ทุกหยดเพื่อ คล็อปป์ ! หงส์ โหด ทะลวงไส้ สิงห์ 4-1 เจ้าหนู แบร็ดลี่ย์ โคตรสุด

ทุกหยดเพื่อ คล็อปป์ ! หงส์ โหด ทะลวงไส้ สิงห์ 4-1 เจ้าหนู แบร็ดลี่ย์ โคตรสุด


จากที่ฟอร์มดีลุ้น4แชมป์อยู่แล้ว ยิ่งพอมามีเหตุการณ์ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศล่วงหน้าว่า จะอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2023-2024 ลิเวอร์พูลที่ดุดันกระซวกไส้อยู่แล้ว ยิ่งร้อนแรงเข้าไปอีก นัดก่อน ถล่ม นอริช ซิตี้่ 5-2 ใน เอฟเอ คัพ มาเมื่อคืนในพรีเมียร์ลีกต้องมาเจอกับทีมที่แม้ฟอร์มไม่เสถียรแต่ก็ผลงานในระยะหลังดีอย่างเซลซี สุดท้ายแล้วพลพรรคหงส์แดง ก็อัดทีมสิงห์บูลส์ไปเละเทะ 4-1

 

เกมที่แอนฟิลด์ พรีเมียร์ลีก นัดกลางสัปดาห์ ลิเวอร์พูล ที่กำลังอยู่ในเส้นทาง4แชมป์ ต้อนรับการเยือนของเซลซี การจัดทัพของเจ้าบ้าน แม้ว่าพวกเขาจะได้แบ็กตัวจริงอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันหายเจ็บกลับมาแล้ว แต่ทว่า " เจเค " ยังคงให้โอกาสกับตัวสำรองอย่าง คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ และ โจโกเมซ
 

แผงกลางก็เป็นชุดเก่ง โดมินิค โซบอสไล หายเจ็บกลับมา ส่วนแนวรุกช่วงที่ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนอื่นๆก็ได้รับโอกาสมากขึ้น แต่ทว่า โคดี้ กัคโป ก็ยังนั่งเป็นสำรองอยู่ ส่วนเซลซีของ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ ก็มาในระบบถนัด 4-2-31 แต่ทว่าก็ดูจะยังงๆหน่อยในเรื่องตัวผู้เล่น

เพราะว่า โคล พาลเมอร์ ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งฟอลไนส์ ทำให้ตัวริมเส้นเป็น โนนี่ มาดูเอเก้ ที่ได้ลากเลื้อยแทน ออกสตาร์ทเกมมาต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเหนือกว่ารัวๆ ค่อยๆบดค่อยๆนวด จนเห็นแผล ชนิดที่ผู้มาเยือนตั้งเกมต่อเกมจากกลางไปหน้าไม่ได้เลย
 

ดิโอโก้ โชต้า มาล็อกหลบ2แนวรับเซลซี สุดสวยซัดขึ้นนำไปก่อน 1-0 น.23 ก่อนที่เจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ที่เมือคืนฟอร์มสะเด่ามากๆ สอดขึ้นมาตะบันเสียบมุม น.39 ก่อนจบ45นาทีแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ชนิดที่เซลซี ไม่มีโอกาสจบสกอร์เลย
 

ออกสตาร์ทครึ่งหลัง " พอช " แก้เกมเร็วด้วยการเปลี่ยนตัวรวดเดียว3ราย มิไคโล มูดริค - มาโล กุสโต และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู เข้า โนนี่ มาดูเอก้ - เบน ชิเวลล์ และ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ออก ซึ่งเกมก็เหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ทว่าก็มาโดนความเฉียบขาดของหงส์แดง ยิงหนีไปอีกเป็น3-0 จาก โดมินิค โซบอสซ์ไล น.65 

สิงห์น้ำเงินไล่คึนมาได้ 1-3 จาก ลูกยิงอันสุดยอดของ เอ็นคุนคู น.71 ถึงอย่างนั้นก็ดีโมเมนตัม ก็กลับมาทางฝั่งเจ้าบ้านอีกครั้ง จากลูกตอกฝาโรง 4-1 ของ หลุยส์ ดิอ๊าซ น.79 จบเกมไปด้วยสกอร์ที่ขาดลอย และรูปเกมที่สู้กันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ทั้งในเรื่องของแท็กติกวิธีการเล่น รวมไปจนถึงคุณภาพของนักเตะ
 

สกอร์ 4-1 ซึ่งถ้าหากว่าลิเวอร์พูลไม่ยิงทิ้งยิงขว้างกันไปเอง หรือไม่ก็ติดเซฟของ ยอร์เย เปโตรวิช รวมไปจนถึง การยิงร่วม10ครั้งของ ดาร์วิน นูเญซ ที่มีจุดโทษ และชนเสา+คาน ทีมของ โปเซ็ตติโน่ อาจจะต้องกลับกรุงลอนดอน อย่างน้อยๆ6ลูกเลยทีเดียว 

 

เจ้าหนูแบร็ดลี่ย์ สุดจริง ทั้งยิง ทั้งจ่าย ไม่กี่วีคชีวิตเปลี่ยน

ทะลุขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูกาลนี้ และพึ่งได้เดบิวต์ตัวจริงพรีเมียร์ลีกนัดแรก เกมที่บุกไปยิง บอร์นมัธ 4-0 ส่วนเอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ทำไป2แอสซิสต์ ที่ถล่ม นอริช ซิตี้ 5-2 จนได้รับรางวัล เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ นี่คือชีวิตอันพลิกผันขาขึ้นของแบ็กขวาดาวรุ่งรายนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
 

แม้ว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จะหายเจ็บกลับมา แต่ทว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่รีบเสี่ยงใช้งาน ทำให้ โอกาสยังเป็นของ แบร็ดลี่ย์  ซึ่งเกมกับเซลซีแบ็กชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็ได้รับคำชมเสียงเพลงเชียร์เฉพาะตัวและเสียงปรบมืออย่างเต็มเปี่ยมที่สนามแอนฟิลด์
 

คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ฝากผลงานระดับ5ดาวสุด ทำ2แอสซิสต์ ให้ ดิโอโก้ โชต้า และ โดมินิค โซบอสไล โดยเฉพาะลูกเปิดให้มิดฟิลด์ชาวฮังการีโขกอย่างเหมาะเหม่ง และที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับประตูเปิดซิงในสีเสื้อหงส์แดง
 

ดิโอโก้ โชต้า ที่สกรีนแนวรับเซลซี ทำให้บอลจ่ายของ ดิอ๊าซ หลุดไปมีพื้นที่ให้ แบร็ดลี่ย์ ลากเข้าไปซัดด้วยขวา บอลเสียบมุมสุดๆ เข้าประตูไปอย่างงดงาม ยิงงดงามเกินกว่าการเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง นอกจากนี้แล้วยังมีบางช่วงเหมือนกันที่ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ หุบเข้าไปเล่นตรงกลางเป็นอินเวิร์ดแบ็ก
 

สถิติหลังเกมระบุว่าแบ็กวัย20ปีรายนี้ ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 7ครั้ง - ชนะการดวล 7ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาส4ครั้ง - เรียกฟาวล์ 4 ครั้ง - ครอสบอล 4ครั้ง ส่วน9นัดทุกรายการ (ตัวจริง6) ของ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ นั้นก็ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ ยิง1 จ่าย 5 

 


นูนเญซ สถิติที่ไม่มีใครทำได้ 4ครั้ง เสา+คาน

ก่อนเกมกับเซลซี ดาร์วิน นูนเญซ ที่เห็นในแต่ละนัดยิงนกตกปลาแม่นเสาแม่นคานขนาดนี้ แต่สถิติที่เป็นรูปธรรมนั้นไม่ได้แย่เลย 34นัด มาด้วยผลงาน11ประตู 10แอสซิสต์ นัดไหนที่เท้าบอด แต่หอกชาวอุรุกวัย ก็ยังมีอิมแพคต่อเกมรุกของทีมตลอด 
 

กับเซลซี ดาร์วิน นูนเญซ ก็ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง ซึ่งสไตล์การเล่นของเจ้าตัวก็ดูวูบวาบอันตรายสำหรับเซลซีมากๆ บวกกับความกระหายเองที่ นูนเญซ มีอย่างเต็มเปี่ยมในการล่าตาข่าย
 

แต่อนิจจา 90นาทีทีแอนฟิลด์ เหลือเชื่อมากๆว่า อดีตดาวยิงเบนฟิก้ารายนี้ จะไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด เพราะมีโอกาสยิงมากถึง11ครั้ง แถมยังได้รับโอกาสยิงจุดโทษด้วย ซึ่งช่วงที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่อยู่ น่าจะเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้สังหาร แต่เพื่อนร่วมทีมกลับให้ นูนเญซ ยิงเพื่อเรียกความมั่นใจมากกว่า
 

ก่อนที่เจ้าตัวจะซัดไปชนเสาอย่างจัง ทั้งที่หลอกทาง เปโตรวิช ได้แล้ว นั่นทำให้เท่ากับว่าเมื่อคืน ดาร์วิน นูนเญซ ยิงไปชนเสาชนคานรวมกันมากถึง4ครั้ง ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ทำได้คนแรกของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-2004 ที่ออปต้า เก็บสถิติมา
 

แต่ถึงกระนั้นก็ดี นูนเญซ ก็ยังมีแอสซิสต์ ปลอบใจตัวเองให้กับ ดิอ๊าซ มองไปที่ภาพรวมแม้จะเท้าบอด เพราะเน้นมากไปหน่อยจนดูเกร็ง แต่ทว่ามองในเรื่องอื่น การมีส่วนร่วมกับเกม ความกระหาย ความมั่นใจ ความกล้า นี่คือสิ่งที่ดาวยิงเบอร์9 มีอยู่เปี่ยมล้นจริงๆ และจะยังเป็นจิ๊กซอว์ผู้เล่นที่อันตรายคาดเดายากต่อคู่แข่งเสมอ

 


หงส์เหนือกว่าขาดลอย แม็ค อัลลิสเตอร์ ข่ม ไกเซโด้

 

หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บ จนพลาดลงเล่นในเกม เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ นอริช ซิตี้ 5-2 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เกมกับเซลซีเมื่อคืน และจะเป็นการได้ดวลกับพาร์ทเนอร์เพื่อนร่วมเก่าไบร์ทตัน ในแดนกลาง มอยเซส ไกเซโด้ 
 

เมื่อคืน " แม็คก้า " พาร์ทเนอร์ในแผงมิดฟิลด์เป็น เคอร์ติส โจนส์ และ โดมินิค โซบอสซ์ไล ซึ่งตลอดทั้ง90นาทีก็ต้องบอกว่า แดนกลางของลิเวอร์พูลเหนือกว่าทีมเยือนชัดเจน โดยเฉพาะในตำแหน่งโฮลบอล ที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ รับผิดชอบ
 

มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลก คุมเกมในแดนกลางได้อย่างอยู่หมัด ทำให้เซลซีแทบไม่มีโอกาสทำประตูเลย เพราะโดนบีบเพรสซิ่ง ดักบอลได้ตลอด แข้งหมายเลข10 แท็กเกิ้ลได้ถึง 9ครั้ง เมื่อคืน แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดกับการเป็นตัวรับธรรมชาติ แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติเลย
 

แม็ค อัลลิสเตอร์ จ่ายบอลแม่นยำถึง 90.3 % เอาตัวรอดในการเล่นพื้นที่แคบๆได้ แถมยังเพรสซิ่งได้เป็นอย่างดี เวลาที่เสียบอล แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องยกเครดิตให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง โจนส์ - โซบอสซ์ไล ด้วยที่ทำให้เจ้าตัวไม่ต้องเจองานหนักมากนัก
 

โซบอสซ์ไล ที่ฟอร์มตกมาจากตอนต้นฤดูกาล ก็ทำได้เยี่ยมเลย เป็นเหมือนอีกขุมพลังงานในแดนกลางของทีม ส่วน เคอร์ติส โจนส์ ก็ทำได้ดีมากๆเวลาที่ไม่มีบอล มีความแพรวพราวในการออกบอล วิ่งขึ้นวิ่งลง
 


แนวรับสิงห์ออกลูกมึน บาเดียชิล ไปกันใหญ่

เกมรุกที่ดุดันจัดจ้านเป็นเครื่องต้มยำของลิเวอร์พูล ยิ่งพอมาเจอกับแนวรับที่อ่อนปวกเปียก ไร้ความเข้าใจกันของเซลซี ที่ยังหาตัวจริงที่ลงตัวในแผงแบ็กโฟร์ไม่ได้ ผลลัพธ์ก็ออกมาเละตุ้มเป๊ะ 4-1 นี่แหละ ซึ่งหากว่าเจ้าบ้านจบกันได้คมกว่านี้ มีโอกาสยิงทะลุ6ตุงได้ไม่ยาก
 

แผลเหวอะหวะของเซลซีเมื่อคืนเห็นทีจะเป็น เบอร์นัวต์ บาเดียชิล ที่พลิกตัวช้ายังกับเรือเกลือ เข้าบอลไม่ค่อยละเอียด ประตูแรก 1-0 แนวรับชาวฝรั่งเศส ทั้งที่ตัวใหญ่หนากว่า ดิโอโก้ โชต้า แต่กลับเบียดเอาไม่อยู่ซะงั้น
 

รวมไปจนถึงยังเป็นคนทำเสียจุดโทษ เพราะไปเสียเหลี่ยมช้ากว่าไปเหยียบโชต้าเข้าเต็มๆ ไม่นับประตู 3-0 ที่เจ้าตัวปล่อยให้ แบร็ดลี่ย์ กระชากเข้าไปเปิดง่ายๆ ส่วน ติอาโก้ ซิลวา พี่ใหญ่ในแผงหลังซึ่งฤดูกาลนี้ก็เห็นชัดเจนว่าโรยไปมากๆ
 

สปีดและความเร็วของเซ็นเตอร์วัย 39ปี แทบจะไม่มี หากสิงห์บูลส์ อยากสร้างทีมในอนาคตต้องหวังเลิกพึ่ง ติอาโก้ ซิลวา ได้แล้ว ส่วน อั๊กเซล ดิซาซี่ ก็มึนไม่แพ้กัน ดูน่าหวาดเสียวมากๆเมื่อต้องดวลกับ หลุยส์ ดิอ๊าซ เพราะแบ็กขวาไม่ใช่ตำแหน่งถนัดธรรมชาติของเจ้าตัวแต่อย่างใด
 

ส่วน เบน ชิเวลล์ ที่นัดนี้ได้เล่นในตำแหน่งถนัดแบ็กซ้าย ก็ประจักษ์ด้วยผลลัพธที่ "พอส " ตัดสินใจเปลี่ยนเจ้าตัวออกตั้งแต่ออกตาร์ทครึ่งหลัง ประตู1-0 ก็มีจุดเริ่มต้นจากการที่ ชิเวลล์ โดน แบร็ดลี่ย์ ปั๊มแย่งบอลได้ จนเสียตำแหน่ง
 

ส่วนลูก 2-0 เหมือน เบน ชิเวลล์ จะโชคร้ายที่โดน ดิโอโก้ โชต้า สกรีนตำแหน่งเบียดกันล้ม แต่ไม่ได้ฟาวล์ ทำให้พื้นที่ฝั่งซ้ายโล่งมากพอที่จะทำให้ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ มีเวลาวางเท้าเลือกมุมยิงอย่างถนัดถนี่ 
 


ทั้งที่กำลังมาดี แต่ " พอช " มาออกลูกจัดตัวงงอีก 

5นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เซลซี กลับมาอยู่กับร่องกับรอยอีกครั้ง เพราะเอาชนะไปได้4 แพ้1 ขยับจากจ่าฝูงแดนล่าง ขึ้นมาอยู่แดนบนอันดับ9 โอเคแม้ว่าจะเก็บ3แต้ม แต่ทว่าภาพรวม พลพรรคสิงห์น้ำเงิน ยังมีติดๆขัดๆ มีจุดที่ต้องตามแก้ไขได้เป็นเรื่องไป
 

การบุกมาเยือนแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล ที่กำลังเล่นทุกนัดเพื่อสั่งลา เจอร์เก้น คล็อปป์ นี่จึงเป็นงานที่หินสุดๆของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โดยเมื่อเห็นไลน์อัพ แฟนบอลสิงห์บูลส์ น่าจะมีเสียวกันหน่อยในแผงหลัง อั๊กเซล ดิซาซี่ ได้ยืนตำแหน่งไม่ถนัดแบ็กขวา
 

เบอร์นัวต์ บาเดียชิล ที่เป็นตัวรั่วในระยะหลัง ออกสตาร์ทเป็นเซ็นเตอร์ตัวจริง รวมไปจนถึง กองหน้าใช้ โคล พาลเมอร์ เป็นฟอลไนส์ เริ่มเกมมาต้องบอกว่าเซลซี เป็นรองทุกกระบวนท่า เกมเพรสซิ่งของลิเวอร์พูล ได้ผลเป็นอย่างมาก
 

สิงห์บูลส์ ไปไม่เป็นเลยเวลาโดนบีบเร็ว ทำบอลเสียเหมือนเตะบอลอัดกำแพง การที่เอา พาลเมอร์ ไปเล่นแดนหน้า ทำให้เซลซี ไม่มีตัวฝากบอลทำบอล เพราะตัวลากเลื้อยทำเกมของทีมในระยะหลังเป็น พาลเมอร์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง 
 

หรือเวลาที่ โคล พาลเมอร์ ลงต่ำ คนที่เติมขึ้นไปเล่นแทนเป็น คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ซะงั้น ซึ่งจุดเด่นของกัลลาเกอร์ ไม่ใช่จังหวะจบสกอร์หรือทะลุทะลวงอยู่แล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่จังหวะเจ้าตัวโดน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ ไม่เป็นจุดโทษซะงั้น
 

รวมไปจนถึง45นาทีหลังที่เปลี่ยนตัว แม้เกมจะดีขึ้นเล็กน้อย จากการเข้ามาของ มาโล กุสโต เกมทางฝั่งขวา แต่ทว่าเกมทางฝั่งซ้ายที่เป็น มิไคโล มูดริค ทำให้เกมรับฝั่งดังกล่าวเป็นช่องให้โจมตีชัดเจน เพราะไม่มีคนมาช่วยงาน บาเดียชิล  ที่ครึ่งหลังขยับมาเล่นเป็นแบ็กซ้าย มีพื้นที่ให้ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ เลือกโจมตีตลอด
 

ซึ่งความพ่ายแพ้ยับเยินดังกล่าว ด้วยทั้งสกอร์และรูปเกม ไม่รู้จะทำให้เซลซีเสียขวัญเสียความมั่นใจในการเจอกับ ลิเวอร์พูล ในนัดชิง คาราบาว คัพ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ รึเปล่า ซึ่งหากเล่นวิธีเดิม แผนเดิม ผลลัพธ์มีโอกาสเละเทะเหมือนเดิมแน่ๆ


 

 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง