยนเพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยมเข้ามา ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่เร่งจนเกิดไป ก็สัมฤทธิผลมากๆ เพราะประตู 2-2 ของเจ้าตัว ทำได้เวิลด์คลาสและคมกริบมากๆในเรื่องของทิศทาง แถมยังรอดขา ฟาเบียน แชร์ ก่อนไปซุกก้นตาข่ายอีกด้วย
หลังทำประตูตีเสมอ เดอ บรอยน์ ช่วงฉลองเจ้าตัวได้ชี้ไปที่ศรีษะ ให้เพื่อนร่วมทีมมีสมาธิโฟกัสกับเกม ก่อนที่ดาวเตะเบอร์17รายนี้ จะมาแผลงฤทธิอีก เมื่อตักบอลยาวให้ ออสการ์ บ็อบบ์ เจ้าหนูวัย20ปี แตะบอลหลับคลึงบอลสวยๆ หลอก ดูบราฟก้า ก่อนยิงเข้าไปโล่ง
การเปลี่ยนซุปเปอร์ซัพเป็น บ็อบบ์ ต้องชื่นชมความตาแหลมของ กวาร์ดิโอล่า มากๆ เพราะสถานการณ์ดังกล่าว ตามมุมมองคนส่วนใหญ่ ควรจะเป็น แจ็ค กรีลิช ลงมาแทน เฌเรมี่ โดกู มากกว่า เพราะเกมกดดันแบบนี้ ควรจะเป็น " ไอ้แจ็ค " ที่มีประสบการณ์มากกว่า
วัยรุ่นชาวนอร์เวย์ มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก เพียงแค่ 6นัดเท่านั้น ในฐานะตัวสำรอง และไม่เคยยิงในลีกได้เลย (แต่ซัด1ลูก ในแชมเปี้ยนส์ ลีก) ซึ่งการจั่วไพ่เป็น ออสการ์ บ็อบบ์ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เสี่ยงมากๆ ได้ลงลัพธ์ที่สุดๆ เพราะ บ็อบบ์ เป็นผู้ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้กับทีมได้ และยิงได้ทั้งเหนือและนิ่งเกินเด็กอายุ20ปี อีกด้วย
- คอลัมน์นิสต์
-
- 380
- 14 Jan 2024 15:00