กระทิงเข้าชิง ! สเปน ครบเครื่องแซงเฉือน ฝรั่งเศส 2-1 ยามาล เด็ก 16 เสกได้
รอบรองชนะเลิศ ยูโร 2024 คู่แรก ระหว่างสเปนกับฝรั่งเศส ต้องบอกว่าแม้ว่าฟอร์มระหว่างทางจะเป็นทัพกระทิงดุ ที่ไฉไลกว่ามากๆ ด้วยสไตล์การเล่นและผลลัพธ์ในแต่ละนัด แต่ทว่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ สเปนประมาททัพตราไก่ ที่กระท่อนกระแท่นมาจนถึงรอบตัดเชือกไม่ได้เช่นกัน รวมถึงเมื่อคืนทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ก็ขาด2ผู้เล่นตัวหลักในแนวรับด้วย
ดานี่ การ์บาฆาล และ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ ติดโทษแบนทั้งคู่ ทำให้สเปนต้องปรับทัพให้ เซซุส นาบาส ในวัย38ปีไปเล่นแบ็กขวา และเซ็นเตอร์อีกรายที่จับคู่กับ อายเมอริค ลาปอร๊กต์ เป็นของ นาโช่ แฟร์นันเดซ ส่วนตำแหน่งอื่นจัดเต็มฟูลทีม แนวรุกริมเส้นจี๊ดจ๊าด ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์
ทางด้านฝรั่งเศสที่ตะกุยทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ มีการปรับทัพตามคาดนั่นก็คือ การดร็อป อ็องตวน กรีซมันน์ และแพ็กกลาง3คนในระบบ 4-3-3 มี อาเดรียง ราบิโอต์ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ปีกสองข้าง คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ และ อุสมาน เดมเบเล่ กองหน้าเป็น ร็องดาล โคโล่ มูอานี่
ออกสตาร์ทมาต้องบอกว่าเป็นไปตามคาดเพราะว่า สเปนครองบอลได้เหนือกว่าสร้างโอกาสได้หวาดเสียวกว่า แต่ทว่าด้วยความเขี้ยวและความเก๋าของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาชิงจังหวะขึ้นนำไปก่อน 1-0 น.9 เอ็มปั๊ปเป้ หยอกบอลให้ โคโล่ มูอานี่ ขวิดเข้าไป
ทว่าอย่างไรก็ดีการโดนนำเร็ว นั่นก็ไม่ได้ทำให้ ทัพ " ลา โรฆา " ออกอาการรวนหรือเกร็งกดดันแต่อย่างใด พวกเขาค่อยๆเล่นตามเกมของตัวเอง และก็มาตีเสมอได้ 1-1 ไม่นาน น.21 เมื่อเด็ก 16 ลามีน ยามาล ได้บอลทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วเจ้าตัวล็อกปั่นบอลโค้งๆเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย ชนิดที่ ไมค์ เมญอง หมดสิทธิเซฟด้วยประการทั้งปวง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที สเปนที่เหมือนติดเครื่องก็มาแซงขึ้นนำ 2-1 น.25 ดานี่ โอลโม่ ได้บอลในเขตโทษดึงล็อกหลบ ชูอาเมนี่ แล้วหวดเต็มแรงเข้าตาข่ายไป แม้ว่า ฌูลส์ กุนเด้ จะพยายามสกัดออกจากเส้น แต่เคลียร์ออกไม่ได้ ทำให้จบ45นาทีแรกเป็นสเปนขึ้นนำ 2-1
ครึ่งหลังตราไก่ ก็พยายามเปิดเกมบุกใส่ แต่ทว่าแนวรับของสเปน ก็ยังตรึงไว้ได้แน่หนา โดยเฉพาะนายด่าน อูไน ซิม่อน ก็ไม่พลาดลูกง่าย โดยเฉพาะลูกเปิดของ กุนเด้ ที่จะเข้าเสาแรก นายด่านจาก แอธเลติก บิลเบา ก็ไม่เสียเหลี่ยมยกแขนกันไว้ทัน
ฝรั่งเศส ได้ลุ้นจบอยู่เป็นระยะๆแต่ทว่าพวกเขาทื่อและขาดความเฉียบคมไปมากๆ ยิงเอามัน โด่งข้ามคานกันไปเองทั้ง เอ็มปั๊ปเป้ และ แอร์กน็องเดซ นั่นทำให้ น.62 ดิดิเย่ร์ เดช็องส์ ได้เปลี่ยนตัวรวดเดียว3ราย ซึ่งในนั้นมี กรีซมันน์ และ แบร็ดลี่ย์ บาโคล่า ซึ่งเกมก็ดีขึ้นมาชัดเจนโดยเฉพาะริมเส้นฝั่งซ้าย บาโคล่า
ไพ่ใบสุดท้าย โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ถูกส่งลงมาหวังเล่นงานลูกกลางอากาศ แต่ทว่าก็ไม่เป็นผล จบเกมจึงเป็น สเปนที่เล่นดีมาทั้งทัวร์นาเม้นต์ เอาชนะฝรั่งเศส ไปได้ 2-1 ทัพกระทิงดุได้เข้าชิง รอพบผู้ชนะระหว่าง เนเธอร์แลนด์ กับ อังกฤษ
ลามีน ยามาล เด็ก16 เสกได้
เริ่มถูกจับตามองมาสักพักแล้วสำหรับ ลามีน ยามาล เมื่อทะลุขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่าได้ ในขณะที่มีอายุเพียง16ปีเท่านั้น ปีแรกในทีมชุดใหญ่กับเจ้าบุญทุ่มเต็มตัว เจ้าหนูรายนี้ ทำไปได้7ประตู 7แอสซิสต์ จาก50นัดรวมทุกรายการ ซึ่งสำหรับแข้งดาวรุ่งเท่านี้ ก็ถือว่าน่าซูฮกแล้ว
นั่นทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ยามาล จะติดทีมชาติสเปนมาลุยยูโร 2024 ด้วยซึ่งก่อนทัวร์มาเม้นต์จะเริ่มขึ้นเจ้าตัวถึงกับต้องเอาการบ้านมาทำในแคมป์ทีมชาติด้วย 5 นัดที่ผ่านมา แม้ว่า ลามีน ยามาล จะยังไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ด แต่ทว่าอิมแพคต่อเกมเยอะมาก
ด้วยจังหวะกระชากลากเลื้อยที่เก่ง และนิ่งเกินวัย ไม่ฝืนดื้อเล่นเอง ไม่ทำให้รูปเกมเสีย กับฝรั่งเศสเมื่อคืนเจ้าหนูจากบาร์เซโลน่า ต้องดวลกับ เตโอ แอร์กน็องเดซ ซึ่งเกมรอบรองชนะเลิศในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่แบบนี้ ยามาล ไม่มีอาการเกร็งอะไรเลย เล่นเป็นธรรมชาติ
และแล้วประตูแรกของเจ้าตัวในยูโรคราวนี้ก็มาถึง เมื่อบรรรจงปั่นด้วยซ้ายจากรอบเขตโทษฝั่งขวาระยะราวๆ 20 หลาหนีมือ เมญอง เสียบเสาแทบจะสามเหลี่ยมเข้าไป และประตูดังกล่าวก็สร้างสถิติให้ ยามาล กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในยูโร รอบสุดท้ายด้วยวัยเพียง16 ปี 362 วัน
จริงๆ ยามาล ควรจะได้แอสซิสต์ตั้งแต่ต้นเกมด้วยหาก ฟาเบียน ลุยซ์ คุมบอลจังหวะได้โขกเหน่งๆดีๆ เจ้าหนูวัย16ปี ชนะการดวลมากถึง6ครั้ง แถมยังมีจังหวะชิงเหลี่ยมเอาชนะ เตโอ แอร์กน็องเดซ ได้อีกด้วย
ซึ่งหลังจบเกมดังกล่าวไม่แปลกใจเลยที่ ลามีน ยามาล ที่ถูกยกให้เป็นเต็ง1ดาวเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ เหนือกว่ารุ่นพี่ โรดรี้ และ ดานี่ โอโมล นอกจากนี้ ยามาล ยังเป็นคนสร้างโอกาสสำคัญมากสุดของรายการที่ 6ครั้ง รวมถึงได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วย
ขาดเปดรี้ กลายเป็น โอโม่ ที่ลงตัว
ตอนเริ่มแรกของทัวร์มาเม้นต์ การมาลุยศึกที่เยอรมันหนนี้ ต้องบอกว่า ไม่ได้ถูกวางไว้เป็นตัวจริงเลยสำหรับ ดานี่ โอลโม่ ที่ฟอร์มขึ้นๆลงๆกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ตำแหน่งดังกล่าวของทีมชาติตัวจริงเป็นของ เปดรี้ เด็กจากค่ายบาร์เซโลน่า
ถึงกระนั้นก็ดีมาจนถึงตอนนี้ โอลโม่ ก็กดไปแล้วถึง3ประตู ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมยูโร และจุดเริ่มต้นของเจ้าตัวก็มาจากในเกมรอบ8ทีมสุดท้ายกับเยอรมัน เปดรี้ โดน โทนี่ โครส อัดซะเดี้ยง จนปิดเทอมยาวยูโร 2024 ไปแล้ว
แค่นัดแรกที่ได้รับบทบาทดังกล่าวแทน เปดรี้ ตัวของ โอลโม่ ก็ทำประตูสุดสวยได้เลย เมิ่อสอดเข้ามาในเขตโทษ ซัดเรียดตามน้ำเข้าไป เมื่อคืนการได้เป็นตัวจริงนัดฟัดกับฝรั่งเศส แข้งจาก ไลป์ซิก ก็ไม่ทำให้ กุนซือ เด ลา ฟูเอนเต้ ผิดหวังเลย
สไตล์การเล่นของ โอลโม่ กับ เปดรี้ นั้นมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ดาวรุ่งจากบาร์ซ่า จะออกในแนวเชื่อมเกม คอนโทรลบอล มากกว่าสร้างเกมรุกจ๋าๆ แต่ โอลโม่ เป็นพวกประเภทพุ่งไปข้างหน้าในเขตโทษเสียเป็นส่วนใหญ่
ประตูที่เจ้าตัวกระซวกฝรั่งเศสได้ นั้นงดงามโดยแท้ เมื่อจับบอลด้วยขวากระดกหนี ชูอาเมนี่ ด้วยขวา และซัดด้วยขวาเข้าประตูไป ( แม้ กุนเด้ จะพยายามสกัดแล้ว ) โอลโม่ อันตรายทุกครั้งเวลาได้บอล หาพื้นที่เก่ง และต้องไม่ลืมว่า ดานี่ โอลโม่ เข้าใจระบบแท็กติกแนวทางกุนซือ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เป็นอย่างดี หลังเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ ทีมชุดยู-21 ที่คว้าแชมป์ยูโร 2019
เอ็มปั๊ปเป้ คนเดียวไม่พอแน่
เป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ถูกคาดหวังเยอะเหมือนกันสำหรับแข้งหน้าใหม่ป้ายแดงของ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลหน้า คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ แต่ทว่าภาพรวมนี่คือรายการที่เจ้าตัวแผลงฤทธิน้อยไปหน่อยอาจเนื่องด้วยแท็กติกการเล่นที่เปลี่ยนไป และการอาการบาดเจ็บที่ใบหน้าด้วย จนทำให้ต้องสวมหน้ากากลงเล่นบางนัด
เอ็มปั๊ปเป้ หายหน้าหายตาไปนัด ในเกมรอบแบ่งกลุ่มกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมาจนถึงนัดก่อนจะดวลกับสเปน " ประธานเป้ " พึ่งกดไปได้เพียงเม็ดเดียวเท่านั้น ซึ่งก็มาจากจุดโทษนัดเจ๊าโปแลนด์ 1-1
ซึ่งรอบรองเมื่อคืน เอ็มปั๊ปเป้ ก็เริ่มต้นได้ไฉไลเลยกับการแอสซิสต์ให้ โคโล่ มูอานี่ โหม่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จังหวะอันตรายต่างๆในเกมเจ้าตัวก็ยังดูคุกคามแบ็กสเปนอย่าง เซซุส นาบาส ได้เป็นระยะ แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายจังทำได้ไม่ดีพอ ก่อนจะมาเจองานที่หินขึ้นกับแบ็กที่ลงมาแทนอย่าง ดาเนียล บีเบียน
เมื่อคืน สตาร์ฝรั่งเศสรายนี้ ได้จังหวะกดมากถึง 4ครั้ง แต่ทว่าที่น่าเสียดายสุดๆเห็นทีจะเป็นช่วง10นาทีสุดท้าย ที่อุตส่าห์ตัดเข้าในได้ แต่ทว่าซัดด้วยขวาออกไปแบบไม่ได้ลุ้นบอลโด่งขึ้นอัฒจันทร์ฝั่งแฟนบอล
นั่นเท่ากับว่าในยูโร 2024 ดาวเตะนินจาเต่า ที่ได้ยิงทั้งหมด24ครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้แค่ลูกเดียว ซึ่งก็มาจากจุดโทษด้วย ถึงกระนั้นก็ดี เอ็มปั๊ปเป้ ก็ยังดูเป็นแนวรุกตราไก่ ที่สร้างความอันตรายมากที่สุดในทีมชุดนี้ ดูเอา มุ่งมั่นทุกๆจังหวะ แต่ทว่ามันยังไม่มากพอที่จะเสกความมหัศจรรย์ให้ ทัพ " เลอ เบลอส์ " ผ่านเข้าชิงได้
แท็กติก เดช็องส์ ทำแนวรุกฝืดเคือง
ก่อนศึกยูโร 2024 จะเริ่มขึ้นฝรั่งเศสถูกยกให้เป็นทีมเต็ง1เหนือทีมชาติอังกฤษด้วยซ้ำ ด้วยความที่ขุมกำลังของพวกเขาเพรียบพร้อม กุนซือมากประสบการณ์ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ และในทัวร์นาเม้นต์ล่าสุด บอลโลก 2022 พวกเขาก็มีสถานะเป็นรองแชมป์โลกเลย
แต่ทว่าเมื่อทัวร์นาเม้นต์เริ่มขึ้น ลากยาวมาจนถึงรอบรองชนะเลิศ ต้องบอกว่าไม่มีนัดไหนเลยที่ฝรั่งเศสทำผลงานได้น่าประทับใจ เอาตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรีย 1-0 / เสมอ เนเธอร์แลนด์ 0-0 / เสมอ โปแลนด์ 1-1
มาถึงรอบน็อกเอาท์ ชนะเบลเยี่ยม 1-0 และ เสมอ โปรตุเกส 0-0 ( ชนะจุดโทษ 5-3) ทำไปได้เพียง3ประตูเท่านั้น และมาจากจุดโทษ1 และคู่แข่งทำเข้าประตูัวเอง2 นั่นเท่ากับว่าทีมของ เดชองส์ ยังไม่สามารถเบิกสกอร์จากลูกโอเพ่นเพลย์ได้เลย
จนมาสำเร็จในเกมแรกจากลูกโหม่ง ของ โคโล่ มูอานี่ เมื่อคืน สิ่งที่น่าขัดใจของทัพตราไก่ชุดนี้ก็คือ การเล่นระบบ 4-3-3 หรือบางช่วง 4-3-2-1 ซึ่งสิ่งที่หายไปของฝรั่งเศสชุดนี้กฺ็คือความจัดจ้านของตัวริมเส้น ปีกดีๆเอามาติดทีมเยอะอย่าง เอ็มปั๊ปเป้ - เดมเบเล่ - บาโคล่า และ โกมัน
แต่ทว่ากุนซือ ดิดิเย่ร์ เดช็องส์ กลับไม่ใช้ประโยชน์ความเร็วจากตัวริมเส้นเท่านั้น เน้นเจาะตัดในเข้ากลาง บทบาทการเปิดบอลริมเส้น เป็นทางแบ็กอย่าง กุนเด้ และ แอร์กน็องเดซ มากกว่า โดยเฉพาะในรายของ ฌูลส์ กุนเด้ ที่เปิดมีติดตลอด เพราะธรรมชาติไม่ใช่แบ็กสายบุกแต่อย่างใด
รวมไปจนถึงก่อนหน้านั้นที่ใช้ มาร์คุส ตูราม เป็นหน้าเป้าไปเล่นลูกกลางอากาศ ดูจะไม่กลมกล่อมนัก เพราะไม่ใช่คนที่เล่นลูกโขกดีนัก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นน่าจะใช้เป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มากกว่า
ซึ่งนอกจากแท็กติกของฝรั่งเศสจุดปัจจุบันไม่ได้เน้นริมเส้นมากแล้ว อีกจุดหนึ่งก็ต้องสังเกตุเหมือนกันเพราะว่า อ็องตวน กรีซมันน์ ที่เล่นเทพกับทีมชาติ กลับโชว์ฟอร์มไม่ออกเลย จนเมื่อคืนได้ลงเล่นเป็นเพียงแค่ตัวสำรองแทน
หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ นี่คือคนของทีมชาติสเปน
ก่อนมาลุยทัวร์นาเม้นต์ที่เยอรมันหนนี้ ต้องบอกว่าโนเนมสุดๆเลยสำหรับ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ กับการคุมทีมชาติสเปนต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ เพราะหนสุดท้ายที่กุนซือหัวเหม่งรายนี้คุมสโมสร ต้องย้อนไปไกลถึงปี 2011 กับ อลาเบส เลย
โอเค แม้ว่าชื่อเสียงของ เด ลา ฟูเอนเต้ จะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ทว่าสำหรับสมาคมฟุตบอลสเปนแล้ว นี่คือคนของพวกเขาอย่างแท้จริง กุนซือวัย 63ปีรายนี้ เคยคุมทัพกระทิงชุดนี้ มาตั้งแต่ ยู19 - ยู21 และ ยู23
จนมาถึงทีมชาติชุดใหญ่ในที่สุด และประทานโทษ เด ลา ฟูเอนเต้ เคยพาสเปนชุดเล็ก ยู19 (2015) และ21 ( 2019) ซิวแชมป์ยูโรมาแล้ว โดยสิ่งที่ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ มอบให้ทีมชาติสเปนชุดปัจจุบัน นั่นก็คือรูปแบบการเล่น การต่อบอลที่รวบรัดตัดตอนกว่าเดิม ไม่มากจังหวะเกินไป
รวมไปจนถึงการสานต่อขุนพลคู่ใจตั้งแต่ทีมชุด ยู-21 มาจนถึงปัจจุบันทั้ง ดานี่ โอลโม่ - ฟาเบียน ลุยซ์ -อูไน ซิมอน รวมไปจนถึงตัวสำรองอย่าง มิเกล โอยาร์ซาบัล นั่นจึงทำให้นักเตะเหล่านี้ เข้าอกเข้าใจและตอบโจทย์แผนการเล่นเป็นอย่างมาก
นับมาตั้งแต่รอ[แบ่งกลุ่มต้องบอกว่าทัพ " ลา โรฆา " ทำผลงานน่าปรบมือให้ทุกนัดทั้ง ชนะ โครเอเชีย 3-0 / ชนะ อิตาลี 1-0 / ชนะ อัลแบเนีย 1-0 / ชนะ จอร์เจีย 4-1 / ชนะ เยอรมัน (ช่วงต่อเวลา 120นาที) 2-1 และล่าสุดชนะ ฝรั่งเศส 2-1
ซึ่งเมื่อนำฟอร์มในสนามไปเทียบกับคู่เข้าชิงระหว่าง เนเธอร์แลนด์ และ อังกฤษ ต้องบอกว่าสเปนเหนือกว่าชัดเจน และมาลุ้นกันว่า เด ลา ฟูเอนเต้ จะสร้างประวัติศาสตร์ ได้แชมป์ยูโรครบ 3ชุดกับทัพกระทิงดุได้เลย
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล ทีมชาติสเปน ฝรั่งเศส ลามีน ยามาล ดานี่ โอลโม่ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้
- 274
- 10 ก.ค. 2567 14:34