พระเอกมีคนเดียว ! สิงห์ ร้อนติดเครื่อง ยิง ไบร์ทตัน 4-2 พาลเมอร์ มหาเทพ4เม็ด
ออกสตาร์ทได้เหมือนกับว่ากำลังจะลบฝันร้าย 2ฤดูกาลที่ผ่านมาจริงๆ สำหรับเซลซี ในยุคของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เพราะพวกเขาผลงานไฉไลทั้งในเรื่องของสไตล์การเล่นและผลลัพธ์ จนกลับมาทำอันดับลุ้นไปเล่น รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง หลังเมื่อคืนปิดฉากตั้งแต่ใน 45นาทีแรก ถล่มเอาชนะ ไบร์ทตัน ไปสุดมัน 4-2 พร้อมกับพระเอกของงานที่ไม่ใช่ใครที่ไหน โคล พาลเมอร์ โหดจัดๆ เหมาคนเดียว4เม็ด
นัดที่6ของพรีเมียร์ลีก เซลซีได้กลับมาเล่นในบ้านดวลกับทีมที่ยังคงไม่แพ้ใครในซีซั่นนี้อย่าง ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน การจัดทัพ เอ็นโซ่ มาเรสก้า มาในระบบถนัด 4-2-3-1 โดยมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นตำแหน่งเดียวจากเกมที่ถล่ม เวสต์แฮม 3-0 นั่นก็คือ เซ็นเตอร์เปลี่ยนจาก โทซิน อดาราบิโอโย่ มาเป็น เวสลี่ย์ โฟฟาน่า
4ประสานแนวรุกชุดเก่งเป็น นิโคลัส แจ็คสัน - โนนี่ มาดูเอก้ - เจดอน ซานโช่ และที่ขาดไม่ได้ โคล พาลเมอร์ ทางฟากของ ไบร์ทตัน 5นัดแรก จากผลงาน ชนะ2 เสมอ3 ไร้พ่าย พวกเขามาในแผน 4-3-3 แนวรุกยังไม่มี เจา เปโดร แต่ทว่าก็ยังมี แดนนี่ เวลเบ็ค และ คาโอรุ มิโตมะ
เริ่มเกมมาด้วยความผิดพลาดของแนวรับสิงห์บูลส์ ที่เคลียร์บอลกันไม่ดีหน้าเขตโทษ บวก โรเบิร์ต ซานเชส ออกมาชกบอลไม่ถึง(วืด) ทำให้ จอร์จินโย่ รุตแทร์ โหม่งเข้าไปง่ายๆ น.7 ขึ้นนำ1-0 และประตูดังกล่าวก็แลกมาด้วย การเข้าปะทะนอนเจ็บกันทั้งคู่กับ มาร์ค กูกูเรย่า
ทว่าหลังจากนั้นพระเอกของงานก็มาถึงและก็เป็นคนๆเดียวที่แบกเซลซีมาตลอด โคล พาลเมอร์ ทำแฮตทริก ได้สำเร็จ ที่มาจากความหลากหลายทั้ง ยิงเอง - จุดโทษ และฟรีคิกที่งามหยดประดุจเป็น เดวิด แบ็คแฮม ทุกอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเพียงแค่ ครึ่งแรก 21 -28 และ 31
แต่ทว่านำอยู่ 3-1 ดีๆ รูปเกมสบายๆ แข้งแนวรับสิงห์น้ำเงินไม่ชอบ โกล โรเบิร์ต ซานเชส สร้างคอนเท้นต์อีกครั้ง เมื่อจ่ายบอลหมายจะให้ โฟฟาน่า แต่น้ำหนักขาดไปเยอะ เลยโดน คาร์ลอส บาเลบา ฉก เข้าไปยิงง่ายๆ น.34 ทีมเยือนไล่มา 3-2
ซานเซส ที่พลาดแล้ว นายด่านไบร์ทตัน อย่าง บาร์ท แฟร์บรุคเค่น ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน จ่ายบอลเสีย ไปเข้าทาง เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ จ่ายต่อให้ เจดอน ซานโช่ แอสซิสต์ให้ เจ้าเก่าคนเดิม พาลเมอร์ หลุดไปยิงมุมแคบ เข้าไป น.41 ขึ้นนำ 4-2 ก่อนจบ45นาทีแรก
