ล่มคาบ้าน ! เบรนท์ฟอร์ด โค่น เรือ 2-1 โทนี่ย์ เบิ้ล ตอกหน้าเซาธ์เกต
ก่อนเกมคู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เบรนท์ฟอร์ด น่าจะเป็นงานขนมหวานของ ลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่น้อย เพราะเรือใบสีฟ้า ยังสร้างสถิติชนะรวด100% ในบ้านฤดูกาลนี้ บวกกับ ตัวรุกคนสำคัญของพวกเขาอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ - เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ ฟิล โฟเด้น ต่างลงสนามกันครบหน้า
ส่วนผู้มาเยือน เบรนท์ฟอร์ด ผลงานในระยะหลังของลูกทีม โธมัส แฟร้งค์ ในพรีเมียร์ลีก ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก แถมเมื่อกลางสัปดาห์ ก็พึ่งแพ้การดวลจุดโทษทีมจาก ลีกทู อย่าง จิลลิงแฮม ตกรอบ คาราบาว คัพ ไปด้วย
บวกกับเกมเยือนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-2023 นี้ เบรนท์ฟอร์ด ยังไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย แต่ทว่าอย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ เมื่อจบ90นาทีที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม พลพรรคผึ้งน้อยหักปากกาเซียน บุกมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้2-1
อีวาน โทนี่ย์ โหม่งประตูให้ เบรนท์ฟอร์ด ขึ้นนำ 1-0 น.16 ก่อนที่ ซิตี้ มาตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากลูกฮาฟวอลเล่ย์สุดสวยของ ฟิล โฟเด้น โดยเกมใน45นาทีหลัง แทบจะเป็นวันเดย์ ของเจ้าบ้าน
แต่ทว่าแนวรุกของเรือใบสีฟ้า ดูจะขาดๆเกินๆไปเมื่อคืน โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ปรกติเป็นจอมทัพคนสำคัญของทีม จ่ายลูกคิลเลอร์พาส แจกจ่ายให้เพื่อน เป็นไม่กี่เกมที่ เราได้เห็น KDB จ่ายบอลล้น บอลพลาดบ่อยขนาดนี้ โดยเฉพาะจังหวะกับ ฮาแลนด์ ที่ดูไม่ขาดก็เกินตลอด
สุดท้ายจังหวะสวนกลับของผู้อดทน เบรนท์ฟอร์ด ก็มาสัมฤทธิพล เมื่อ จอร์ช ดา ซิลวา ตบเข้ากลางให้ อีวาน โทนี่ย์ แทปอินง่ายๆเข้าไป น.90+8 แถมสกอร์ยังเกือบจะเป็น 3-1 อีกด้วยจาก โทนี่ย์ เจ้าเก่า แต่ทว่า เควิน เดอ บรอยน์ มาช่วยสกัดไว้จากหน้ากรอบประตู
ความปราชัยนัดนี้ เสียหายไม่น้อยสำหรับทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ เพราะว่า จ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ยังสานต่อฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง บุกไปทุบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ สบายๆ 2-0 ทำให้ไอ้ปืนใหญ่ ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป5แต้มแล้ว ก่อนโปรแกรมจะถูกพักไป1เดือน กับบอลโลก2022
สิ่งหนึ่งที่น่าหงุดหงิด ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน นั่นก็คือ อาการเดิมติสต์แตกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ชอบไม่ยอมเปลี่ยนตัวมาแก้เกม หรือถ้าเปลี่ยนก็เป็นช่วงท้ายเกมไปแล้ว เมื่อคืนสำรองตัวเดียวที่ถูกส่งมาแก้สถานการณ์นั่นก็คือ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ มาแทน ชูเอา กานเชโล่ น.87
โทนี่ย์ กดเบิ้ล ยิงตอกหน้าเซาธ์เกต
ถือว่าค้านสายตาแฟนบอลเหมือนกันกับการที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่หนีบเอา อีวาน โทนี่ย์ ดาวยิงเลือดผู้ดีที่ทำประตูได้น้อยกว่าเพียงแค่ แฮร์รี่ เคน และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ในพรีเมียร์ลีก ไปลุยบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ด้วย
ตำแหน่งของ โทนี่ย์ ถูกแทนโดน คัลลัม วิลสัน ของ นิวคาสเซิ่ล ที่ฤดูกาลนี้มีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ เช่นกัน โดยหลังจากประกาศว่าไม่มีชื่อติดเป็น 1ใน26 ดาวยิงวัย26ปี รายนี้ ก็เหมือนได้ตอกหน้า แกเร็ธ เซาธ์เกต ทันที
2ประตูที่ อิวาน โทนี่ย์ กดใส่เรือใบสีฟ้า สวมบทพระเอกพา " เดอะ บีส์ " เก็บชัยชนะนอกบ้านครั้งแรกในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ แม้จะตัวไม่สูงมากแต่อดีตศูนย์หน้า ปีเตอร์โบโร่รายนี้ ก็มีจุดเด่นในเรื่องของลูกกลางอากาศมาตลอด
ลูกแรกต้องชมเจ้าตัวจริงๆ ที่ขึ้นโขก จังหวะที่บอลย้อยผ่าน เอเมอริค ลาป๊อร์กต์ ได้อย่างเหมาะเจาะ และทิศทางก็ย้อยผ่านมือ เอแดร์ซอน เข้าไปได้อย่างสุดสวยเช่นกัน รวมถึงลูกสองประตูชัย ก็เข้าชาร์ต เช็กไลน์ได้อย่างเหมาะเหม่ง
นอกจากการเหมาคนเดียว2เม็ดแล้ว โทนี่ย์ ยังทำได้ดีเกี่ยวกับในเรื่องของการเก็บบอล การพักบอลโหม่งชงบอลในการเล่นบอลไดเร็คของเบรนท์ฟอร์ด ให้เพื่อนร่วมทีมตามมาเก็บเล่นจังหวะสอง
หอกวัย25ปีมีสถิติที่ยอดเยี่ยมหลังเกมทั้ง สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 10ครั้ง / ชนะการดวล10ครั้ง / ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 7ครั้ง / ยิงเข้ากรอบ6ครั้ง ซึ่ง โทนี่ย์ เอง ก็มีโอกาสซัดแฮตทริกด้วย แต่ทว่า เควิน เดอ บรอยน์ มาสกัดออกไปได้อย่างฉิวเฉียด
10ประตู จาก14นัด ในพรีเมียร์ลีก มีนักอังกฤษเพียงแค่คนเดียวอย่าง แฮร์รี่ เคน เท่านั้น ที่ซัดได้มากกกว่า อีวาน โทนี่ย์ ในพรีเมียร์ลีก
บอลไดเร็คของเบรนท์ฟอร์ดได้ผลเสมอ
เป็นหนึ่งในทีมที่เล่นได้ดีทั้งบอลบนภาคพื้นดินและอากาศไปแล้ว สำหรับ เบรนท์ฟอร์ด ภายใต้การดูแลของกุนซือ โธมัส แฟร้งค์ สิ่งหนึ่งที่ต้องชมนายใหญ่แดนโคนม เกมเมื่อคืนคือ การที่เลือกมาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่รู้ศักยภาพของตัว
เบรนท์ฟอร์ด เป็นทีมที่มีทีมเวิร์ค ต่อบอลกันได้ดีระดับหนึ่ง แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่เลือกใช้วิธีการนี้ ในการดวลกับทีมที่เป็นเจ้าพ่อของการต่อบอล จ่ายบอลกันได้อย่างไหลเลื่อนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แถมยังไม่วิ่งไล่เพรสซิ่ง ให้ตัวเองหมดแรงอีกด้วย
บอลไดเร็ค แบบโบราณๆนี่แหละที่ พวกเขาใช้ฟาดโจมตี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลูกแรกเล่นกันเพียงไม่กี่จังหวะ ลูกเปิดฟรีคิกในแดนตัวเองของโกล ดาบิด ราย่า ต่อมาที เบน มี โหม่งต่อมาให้ อีวาน โทนี่ย์ โขกเข้าไปตุงตาข่าย โดยจังหวะนี้บอลไม่ได้ตกพื้นเลย
