เหมือนผู้ใหญ่สอนบอลเด็ก ! เรือ งานง่าย บุกยิงผียับ 3-0 ฮาลันด์ กดเบิ้ล
ก่อนเกมดาร์บี้ แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ ครั้งแรกประจำฤดูกาล 2023-2024 นี้จะมาถึง กับยกแรกที่ โอลด์ แทร็ฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากๆ ทั้งในเรื่องของอันดับในตารางคะแนน ฟอร์มการเล่น ทีมเวิร์ค รวมไปจนถึงถึงสภาพจิตใจของนักเตะ เพราะทางฝั่งปีศาจแดง ตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นใหม่มา ไม่มีแมตช์ไหนเลยในพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาโชว์ฟอร์มน่าประทับใจ แม้จะมีเก็บ3แต้มได้บ้าง
การจัดทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เอริก เทน ฮาก มีปัญหากับอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในแนวรับระดับหนึ่ง โดยคู่เซ็นเตอร์แม้จะเป็นคู่ที่เล่นดีในเกมเล็ก แต่ทว่าพอต้องไปเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ดูน่าหวาดเสียวสุดๆกับคู่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ผนึก จอห์นนี่ อีแวนส์
ส่วนที่ขัดใจมากๆกับการจัดทัพของกุนซือชาวดัตช์ นั่นก็คือแบ็กซ้าย ตัดสินใจใช้ วิตเตอร์ ลินเดอเลิฟ ขัดตราทัพ รวมไปจนถึง บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่นับวันจะไม่ใช่จอมทัพหมายเลข10อยู่แล้ว เพราะถูกจับไปเล่นด้านข้างตำแหน่งปีกขวาบ่อย
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบอกว่าการมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หนนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดเต็มเหมือนเดิม แนวรุกอาวุธครบมือทั้ง เออร์ลิง ฮาลันด์ - ฟิล โฟเด้น - แจ็ค กรีลิช - ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ - แบร์นาโด้ ซิลวา ส่วน จอหฺ์น สโตนส์ ที่พึ่งหายเจ็บกลับมา ก็ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดที่2ติดต่อกัน
เริ่มเกมมาตามสูตรคือขุนพลปีศาจแดง คึกคักพอสมควร มีโอกาสฉาบฉวยจบสกอร์บ้าง แต่ทว่าพวกเขาไม่คมกันเอง ซึ่งหลังหมดช่วง 10-15 นาทีแรก ก็เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เริ่มครองเกมได้และเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์แบบ และมาขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจุดโทษของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ น.26 จากช็อตที่ VAR ไปเช็กย้อนหลัง ราสมุส ฮอยลุนด์ ไปดึง โรดี้ ในเขตโทษ จบ45นาทีแรก ไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
โดยออกสตาร์ทครึ่งหลังมา เทน ฮาก แก้เกมทันที ด้วยการถอด โซฟียาน อัมราบัต ออก แล้วส่ง เมสัน เมาท์ ลงมาแทน และเกมของยูไนเต็ด ก็แตกต่างจากครึ่งแรกมาก กลายเป็นแย่กว่าเดิม เป็น ซิตี้ ที่ต่อบอล จ่ายบอลอย่างสนุกสนาน และก็มาได้อีก2ประตู ย้ำชัยที่ขาดลอย 3-0
