จ่าฝูงหนาวมาก ! หงส์ ทะยานฟ้า ถลุง สาลิกา 4-2 นูนเญซ ยังเท้าบอด
อุณหภูมิหนาวเย็นยะเยือกจริงๆสำหรับลิเวอร์พูล ในปี ค.ศ. 2024 นี้ หลังจากที่พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกมา2นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะเกมล่าสุดเมื่อคืนตามเวลาตีสามของประเทศไทย พลพรรคหงส์แดง ก็โชว์ฟอร์มดุอีกครั้ง ด้วยการเล่นในบ้านไล่ยิงทีมที่แพ้ทางพวกเขาเวลามาเยือนสุดๆอย่างนิวคาสเซิ่ลไปสุดมัน 4-2 ชนิดที่มีครบทุกรสชาติ
ลิเวอร์พูล ลงเล่นวันปีใหม่ที่แอนฟิลด์ ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของพวกเขา ต้อนรับการมาเยือนทีมที่กำลังกรอบและเป๋อย่างต่อเนื่องนิวคาสเซิ่ล ซึ่งเกมนี้เหลือเชื่อมากๆที่ 45นาทีแรก จะลงเอยด้วยการเสมอกันไป 0-0
ก่อนที่ใน 45นาทีหลังจะเป็นเหมือนหนังแอ็คชั่นยิงกันบ้าระห่ำและผลลัพธ์90นาที เป็นทางฝั่งลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดุดันกระซวกไส้กว่า เอาชนะไปได้ 4-2 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้จะบอดจุดโทษ (อีกแล้ว) ก็ยังเหมาทำไปได้2เม็ด
ซึ่งสำหรับผู้เล่นที่โดดเด่นของหงส์แดงเมื่อคืน ก็คงหนีไม่พ้น โม ซาลาห์ ที่แม้จะสังหารจุดโทษพลาด แต่ก็ยังมาแก้ตัวได้จาก2ประตู รวมถึงหนึ่งในนั้นคือการยิงจุดโทษอีกรอบด้วย บวกกับอีก1แอสซิสต์ ให้ตัวสำรอง โคดี้ กัคโป ชาร์ตเข้าไปง่ายๆ ยังไม่นับรวมอิมแพคต่อเกมรุกที่สตาร์ชาวอียิปต์ทำให้อย่างทรงพลัง
รวมไปจนถึงมิดฟิลด์จอมขยันอย่าง เอ็นโด ที่เหมือนจะปรับตัวให้เข้ากับบอลลีกเมืองผู้ดีได้แล้ว ก็ทำผลงานได้น่ากระแทกฝ่ามือใช้เช่นกันสำหรับพลังงานในแดนกลาง ส่วนที่น่าผิดหวังก็เป็นรายเดิม ดาร์วิน นูนเญซ ที่พลาดจังหวะจ่อๆเหน่งๆ ไปไม่รู้กี่รอบ เป็นสิ่งที่ดาวยิงชาวอุรกวัย ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
หากว่าเมื่อคืนผลลัพธ์ไม่ได้ลงเอยด้วยการที่หงส์แดงเก็บ3แต้ม นูนเญซ นี่แหละที่อาจตกเป็นแพะรับบาปได้ ส่วนผู้มาเยือนนิวคาสเซิ่ล พวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่แพ้ทางบอลสไตล์แบบลิเวอร์พูลสุดๆ เวลามาเยือนถิ่น แอนฟิลด์ เพราะนี่คือนัดที่23ติดต่อกันที่สาลิกาดงบุกมาเอาชนะที่นี่ไม่ได้
ดีว่าที่โกลมือสองอย่าง มาร์ติน ดูบราฟก้า ที่วันนี้เป็นฟอร์มร่างปลาหมึกเข้าสิงโชว์ฟอร์มเซฟอุตลุต ทำให้ " เดอะ แม็กพายส์ " โดนเจาะตาข่ายไปเพียง4เม็ดเท่านั้น ทั้งที่จริงๆควรโดนอย่างต่ำครึ่งโหลด้วยซ้ำ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าอาการบาดเจ็บและขนาดสควอคทีม กำลังเล่นงานลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว มาเรื่อยๆแล้ว
3แต้มดังกล่าวทำให้ทีมเครื่องจักรสีแดง ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงยาวไปเลย เพราะเก็บไปได้ 45 แต้มจาก20นัด นำห่างรองจ่าฝูง แอสตัน วิลล่า 3แต้ม และห่างทีมอันดับ3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แข่งน้อยกว่าพวกเขา1นัด5แต้ม
บังโม นำดาวซัลโวร่วม แม้บอดโทษ (อีกแล้ว)
เรียกได้ว่าเริ่มต้นได้ไม่ดีเท่าไหร่ สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเกมกับนิวคาสเซิ่ลเมื่อคืน เพราะสังหารจุดโทษพลาด ยิงได้ไม่ดีนัก เน้นแรงตรงกลางประตูแต่ทว่า มาร์ติน ดูบราฟก้า อ่านทางออกไม่พุ่งปัดออกไปได้ ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จะเข้าซ้ำดาบสองแต่หลุดออกไปไกล
การบอดโทษดังกล่าว เป็นการสะท้อนว่า บังโม สังหารจุดโทษได้ไม่เฉียบขาดเท่าแต่ก่อนจริงๆ เพราะ9หนหลังสุด ที่ได้รับหน้าที่เป็นเพชฌฆาตจุดโทษในพรีเมียร์ลีก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พลาดไปถึง4ครั้ง มากกว่าใครเพื่อนนับตั้งแต่ซีซั่น 2022-2023 ที่ผ่านมา
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ฟอร์มหลังจากนั้นของ ซาลาห์ ก็เข้าขั้นร่ายมนต์ได้เลย เพราะอิมแพคต่อเกมบุกของลิเวอร์พูลมากๆ ทั้งเวลาที่มีบอลและไม่มีบอล มีช็อตจ่ายแอสซิสต์สวยๆถวานพานให้ โคดี้ กัคโป ยิงเข้าไปง่ายๆ รวมไปจนถึงคีย์พาสให้ โชต้า ไหลให้ เคอร์ติส โจนส์ ยิงง่ายๆ
ก่อนที่จะมาแทปอินลูกจ่ายง่ายๆของ นูนเญซ และปิดท้ายด้วยซัดลูกจุดโทษรอบ2 เพื่อเรียกความมั่นใจ ซึ่งคราวนี้ เจ้าตัวไม่พลาดเลือกยิงแบบเล่นมุมผ่าน ดูบราฟก้า เข้าไป 2เม็ดเมื่อคืน ทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำไป151 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้กับหงส์แดงเข้าให้แล้ว
มิหนำซ้ำยังขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมกับ เออร์ลิน ฮาแลนด์ (ที่เจ็บจนไม่ได้ลงสนามระยะหลัง) ที่14ประตู แถมยังทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง8ครั้ง มากที่สุดเท่ากับ โอลลี่ย์ วัตกินส์ ของ แอสตัน วิลล่า
โดยกับนิวคาสเซิ่ลเมื่อคืนจะเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะเจ้าตัวจะเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ รายการแอฟริกัน เนชั่น คัพ 2024 ต้องมาดูว่าราวๆ1เดือนที่ ซาลาห์ หายไป หน่วยล่าสังหารหงส์แดงคนอื่นๆจะทดแทนได้ดีขนาดไหน
นูนเญซ ต้องสลัดพลาดจอมหมูหกออกจากตัวให้ได้แล้ว
เกมก่อนที่ไปพลิกนรกเหลือ10คน แล้วแซงเอาชนะนิวคาสเซิ่ลที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค 2-1 ดาร์วิน นูนเญซ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองเหมายิงคนเดียว2เม็ด น.81 และ 90+3 เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของทีมไปเลย แต่ทว่าเมื่อคืนนี้ แม้หงส์แดงจะเอาชนะไปได้ 4-2 กลับไม่ใช่ค่ำคืนที่ดีของดาวยิงค่าตัว 100ล้านยูโร
โอเค นูนเญซ มีผลงานอันเป็นรูปธรรมนั่นก็คือ มี1แอสซิสต์ใส่พานให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ทว่านอกจากนั้น กลับทำตัวน่าผิดหวังสุดๆไปเลย เพราะไม่สามารถบวกสกอร์ได้ ทั้งที่มีโอกาสบานเบอะ
8นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย ทำไปได้เพียง1ประตูเท่านั้น กับโอกาสทั้งหมด35ครั้ง เอาแค่เมื่อคืนกับสาลิกา นูนเญซ ก็มีโอกาสทั้งยิงและโหม่งรวมกันถึง8หนด้วยกัน ยิ่งมี3-4ครั้งด้วยที่เป็นโอกาสทองเหน่งๆ แต่ซัดไม่ผ่านมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า
จังหวะหลุดเดี่ยวนี่คือสิ่งที่ ดาร์วิน นูนเญซ ควรทำได้งานเนี๊ยบกว่านี้ เพราะพลาดกับช็อตลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้าหลายนัดแล้ว เรียกว่าต้องสลัดภาพเป็นศูนย์หน้าจอมหมูหกให้ได้อย่างเร่งด่วน
ยังไม่ต้องเทียบกับ ซาลาห์ เพราะรายนั้นคือของขึ้นหิ้ง เอาแค่ตัวสำรองอย่าง โคกี้ กัคโป ลงมาก็ยังทำประตูได้ รวมไปจนถึง ดิโอโก้ โชต้า ที่ลงมาก็ใน น.64 ก็เรียกจุดโทษให้ทีมได้ในช่วงท้ายเกม โอเคว่า 5ประตู 6แอสซิสต์ จาก19นัดในลีก จะไม่ใช่ผลงานที่เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับโอกาสที่ได้รับ นูนเญซ ควรยิงได้แตะหลัก10ได้แล้ว
ไม่ได้ ดูบราฟก้า สาลิกา มีสิทธิโดนมากกว่าครึ่งโหล
ด้วยความที่โกลมือ1อย่าง นิค โป๊ป ไหล่หลุด ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวราวๆ 4เดือน นั่นทำให้กุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว ไม่มีทางเลือก จึงให้โอกาสนายด่ายมือ2อย่าง มาร์ติน ดูบราฟก้า เฝ้าเสาเป็นตัวจริงมา6นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว ซึ่งโกลวัย34ปี เก็บไปได้เพียง1คลีนชีต เสียไป15ประตู
แต่ถึงกระนั้นเองก็จะโทษ ดูบราฟก้า ทั้งหมดเลยก็ไม่ได้ เพราะสาลิกาดงเริ่มมีโปรแกรมเตะถี่ ขนาดทีมไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แถมคุณภาพแข้งตัวสำรอง ยังทำมาตรฐานได้ไม่ดีเท่า เหล่าบรรดาตัวจริงที่เจ็บไปอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อคืนสาลิกาดงไม่มีแบ็กขวาตัวจริงกัปตันทีม คีแรน ทริปเปียร์
ผลลัพธ์พ่ายออกมา 4-2 ถ้ามองจากสกอร์อาจคิดว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีของผู้รักษาประตูฝั่งแพ้สักเท่าไหร่ เพราะคุณโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไปมากถึง 4เม็ด แต่ที่แอนฟิลด์เมื่อคืนสำหรับ ดูบราฟก้า นี่ไม่ใช่แมต์ที่แย่ของเจ้าตัวเลย
โกลชาวสโลวาเกีย มีจังหวะเซฟ 10ครั้ง ตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะจาก ดาร์วิน นูนเญซ คนเดียวก็มีทั้งหลุดเดี่ยวและจ่อๆ 3-4 ครั้งแล้ว และที่สำคัญคือ มาร์ติน ดูบราฟก้า ใจแข็งและนิ่งพอ เลือกไม่พุ่งไปไหนกับลูกจุดโทษแรกของ ซาลาห์ จนทำให้ทีมดังแดนอีสานไม่เสียประตู และตรึงสกอร์ 0-0 ไว้ได้ใน45นาทีแรก
ไม่รู้ว่าฟอร์มปลาหมึกเข้าสิงของ ดูบราฟก้า นัดกับลิเวอร์พูล จะทำให้บอร์ดบริหาร ยังมีแผนที่จะสอยนายด่านเข้ามาเพิ่มหรือเปล่าในตลาดนักเตะหน้าหนาว เพราะหากสาลิกาดวงแตกโกลเจ็บมาอีกคน คงน่าหวาดเสียวแน่ๆหากจะใช้ ลอริส คาริอุส หรือ มาร์ค กิลเลสพี
แอนฟิลด์ สนามที่ไม่อยากมาเยือน ขนาดทีมสาลิกา เรี่มมีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลฟอร์มดีหรือฟอร์มแย่ สำหรับนิวคาสเซิ่ลแล้ว การบุกมาเยือนแอนฟิลด์ผลลัพธ์ความหวังที่จะเก็บ3แต้ม ก็เป็นอะไรที่ยากและหินสุดๆเสมอ เพราะนี่คือสนามที่พวกเขาแพ้ทางเป็นอย่างแรงมานานแล้ว
ก่อนเกมเมื่อคืนจะเริ่มขึ้น สถิติตัวเลขอันน่าอดสูกางออกมาให้เห็นว่า 27 นัดหลังสุดที่มาเยือนแอนฟิลด์ นิวคาสเซิ่ล แพ้ออกไปถึง 22ครั้ง เสมอเพียง5 ไม่เคยมาชนะยังสนามแห่งนี้เลย ซึ่งผลลัพธ์ 4-2 นั่นก็เท่ากับว่าทีมดังแดนอีสาน ไม่ชนะยังสนามแห่งนี้มา 28นัดติดต่อกัน
โดยหนสุดท้ายที่ " เดอะ แพกพายส์ " อาจหาญบุกมาคว้าชัยได้ที่นี่ ต้องย้อนระลึกชาติไปไกลถึงปี 1995 ในเกมลีกคัพ รอบ4เลยทีเดียว หรือถ้าจะเอาในพรีเมียร์ลีก นั่นก็คือเดือนเมษายน 1994 ครั้งนั้นนิวคาสเซิ่ล เอาชนะไป 2-0 จากประตูของ โรเบิร์ต ลี และ แอนดี้ โคล
ส่วนนิวคาวเซิ่ล ความปราชัยเมื่อคืนส่งผลให้พวกเขาอยู่ที่อันดับ9ของตาราง แถมยังแพ้ไปแล้วถึง9นัด เสียไปแล้วถึง29ประตู ขนาดทีมและการกรำศึกกลางสัปดาห์ บวกกับอาการบาดเจ็บนักเตะที่มาเป็นระยะ เริ่มสร้างผลกระทบให้พวกเขาแล้ว
ฤดูกาลที่แล้ว นิวคาสเซิ่ล จัดได้ว่าเป็นทีมหนังเหนียวแพ้ไปเพียง5นัด จาก38แมตช์ มาถึงฤดูกาลนี้ พวกเขาพ่ายไปแล้วถึง 9จาก 20นัด เอาแค่ในพรีเมียร์ลีก 6นัดหลังสุด ลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว แพ้ไปถึง5นัด ชนะนัดเดียว
หงส์ขึ้นจ่าฝูง (2024) อากาศหนาวมาก
จากที่ดูลางไม่ดีเท่าไหร่สำหรับ ลิเวอร์พูล ก่อนเริ่มฤดูกาล 2023-2024 หลังจากที่พวกเขาเสียกองกลางตัวหลักไปเกือบหมดทั้ง ฟาบินโญ่ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรืออาจจะนับรวมไปจนถึง นาบี เกอิต้า จอมเจ็บด้วยก็ได้
ซึ่งการมาของ โดมินิค โซบอสไล ก็ดูจะมีความเสี่ยงเหมือนกันกับแข้งต่างแดนยังลีกเมืองผู้ดีครั้งแรก รวมไปจนถึงไรอัน กราเวนเบิร์ช (ยืมตัวด้วย) - วาตารุ เอ็นโดะ ไม่นับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่เล่นอยู่ที่พรีเมียร์ลีกกับ ไบร์ทตัน มาก่อนแล้ว
นั่นเท่ากับว่าหงส์แดง2.0 ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้มี ผู้เล่นมิดฟิลด์ประเภทตัวรับธรรมชาติแบบ ฟาบินโญ่ เลย เป็น " แม็คก้า " และ กราเวนเบิร์ช ที่ต้องดัดแปลงพันธุกรรมมาเล่นแทน ซึ่งแต่ละนัดก็ได้มีจุดบอดให้เห็นเช่นกัน แต่ทว่าด้วยความยอดเยี่ยมดุดันในแนวรุกของหงส์แดง ทำให้จุดอ่อนนี้โดนกลบไปได้
มาจนถึงตอนนี้ผู้เล่นประเภทมวยแทน แก้ขัดอย่าง เคอร์ติส โจนส์ - วาตารุ เอ็นโด รวมไปจนถึง โจ โกเมซ กลับทำให้ที่ได้ดีกว่าที่คาดไว้ รวมไปจนถึง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่กลับมาฟอร์มแกร่งอีกครั้ง แม้จะไม่ได้พีคเท่าแต่ก่อน แต่นั่นก็เพียงพอมากๆแล้ว
ถ้าจะสังเกตุให้ดีๆ พลพรรคหงส์แดงที่สะดุด6เกม แพ้1 - ล้วนเป็นนัดที่ยากทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เยือน เซลซี (1-1) - เยือน ไบร์ทตัน (2-2) - เยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (1-1) เกมเหย้า ก็เสมอกับทั้ง อาร์เซน่อล (1-1) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (0-0)
ส่วนที่แพ้นั่นก็คือ การเหลือ9 คน แล้วมาโดนลูกยิงเข้าประตูตัวเองของ โฌแอล มาติป ช่วงทดเจ็บ เกมกับ สเปอร์ส (2-1) เกมที่สะดุดแบบไม่น่าสะดุดเห็นทีจะมีเพียงนัดบุกเจ๊า ลูตัน ทาวน์ 1-1 เพียงเท่านั้น ถ้าจะพูดง่ายๆคือนัดที่คู่แข่งอ่อนชั้นกว่า ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลยที่ทีมของ เจเค จะเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋า
- คอลัมน์นิสต์
-
- 404
- 02 Jan 2024 14:00