ยังมีอีกหลายช็อตเหมือนกันที่ " เดอะ บีส์ " ใช้บอล ไดเร็ค โจมตี ซิตี้้ จนรวนหลายครั้ง แต่ทว่าเป็น เอแดร์ซอน ที่ช่วยเซฟไม่ให้ทีมเพลี่ยงพล้ำไปมากกว่านี้
เกมลักษณะนี้ เบรนท์ฟอร์ด เคยใช้ได้ผลงานแล้วช่วงต้นฤดูกาลที่อัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 บอลโต้กลับสาดยาว เล่นงานแนวรับคู่แข่ง เหมือนเกมกับเรือใบสีฟ้า เมื่อคืน โดยผล2-1ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ยังนับเป็นการคว้า3แต้มครั้งแรกของทีมผึ่งน้อยในเกมลีกฤดูกาลนี้ด้วย
แนวรับเรือใบ ไม่เสถียร
อาจจะด้วยอาการบาดเจ็บหรือ เหตุผลการโรเตชั่นไม่ทราบ ฤดูกาลนี้เราจึงได้เห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์ไปมากหน้าหลายตาทั้ง จอห์น สโตนส์ - เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ -นาธาน อาเก้ - มานูเอล อคานยี่ รวมไปจนถึงตัวหลัก รูเบน ดิอ๊าซ
เกมนี้ เป๊ป เลือกใช้คู่เซ็นเตอร์เป็น เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ ผนึกกำลังกันกับ ผู้มาใหม่ มานูเอล อคานยี่ ซึ่งจุดอ่อนที่เห็นชัดเจนที่สุดของ 2เซ็นเตอร์ทีมชาติ สเปนและสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคืนนั่นก็คือการดวลลูกกลางอากาศ
ประตูแรกที่เสีย อคานยี่ ก็ขึ้นโหม่ง กะจังหวะชิงบอลไม่ดี ทำให้ เบน มี ได้โหม่งชงเข้าไปในเขตโทษ และ ลาป๊อร์กส์ เอง ทั้งที่อยู่ข้างหน้า อีวาน โทนี่ย์ แต่ทว่าไม่สามารถโหม่งบอลสกัดเคลียร์ออกไปก่อนได้
ซึ่งภาพซ้ำการเสียเม็ดแรก ก็คล้ายกับนัดที่เปิดบ้านเฉือนฟูแล่ม 2-1 เหลือเกิน แต่คราวนั้นเป็น นาธาน อาเก้ ที่จะจังหวะโหม่งผิดบอลขลุกขลิก จน ชูเอา กานเชโล่ ต้องมาแก้ไขสถานการณ์จนโดนใบแดง
รวมไปจนถึงประตูชัย2-1ของผู้มาเยือน คู่เซ็นเตอร์ ที่เติมสูงกะเอาประตูชัย เจอเกมสวนกลับแล้วสปีดลงมาไม่ทัน ทำให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ อิลคาย กุนโดกัน ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ลงมาเป็นคู่เซ็นเตอร์
แต่ทว่าการยืนตำแหน่งหรือการรู้จังหวะจะโคนการเป็นเซนเตอร์ ไม่ใช่สิ่งที่ดาวเตะชาวนอร์เวย์ และ เยอรมัน ถนัดอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่กองหลังอาชีพ แนวรับของเรือใบสีฟ้า จะดูเสถียรมากขึ้นในลูกกลางอากาศเมื่อหนึ่งในเซ็นเตอร์ ต้องมี รูเบน ดิอ๊าซ ประคองอยู่ด้วย
เดอ บรอยน์ หลุดฟอร์ม บอลไม่ถึง ฮาแลนด์
3ประตู 9แอสซิสต์ นี่คือเครื่องตอกย้ำผลงาน ความสำคัญของ เควิน เดอ บรอยน์ ในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าสมาธิเรื่องบอลโลก2022 หรือเปล่าไม่รู้ทำให้ สตาร์ชาวเบลเยี่ยมฟอร์มหลุดไปเมื่อคืน
แม้ว่า KDB จะครองบอลบังบอลได้ดี จ่ายคีย์พาสได้3หน / ครอสบอลในเขตโทษ4ครั้ง / รวมไปจนถึงชนะการดวล4ครั้ง แต่ทว่าลูกจ่ายจังหวะชี้เป็นชี้ตายในเกมนี้ เดอ บรอยน์ ทำได้น่าผิดหวังตลอด
โดยเฉพาะการเปิดป้อนไปให้กับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ผิดช่องกัน ล้นหรือขาดเสียเป็นส่วนใหญ่ แถมจังหวะเสียลูก2-1 ก็เป็น เดอ บรอยน์ นี่แหละที่ชิงเหลี่ยมบอลเสียเปรียบ โดน โยฮัน วิสซ่า ที่เร็วกว่าเตะกระชากบอลสปีดไปข้างหน้า จนได้ประตูชัย
โดย%ความแม่นยำในการจ่ายบอลของ เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ที่เพียง69%เท่านั้น แต่ก็ยังมีความขยันลงมาช่วยทีมเคลียร์บอลจากหน้ากรอบประตูกับลูกยิง ของ อิวาน โทนี่ย์ ไม่ให้แพ้ขาดเป็น 3-1
ส่วนอีกคนที่ดูจะเงียบๆไปคือ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เจ้าของผลงาน18ประตูในเมียร์ลีก จากการลงตัวจริง 11นัด (ก่อนเกมกับเมื่อคืน) แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องตำหนิเพื่อนร่วมทีมด้วยที่ผ่านบอลคุณภาพเข้ามาให้ไม่ได้
ดาวยิงจอมมารบลู มีโอกาสสัมผัสบอลแค่ 21ครั้งเมื่อคืน ที่น่าเสียดายสุดๆเห็นที่ จะเป็นจังหวะที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ผ่านบอลจากฝั่งซ้าย เข้ามาในเขตโทษ โอเค แม้บอลอาจจะย้อนหลังไปนิด ฮาแลนด์ น่าจะเกี่ยวมาเล่นได้แต่ทว่าเจ้าตัวกลับลื่นเสียหลักไปก่อนซะงั้น
อาการเพี้ยนของเป๊ป แบบเดิม
มันสมองและความอัจฉริยะในสไตล์การเล่นฟุตบอล รูปแบบแผนต่างๆ ทั้งกับการคุม บาร์เซโลน่า -บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ฝีมือของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตลอด แต่ทว่าก็มีหนึ่งสิ่งที่ กุนซือหัวเหม่งชอบทำขัดใจเหมือนกันนั่นก็คือการแก้เกม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หลายครั้งที่ทีมต้องการทวงประตูคืน เพื่อคว้าผลเสมอหรือชัยชนะ พวกเขามักไม่มีแผนสอง หรีอเปลี่ยน ฟอร์เมชั่นการเล่นเลยระบบ 4-3-3 คือสิ่งที่ตายตัวกับเรือใบสีฟ้า ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนๆ
เมื่อคืนในขณะที่ทีมต้องการประตูชัย2-1 แต่ทว่านายใหญ่ชาวสเปน กลับเลือกเปลี่ยนตัวเพียงแค่ คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ถอด ชูเอา กานเชโล่ ออก แล้วให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ แทน พร้อมขยับ ฟิล โฟเด้น ไปเล่นเป็นแบ็กซ้ายแทน ซึ่งนั่นก็ปาเข้าไป น.87แล้ว
ซึ่งนั่นก็ซ้ำรอยกับเกมที่บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 เป๊ป ก็เลือกเปลี่ยนตัวเพียงแค่1คนเหมือนกัน และก็เป็นเดจาวู ด้วยนั่นก็คือ เป็น ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ลงมาเล่น น.89 เวลาใกล้เคียงกัน
ด้วยสถานการณ์ที่เสมอกันอยู่1-1 เป๊ป มีทางเลือกการเปลี่ยนตัวมากมาย โอเคว่า ทั้งตัวรุกอย่าง แจ็ค กรีลิช และ ริยาด มาห์เรซ จะไม่ได้อยู่ในช่วงฟอร์มที่เข้าตามาก แต่ทว่าด้วยความเป็นตัวรุกที่มีทักษะส่วนตัวสูง ก็น่าจะทำให้เข้ามาเพิ่มมิติเจาะแผงรับของ เบรนท์ฟอร์ด ที่มายืนตันกันเป็นรถบัสหน้ากรอบเขตโทษได้
นี่เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ กุนซือจอมติสต์ชาวสเปน เลือกแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพียงแค่คนเดียว แถมยังเปลี่ยนตัวช้าอีกด้วย ส่งผลให้ ซิตี้ เองเสียสถิติชนะในบ้านฤดูกาลนี้ทุกรายการมา11นัดรวด มิหนำซ้ำยังโดน อาร์เซน่อล ที่บุกไปเอาชนะ วูลฟ์แฮมป์ตัน 2-0 ฉีกหนีเป็น5แต้มอีกด้วย
- คอลัมน์นิสต์
- 254
- 13 พ.ย. 2565 14:54