คล็อปป์เก๋ากว่าเยอะ ! หงส์ มีทีเด็ด จบคมคว่าบุกคว่ำปืน 2-0 ร่วง เอฟเอ คัพ
ผลลัพธ์และสกอร์ที่เกิดขึ้นในศึก เอฟเอ คัพ รอบ3คู่ บิ๊กแมตช์ ระหว่าง อาร์เซน่อลกับลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ตัดสินผู้ชนะเข้ารอบในนัดนี้ นั่นก็คือความเก๋าของกุนซือ ด้วยการวางหมากและรูปเกมที่เลือกมาเล่น สุดท้ายแล้วเป็นพลพรรคหงส์แดง ที่ยังอยู่ในเส้นทาง4แชมป์ ที่แม้รูปเกมจะเป็นรอง แต่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็บุกมาดับปืนใหญ่คาถิ่นได้ 2-0
ก่อนเกมบิ๊กแมตช์ เอฟเอ คัพ รอบ4 ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม อาร์เซน่อล ของ มิเคล อาร์เตต้า กำลังเป๋มาจากเกมพรีเมียร์ลีก หลังมาแพ้รัวๆต่อ เวสต์แฮม (0-2) และ ฟูแล่ม (1-2) ในเรื่องของการจัดทัพ มิเคล อาร์เตต้า จะหมดสิทธิใช้งาน กาเบรียล เซซุส ที่มีอาการบาดเจ็บ (อีกแล้ว)
ทำให้ ไค ฮาร์แวร์ตช ได้ออกสตาร์ทเป็นกองหน้าแทน รวมไปจนถึงตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่พอเป็นฟุตบอลถ้วย " พี่ต้า " ก็ให้โอกาส อารอน แรมส์เดล เฝ้าเสาบ้าง ส่วนผู้มาเยือนหงส์แดง ซึ่งมาแรงจนเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก
ทีมของ เจเค ต้องขาดผู้เล่นตัวสำคัญอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ต้องไปเล่นรายการ แอฟริกัน เนชั่น คัพ กับทีมชาติอียิปต์ รวมไปจนถึง วาตารุ เอ็นโด ที่ไปฟาดแข้งรายการ เอเชี่ย คัพ กับทีมชาติญี่ปุ่น แถมยังไร้เงา โดมินิค โซบอสซ์ไล ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย
โดยเกมเริ่มต้นมาต้องบอกว่าเป็นอาร์เซน่อล ที่ดูมุ่งมั่นกว่ามากๆ ไล่บีบเพรสซิ่งใส่ผู้มาเยือนอย่างหนัก เกมเหนือกว่าเห็นๆ 15นาทีแรก มีโอกาสจบสกอร์ 5ถึง6ครั้ง แต่ทว่านี่เป็นอีกแมตช์ที่ ขุนพล " กันเนอร์ส " จบสกอร์กันไม่คมเอง ทั้งในรายของ บูกาโย่ ซาก้า และ ไค ฮาแวร์ตช์
ส่วนลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าการหายไปของ " โม ซาลาห์ " ส่งผลต่อเกมบุกของพวกเขาอยู่ไม่น้อย ในเรื่องของทีเด็ดทีขาด รวมไปจนถึง "โซโบ " โซบอสซ์ไล ที่แม้หลังๆจะฟอร์มดร็อปลงไป ก็ทำให้เกมของหงส์แดงขาดอะไรไปพอสมควร
ด้วยรูปเกมที่เป็นรองตลอด ปืนใหญ่ ได้โอกาสจบสกอร์เรื่อยๆ แต่ทว่ายิงนอกตกปลา ไม่คมไปเอง รวมไปจนถึงมีช็อตเซฟของ อลิสซง เบ็คเกอร์ จุดชี้วัดความแตกต่างก็ต้องอยู่ตรงกุนซือนี่แหละ เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เปลี่ยนตัวผู้เล่น ปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของนักเตะบางคนในสนาม
และสุดท้ายความเก๋าและความเจนจัดกว่าของลิเวอร์พูล ก็มาทำให้พวกเขาได้2ประตู ช่วงท้ายเกมจาก การโหม่งเข้าประตูตัวเองของ ยาคุบ คิวิเออร์ น.80 และปิดฝากล่องด้วยลูกสวนกลับ หลุยส์ ดีอาซ กดเข้าไป น.90+5 เอาชนะไป 2-0 ผ่านเข้ารอบ4ต่อไปสำหรับพลพรรคหงส์แดง
ไค ฮาแวต์ช เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (ส่วนใหญ่จะไปทางร้าย)
เปิดตัวกับอาร์เซน่อลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับ ไค ฮาแวร์ตช์ ช่วง 2-3เดือนแรก เวลานัดไหนปืนใหญ่ฟอร์มไม่ดี หรือมีสะดุดเสมอ ชื่อหนึ่งที่มักจะถูกพูดถึงเสมอนั่นก็คือ ฮาแวร์ตช์ เจ้าเดิมเจ้าประจำนั่นแหละ เพราะกลายเป็นหลุมดำ หรือจุดบอดในแนวรุกของทีมอยู่เป็นประจำ
จนช่วงหนึ่ง ฮาแวร์ตช์ กลายเป็นตัวสำรองถาวรมาแล้ว ก่อนจะค่อยๆกลับมาได้ สลับตัวจริง ตัวสำรอง ช่วงพฤศจิกายน - ธันวาคม เพราะเป็นช่วงที่อดีตแข้งเซลซีรายนี้ ค่อยๆผลิตสกอร์ได้ ซึ่งนั่นก็ยังถือว่าไม่มากอยู่ดี 3ประตู จาก7นัดหลังพรีเมียร์
เกมกับหงส์แดงเมื่อคืน ฮาแวร์ตช์ ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งหน้าเป้า แทนที่ กาเบรียล เซซุส ที่มีอาการบาดเจ็บกำเริบเล่นงานอีกแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ผลงานก็ฟ้องมาตลอดน่า " น้องไก่ " เวลาเล่นเป็นหน้าเป้า ทำตัวน่าผิดหวังขนาดไหน ตั้งแต่สมัยอยู่เซลซีแล้ว
การทำตัวน่าหงุดหงิดเวลาจบสกอร์ นี่คือภาพฉายซ้ำของ ฮาแวร์ตช์ ที่เราชินกันไปแล้ว ใช้โอกาสเปลือง มากจังหวะเกินไปในเขตโทษมีช็อตหนึ่ง บอลเข้าซ้ายไม่ยอมซัด แล้วแตะหามุมเพิ่ม แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว ยิงเบาเหมือนเป่ากบไปเข้าซอง อลิสซง ง่ายๆ
ที่เรียกเสียงสบถจากแฟนปืนใหญ่มากที่สุด คงจะเป็นลูกที่ ไค ฮาแวร์ตช์ ที่ได้หลุด แต่ทว่ารีบร้อนอะไรไม่ทราบ แตะ2จังหวะ แล้วเลือกชิปออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ความแข็งแกร่ง ที่คือจุดที่ดาวเตะค่าตัวแพงรายนี้ต้องพัฒนาต่อไปเช่นกับ รวมถึงจังหวะยิงต่างๆที่ผ่านมา ฮาแวร์ตช์ ยิงบอลได้เบาหวิวตลอด แถมสไตล์การเล่นยังเอื่อยเฉื่อย ไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย
ปืนจบไม่คม มกราคม อาจต้องมีกองหน้า
13ครั้ง (ไม่รวมติดบล็อกอีก4หน) นี่คือโอกาสจบสกอร์ของอาร์เซน่อลใส่ลิเวอร์พูล เมือคืน แต่ทว่ายิงนกตกปลาขาดความความเฉียบคมไปหน่อย ที่ใกล้เคียงสุดๆเห็นทีจะเป็นจังหวะของ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้วางเท้าซัดในเขตโทษบอลเด้งชนคานอย่างจัง
ส่วน ไค ฮาแวร์ตช์ ก็ยังคงทำตัวน่าผิดหวังเก้งๆกังๆอยู่ดี รวมไปจนถึง รีสส์ เนลสัน ที่ได้บอลวางยาวจาก อารอน แรมส์เดล หลุดเข้าไปในเขตโทษ แตะหลบ อลิสซง เบ็คเกอร์ แต่ทว่ากดดันมุมไม่เหลือเลยซัดเข้าข้างตาข่ายไป
อีกรายที่น่าตำหนิสุดๆเหมือนกันนั่นก็คือ บูกาโย่ ซาก้า ที่ปีนี้ดร็อปๆลงไป โอกาส5ครั้งบี่ " บี " ได้รับ ไม่มีหนไหนที่ใกล้เคียงเลย ยิงแป๊ก ยิงออกไปเอง ยังดีที่ยังเล่นงาน โจ โกเมซ จอมแจกได้เป็นระยะๆ
กาเบรียล เซซุส ที่เจ็บไปไม่ได้ลงเล่น โอเคว่า กองหน้าชาวบราซิลรายนี้ จะเล่นได้อย่างกลมกล่อมเข้าขากันกับแนวรุกรายอื่นๆของปืนใหญ่ แต่ทว่าประสิทธิผลของประตูแล้ว ที่ผ่านมา เซซุส ทำได้น้อยไปหน่อย ฤดูกาลนี้ ทำไปได้7ประตูเท่านั้นรวมทุกรายการ
ส่วน เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ นอกจาก แฮตทริกใส่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อปลายเดือนธันวาคม " นิวอองรี " ก็แทบจะเท้าบอดไปเลย เพราะมีเพียง6ประตู 27นัดรวมทุกรายการ
โดย4นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ที่ลงเอยด้วย เสมอ1 แพ้3 " เดอะ กันเนอร์ส " ความดุดันในแนวรุกลดน้อยลงไปเพราะยิงคู่แข่งไปได้เพียงแค่ 2เม็ดเท่านั้น เห็นทีตลาดมกราคมนี้ พวกเขาอาจต้องนำกองหน้าเข้ามาสู่ทีมเพิ่มก็เป็นได้ เพื่อไม่ให้หลุดโมเมนตัมไปไกลมากกว่านี้
กัปตัน เทรนต์ สุดไฉไล
เกม เอฟเอ คัพ กับ อาร์เซน่อล เนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ป่วยจนไม่มีชื่ออยู่ในทีม ทำให้หมดสิทธิลงสนาม นั่นทำให้ปลอกแขนกัปตันทีม ต้องไปตกอยู่ที่ท่านรอง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มดีมาก
เกมรับไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ใช่จุดเด่นของเจ้าตัว แต่ทว่าภาพรวมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดแบบน่าเกลียด สำหรับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แต่ทว่าในเรื่องของเกมรุกแล้ว นี่คือไม้เด็ดที่เวลาเอาออกมาใช้ น็อกคู่แข่งได้ตลอด
TAA ดูจะมีปัญหาเล็กน้อย เมื่อ มิเคล อาร์เตต้า เปลี่ยน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มาเล่นงาน แต่ทว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็แก้ลำด้วยการขยับเจ้าตัวไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ ร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ เคอร์ติส โจนส์ แล้วส่งตัวสำรองเด็กอย่าง คอร์นอร์ แบล็ดลี่ย์ มาเป็นแบ็กขวาแทน
ในเรื่องของการวางบอลยาวแล้ว เทรนต์ ทำได้ดีทำได้ลุ้นตลอดเวลาบอลออกจากเท้า แถมยังเติมขึ้นมายิงชนคานสนั่น 1ครั้ง และประตูขึ้นนำ 1-0 ของหงส์แดง ก็มาจากจังหวะเปิดฟรีคิกของเจ้าตัว เข้าไปกดดันแนวรับปืนใหญ่ จน คิวิเออร์ โหม่งพลาดทำเข้าประตูตัวเอง
สถิติหลังเกมระบุว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายมากถึง 15ครั้ง - เอาชนะการครอบครองบอล 9ครั้ง -ชนะการดวล 3ครั้ง - แท็กเกิ้ลและเคลียร์บอลอย่างละ 3ครั้ง รวมถึงสร้างสรรค์โอกาส 2หน อีกจุดที่ต้องชมในการสวมปลอกแขนกัปตันคือ DNA เดอะ คอปป์ ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม เล่นด้วยแพสชั่นตลอดทั้งเกม
กลางปืนแจ่มมาก ไรซ์ - จอร์จินโญ่ ลงตัว
ตัดเรื่อง3ตัวรุกที่ไม่ได้เรื่องอย่าง บูกาโย่ ซาก้า - ไค ฮาแวร์ตช์ และ รีสส์ นีลสัน ออกไป จุดที่ปืนใหญ่ทำได้ดีมากๆเมื่อคืนนั่นก็คือแดนกลางนี่แหละ ทั้ง เดแคลน ไรซ์ - จอร์จินโญ่ รวมไปจนถึงข้างบนเพลย์เมคเกอร์อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด
เกมที่อาร์เซน่อล เหนือกว่าใน45นาทีแรก เพราะครองบอล ไล่เพรสบีบบอลได้เหนือกว่าผู้มาเยือน มิดฟิลด์ตัวจริงลิเวอร์พูลนัดนี้อย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต์ ที่ทุกคนดูจะช้าไป 1จังหวะตลอด
ทำให้บอลเป็นของอาร์เซน่อล โดยเฉพาะในรายของ เดแคลน ไรซ์ ที่แม้นัดไหน ปืนใหญ่ จะฟอร์มไม่ดี แต่กองกลางเจ้าของค่าตัว 105ล้านปอนด์ ก็ทำผลงานได้ดี ผลงานไม่ตกมาตรฐาน
ไรซ์ ทำได้ครบถ้วนทุกอย่างทั้ง ยืนดร็อปต่ำลงมา เติมไปคุมเกมตรงกลาง รวมถึงขยับสูงลากไปเล่นเกมบุกอย่างเต็มสูบได้ด้วย ซึ่งก็น่าเสียดายที่นัดนี้แนวรุกหน่วยล่าสังหารของอาร์เซน่อล ผิดฟอร์มไปหมด
ลิเวอร์พูล ที่พยายามเพรสซิ่ง แต่ทว่าผู้เล่นของอาร์เซน่อล โดยเฉพาะ ไรซ์ และ " เทพจอร์ " แกะบอลออกมาได้ดีมากๆ อดีตแข้งเวสต์แฮม เอาชนะแท็กเกิ้ล6ครั้ง และเอาชนะลูกกลางอากาศได้2หน
ตัดสินที่กุนซือ คล็อปป์ โชว์ว่าเก๋ากว่า อาร์เตต้า
ด้วยรูปเกมช่วง45นาทีแรก ต้องบอกว่าแพลนเกมของอาร์เซน่อลเหนือกว่าผู้มาเยือนมากๆ โดยเฉพาะตรงพื้นที่ยุทธศาสตร์ในแดนกลางที่ปืนใหญ่ เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า มีโอกาสยิงมากถึง15ครั้ง เข้ากรอบ ส่วนหงส์แดง มีโอกาสซัดแค่2 ไม่ตรงกรอบเลย
จุดที่ยังทำให้ลูกทีมของ " เจเค " ยังไม่เพลี่ยงพล้ำมากกว่านี้ใน45นาทีแรก นั่นเป็นเพราะ แนวรุกหน่วยล่าสังหารของปืนใหญ่ ยิงนกตกปลากันไปเอง รวมไปจนถึง อิบราฮิมา โกนาเต้ ยังทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ช่วยได้ทันในจังหวะสุดท้าย
แต่ทว่าจุดเปลี่ยนจริงๆ ก็คือคุณภาพและความเก๋าของผู้จัดการทีมนี่แหละ เป็นจุดชี้ขาดตัดสินความเป็นความตาย ผลลัพธ์การแข่งขัน ออกสตาร์ทครึ่งหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้ลำอันดับแรกด้วยการขยับตำแหน่งตัวผู้เล่น
ดาร์วิน นูนเญซ ที่ทำอะไรไม่ได้ในตำแหน่งหน้าเป้า ถูกขยับมาเล่นทางซ้าย เพื่อใช้ความเร็วโจมตี เบน ไวท์ - โคดี้ กัคโป ไปยืนเป็นกองหน้า และโยก หลุยส์ ดิอาซ มาเล่นริมเส้นฝั่งขวา เกมหงส์แดงค่อยๆกระเตื้องขึ้น ก่อนที่จะถอด กัคโป - แม็ค อัลลิสเตอร์ ออก ให้โอกาส โชต้า และ กราเวนเบิร์ช
อาร์เตต้า ที่พยายามแก้เกมเหมือนกันด้วยการส่ง มาร์ติเนลลี่ ไปเจาะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เห็นท่าไม่ดี ก็กันไว้ทัน ด้วยการขยับแบ็กเบอร์66ไปเล่นมิดฟิลด์ แล้วเปลี่นให้เจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ มาสู้แทน
การเปลี่ยนตัวของ คล็อปป์ ทุกช็อตเรียกว่าค่อยๆทำให้เกมของหงส์แดงดีขึ้นจริงๆ การคิดเร็ว ทำเร็ว กล้าได้กล้าเสีย ผิดกับ มิเคล อาร์เตต้า ที่เห็นว่าปัญหาของทีมอยู่ตรงไหน แต่กลับยังไม่รีบปรับเปลี่ยนอะไร กึ๋นและความเก๋าของ2ผู้จัดการทีมเมื่อคืน คืออีกหนึ่งจุดผลลัพธ์ การเข้ารอบ-ตกรอบ ของคู่บิ๊กแมตช์นี้
- คอลัมน์นิสต์
-
- 456
- 08 Jan 2024 14:43