ครึ่งหลังเกมก็ยังคงเป็นแบบเดิม สิงห์บูลส์ ยังมีโอกาสได้ประตูเพิ่มทั้งจาก พาลเมอร์ และ กูกูเรย่า แต่ทว่าเน้นน้อยไปหน่อยพลาดหมด (มีล้ำหน้า) และต้องบอกว่าสไตล์การเล่นของทัพนกนางนวล ของกุนซือหนุ่ม ฟาเบียน ฮูร์เซเลอร์ นั้นเป็นการฆ่าลูกทีมขนานแท้
ทั้งเป็นการ บิวด์อัพจากแดนหลัง แนวรับที่ดันสูงวัดใจหวังจะเช็กล้ำหน้า ซึ่งวิธีการเล่นแบบนี้และเข้าทางเซลซีหมดเลย เพราะแนวนรุกพวกเขามีการประสานงานกันที่ดี กว่าจะมาแก้ลำเปลี่ยนวิธีการเล่น ก็ต้องมาเปลี่ยนตัวผู้เล่น เมื่อย่างเข้าสู่ ช่วงใกล้ น.60
ช่วง20นาทีสุดท้าย เซลซี เหมือนจะผ่อนเกมลงไป เน้นจังหวะช้าเพื่อความชัวร์ให้แน่นอนขึ้น จบเกมจึงกลายเป็นเจ้าบ้านชนะไป 4-2 พร้อมเป็นการเก็บ3แต้ม 4นัดรวดในพรีเมียร์ลีก และขยับขึ้นมาอยู่อันดับ4ของตาราง
พระเอกมีคนเดียวและคนเดิม โคล พาลเมอร์ เหมา4เม็ด
แม้ว่าจะถูกปรับเปลี่ยนบทบาทการเล่น จากตำแหน่งปีกขวาในยุคของ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ มาเป็นเพลย์เมคเกอร์ ในยุคเจ้านายคนใหม่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ตำแหน่งการเล่นที่เปลี่ยนไป แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดความร้อนแรงของเจ้าหนู โคล พาลเมอร์ เลย
ก่อนหน้ากับไบร์ตัน พาลเมอร์ เล่นในพรีเมียร์ลีกซีซั่นใหม่ 5นัด ยิงไป2ประตู กับอีก4แอสซิสต์ เหมือนกับว่าอดีตดาวรุ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ จะกลายเป็นตัวเปิดป้อนมากกว่าลุ้นจบสกอร์เอง แต่ทว่านั่นไม่ใช่เลย
พาลเมอร์ เริ่มต้นเมื่อคืน ด้วยการพลาดโอกาสทองเหน่งๆ ทั้งกับหลุดไปยิงฝั่งซ้ายชนเสา และส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้แล้ว แต่ถูกยึดคืนภายหลังเพราะมีจังหวะล้ำหน้าไปก่อน และหลังจากนั้นภายในเวลาเพียงแค่ 10นาที ก็ไม่มีใครหยุด พาลเมอร์ อยู่
โคล พาลเมอร์ เริ่มจาก ยิงง่ายๆจากลูกถวายพานมาให้ของ นิโคลัส แจ็คสัน น.21 ต่อด้วยยิงจุดโทษสุดเฉียบเข้าไป น.28 และมาทำแฮตทริก ด้วยลูกฟรีคิกเสียบสามเหลี่ยม ประดุจว่าเป็น เดวิด แบ็คแฮม ท้ายซ้าย น.31
หลังกดไป3เม็ด เจ้าหนูวัย22ปี ไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะมากดเม็ดที่4 ได้จาก จังหวะยิงมุมแคบสุดคม 4ประตู ภายในเวลา45นาที เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ยิงได้4ประตูในครึ่งแรก
แถมยังเป็นแฮตทริกที่3ของเจ้าตัวกับเซลซีในพรีเมียร์ลีก จากการลงเล่นเพียง39นัด เทียบเท่ากับการทำแฮตทริกในลีกของเหล่าตำนานแข้งสิงห์บูลส์อย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด - ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และ จิมมี่ ฟลอย ฮัสเซลเบงค์
นอกจากนี้แล้วเมื่อคืนจุดโทษที่ พาลเมอร์ ยิงได้ นั่นเท่ากับว่า 10ครั้งที่ได้ยิงจุดโทษในพรีเมียร์ลีกให้เซลซี เจ้าตัวทำสถิติสังหารเข้าหมด100% เลย และนั่นเท่ากับว่านับตั้งแต่ ฤดูกาล2023-2024 มาจนถึงปัจจุบัน โคล พาลเมอร์ มีส่วนร่วมกับประตู ( ยิง+แอสซิสต์) มากถึง43ประตู เยอะสุดเป็นอันดับ1เหนือ เออร์ลิง ฮาลันด์ (42ประตู)
ซานโช่ เมื่อมีความสุข ฟอร์มในสนามก็ดี
เหมือนเป็นการยื่นหอกอาวุธให้คู่ต่อสู้ ในการแย่งอันดับไปเล่นรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก เลยสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อได้ปล่อย เจดอน ซานโช่ ไปให้กับ เซลซี ยืมตัวใช้งาน และตัวของปีกจอมปรับตัวรายนี้ ก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรกับทีมใหม่กรุงลอนดอนเลย
ซานโช่ ก็เล่นฟอร์มร่างเดิมกับสมัยกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั่นแหละ และแม้จะย้ายมาวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ มีเวลาฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมน้อย และไม่ได้ไปปรี-ซีซั่น แต่ทว่านั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคของเจ้าตัวแต่อย่างใด
ก่อนหน้านั้นปีวัย24ปี เริ่มต้นกับเซลซีในลีกด้วยการ เป็นตัวจริง1นัด สำรองอีก1นัด ถึงแม้จะมีเวลาไม่มากแต่ ซานโช่ เองก็มีถึง2แอสซิสต์ เมื่อคืนกับ ไบร์ทตัน เป็นการออกสตาร์ทตัวจริงนัดที่2ซึ่ง เจ้าตัวก็ทำได้ดีมากๆ
เจดอน ซานโช่ เป็นผู้ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษเรียกจุดโทษให้กับทีม แถมยังเป็นคนทำแอสซิสต์ ประตู 4-2 ของ พาลเมอร์ นอกจากนี้ในเรื่องของจังหวะจะโคนการเล่น ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ปีกชาวอังกฤษทำได้ดีเข้าขามากๆกับทั้ง แจ็คสัน และ พาลเมอร์
จังหวะการเล่นของ ชานโช่ มีเพื่อนร่วมทีมมาเล่นลิงก์ซัพพอร์ตด้วย ทำให้อะไรหลายๆอย่างง่ายและสมูธ แตกต่างกับที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเป็นปีกสายกระชากลากเลื้อยไปคนเดียว มากกว่าเล่นจังหวะชั้นเชิง
เจดอน ซานโช่ เลี้ยงบอลผ่านแข้งไบร์ทตัน ถึง6ครั้ง - ชนะการดวล 7หน - เอาบอลกลับมาครองได้ 5ครั้ง เล่นแบบนี้มีแววสูงเหนือเกินที่จบฤดูกาล ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ จะเลือกชื้อขาดจาก แมนฯยู หากว่าทีมสีแดงเมืองแมนเชสเตอร์ ไม่เรียกค่าตัวแพงมากนัก
แนวรับเซลซี ทำเรื่องลำบาก ซานเชส มีเหวอ แจก2
พึ่งจะเหนียวแน่น จากการรักษาคลีนชีต มา3นัดติดทุกรายการ แต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่ แนวรับเซลซี คืนร่างเป็นฤดูกาลที่แล้วเลย นั่นก็คือการเสียประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคล และเสียก็เสียแบบดื้อๆโดยไม่ต้องโดนกดดันมาก่อน
ประตูแรกที่เสียมีส่วนต้องรับผิดชอบกันหลายคนมากทั้ง มอยเซส ไกเซโด้ ที่ไปจ่ายบอลคืนให้ ลีวาน โคลวิลล์ ประชิดตัวในเขตโทษ ส่วน โควิลล์ ก็เปิดไปติดบล็อค คาร์ลอส บาเลบา ทำให้บอลลอยอยู่กลางอากาศ
ซึ่งจังหวะดังกล่าวทำท่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ทว่า โรเบิร์ต ซานเซส พุ่งออกมาชกบอลแล้วไม่ถึง บอลเลยไปเข้าศรีษะ จอร์จินโย่ รุตแทร์ โหม่งสวนเข้าไปดื้อๆ พลาดแบบหมูหกขนานแท้จริงๆสำหรับเซลซี
หรือตอนที่เซลซี นำ3-1 รูปเกมของทัพนกนางนวลก็ช็อตเครื่องสะดุดไป แต่ทว่าก็กลายเป็น โรเบิร์ต ซานเชส เจ้าเก่าคนเดิมกลัวรูปเกมไม่ตื่นเต้น จ่ายบอลจากจังหวะโดนบีบหน้ากรอบเขตโทษแล้วไม่แม่น ไปเข้าทาง บาเลบา ฉกเข้าไปยิงง่ายๆ
จริงๆเมื่อคืนแผงแบ็กโฟร์ของทีมสิงห์น้ำเงินเล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานกันทุกรายเลย ไม่ว่าจะเป็น กุสโต - โคลวิลล์ - โฟฟาน่า และ กูกูเรย่า โดยเฉพาะพี่หัวฟู เสียเชิงมากๆเหมือนกันกับประตู 1-0 ที่เสียไป (แถมเจ็บฟรี) เพราะไปขึ้นโหม่งแพ้ รุตแทร์
มาเรสก้า เจอทีมลงตัว อาจมีเปลี่ยนตรง มาดูเอเก้
ถ้าดูเค้าลางทีมจากผลงานช่วงปรี-ซีซั่น บวกกับชื่อชั้นของกุนซือผู้มาใหม่อย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่แพ้จะพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่ทว่าแฟนบอล " เดอะ ฟ็อกส์ " ก็ไม่ค่อยประทับใจ ผู้จัดการทีมชาวชาวอิตาเลี่ยนรายนี้นัก
กับเซลซี เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็เริ่มต้นอย่างน่าเป็นห่วงเช่นกัน ซึ่งถึงจะแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ตามเชิง แต่ทว่ารูปเกมในสนามพวกเขาสู้ เรือใบสีฟ้าไม่ได้เลย แต่ทว่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆดีขึ้นอย่างเซอร์ไพรส์ จนมาอยู่ที่4ของตาราง
5นัดในลีกต่อมา ชนะ 4เสมอ 1 พร้อมยิงระเบิดเถิดเทิงถึง15ประตู มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ แถมพวกเขายังมีนักเตะที่ทำแฮตทริก ได้แล้วถึง2คนด้วยกัน โนนี่ มาดูเอเก้ และ โคล พาลเมอร์ ยังไม่นับรวม คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่ทำได้ใน คาราบาว คัพ นัดเจอทีมจาก ลีก ทู อย่าง บาร์โรล
ทีเด็ดของเซลซีในยุค มาเรสก้า นั่นก็คือเกมรุก พวกเขาได้3ประสานที่ลงตัวอย่าง แจ็คสัน- ชานโช่ และ พาลเมอร์ หรือเพียงแต่ปีกขวา ตรง มาดูเอเก้ เท่านั้นที่ยังไม่เข้ารูป บางทีนักต่อไปอาจเป็นโอกาสของ เปโดร เนโต้ บ้างแล้ว
สิงห์บูลส์ ชื่นชอบมากๆกับแนวรับคู่แข่งที่ดันไลน์สูง เพราะเหล่าตัวรุกของพวกเขาอย่าง เล่นกับไลน์ล้ำหน้าได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นกันเกมกับไบร์ทตันเมื่อคืน (แม้จะมีล้ำหน้าบ้าง)และ นัดกับ เวสต์แฮม (ที่ แจ็คสัน หลุดเดี่ยว)
วิธีการเล่น ฮูร์เซเลอร์ เหมือนฆ่าลูกทีม
ไม่ว่าจะเป็นในยุคกุนซือคนไหน ทั้ง เกรแฮม พอตเตอร์ - โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ และล่าสุดเป็น ฟาเบียน ฮูร์เซเลอร์ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ก็ยังคงเล่นสไตล์เดิมนั่นก็คือ เน้นต่อบอลด้วยเท้าแม่นยำ ไม่หวดทิ้งบอลยาวจังหวะจวนตัว ซึ่งรูปแบบการเล่นนี้อาจได้ผลเวลาเจอทีมเล็ก แต่ทว่าถ้าดวลกับทีมใหญ่ อาจโดนลงโทษสาสม
" เดอะ ซีกัลล์ " เป็นทีมที่กองหลังแนวรับชอบยืนไลน์สูงอยู่แล้ว เพื่อขึงเกมบุก แต่ทว่าเวลาหลุดมาคือต้องวิ่งกันน้ำบานเลย เมื่อคืนก่อนจะเสียประตูแรกก็มีสัญญาณเตือนมาก่อนแล้วกับ ลูกยิงของ พาลเมอร์ แต่มีธงยกล้ำหน้าไปก่อน
อีกจุดที่เป็นเหมือนการฆ่าตัวตายของ ไบร์ทตัน นั่นก็คือ แท็กติกวิธีการเล่นของ ฮูร์เซเลอร์ นี่แหละ ที่มาเหนือเหลือเกิน เลือกเซ็ตบอลต่อบอลตั้งแต่แดนหลัง ทั้งที่นานด่านของพวกเขาอย่าง บาร์ท แฟร์บรุคเค่น ไม่ใช่โกลที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี ตั้งแต่สมัยที่อยู่ อันเดอร์เรชท์ แล้ว
จริงๆนอกจากประตูโดนทิ้งห่าง 4-2 ที่ แฟร์บรุคเค่น จ่ายพลาด ก็มีสัญญาณเตือนมาก่อนแล้วจากจังหวะพยายามบิ้วบอลจากแดนหลัง เพราะผิดพลาดกันหลายรายทั้ง อดัม เว็บสเตอร์ - เปร์วิส เอสตูปินญาน ดีที่ไม่โดนลงโทษโดยตรง
ซึ่งกว่ากุนซือหนุ่มวัย31ปี จะเลิกบิลด์บอลจากแดนหลังเพราะมีความอันตราย ก็ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นถึง2คน ทั้ง อีกอร์ ชูลิโอ และ ยาซิน อายารี่ ฤดูกาลที่แล้ว 2023-2024 ไบร์ทตัน เล่นบิลด์อัพจากแดนหลังแบบนี้แหละ ในนัดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนทะลวงไป4-0 และมีลูกที่ เรือใบ แย่งดักบอลจาก ไบร์ทตัน ที่บิวด์บอลหน้าเขตโทษ เข้าไปยิงง่ายๆ
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์นิสต์ คอลัมน์บอล พรีเมียร์ลีก เซลซี ไบร์ทตัน เอ็นโซ่ มาเรสก้า โคล พาลเมอร์ เจดอน ซานโช่
- 107
- 29 ก.ย. 2567 14:39