ครั้งแรกรอบ 16ปี ! หงส์ อัด เรือ 3-1 ซิว คอมมูนิตี้ ชิลด์ นูนเญซ โขกฝัง
สิ้นสุดเสียงนกหวีดยาว90นาที ที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม เปรียบเหมือนสัญญาณระฆังเตือนว่าพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ 2022-2023 กำลังจะกลับมาฟาดแข้งอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสำหรับโล่ห์การกุศลคอมมูนิตี้ ชิลด์ ระหว่างแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟาดแข้งกับ ลิเวอร์พูล แชมป์ เอฟเอ คัพ ผลก็จบลงด้วยชัยชนะของพลพรรคหงส์แดง 3-1
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่านี่คือรายการที่ลิเวอร์พูล ไม่เคยคว้าแชมป์มานานถึง16 ปี หนสุดท้ายที่ได้ต้องย้อนไปไกลถึงปี 2007 ที่เอาชนะ เซลซี ไปได้2-1 แต่ทว่าสถิติดังกล่าวก็มาสิ้นสุดลงเมื่อคืน
ลิเวอร์พูล ดวลกับ เรือใบสีฟ้า ในโล่ห์การกุศล ด้วยการปราศจาก แข้งชุดใหญ่อย่าง อลิสซง เบคเกอร์ และ ดิโอโก้ โชต้า ที่มีอาการเดี้ยงทั้งคู่ แต่ทว่าทั้งสองก็ยังจะฟิตพอและพร้อมลงสนามในเกมเปิดฤดูกาลกับฟูแล่ม
ทางฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็จัดชุดเต็มไฟกระพริบอยู่เหมือนกัน 11ตัวจริง เป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ทั้งสิ้น และที่สำคัญคือเจ้าอสูรกาย เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันที พร้อมล่าตาข่ายลิเวอร์พูล หลังจากที่เจ้าตัวประเดิมเม็ดแรกได้แล้วในเกมอุ่นเครื่องกับ บาเยิร์น มิวนิค
ออกสตาร์ทรูปเกมต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่า ทั้งในเรื่องของการครองเกม การสร้างสรรค์โอกาส อาจจะเพราะด้วยทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ เก็บตัวซ้อมกันได้ไม่นาน รวมไปจนถึง ในแดนหน้าที่ประสานงานกันได้ไม่เข้าขากับ ฮาแลนด์ เท่าไหร่
โดย45นาทีแรกเป็นลิเวอร์พูลที่ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกยิงสุดสวยของ เทรนต์ อเล็กซ์ ซานเดอร์ อาร์โนลด์ น.21ที่เหมือนจะมีโชคนิดๆเมื่อบอลไปเฉียดๆศรีษะของ เนธาน อาเก้ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นั้น แต่ว่า45นาทีหลัง เป็นทางฝั่ง ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน จนมาไล่ตีเสมอได้สำเร็จ จากตัวสำรองแข้งใหม่ป้ายแดง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ .70
หลังจากนั้นโมเมนตัมเกม ก็ไหลมาทางฝั่งสีฟ้าจริงๆ หวุดหวิดจะได้ประตูแซง2-1 บ่อยครั้ง แต่ทว่าตัวสำรองที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่งมาอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ก็มาสร้างความแตกต่างได้ เมื่อหัวหอกชาวอุรุกวัย โหม่งบอลไปชนแขน รูเบน ดิอ๊าซ ผู้ตัดสินเช็ก VAR ย้อนหลัง เป่าเป็นจุดโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สังหารเสียบมุมเข้าไป น.83
เมื่อโดนขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พยายาม เร่งเอาประตูตีเสมอ แผงหลังลอยสูงจนโดน ลิเวอร์พูล สวนกลับ มาได้ประตูตอกฝาโรง 3-1 จาก ดาร์วิน นูนเญซ พุ่งขวิดจ่อๆเข้าไป น.90+4 จบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว และเป็นการประเดิมลูกแรก ในเกมอย่างเป็นทางการของหอกชาวอุรุกวัยรายนี้
