ปาฎิหารย์ ไม่มาตามนัด ! หงส์ ไม่พอ เชือด อตาลันต้า แค่1-0 ร่วงรอบ8ทีม

ปาฎิหารย์ ไม่มาตามนัด ! หงส์ ไม่พอ เชือด อตาลันต้า แค่1-0 ร่วงรอบ8ทีม


ด้วยความที่นัดแรกโดนอัดที่แอนฟิลด์มายับเยิน 3-0 นั่นจึงทำให้เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่ ลิเวอร์พูล จะพลิกนรกป่าช้าแตก ผ่านเข้ารอบไปได้ ในการบุกมาเยือนที่อิตาลี เพราะสกอร์ที่อตาลันต้าตุนไว้นั้นได้เปรียบแบบสุดๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วพลพรรคหงส์แดง ก็ดีพอที่จะบุกไปเชือด แบร์กาโม่ ได้ แต่ทว่าก็ไม่ดีพอที่จะผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศ เพราะทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เชือดเจ้าบ้านไปได้เพียง 1-0 เท่านั้น รวมผล2นัดเหย้า-เยือน แพ้ไป 1-3

 

แม้ว่าโอกาสจะน้อยนิดแต่ทว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็จัดผู้เล่นชุดใหญ่เลยในการบุกไปสนาม สตาดิโอ อัตเลติ อัซซูร์รี ดิตาเลีย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ - อาร์โนล ผ่านความฟิตลงตัวจริง แผงกลาง เอ็นโด นัดที่แล้วที่เล่นไม่ออก เป็น โดมินิค โซบอสซ์ไล ได้ออกสตาร์ท ส่วนแดนหน้าเป็น โคดี้ กัคโป ได้รับโอกาสก่อน ดาร์วิน นูนเญซ
 

ส่วนเจ้าบ้านอตาลันต้า ที่ได้เปรียบมากๆจากสกอร์นัดแรก กุนซือ จาม ปิเอโร่ กัสเปรินี่ มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น2ตำแหน่ง เซอัด โคลาซินัซ และ อเล็กเซ มิรันชุก ได้ออกสตาร์ทตัวจริงแมทน  มาริโอ ปาซาลิซ และ ชาร์ล เด เคเตลาเล่อ

ด้วยสกอร์ที่ตามก้นอยู่มากๆ ทำให้เริ่มเกมมา พลพรรคหงส์แดงเปิดเกมบุกเข้าใส่เลย หมายเอาประตูแรกให้เร็วเพื่อเรียกโมเมนตัมของเกม และก็มาทำได้จริงๆ ตั้งแต่ น.7 เทรนต์ เปิดบอลไปโดนแขน มัตเตโอ รุจเจรี ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ โม ซาลาห์ สังหารเข้าไป ขึ้นนำ 1-0
 

หลังจากนั้นใน45นาทีแรก หงส์แดงก็มีหวิดจะได้ประตูฉีกหนีห่าง 2-0 ช่วงท้ายครึ่งแรก จากจังหวะที่ กัคโป กระดกบอลเร็วให้ ซาลาห์ ได้หลุดเดี่ยว แต่ทว่า " บังโม " กลับเลือกยิงแบบแปโด่งหลุดออกนอกกรอบไปแบบเสียของและไม่ได้ลุ้นเลย
 

ครึ่งหลัง จากที่ลิเวอร์พูล ควรจะโหมกระหน่ำใส่แบบรัวๆ แต่ทว่าเหมือน กุนซือ กัสเปรินี่ จะแก้เกมมาดี โดยเฉพาะการเล่นแบบ แมนมาร์ค ( man marking) ทำเอาทีมจากอังกฤษเอาบอลขึ้นหน้าเล่นเพลย์สวยไม่ได้เลย ซาลาห์ กับ กัคโป ถึงขนาดต้องลงมาล้วงบอลต่ำ

พอยิ่งเล่น ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เกมรุกของลิเวอร์พูลก็ค่อยๆแผ่ว แทบไม่มีจังหวะไหนเลยใกล้เคียงกับการได้ประตู แดนกลางที่ต้องเป็นจุดยุทธศาสตร์ โดนบีบและจ่ายบอลเสียเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะ " โซโบ " เป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ทำผลงานได้ดีสุด ส่วน โจนส์ ก็ออกทรงเดิมคือมีดีแค่ลูกขยัน แต่ไร้ทีเด็ด
 