ฮาลันด์ ทะยานโขกง่ายๆ น.49 และ อีกลูกเป็น ฟิล โฟเด้น น.80 ที่ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดีจากดาวยิงชาวนอร์เวย์ ที่ใจกว้างไม่หวังแฮตทริก หลังจากได้เม็ดที่3 เรือใบสีฟ้าก็เล่นชิวมากๆ ไม่ได้เร่งเครื่องอะไร แต่ก็ปิดโอกาสไม่ให้เจ้าบ้านหาลูกตีไข่แตกใกล้เคียงยังไม่ได้
ผลลัพธ์ 0-3 ดังกล่าว นอกจากจะเป็นความพ่ายแพ้ ในเกมลีกนัดที่5เข้าให้แล้ว จาก10นัด นี่ยังเป็นเกมที่ลูกทีม เอริก เทน ฮาก สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ทั้งเรื่องของทีมเวิร์ค แท็กติกการเล่น การแก้เกมของผู้จัดการทีม รวมไปจนถึงสภาพจิตใจความมุ่งมั่นของนักเตะ
ผู้ใหญ่สอนบอลเด็กคาบ้าน น่าจะเป็นคำอธิบายได้ดีกับ ดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ ยกแรกนี้ ยิ่งหากเจ้าบ้านไม่ได้ อองเดร โอนาน่า เซฟช่วย สกอร์น่าจะไหลไส้แตกไปกว่านี้ ส่วนอนาคตของ เอริก เทน ฮาก เชื่อว่าทางบอร์ดบริหาร จะไม่ด่วนไล่ออกแน่ แต่ทว่าด้วยฟอร์มทรงรูปแบบการเล่นที่ตื้อไปหมด และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นกลับขึ้นมา อนาคตของ ETH ก็ยังอยู่บนเส้นได้เสมอเหมือนกัน
ใครว่าผมฟอร์มตก ! ฮาลันด์ คนชอบยิงผี
มีช่วงหนึ่งที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้2นัดติด (อาร์เซน่อล และ วูล์ฟแฮมป์ตัน) ก็โดนค่อนแคะว่าฟอร์มตกซะงั้นสำหรับ เออร์ลิง ฮาลันด์ แต่ทว่าเมื่อมองจากผลลัพธ์จำนวนประตู จนถึงตอนนี้ ต้องบอกว่าดาวยิงชาวนอร์เวย์ ยังร้อนแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม้ว่าจะไม่มีเพลย์เมคเกอร์อย่าง เควิน เดอบ บรอยน์ คอยเปิดป้อนให้ก็ตาม
เมื่อคืน เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่โดนแฟนบอลปีศาจแดง โห่ร้องเพลงแซวเป็นชื่อ รอย คีน อดีตอริของพ่อของตน อัลฟ์ อิงเก้ ฮาลันด์ และตัวของ ฮาลันด์ เอง ก็เอาคืนได้อย่างสาสมด้วยการเหมา2เม็ดใส่ปีศาจแดง
ลูกแรกเป็นการยิงจุดโทษที่เข้ามุมสุดๆ แถมยังหลอก อองเดร โอนาน่า ไปคนละทางอีกด้วย เม็ด2เป็นการโถมโหม่งง่ายๆ ชนิดไร้กองหลัง แมนฯยู คอยประกบ ฮาลันด์ เกือบจะมีแฮตทริกด้วยซ้ำหาก ไม่ได้นายด่านชาวแคเมอรูนช่วยเซฟ รวมไปจนถึงเจ้าตัวเลือกที่จะใจกว้างมากกว่า กับลูก3-0 ที่แอสซิสต์ให้ ฟิล โฟเด้น
2เม็ดเมื่อคืนเท่ากับว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ กระทุ้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ถึง5ประตู กับอีก 3แอสซิสต์ จากการดวลกัน 4นัด เรียกได้ว่าเป็นนักล่าตาข่ายปีศาจแดงอย่างแท้จริง
ส่วนยอดรวมในลีกนี่คือประตูที่11 จาก10นัดในพรีเมียร์ลีก ของดาวยิงร่างยักษ์รายนี้แล้ว ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวๆ หรือจะนับสถิติให้โหดเหี้ยมกว่านั้น 45นัดในพรีเมียร์ลีก ฮาลันด์ กระทุั้งไปได้ถึง 47ลูกด้วยกัน
นอกจากจะทำประตูได้แล้ว ในเรื่องของอิมแพคต่อเกม หอกวัย23ปี ยังยืนดึงเซ็นเตอร์อย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ หรือ จอห์นนี่ อีแวนส์ ทำให้มีช่องว่างระหว่างแบ็กซ้าย-ขวา กับคู่เซ็นเตอร์ ส่งผลให้ตัวริมเส้นมีพื้นที่เล่นมากขึ้น
โอนาน่า เริ่มมั่นใจ ถ้าไม่ช่วยเซฟอาจเละกว่านี้
หลังจากโดนถล่มเป็นอุกาบาต จากความผิดพลาดในหลายๆนัดทั้งที่เข้าตาก็เช่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดกับ บาเยิร์น มิวนิค และ กาลาตาซาราย รวมไปจนถึงรับลูกยิงที่เบาหวิวและไม่มุมของ ของ เบรนท์ฟอร์ด ปลิ้นเข้าประตูไปดื้อๆในเกมพรีเมียร์ลีก
ยังไม่นับช็อตประปรายที่ถูกมองว่าควรจะเซฟได้ 2-3 ประตู แต่ทว่าตัวของ อองเดร โอนาน่า ก็พึ่งจะได้โมเม้นต์สำคัญ กับการเซฟลูกจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อกลางสัปดาห์ที่เอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน 1-0
ดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ หนแรกของ โอนาน่า แม้ว่าจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยิน 0-3 แต่ทว่านี่คือผลงานส่วนตัวที่ใช้ได้และเรียกความมั่นใจกลับมาได้เหมือนกันสำหรับโกลชาวแคเมอรูนรายนี้
โอนาน่า มีช็อตเซฟมหัศจรรย์กับลูกโขกของ ฮาลันด์ โล่งๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้ วิ่งกลับมาตรงเสา2กางมือปัดป้องกันได้สำเร็จ เมื่อคืน ซิตี้ มีโอกาสส่องเข้ากรอบถึง7ครั้งด้วยกัน ลูกที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง นายด่านวัย27ปี ก็ไม่ได้แสดงความผิดพลาดออกมา แม้จะมีช็อตที่ท่าเซฟเสียวๆบ้าง
การกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม นี่คืออีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน จังหวะที่ แม็คไกวร์ เคลียร์บอลช็อตอันตรายได้ โอนาน่า กระตุ้นให้กำลังใจ อดีตกองหลังกัปตันทีมรายนี้ ส่วนการออกบอลด้วยเท้า แม้จะมีช็อตที่จ่ายยาวพลาด (ส่วนหนึ่งเพราะเพื่อนร่วมทีมไม่หาช่องด้วย) แต่ก็อุ่นใจเสมอเวลาบอลอยู่กับเท้า ว่า ผู้เล่น ซิตี้ จะไม่สามารถมากดดันจนจ่ายเสียหรือทำพลาดง่ายๆ
ซิตี้ ใส่แค่ 70-80% ก็สบาย! เป๊ป เน้นทุกช็อต
การบุกมาถลุง3-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สร้างความอับอายให้ทีมเจ้าบ้าน แม้สกอร์จะขาดลอย แต่ทว่าเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนจะไม่ได้ใส่เต็มแบบ100% ด้วยซ้ำ แต่ทว่า 70-80% นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเอาชนะทีมคู่ปรับร่วมเมืองได้แบบไม่ระบมหัวแม้เท้า
แม้ว่าภาพรวมเรือใบสีฟ้าจะไม่ได้เป๊ะทุกช็อต แต่ทว่านั่นก็ยากเหลือเกินที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงฟอร์มห่วยสุดขีด จะสามารถต่อกรได้ เกมรุกซิตี้ สามารถขึงเจ้าบ้านได้อย่างอยู่หมัด กับการเคาะทำชิ่งริมเส้น
โรดรี้ ที่แม้จะเล่นไม่เท่าฟอร์มช่วงพีคหรือฟอร์มมาตรฐาน แต่ทว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่ะทำให้จัดการกลางของเจ้าบ้านได้อย่างอยู่หมัด แถมยังเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ด้วย จากจังหวะเสียค่าโง่ของ ราสมุส ฮอยลุนด์ บวกกับการได้ จอห์น สโตนส์ ที่ธรรมชาติเป็นเซ็นเตอร์ แต่พอขยับมาเล่นตรงกลางก็ทำได้อย่างไม่ขัดเขิน แถมแน่นกว่าเดิมเสียอีก
ช่วงที่สกอร์นำอยู่ ไม่ว่าจะ 1-0 / 2-0 หรือ 3-0 เรายังได้เห็นแอ็คชั่น อารมณ์ร่วม ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างเกมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสมอ ซึ่งนั่นเป็นเหมือนการเติมไฟเชื้อเพลิงให้นักเตะได้เป็นอย่างดี
โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นับตั้งแต่เทิร์นโปรมารับบทบาทผู้จัดการทีม นายใหญ่ชาวสเปนรายนี้ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มากถึง14ครั้งด้วยกัน รวมไปจนถึง เป๊ป ยังมีสถิติที่ร้ายกาจมากๆ ในการมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะพาทีมมาชนะที่นี่ได้มากถึง 5หนด้วยกัน
ฤดูกาลที่2ของ เอริก เทน ฮาก คืออะไร ?
ฤดูกาลแรก พาทีมจบอันดับ3คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก บวกคว้าแชมป์บอลถ้วยอย่าง คาราบาว คัพ แถมยังพอจะทำให้เห็นรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนค่อยๆสร้างหวังผลได้ในอนาคต แต่ทว่าพอมาซีซั่นที่2 ทุกอย่างกลับเหมือนถูกแช่เข็ง และเดินหน้าแบบถอยหลังซะงั้นสำหรับ เอริก เทน ฮาก
ในเรื่องของการเสริมทัพ จัดได้ว่า กุนซือชาวดัตช์ ผู้นี้ ได้นักเตะมาร่วมทีมถือว่ามากเอาเรื่องและก็เป็นนักเตะลูกน้องเก่ารวมไปจนถึงแข้งตามคอนเซ็ปต์ที่ต้องการทั้ง อันโตนี่ - ลิซานโดร มาร์ติเนซ - เมสัน เมาท์ - อองเดร โอนาน่า รวมไปจนถึง ราสมุส ฮอยลุนด์
แต่ทว่าเมื่อดูจากผลงานในสนามจัดว่าสอบตกมากๆเลยสำหรับ ปีที่2ของ ETH รูปแบบการเล่นของทีมคืออะไร ? ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ สไตล์การเล่นเมื่อฤดูกาลที่แล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ เกมรุกคือจุดที่บอดฝืดสนิทมากๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อดีตกุนซือชาวอาแจ็กซ์ ยังทำในจุดที่แฟนบอลขัดใจมาตลอด และเป็นหลายนัดมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว นั่นก็คือ การจับ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ไปเล่นเป็นปีกขวาบางเวลาโผล่ไปฝั่งซ้าย ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาทุกนัดว่าไม่เวิร์คมากๆ
จนแฟนๆน่าจะลืมไปแล้วว่า บรูโน่ เคยเป็นกองกลางจอมถล่มประตูขนาดไหนตอนย้ายมาใหม่ๆ ถูกดึงไปเล่นต่ำบ้าง ริมเส้นบ้าง บางนัดเป็นแบ็กขวาก็มี เรียกได้ว่ากลายเป็นแข้งจับฉ่ายไปแล้ว
ส่วนแบ็กซ้ายเมื่อคืนก็แปลกใจเหมือนกันที่ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ได้ขัดตราทัพเล่น ทั้งที่มี เซร์คิโอ เรกีลอน แบ็กซ้ายธรรมชาติพร้อมลงบู๊อยู่ (แม้ว่าจะหายเจ็บได้ไม่นาน)
ผ่านมา10นัด ในพรีเมียร์ลีก ยูไนเต็ด แพ้ไปแล้ว5 แถมมีเพียงนัดเดียวกับ ฟอเรสต์ เท่านั้นที่เกมเหนือกว่าคู่แข่ง นอกนั้นรูปเกมเป็นรองหรือสูสีคู่แข่งแทบทั้งหมด เกมดาร์บี้แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน เราได้เห็นสภาพ เอริก เทน ฮาก เหมือนมอบยอมแพ้ชัดเจน ไม่ออกมากระตุ้นอะไรหลังเกมขาด ผิดกับ เป๊ป ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นเสมอ แม้ทีมจะชัวร์แล้วว่าจะคว้า3แต้มได้
แข้งค่าตัวแพงที่โคตรสูญเปล่า
ใครจะว่าเจ้าของทีมตระกูลเกลเซอร์งก แต่ทว่าข้อเท็จจริงอีกที่เป็น FACT นั่นก็คือ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังทุ่มเงินซื้อนักเตะค่าตัวแพงเปย์ค่าเหนื่อยงามๆเสมอ
อังเคล ดิ มาเรีย (59.7 ล้านปอนด์) และ ปอล ป็อกบา (89 ล้านปอนด์) นี่คือนักเตะที่ทำลายค่าตัวสถิติแพงที่สุดในเกาะอังกฤษถึง 2ครั้ง ส่วน ในยุคของ เอริก เทน ฮาก ก็เห็นการเสริมทัพเน้นๆเนื้อๆด้วยนักเตะค่าตัวแพงหลายราย
แต่ทว่าพอมาฤดูกาลนี้ 2023-2024 ตัวที่เสริมทัพเข้ามาแพงๆอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ รวมแอด-ออน ทุกอย่างแพงถึง 73ล้านปอนด์ รวมไปจนถึง เมสัน เมาท์ ที่ไปไล่จีบแบบจะเอาให้ได้ที่ค่าตัว 60ล้านปอนด์
เมื่อคืนเป็นอีกนัดที่ ฮอยลุนด์ ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมที่น้อย แต่ก็พอมีจังหวะหลุดเดี่ยวก็กลายเป็นแตะหลบจนเสียของไม่มีจังหวะจังยิงเอง นั่นเท่ากับว่า 7นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ดาวยิงวัยรุ่นแดนโคนม มีสถิติ 0ประตู 0แอสซิสต์ เข้าทำเนียบแก๊ง 007 อีกราย
ส่วนดาวเตะลูกรักอย่าง อันโตนี่ ที่เกมเมื่อคืนไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง พอได้ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทน คริสเตียน อิริคเซ่น น.86 ปีกจอมหมุนรายนี้ ก็เหมือนจะเก็บอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ไปเล่นแรงนอกเกมใส่ เฌเรมี่ โดกู ซะงั้น โดนใบเหลืองง่ายๆ แถมยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันอีกด้วย
สำหรับ เมสัน เมาท์ ที่ระยะหลังหลุดจากการเป็น11ตัวจริงไปแล้ว แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อคืน ดาวเตะเบอร์7 เป็นตัวสำรอง แต่ก็ถูกส่งลงสนามไปแก้เกมค่อนข้างเร็ว น.46 ออกสตาร์ทครึ่งหลัง แทนที่ โซฟียาน อัมราบัต
ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาแบบเดิมทุกนัดสำหรับ เมสัน เมาท์ เพราะเจ้าตัวกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอีกครั้ง ด้วยการไม่มีตัวตนในสนามเลย เหมือนลงไปต่อผู้เล่นให้ ซิตี้ ฟรีๆ1คน 45นาทีไม่รวมทดเวลาบาดเจ็บ เมาท์ ได้จ่ายบอลแค่9ครั้ง เข้าเป้า5ครั้ง ไม่มีผลอะไรกับทีมเหมือนทุกนัดที่ผ่านมา
- คอลัมน์นิสต์
- 373
- 30 ต.ค. 2566 13:12