ฮาแลนด์ เริ่มต้นได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่หนทางยังอีกไกล
หลังจากที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มายัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้รับการจับตามองสุดๆเหมือนกันว่า ดาวยิงจอมมารบูรายนี้ จะโชว์ฟอร์มได้ตีนระเบิดเปรี้ยงปร้างเท่ากับที่สวมเครื่องแบบสีเหลือง กับผลงาน 86ประตู จาก89นัด หรือไม่
ก่อนหน้านั้น เออร์ลิง ฮาแลนด์ ประเดิมสกอร์แรกกับ ซิตี้ ได้แล้วในเกมที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 1-0 เมื่อวันที่23กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่เกมอุ่นเครื่องเท่านั้น
ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ประเดิมเกมแรกในอังกฤษ ด้วยคู่แข่งที่แข็งโป๊กเลยทีเดียวนั่นก็คือ ลิเวอร์พูล แถมยังมีเซ็นเตอร์ที่อยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดๆอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจแอล มาติป ตามประกบเป็นเงาอีกด้วย
โดย45นาทีแรก มีสถิติที่น่าตกใจไม่น้อยเพราะ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้สัมผัสบอลไปเพียงแค่8ครั้ง น้อยกว่าผู้เล่นทุกคนในสนาม แถมจังหวะไลน์การวิ่งก็ยังดูไม่เข้าขากับ เควิน เดอ บรอยน์ อีกด้วย ไม่นับ แจ็ค กรีลิช ที่เล่นไม่เอาอ่าวและสร้างสรรค์โอกาสให้ ฮาแลนด์ ไม่ได้เลย
ตลอดทั้งเกม ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์ มีโอกาสใส่สกอร์3หน เข้ากรอบ1ครั้ง และที่น่าเสียดายพลาดแบบหมูหกสุดๆนั่นก็คือ การตามซ้ำจังหวะยิงของ ฟิล โฟเด้น ที่อาเดรียน ปัดออกมา ระยะในกรอบเขตโทษเพียงแค่ 6หลา แต่ทว่าเจ้าตัวกลับซัดโล่งๆ แฉบคานออกไปดื้อๆ
อย่างไรก็ตาม คงไม่แฟร์นักสำหรับดาวยิงเจ้าของค่าตัว51ล้านปอนด์ กับการตัดสินฟอร์มเพียงแค่นัดแรก สิ่งที่ฮาแลนด์ ทำได้ดีในเกมชิงโล่ห์การกุศลดังกล่าวนั่นก็คือ สัญชาติญาณในกรอบเขตโทษ (แต่ยังขาดความเข้าขารู้ใจกับเพื่อนร่วมทีม)
รวมไปจนถึง รูปร่างที่สูงใหญ่แข็งแกร่งใช้เบียดกระแทกกับกองหลัง ต้องรอดูกันยาวๆจริงสำหรับ ฮาแลนด์ หากได้คลิ๊กกับเพื่อนร่วมทีมแล้ว จะน่ากลัวขนาดไหน เริ่มด้วยเกมแรกพรีเมียร์ลีก ที่จะบุกไปเยือน เวสต์แฮม วัน อาทิตย์ที่ 7สิงหาคม
เทรนท์ คู่ควรแบ็กขวาเบอร์1พรีเมียร์ ?
พัฒนาการขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีหลังจริงๆสำหรับ แบ็กขวา ที่มีจำนวนแอสซิสต์มากฝากแฟนๆ ได้เทียบเท่ากับผู้เล่นในตำแหน่งปีกแนวรุกอย่าง เจ้าหนู เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เดบิวต์ กับ ลิเวอร์พูล ครั้งแรกในฤดูกาล 2016-2017
เมือคืน ในเรื่องของเกมรับ TAA ถือว่าทำได้ดีมากๆ กับการรับมือกับแบ็กซ้ายที่เติมสูงอย่าง ชูเอา กานเชโล่ ส่วน แจ็ค กรีลิช ก็เล่นไม่ออกหมดพิษสงไปเอง เทรนท์ เป็นผู้ซัดประตูเบิกร่องสุดสวย ปั่นด้วยขวาบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ
นี่คือประตูที่13 ของ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ ลิเวอร์พูล ทั้งที่เล่นในตำแหน่งแบ็กขวา คอมบิเนชั่น สุดอันตรายทางริมเส้นฝั่งขวา ระหว่าง เทรนท์ กับ ซาลาห์ ก็มีให้เห็นในเกมนี้อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งประตูของ แบ็กเบอร์66 ก็มาจาก การแอสซิสต์ ของ บังโม นั่นเอง
ช่วงเวลา74นาที ที่อยู่ในสนาม เทรนท์ แทบไม่มีหมดแรงหรือแผ่วลงไปเลย ยังสามารถเติมขึ้นสุดลงสุดได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อถอดเจ้าตัวออกแล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ มาเล่นแทน
หลังจากที่ตำแหน่งแบ็กขวา เปลี่ยนหน้ามาเป็น เจมส์ มิลเนอร์ เกมทางริมเส้นฝั่งขวาของลิเวอร์พูล ก็ถูกลดความอันตรายลงไปพอสมควร เราจะไม่ได้เห็นลูกเปิดครอสจากด้านข้างที่น่าหวาดเสียววัด 50/50 รวมไปจนถึง ตัวของ ซาลาห์ เอง ก็ไม่มีเพื่อนสอดมาวิ่งทำทางหรือเล่นจังหวะชิ่ง 1-2 ด้วย
อาเดรียน ยังน่าหวาดเสียวเสมอ
ก่อนเกมเชื่อว่า แฟนหงส์ ต้องรู้สึกตุ้มๆต่อมๆ หวาดเสียวอยู่ไม่น้อย เมื่อผู้รักษาประตูตัวจริงเกมชิงโล่ห์ การกุศลหนนี้จะเป็ย อาเดรียน โกลจอมเหวอที่ลงสนามคราวใด มีคอนเทนต์สร้างสีสันได้ตลอด
2ฤดูกาลล่าสุด 2020-2021 และ 2021-2022 อาเดรียน ได้ลงเฝ้าเสาให้ลิเวอร์พูล รวมไปเพียงแค่7นัดเท่านั่น ยิ่งในซีซั่นล่าสุดได้ลงเพียงแค่นัดเดียว เพราะมือ1ก็เป็น อลิสซง เบคเกอร์ ส่วนมือ2ก็มี เควิน เคเลเฮอร์ ที่เหนียวหนึบเหมือนกันและไว้ใจได้มากกว่า
เกมเมื่อคืนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โกลชาวสเปนวัย35ปี แทบไม่มีลูกยากอะไรให้ต้องออกแรงเซฟมากนัก แต่ทว่าเจ้าตัวดูจะมีปัญหาอย่างยิ่งเวลาออกบอลด้วยเท้า ให้เพื่อนร่วมทีมเซ็ตต่อจากแดนหลัง
อาเดรียน ออกบอลสะเปะสะปะตลอดเวลาที่โดนผู้เล่นเรือใบสีฟ้าเข้ามาบีบกดดัน จนเตะออกข้างสนามหลายหน แต่ทว่าก็ยังเซฟลูกยิงที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กำลังเสียหลักลงได้ อย่างไรก็ตาม อาเดรียน ฟอร์มก็ยังดูห่างไกลจากโกลมือ 1และ2พอสมควร
ประตูที่เสียให้กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ จะว่า อาเดรียน ก็มีส่วนผิดได้เหมือนกัน เพราะลูกยิงของ ฟิล โฟเด้น ไม่ได้หนีตัวเลย กลับตรงตัวด้วยซ้ำ แต่ทว่าเจ้ากลับตะปบบอลไม่อยู่ แถมยังหวะออกมาตะครุบบอลยังช้าไปอีกสเต็ป จนโดนดาวยิงวัยรุ่นชาวอาร์เจนติน่าลงโทษ
นูนเญซ นัดแรกที่อังกฤษ
ถือว่าลดเสียงความกดดัน หรือคำสบประมาทได้พอสมควร สำหรับ ดาวยิงค่าตัวแพงอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ กับ4ประตู ในเกมอุ่นเครื่องกับ แอร์เบ ไลป์ซิก หลังจากที่มีช็อตพลาดหมูหกกับเกมแดงเดือด " เดอะ แมตช์ " ที่ไทย
เกมเมื่อคืน เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ โอกาสในตำแหน่งศูนย์หน้าเป็น โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงก่อน แต่ทว่า " บ็อบบี้ " ก็โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังกว่าใครเพื่อนใน3ประสาน แนวรุก ซาลาห์ และ ดิอาซ
ทำให้ เจเค เลือกส่ง ดาร์วิน นูนเญซ ลงสนามมาตั้งแต่น.59 โดยเวลาไม่ถึง 45นาทีเต็มที่ได้อยู่ในสนาม หอกป้ายแดงรายนี้ ได้สัมผัสบอล11ครั้ง มีโอกาสซัดประตู4หน แถมยังมีส่วนสำคัญทำให้หงส์แดง แซงนำ 2-1
เพราะเจ้าตัวเป็นคนโหม่งบอลไปโดนแขน รูเบน ดิอ๊าซ จนผู้ตัดสินเช็ก VAR ย้อนหลัง แจกเป็นจุดโทษแล้วก็เป็น ซาลาห์ ที่สังหารเรียดเสียบมุมเข้าไป และไฮไลต์สำคัญที่สุดนั่นก็คือ การพุ่งขวิดลูกโหม่งทำทางเข้ามาให้ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตอกฝาโรง 3-1 น.90+4
นูนเญซ ใช้เวลาเพียงแค่1นัด ในการเบิกสกอร์แรก กับต้นสังกัดใหม่ลิเวอร์พูล โดยก่อนหน้านั้นกับ เบนฟิก้า หอกวัย23ปี ใช้เวลาถึง7เกมกว่าจะเปิดซิงเม็ดแรกได้ รวมไปถึงกับ อัลเมเรีย ก็ต้องรอถึง3แมตช์ด้วยกัน
อัลวาเรซ ตุงแรก และ ซิตี้ ต้องปรับอะไรบ้าง
เกมนัดนี้ของทางฝั่งเรือใบสีฟ้า เชื่อว่าหลายๆคน คงจับตาดูว่าจะมีประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หรือไม่ แต่ทว่าประตูแรกอย่างเป็นทางการที่เกิดขึ้นกลับเป็นของแข้งหน้าใหม่อย่าง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
กองหน้ากึ่งปีกเลือดฟ้า-ขาว ออกสตาร์ทในศึกคอมมูนิติ้ ชิลด์ ด้วยการเป็นผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง ก่อนถูกส่งลงมา น.58 แทน ริยาด มาห์เรซ ที่แผลงฤทธิกระชากไม่ค่อยออกเท่าไหร่ และ อัลวาเรซ ก็สามารถเบิกสกอร์แรกได้ ทันที น.70
จากจังหวะตามจิ้ม ลูกปั้มกันระหว่าง ฟิล โฟเด้น และ อาเดรียน เข้าประตูไป อัลวาเรซ มีเวลาอยู่ในสนามไม่พึง 45นาที แม้จะประเดิมลูกแรกได้ทว่ายังวัดอะไรได้ไม่มากนัด แต่ทว่าจังหวะได้บอล สเต็ป การเลื่อยเข้าไปของแข้งวัย22ปีรายนี้ ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน ทั้งแจ็ค กรีลิช และ ริยาด มาห์เรซ อาจจะต้องเร่งฟอร์มกันขึ้นมาหน่อย
ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 2ฤดูกาล ที่พวกเขาจะมีผู้เล่นในตำแหน่งหน้าเป้าค้ำอย่างจริงจัง เพราะฤดูกาลล่าสุด เป็น ฟิล โฟเด้น - แจ็ค กรีลิช และ ราฮีม สเตอร์ลิง มาแก้ขัดไปฟอลส์ไนน์ แม้กระทั้ง กาเบรียล เชซุส ยังถูกโยกไปเล่นด้านขวา หรือซีซั่นก่อนหน้า 2020-2021 เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ก็แทบจะไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมแล้ว
นั่นทำให้พลพรรคเรือใบสีฟ้า ต้องปรับจูนกันอีกสักระยะ กับการมีกองหน้าตัวเป้า ที่คอยยืนปักหลัก แบบ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ไม่ได้ส่ายโยกออกไปด้านข้างมากนัก รวมถึงบรรดาตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง ฟิล โฟเด้น หรือ เควิน เดอ บรอยน์ จะต้องค่อยๆปรับจูน ไลน์การวิ่ง หรือจังหวะในเขตโทษของดาวยิงชาวนอร์เวย์ เช่นกัน
โดย 5เกมแรก น่าจะทำให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้เรียกความมั่นใจหรือเบิกสกอร์ได้อยู่ไม่น้อย เพราะคู่แข่งไม่ใช่กระดูกแข็งชิ้นโตมากนัก ทั้ง เวสต์แฮม - นิวคาสเซิ่ล - คริสตัล พาเลซ รวมถึงทีมน้องใหม่ขนุมกรุบอย่าง บอร์นมัธ และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
- คอลัมน์นิสต์
- 323
- 31 ก.ค. 2565 15:29