กลายเป็นอตาลันต้า ที่สวนมาได้ลุ้นหรือสร้างความหวาดเสียวได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในรายของ เทิน คอปไมเนอร์ส ที่ไปกับบอลได้ดีทั้งเร็วทั้งคล่อง แต่ดีที่ทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ไม่พลาดอะไร
 

สิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาที ด้วยสกอร์แค่ 1-0 ทำให้ อตาลันต้า ผ่านเข้าไปเล่นรอบตัดเชือดได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวม 3-1 โดยมีคู่แข่งรอบรองคือ โอลิมปิก มาร์กเซย ส่วนลิเวอร์พูล พวกเขาก็เหลือให้ลุ้นเพียงถ้วยเดียวตอนนี้ก็คือ พรีเมียร์ลีก ที่สถานการณ์อยู่ในมือของจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กุมชะตาตัวเอง
 


หงส์ ออกสตาร์ทยิงเร็ว แต่ แนวรุกใช้โอกาสเปลืองเหมือนเดิม

รู้ทั้งรู้ว่าการบุกมาเยือนถิ่น " แบร์กาโม่ " ด้วยสกอร์ที่ตามหลัง3เม็ด นั่นเป็นภารกิจที่หินสุดๆแล้ว ในการพลิกนรกเข้ารอบไปได้ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามในเวทียุโรป ลิเวอร์พูล ก็เคยมีปาฎิหารย์ให้เห็นมาแล้วเหมือนกัน ทั้งในนัดชิงยูซีแอล ที ตามไล่เจ๊า เอซี มิลาน 3-3 จากที่ 45นาทีแรก ตามก้น 3-0
 

หรือในรอบรองชนะเลิศปี 2019 เกมแรกลิเวอร์พูล บุกไปโดน บาเซโลน่า ยิงยับที่ คัมป์ นู 3-0 แต่มาสร้างเหตุการณ์ช็อกโลก ถล่มบาร์ซ่า ยุค เมสซี่ ที่แอนฟิลด์ 4-0 เข้ารอบชิงไป แต่ทว่าเงื่อนไขกับอตาลันต้า ก็ต่างไปนิดหน่อยตรงที่เกม2 พวกเขาต้องมาเยือนนี่แหละ
 

จริงๆหงส์แดงก็ทำได้เข้าสูตรเลยนะ กับการบุกมานำเร็ว1-0 น.7 จาก จุดโทษ ของ ซาลาห์ และหลังจากนั้นอีกราวๆ 10นาที ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ครองเกมบุกใส่ได้เรื่อยๆ แต่ทว่าก็ออกลูกเดิมนั่นแหละนั่นก็คือจบไม่คม
 

ซึ่งที่น่าเสียดายสุดๆเห็นทีจะเป็นจังหวะของ บังโม ช่วง น.38 กัคโป ตวัดบอลโก่งเร็วให้หลุดเดี่ยว แต่ทว่า โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่ช่วงนี้ไม่ใช่ร่างเดิม ตัดสินใจกระดกบอลโด่งหมายจะให้ข้ามหัวโกล ฮวน มุสโซ่ แต่บอลออกผิดมุมไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย
 

ปรกติในแนวรุกหงส์แดง ซาลาห์ จะเป็นคนที่มาตรฐานไม่ค่อยตก แต่ทว่าพอมาในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกลับมาจาก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ แข้งชาวอียิปต์ ดูจะไม่เหมือนเดิมเลย เอาแค่ในลีก โม ซาลาห์ เป็นคนที่มีโอกาสยิงต่อเกมเยอะสุดเป็นอันดับ4 นั่นก็คือ 3.6 ครั้ง ต่อ1เกม ( 90นาที)

 

จริงๆ ซาลาห์ เล่นหลายบทบาทนะเมื่อคืน ทั้งลงมาล้วงต่ำ บางจังหวะเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ หรีอ ฟอลส์ไนท์ ก็มี ฟอร์มที่น่าผิดหวังของ ซาลาห์ ก็สะท้อนออกมาได้จากการที่ คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนเจ้าตัวออก ตั้งแต่ น.67 
 

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยมากๆ กับการเอาผู้เล่นที่จบสกอร์ได้ดีที่สุดของทีมออก ในสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตู ส่วนคนที่ลงมาแทน อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ที่เข้าช่วงฟอร์มฝืดอีกครั้ง นั่นหนักกว่าเดิมอีกเพราะบอลไปไม่ถึง เหมือนหายตัวออกจากสนามเลย
 


กลางหงส์ เจอแบบเดิม โซโบซไล พลาดเยอะ


เกมแรกที่พังพาบคาแอนฟิลด์ 0-3 จุดยุทธศาสตร์ในแดนกลางของ ลิเวอร์พูล ที่แหละที่โดนตีทัพแตกเลย นอกจากจะเอาไม่อยู่เวลาโดนเจาะสวนแล้ว ในยามที่ทีมได้บอลจำเป็นต้องแทงไปข้างหน้า ก็มีผู้เล่นอตาลันต้า ประกบติดตลอด ทำให้บอลไม่เคลื่อนไปไหน หรือทำอะไรไม่ถนัด
 

เอ็นโด ที่เป็นจุดอ่อนในเลกแรก ต้องกลายเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง โดยกลาง3คนเมื่อคืนคือ แม็ค อัลลิสเตอร์ - โซโบซไล และ เทพม้วนคนใหม่ เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งออกสตาร์ทมาเหมือนจะดีนะ แต่เล่นไปเรื่อยๆ หวยก็ออกแบบเดิม
 

แดนกลางลิเวอร์พูล โดนประกบติด แมนมาร์ค ทำให้จะพลิกบอลเล่น หรือจ่ายไปแดนหน้านั้นลำบากเหลือเกิน เพราะลูกทีมของ กัสเปรินี่ เข้าบีบเร็วเหลือเกินทั้ง มาร์เทน เดอ รูน และ เอแดร์ซอน
 

นั่นก็นำมาซึ่งรูปเกมแบบเดิมในเกมแรกนั่นแหละนั่นก็คือ แดนกลางหงส์แดง ถ้าหลุดจากการโดนมาร์คมาได้ ก็มักจะรีบเร่ง จ่ายบอลเสียกันไปเอง นัดนี้คนที่พลาดสุดๆเห็นทีจะเป็น โดมินิค โซโบซไล ที่จ่ายบอลเสียเป็นว่าเล่น
 

น่าจะมีเพียง " แม็คก้า " คนเดียวที่เล่นได้ตามมาตรฐาน โดยเฉพาะเกมรับที่ไปแย่งบอลหรือแหย่สกัดได้หลายครั้ง ทางฝั่งของ โจนส์ ที่ไม่รู้ระยะหลังเป็นลูกรักของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปแล้วเปล่า เพราะได้ลงตัวจริงบอ่ยเกิน แต่ทว่าก็ยังเป็นนักเตะที่มีจุดเด่นเพียงความขยัน เรื่องสร้างความแตกต่าง หรืออิมแพคต่อทีมยังทำไม่ได้
 

"โซโบ " ถูกเปลี่ยนตัวออกให้  ฮาร์วี่ย์ เอลเลีตต์ ที่มีความคล่องตัวกว่าลงมาบู๊แท น.67 แต่ทว่าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย กลายเป็นยิ่งเล่น ยิ่งเวลาผ่านไป ทั้งแดนกลางและแดนหน้า ค่อยๆตื้อตีบตันไปเรื่อยๆ 

 

คอปไมเนอร์ส เลี้ยงบอลติดเท้า - ซัปปาคอสต้า ทะลุทะลวง

อาจจะความที่เกมแรก สกอร์ตุนมาเยอะถึง 3-0 ทำให้ เกมนัดที่2ที่แบร์กาโม่ อตาลันต้า จึงไม่ได้เน้นเกมบุกมากเท่าไหร่ เน้นรับมากกว่า พอมีจังหวะจะโคนหรือช่องการโจมตีที่เหมาะเหม่งค่อย ค่อยเน้น ครึ่งแรก45นาที เราจึงแทบไม่ได้เห็นเกมบุกเจ้าบ้านเลย
 

แต่ทว่าในครึ่งหลัง อาจจะด้วยการติมเข้มของกุนซือ กัสเปรินี่ ด้วยเปล่าไม่รู้ ที่เห็นลูกทีมปล่อยให้ผู้มาเยือนจากอังกฤษครองบอลและทำเกมบุกเข้าใส่เสียเป็นส่วนใหญ่ 45นาทีหลัง อตาลันต้า มาในรูปแบบที่เข้มกว่าเดิม บีบเร็ว เข้าถึงตัว
 

รวมไปจนถึงเกมรุกพวกเขาก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเฉพาะในรายของ คอป ไมเนอร์ส แข้งชาวดัตช์ ปั่นป่วนเกมรับของลิเวอร์พูล พอสมควรใน45นาทีหลัง เพราะเป็นคนที่เลี้ยงบอลไปกับเท้าได้ดี เสียบอลยาก เร็ว คล่อง
 

เวลาบอลอยู่กับเท้า ไมเนอร์ส ดูอันตรายสุดแล้วของผู้เล่นอตาลันต้า ทั้งจ่าย คีย์พาสได้2ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่าน 2หน และมีโอกาสยิง3ครั้ง ผลงาน13ประตู 6แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้ คือเครื่องการันตีฝีเท้าอย่างดี
 

ส่วนอีกคนที่เด่นมาตั้งแต่เกมแรกแล้วนั่นก็คือ วิงแบ็กขวา ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า เกมรับถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แต่เกมรุกจัดได้ว่าเป็นวิงแบ็กที่เติมได้เมามันเหลือเกิน มีช็อตเรียกเสียงฮือจากแฟนบอล ด้วยการเผาเครื่องแซง โรเบิร์ตสัน
 

นอกจากนี้แบ็กชาวอิตาเลี่ยน ยังเลี้ยงบอลติดเท้าในพื้นที่แคบๆได้ดีอีกด้วย พร้อมกับสถิติจ่ายบอลคีย์พาส 3ครั้ง - เลี้ยงบอลผ่าน2หน จ่ายบอลแม่นยำ 75% แถมยังหยุดเกมรุกฝั่งซ้ายทาง ดิอ๊าซ ได้ดี
 


วิธีการเล่นอตาลันต้า พิชิตลิเวอร์พูล


ด้วยตัวผู้เล่น อันดับในตารางคะแนน รวมไปจนถึงฟอร์มต่างๆ ตอนจับฉลากมาเจอกันในรอบ8ทีม กูรูชื่อดังต่างพากันเชื่อมั่นว่า อตาลันต้า ที่อยู่เพียงอันดับ6ใน เซเรีย อา น่าจะไม่ใช่งานที่ยากหรือหินอะไรที่ลิเวอร์พูล จะฝ่าด่านไปได้
 

แต่ทว่าพอเกมนัดแรกที่แอนฟิลด์เท่านั้นแหละ ทัพแบร์กาโม่ ก็ทำตาตั้งเลย ซึ่งต้องชมกุนซือ จาม ปิเอโร่ กัสเปรินี่ เลย ที่เป็นเหมือนผู้เปิดแผลหรือกางตำรา ยุทธวิธี พิชิตชัย ลิเวอร์พูล ยุค 2.0 ที่กำลังสร้างทีมถ่ายเลือดชุดใหม่
 

แดนกลางนี่คือจุดที่ อตาลันต้า ทำลายลิเวอร์พูลอย่างราบคาบ นั่นก็คือการเลือกประกบแบบ แมนมาร์ค หรือบีบเร็วเข้าถึงตัว ผู้เล่นอย่าง เอ็นโด ในนัดแรกก็ไปไม่เป็นมาแล้ว พอมาเกมนี้ก็ออกหน้าเดิมอีก แม็ค อัลลิสเตอร์ - โจนส์ -โซโบซไล เหมือนโดนเกาะติดตลอด จะออกบอลแต่ละทีขึ้นแดนสาม ยากเย็นนัก
 

พอออกบอลช้า มีโดนรุมแย่ง เผลอๆ แย่งบอลได้กลางทางมีสวนกลับด้วย เอาแต่เวลากองหลังหงส์แกงจะออกบอล ผู้เล่นเกมรุกอย่าง สคามัคค่า และ คอป ไมเนอร์ส ก็พร้อมเดิมเข้าใส่เลย 
 

