โคตรเกมคุณภาพ ! เรือใบ บุกเจ๊าหงส์ 2-2 ซาลาห์ โชว์ เวิลด์คลาส
เป็นเกมที่อุดมไปด้วยคุณภาพและอัตราความมันสูงจริงๆ สำหรับศึกพรีเมียร์ลีกคู่เอกในสัปดาห์นี้ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งผลจบลงด้วยสกอร์ที่ดูจะยุติธรรมที่สุดแล้วสำหรับทั้งสองฝ่าย 2-2
เป็นศึกชิงจ่าฝูงเลยก็ว่าได้สำหรับคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่ต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมเต็งแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเกมทีมหงส์แดงต้องมีกังวลเล็กน้อย
เมื่อแบ็กขวาตัวจริง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ -อาร์โนลด์ ยังไม่หายจากอาการเดี้ยง ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเลือกส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเล่นขัดตราทัพในตำแหน่งดังกล่าวอีกนัด
เกมในช่วง45นาทีแรก ต้องบอกได้เลยว่าเป็นทางฝั่งลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กดใส่ทีมเจ้าบ้านแบบโงหัวไม่ขึ้น เหล่าบรรดากองกลางของทีมเรือใบอย่าง โรดรี้ -แบร์นาโด้ ซิลวา รวมไปจนถึง เควิน เดอ บรอยน์ มีชัยเหนือเหล่าบรรดามิดฟิลด์ของทีมหงส์แดงอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - เคอร์ติส โจนส์ และ ฟาบินโญ่
แต่ทว่าถือว่าโชคดีไม่น้อยที่แนวรุกของ ซิตี้ ยังไม่เข้าฝักเท่าไหร่ เพราะการที่พวกเขาไม่มีหน้าเป้าธรรมชาติ รวมไปจนถึงต้องชม อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่ออกมาบล็อคลูกยิงของ ฟิล โฟเด้น และ ออกมาตัดจังหวะหลุดเดี่ยวของโฟเด้นเจ้าเก่าได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้วยรูปเกมที่เป็นรองสุดกู่ ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องรับแก้เกมทันทีในครึ่งหลัง สังเกตได้จากเมื่อผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมด45นาทีแรก นายใหญ่ชาวเยอรมันรายนี้ รีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัวเลยทันที ก่อนที่ออกสตาร์ทครึ่งหลังมารูปเกมของทีมเครื่องจักรสีแดงจะดีขึ้นทันตาเห็น
สุดท้ายจะมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกจ่ายที่ยอดเยี่ยมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดไปยิงไม่เหลือซาก น.59 แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาตีเสมอได้แบบทันควันจากลูกยิงอันแสนเฉียบขาดของ ฟิล โฟเด้น น.69
เกมของหงส์แดงที่เหมือนจะไม่ได้มีอะไรมากในเกมนี้ แต่ทว่า โม ซาลาห์ ก็ได้บันดาลสิ่งพิเศษอันแสนมหัศรรย์ร่ายมนตร์ให้เราได้เห็น บังโม แหวกสามผู้เล่นของทีมเรือใบในเขตโทษ ก่อนที่สุดท้ายจะล็อกหลบ อายเมอริก ลาป๊อร์ก ยิงเสียบมุมให้ทีมขึ้นนำ 2-1น.76
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามทัพเรือใบสีฟ้าก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆและมาได้ลูกตีเสมอแบบทันควันของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ซัดไปแฉลบ โจแอล มาติป เข้าไป
ทว่าอย่างไรก็ตามทีมเจ้าบ้านชวดโอกาสได้ประตูชัยแบบสุดๆ เมื่อ ฟาบินโญ่ ได้เก็บตกยิงจ่อๆในเขตโทษ แต่ทว่า โรดรี้ นั้นยอดเยี่ยมราวปาฎิหารย์ เหย่เท้าเข้ามาบล็อคได้อย่างหวุดหวิด
เกมโหดโคตรระห่ำ และสองกุนซือแห่งยุค คล็อปป์ เป๊ป
ถูกยกให้เป็นเกมที่มีอัตราความมันสะเด่าเร้าใจมากเป็นอันดับหนึ่งของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้สำหรับคู่ระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้บทสรุปลงเอยกันด้วยการแบ่งแต้มกันไป 2-2
เกม45นาทีแรกเรียกได้เลยว่าเป็นทางฝั่งของลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ครองเกมได้อย่างเสร็จสรรพ แต่ขาดแค่ความเฉียบคม เพราะไม่มีผู้เล่นในตำแหน่งหน้าเป้าที่แท้จริงในกรอบเขตโทษ หลังผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมด45นาทีแล้ว เราจึงเห็น JK รีบวิ่งเข้าห้องแต่งตัวไปแก้เกมทันที
และดูเหมือนว่าการกระตุ้นแก้เกมของ คล็อปป์ จะได้ผลจริงๆ เมื่อ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้ดีขึ้นครองบอลได้ อาศัยลูกเฉียบขาดฉาบฉวยความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเล่นงานแนวรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขอแค่หมัดหนักๆให้ออกอาวุธเพียงแค่ 1-2 ครั้ง พวกเขาก็สามารถซัดทีมเยือนให้หมอบลงได้
เป๊ป ด้วยพื้นฐานที่เขาสร้างมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม นับตั้งแต่ปี 2016 นั่นก็คือลูกทีมของพวกเขาแทบทกุคน ล้วนผ่านบอลได้อย่างแม่นยำ ทักษะการเอาตัวรอด1-1 ค่อนข้างสูง รวมถึงเป็นทีมที่แม้นักเตะฝีเท้ายอดเยี่ยม แต่ทีมเวิร์คของพวกเขายังเป็นหัวใจสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเช่นเคย
เกมอุดมไปด้วยคุณภาพระดับ5ดาวเมื่อคืนที่แอนฟิลด์ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทำไมทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล คือคู่แข่งตัวเต็งอันดับ1-2 มาตลอดในการขับเขี่ยวแชมป์พรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2018-2019 เป็นต้นมา
หลังจบเกม แม้จะสู้กันถึงพริกถึงขิงในสนาม แต่ทว่า ยอดกุนซือของทั้งสองฝั่ง ก็แสดงสปิริตกันเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาว 90นาที สวมกอดกันอย่างเป็นมิตร เห็นมาตรฐานการเล่นของสองทีมนี้แล้ว ชะรอยว่า โทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก น่าจะไม่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ แอนฟิลด์ ก็ เอติฮัด สเตเดี้ยม นี่แหละ
ซาลาห์ โชว์ฟอร์มเวิลด์คลาส ( มานานแล้ว)
ในวันที่ผู้เล่นหลายคนของลิเวอร์พูลเล่นผิดฟอร์ด ก็มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แหละที่คอยสร้างความแตกต่าง เสกสิ่งมหัศรรย์ขึ้นมาได้ นี่เป็นหนึ่งเกมที่ทีมหงส์แดง โดนกดยับจนโงหัวไม่ขึ้นตั้งแต่ในครึ่งแรก ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในครึ่งหลัง
ซาลาห์ ได้บอลจากทางริมเส้นฝั่งขวา ล็อกหลบ ชูเอา กานเชโล่ กระชากมาจ่ายให้ ซาดิโอ มาเน่ ซัดผ่าน อลิสซง เข้าไป นี่คือประตูที่ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ1-0 ทั้งที่รูปเกม45นาทีแรก แทบจะไร้รูทางสู้ผู้มาเยือน
เท่านั้นยังไม่พอ บังโม ยังมาสร้างช็อตโคตรเวิลด์คลาส จากบอลที่ดูจะไม่มีอะไรทางด้านริมเส้นฝั่งขวา แต่สตาร์ชาวอียิปต์โชว์ฟอร์มเทพเท้าเกี่ยวบอลราวกับมีตะขอ กระชากหาย3ผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่จะล็อกหลบ ลาป๊อร์ก และยิงมุมแคบเสียบเสาผ่าน เอแอร์ซอน เข้าไปแบบ10เต็ม10
ด้วยรูปเกมที่สู้ไม่ได้ เรียกได้ว่า ซาลาห์ คือคนที่สร้างความแตกต่างให้ทีมได้อย่างแท้จริง และเจ้าตัวคือคนที่มีส่วนร่วมสำคัญมากๆสำหรับ2ประตูของทีมในเกมที่คู่แข่งเหนือกว่าอย่างนี้ เห็นทีการขอขึ้นค่าเหนื่อย ระดับ 350,000 ปอนด์/สัปดาห์ ทีมหงส์แดงคงจะต้องยอมๆเสียแล้ว
ซาลาห์ ที่โชว์ฟอร์มเด่นในซีซั่นนี้ แต่ทว่ากลับไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนัด 7นัดในพรีเมียร์ลีก สตาร์ชาวอียิปต์รายนี้ ทำไปได้6ประตู กับอีก3แอสซิสต์ และนี่คือผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสที่จะสร้างความแตกต่างให้ลิเวอร์พูลได้อย่างแท้จริง เมื่อมีซาลาห์ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
อย่าลืมความโดดเด่นของ โฟเด้น
ถ้าไม่มีช็อตมหัศจรรย์ฟ้าประทานของโม ซาลาห์ นักเตะอีกคนที่จะถูกพูดถึงมากๆนั่นก็คือ ฟิล โฟเด้น ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดาวเตะวันเดอร์คิด รายนี้ค่อยๆสลัดเดี้ยงอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้แล้วในระยะหลัง
นี่คืออีกหนึ่งผู้เล่นที่สร้างความปั่นป่วนปวดหัวให้กับ แนวรับหงส์แดงโคตรๆ โดย เฉพาะ เจมส์ มิลเนอร์ ที่โดนเผาเครื่องจนไม่รู้จะเผาให้ไหม้ยังไงแล้ว โดยประตูตีเสมอ1-1 ของ โฟเด้น ต้องบอกเลยว่ายิงได้เฉียบขาดเสียบมุมดีนักแล
น่าเสียดายที่ช่วงครึ่งแรกแข้งดาวรุ่งวัย21ปีรายนี้ พลาดโอกาสการส่องประตูไปถึง2ครั้ง จากความยอดเยี่ยมของ อลิสซง ที่ออกมาปิดมุมได้ดี รวมถึงไม่เสียท่าจังหวะหลุดเดี่ยวพยายามล็อกหลบของโฟเด้น
โดยนอกจากประตูแล้ว ฟิล โฟเด้น ก็เกือบมีแอสซิสต์ มาฝากแฟนๆในนัดนี้ จากลูกครอสของเจ้าตัวทางด้านซ้ายมาให้ เควิน เดอ บรอยน์ พุ่งเข้าโขกเหน่งๆแต่ทว่าน่าเสียดายที่เพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยมรายนี้ โขกเหินออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามประตูตีเสมอ 2-2 ของทีมก็มีจุดเริ่มต้นจากโฟเด้นนี่แหละที่เปิดบอลมาแล้วกองหลังลิเวอร์พูลสกัดมาเข้าทาง KDB สำเร็จโทษเข้าไป
โดยสถิติหลังเกมของ โฟเด้น นั้นยอดเยี่ยมไม่เบา ทั้งครอสบอล8ครั้ง - สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง 8ครั้ง -ผ่านบอลในเขตโทษคู่แข่ง7ครั้ง รวมถึงแย่งบอลกลับมาได้5ครั้ง
แบร์นาโด้ เทิร์น
จากนักเตะที่ถูกคาดว่าจะโดนทีมขายทิ้งในช่วงซัมเมอร์ เพราะต้องการนำเงินบางส่วนไปแปะซื้อ แฮร์รี่ เคน แต่เมื่อดีลดังกล่าวเป็นหมันทำให้เจ้าตัวได้โอกาสพิสูจน์ฝีเท้าตัวเองในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อ
ก่อนเกมกับหงส์แดง แบร์นาโด้ ซิลวา ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้ทีมเรือในพรีเมียร์ลีกมา5นัดติดต่อกัน และฟอร์มก็ดีมาตลอดในฐานะบทบาทมิดฟิลด์ จุดเด่นของแข้งชาวโปรตุเกสรายนี้ นับตั้งแต่ฤดูกาลใหม่ นั่นก็คือการครองบอลทีเหนียวแน่น รวมไปจนถึงการจ่ายบอลคีย์พาสได้ดี
นัดกับลิเวอร์พูลเมื่อคืน เป็นเกมที่ แบร์นาโด้ เล่นได้เข้าฟอร์มมากๆ คล่องแคล่ว ทักษะสูง เสียบอลยาก สามารถเลี้ยงบอลจี้กินตัวได้ตลอด วิธีเดียวที่จะหยุดอดีตดาวเตะโมนาโกรายนี้ได้นั่นก็คือการตัดฟาวล์ ซึ่งก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละเรียกใบเหลืองจาก เจมส์ มิลเนอร์ ได้สำเร็จ
ช็อตที่เรียกเสียงฮือฮาที่สุดของเจ้าตัวเมื่อคืนคงจะหนีไม่พ้นในครึ่งแรกที่ เลี้ยงอ้อมวนเหล่าผู้เล่นลิเวอร์พูล 5-6 คนได้อย่างน่าเหลือเชื่อแล้วจ่ายบอลคิลเลอร์พาสให้ ฟิล โฟเด้น ไปดวลเดี่ยวมุมแคบกับ อลิสซง แต่ทว่าน่าเป็นโกลชาวบราซิลเลี่ยนรายนี้ที่ออกมาปิดมุมได้เป็นอย่างดี
ฟอร์มที่โดดเด่นของเจ้าตัวนี่คืออีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกมอยู่ในการครอบครองของ ซิตี้ แบบเด็ดขาดในครึ่งแรก การดวลตัวต่อตัวเมื่อคืน แบร์นาโด้ เชื่อขนมกินได้ตลอด
สถิติที่น่าสนใจด้านตัวเลขเมื่อคืนก็คือ แข้งแดนฝอยทองรายนี้ เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นหงส์แดงได้ถึง4ครั้ง และเรียกฟาวล์ได้มากกว่าใครในสนาม 4หน แย่งบอลกลับมาได้3ครั้ง
น้ามิลเนอร์ โดนพาทัวร์
การขาดหายไปของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เรียกได้ว่าทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกมากนักในตำแหน่งนี้ ครั้นจะส่ง เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ลงเล่นดูจะเสี่ยงและอันตรายมากไปหน่อย กับเด็กวัยรุ่น20ปี ที่ต้องมารับแรงกดดันเกมใหญ่ขนาดนี้
หวยจึงมาออกที่ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นแบ็กขวาตัวจริงอีกนัด ซึ่งน้าเจมส์ ก็เป็นจุดอ่อนบ่อน้ำมันให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลือกเจาะได้สะดวกตามใจชอบอย่างแท้จริง
เป๊ป ก็เห็นจุดอ่อนดังกล่าว เลยเลือกขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะหากจะขึ้นฝั่งขวานั้นก็มี จอมฟิต จอมบู๊ อย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขวางทางอยู่ เพราะฉะนั้น เจมส์ มิลเนอร์ จึงโดนเจาะเต็มๆ
ฟิล โฟเด้น - ชูเอา กานเชโล่ รวมถึง แจ็ค กรีลิช จึงสลับสับเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนานในการโจมตี มิลเนอร์ ในวัย35ปี นั่นจึงทำให้เจ้าตัวโดนบรรดาแนวรุกที่มีความคล่องตัวของ ซิตี้ เลี้ยงผ่าน ทำชิ่ง ต่อบอล เล่นงานกันได้สบายๆ
ลูกโดนตีเสมอ 1-1 ก็มาจากความผิดพลาดของเจ้าตัวนี่แหละที่หุบเข้ามาด้านในมากเกินไป จนเปิดพื้นที่ให้ ฟิล โฟเด้น ได้ตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้ง และก็ยังถือว่าโชคดีด้วยที่ผู้ตัดสินอย่าง พอล เทียร์นี่ ยังมีความปราณีไม่แจกใบเหลืองที่สอง เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม กับจังหวะฟาวล์ แบร์นาโด้
โดยสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงและย่ำแย่ว่าจะโดนใบแดงและโดนคู่แข่งเจาะประตูเล่นงาน นั้นจึงทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่กล้าเสี่ยงใช้งาน มิลเนอร์ ต่อ แล้วให้ โจ โกเมซ ลงมาเล่นแทน น.78
โอเคการดวลกับทีมขนาดเล็กว่าในตำแหน่งแบ็กขวา น้าเจมส์ อาจยังพอไปได้ แต่กับซิตี้ เมื่อคืน ที่บรรดาผู้เล่นมีความเร็วคล่องตัว ทำให้มิลเนอร์ต้องพบกับค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำจริงๆ
- คอลัมน์นิสต์
- 815
- 04 ต.ค. 2564 13:12