รวมไปจนถึงเกมรับ กัสเปรินี่ ก็ทำให้ทีมรับมือได้หลากหลายรูปแบบการเข้าทำทั้ง การรับลึกหน้าเขตโทษ แนวรับช่วยกันซ้อนได้เป็นอย่างดีกับจังหวะทำชิ่ง แต่ทว่าเมื่อคืนอตาลันต้า เหมือนจะมีจุดอ่อนนิดหน่อยตรงที่
 

เวลาโดนบอลยาวโด่ง กองหลังของพวกเขามักจะปล่อยบอลตกก่อนประจำ ซึ่งเห็นได้ชัดจากลูกวางยาวของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ -อาร์โนล โดย รอบรองชนะเลิศ อตาลันต้า จะได้พบกับ มาร์กเซย ทีมอันดับ9ของ ลีก เอิง ซึ่งถือว่าเบากว่าการไปเจอ เลเวอร์คูเซ่น หรือ โรม่า เยอะ
 


ช่วงที่เหลือของ คล็อปป์ กับพรีเมียร์ลีกที่ไม่ได้อยู่ในมือของตัวเอง

ช่วงกลางเดือนมีนาคม ลิเวอร์พูลยังมีลุ้น4แชมป์ เพื่อส่งท้ายอำลา เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่เลย ซึ่งพวกเขาได้มาแล้ว1ใบกับ โทรฟี่ คาราบาว คัพ แต่ทว่าหลังจากทำหลุดมือไป1ถ้วย ด้วยการแพ้เพื่อนรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเอฟเอ คัพ 4-3 นั่นก็เหมือนเป็นเอฟเฟคโดมิโน่ เลย
 

ในลีก ลิเวอร์พูล สะดุด จนหล่นจากจ่าฝูง หลังเสมอกับปีศาจแดง 2-2 ยูโรป้า ลีก รอบ8ทีม ก็แทบจะตกรอบตั้งแต่คาบ้าน 0-3 นัดแรก มิหนำซ้ำในลีก ทีมของ " เจเค " ยังมาสะดุดต่อเนื่องที่แอนฟิลด์อีกยก หลังพ่าย คริสตัล พาเลซ 0-1
 

กับอตาลันต้า ก่อนเกม สถิติของยุโรปทั้งถ้วยใหญ่ถ้วยเล็กในรอบน็อกเอ้าต์ 132ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีทีมไหนเลยที่แพ้นัดแรกในบ้าน 3-0 แล้วพลิกนรกพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบไปได้ ครั้งที่133(เมื่อคืน) ก็เช่นกัน
 

เอาแค่ในรูปเกม ต้องบอกว่าหงส์แดงแพ้มากๆนะ ในเรื่องของแท็กติก เพราะโดนบีบยับ จนทำให้ต้องเล่นช้ากว่าเดิม ต้องจ่ายเซ็ตบอลจากแดนหลัง หรือวางยาว โกลอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์ ยังได้สัมผัสบอลมากถึง105ครั้ง เวลา " พี่หมี "จะจ่ายบอลใกล้ก็ลำบาก เพราะคนอื่นโดนบีบไปหมด ทำให้ต้องสาดยาวซึ่งความแม่นยำก็ต้องน้อยลงอยู่แล้ว
 

เรียกได้ว่าเพียง1เดือนหงส์แดง ทำถ้วยหลุดไปถึง2 และหลุดแบบไม่เป็นทางการอีกครึ่งถ้วยนั่นก็คือพรีเมียร์ลีก ตามหลังรองจ่าฝูงอาร์เซน่อลแค่ลูกได้เสีย และตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้  เพียงแค่2แต้ม
 

ซึ่งด้วยความเขี้ยวและประสบการณ์ของแข้งเรือใบสีฟ้า บวกกับการที่พวกเขาตกรอบ8ทีม ยูซีแอล ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเน้นหนักเต็ม100 กับ6นัดที่เหลือแน่นอน จากสถิติที่ผ่านมาในเกมลีก อะไรที่อยู่ในมือของ ซิตี้ นั้นยากเหลือเกินที่พวกเขาจะพลาด

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง