บ๊ายบาย แชมป์เก่า ! สวิต แกร่ง อัด อิตาลี เบาะๆ 2-0 เข้ารอบ8ทีม สปัลเล็ตติ จัดตัวงง
ล้มกลิ้งเก็บเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับแชมป์เก่า อิตาลี หลังจากที่ผ่านเข้ารอบมาได้แบบกระทอ่นกระแท่น พวกเขาก็ต้องมาโดน สวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในว่าที่ทีมม้ามืดใน ยูโร2024 คราวนี้ เขี่ยตกรอบ16ทีมสุดท้าย แบบไร้เชิงสุดๆ 2-0 ชนิดที่ว่ารูปเกมตลอด90นาที ทีมจากแดนนาฬิกา เหนือกว่าทีมแชมป์โลก4สมัยชัดเจนมากๆ
เกมรอบ16ทีมสุดท้าย คู่แรกระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ ทีมอันดับ2กลุ่ม เอ ไขว้มาเจอกับ อิตาลี อันดับ2กลุ่มบี ซึ่งก่อนเกมแม้ว่าชื่อชั้นของทีมแดนมะกะโรนีจะเหนือกว่า แต่ทว่ามองในเรื่องของ ทรงบอล วิธีการเล่น ต้องบอกว่าลูกทีมของ มูรัต ยาคิน ดูดีกว่าระดับหนึ่ง
ส่วนอิตาลีต้องบอกว่านี่คือทัวร์นาเม้นต์ ที่ชื่อชั้นนักเตะของพวกเขาขี้เหร่มากสุดๆครั้งหนึ่งในการมาเล่นรายการใหญ่ ก่อนเกม ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ มาในระบบ 4-3-3 ตำแหน่งของ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี ที่ติดโทษแบน เป็น จานลูก้า มันชินี่ ที่ได้เสียบแทน
มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน ได้แล่นแบ็กซ้ายแทน เฟเดริโก้ ดิ มาร์โก้ กองกลางมีเซอร์ไพรส์ถึง2จุดคือ ทั้ง ไบรอั้น คริสตันเต้ และ นิโคโล่ ฟาโจลี่ ได้ออกสตาร์ทตัวจริง รวมไปจนถึงแดนหน้า กลับมาใช้ จานลูก้า สคามัคค่า เป็น11คนแรก แถม สเตฟาน เอล ชาราวี ก็โผล่มาลงสนามด้วย
โดย สวิตเซอร์แลนด์ มาในระบบ 3-4-2-1 มีผู้เล่นตัวเก่งหลายรายทั้ง โกล แยน ซอมเมอร์ - มานูเอล อคานยี่ - ฟาเบียน แชร์ - กรานิต ชาก้า รวมไปจนถึง เรโม่ ฟรอยเลอร์ เริ่มเกมมาก็เป็นทีมจากแดนนาฬิกา ที่เหนือกว่าจริงๆทั้งในเรื่องของสปีดบอล รูปแบบการเข้าทำ รวมไปจนถึงทีมเวิร์คการครองบอล
และสุดท้ายก็เป็น สวิตฯ ที่มาขึ้นนำไปก่อน 1-0 จนได้จาก ลูกสอดเข้ามายิงสุดสวยของ เรโม่ ฟรอยเลอร์ น.37 หลังจากที่ก่อนหน้านั้น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ช่วยเซฟลูกยิงหลุดเดี่ยวของ บรีล เอ็มโบโล่ สวิตเซอร์แลนด์ พยายามเร่งเครื่องอีกช่วยท้ายครึ่งแรก หมายจะทิ้งห่าง แต่ทว่ายังทำเพิ่มไม่ได้จบ 45นาทีแรกด้วยสกอร์ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมาไม่ทันได้ตั้งตัวเลย สวิต ก็มาได้เม็ดที่สองไม่ถึง1นาที จากความผิดพลาดของนักเตะเลี่ยน รูเบน วาร์กัส ได้บอลในเขตโทษ ก่อนปั้นโค้งๆหนีมือ ดอนนารุมม่า เสียบตาข่ายไปอย่างสวยงาม 2-0 น.46 ซึ่งหลังจากนั้นทีมของ ยาคิน ก็เน้นเกมรับรัดกุม ปล่อยให้อิตาลีครองบอล
ซึ่งขุนพลอัซซูรี่ ได้แต่เคาะจ่ายบอลไปมา ในพื้นที่สุดท้ายไม่มีไอเดียในการเข้าทำเลย ตีบตันสุดๆ หาโอกาสใกล้เคียงในการทำประตูไม่ได้ กุนซือ สปัลเล็ตติ พยายามเปลี่ยนเกมส่งทั้ง มาเตโอ เรเตกี - มัตเตีย ซัคคายี่ มาตั้งแต่ออกสตาร์ทครึ่งหลัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รวมไปจนถึงพวก อันเดรีย คัมเบียโซ่ และ ลอเรนโซ่ เปเลกรีนี ด้วย
จบ90นาที เป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่ผ่านเข้ารอบ8ทีมไปได้ อย่างเด็ดขาด กับสกอร์ 2-0 เขี่ยแชมป์เก่า อิตาลี ให้กลับบ้านเร็ว ซึ่งการยุติเส้นทางในรอบ16ทีมดังกล่าว ก็มีแววสูงเหมือนกันที่ สปัลเล็ตติ จะไม่ได้ไปต่อ เปิดทางให้คนอื่นมาคุมทัพแทน
สปัลเล็ตติ จัดตัวงง เปลี่ยนตัวงง
ด้วยความที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ มีปัญหากับทางสมาคม แล้วลาออกกลางคัน ทำให้ ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ ต้องเข้ามารับงานแทนแบบฉุกเฉินหน่อย ก่อนมาลุยยูโร 2024คราวนี้ กุนซือหัวเหม่งได้คุมทีมชาติอิตาลี ไปเพียงแค่10นัดเท่านั้น
นั่นทำให้อดีตกุนซือนาโปลีรายนี้ มีโอกาสเลือก จัดตัวผู้เล่น หรือลองทีมน้อยไปหน่อย เราจึงเห็นได้ว่าอิตาลี ในยุคของ สปัลเล็ตติ ยังมีแผนการเล่นหรือนักเตะที่ไม่ลงตัวสักทีทั้ง 11ตัวจริงและแผนการเล่น 4-3-3 / 4-2-3-1 / 3-5-2 หรือรวมไปจนถึง 3-4-2-1
ในยูโรคราวนี้ เราจึงไม่เห็นความกลมกล่อมของทีมแชมป์โลก4สมัยเท่าไหร่ การจัดตัวเมื่อคืน ถือว่าทำเซอร์ไพรส์มากๆเหมือนกันที่ปรากฎชื่อของ นิโคโล่ ฟาจิโอลี่ ที่โดนโทษแบนพนัน7เดือนแล้วหายกลับมา ออกสตาร์ทตัวจริง รวมไปจนถึง ไบรอัน คริสตันเต้ ที่ฟอร์มไม่เวิร์คกับโรม่า ก็ได้เป็นตัวจริง
สเตฟาน เอล ชาราวี ที่หมดสภาพไปแล้ว ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเฉย ฮีโร่ผู้ทำประตูตีเสมอ โครเอเชีย อย่าง มัตเตีย ซัคคายี่ ต้องเป็นสำรองไปก่อน รายละเอียดในเกมกับสวิตฯ ต้องยอมรับว่า อิตาลี สู้ไม่ได้เลย ทั้งรูปเกม การเข้าทำไอเดียต่างๆ
ช่วงที่โดนนำ 2-0 อัซซูรี่ มีโอกาสใกล้เคียงที่สุดคือ จังหวะโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมของ ฟาเบียน แชร์ ที่ไปชนเสา รวมไปจนถึงลูกยิงจ่อๆของ สคามัคค่า (คาดว่าน่าจะล้ำหน้า) ที่ไปชนเสา นอกจากนั้นเป็นการเข้าทำแบบเดิมๆ เปิดจากริมเส้น แต่ทื่อมากๆ แนวรับสวิตฯ ไม่ต้องเหนื่อยหนัก เคลียร์สกัดบอลกันไม่ยากนัก
ตลอด90นาที บวกทดเวลาบาดเจ็บอีก2นาที อิตาลี ยิงเข้ากรอบเพียงแค่1ครั้งเท่านั้น จากลูกยิงของ เรเตกี ที่เรียกตรงตัวให้ ซามเมอร์ รับง่ายๆ ครึ่งหลังที่ทัพเลี่ยนได้ครองบอล พยายามบุกเข้าใส่ แทบไม่มีความรู้สึกเลยว่าพวกเขาใกล้เคียงจะทวงประตูคืนกลับมาได้
ฟาจิโอลี่ หลุมดำในแดนกลาง ติดทีมมาไง ?
การติดทีมมาลุย ยูโร 2024 คราวนี้ของ นิโคโล่ ฟาโจลี่ ถือว่าเซอร์ไพรส์มากๆจริงๆ เพราะแข้งวัย23ปี พึ่งจะพ้นโทษแบนอันยาวนาน7เดือน จากความผิดโทษฐานเล่นพนันออนไลน์ โดย ฟาโจลี่ เอง พึ่งพ้นโทษกลับมาลงสนามให้ ยูเวนตุส รวมไม่ถึง 100นาทีเลย
ซึ่งนักเตะที่ล้างสนามไปนานๆ แน่นอนว่าจังหวะจะโคนย่อมติดๆขัดๆอยู่แล้ว เราจึงเห็นได้ว่าดาวเตะจากยูเว่ ดูไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีมเลย จ่ายบอลเสียบ่อย โดยเฉพาะประตู2-0 ก็จุดเริ่มต้นมาจาก ฟาโจลี่ นี่แหละที่ส่งบอลพลาด
บอลเวลาไปที่ ฟาโจลี่ มักจะลงเอยด้วยการม้วนไปม้วนมา เซ็นส์ฟุตบอลดูช้าไปหน่อย เวลาต้องเล่นเกมรับ หรือต้องเลือกไล่ตามประกบตัวไหน รวมถึงลูก1-0 ที่สอดเข้ามาของ เรโม่ ฟรอยเลอร์ มิดฟิลด์ของ อิตาลี หายไปหมดเลย
อีกคนที่อืดอาดมากๆเมื่อคืนนั่นก็คือ ไบรอัน คริสตันเต้ ที่ก่อนมา ฟอร์มกับโรม่าก็ไม่ได้แจ่มเท่าไหร่ (แม้จะยึดตัวจริง) ด้วยความช้านี่แหละทำให้ คริสตันเต้ คุมพื้นที่ในแดนกลางไม่กระชับเท่าไหร่ การจ่ายบอลไปเป็นในรูปแบบไม่กล้าเสี่ยง แค่เคาะไปมาเท่านั้น ทำให้ท้ายที่สุดแล้วได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 75นาที
ส่วนว่าที่ตัวแบกอย่าง นิโคโล่ บาเรลล่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บต้นเกมเปล่า ทำให้มิดฟิลด์จาก อินเตอร์ มิลาน ผิดฟอร์มมากๆ ไม่มีช็อตจ่ายบอลขึ้นหน้าให้ได้ลุ้นเลย เล่นไปดูค่อยๆเหนื่อยค่อยดับลง และอยู่ในสนามได้เพียงแค่ 64นาที เท่านั้น
สคามัคค่า ไร้ประโยชน์ แข้งอิตาเลี่ยนไร้แพสชั่น
ด้วยความที่พึ่งคว้าแชมป์ ยูโร 2020 มา เหมือนกับว่าจะทำให้เหล่าผู้เล่นทีมชาติอิตาลี หมดแรงจูงใจมากไปหน่อย เพราะว่าในทัวร์นาเม้นต์ ต่อมา ฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาอดไปลุยศึกที่กาตาร์ซะงั้น และเป็นการชวดไป บอลโลก2สมัยติด 2018 และ 2022
ส่วนในยูโรครั้งนี้ต้องบอกว่า เป็นทีมชาติอิตาลีชุดที่ขี้เหร่สุดๆชุดหนึ่งเลย เพราะแทบไม่มีสตาร์ดังในทีมมีตัวชูโรงเพียงแค่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า -นิโคโล่ บาเรลล่า เท่านั้น มีเซอร์ไพรส์ เล่นดีออกมาโดดๆหนึ่งรายนั้นก็คือ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี่
ในแนวรุกต้องบอกว่าขี้เหร่เหลือเกิน ขนาด สเตฟาน เอล ชาราวี ที่หมดสภาพมาแล้ว ยังติดทีมมาได้ เมื่อคืนกับ สวิตเซอร์แลนด์ กองหน้าเป้าเป็น จานลูก้า สคามัคค่า ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และก็เป็นเดจาวูของหอกจากอตาลันต้ารายนี้เลย เพราะไม่มีบทบาทอะไรกับเกม
สคามัคค่า บอลมาถึงเจ้าตัวน้อยมาก ท่าทางภาษากายของเจ้าตัวดูไม่สู้ดีเลย มีโอกาสยิงระยะไม่กี่หลา แต่ซัดไปชนเสา นั่นเท่ากับว่า 20นัดในทีมชาติ แข้งจากแบร์กาโม่ ยิงได้เพียงแค่ 1เม็ดเท่านั้น พอรู้ว่าไปไม่ได้ก็เหมือนถอดใจ ใจออกเลย
โดยช่วงที่ยังตามอยู่ 2-0 แข้งอิตาเลี่ยน ดูไม่ได้กระตือลือล้นมากพอที่จะทวงประตูคืนเลย นักเตะหลายคนธรรมดาเกินไปที่จะติดทีมมาด้วย มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน แบ็กซ้ายที่ไม่ต้องลุ้นในเรื่องเกมรุก ส่วนตัวที่หวังลงมาเปลี่ยนเกมก็ธรรมดาพื้นๆ ทั้ง เรเตกี - กัมเบียโซ่ รวมถึง เปลเลกรีนี่ ที่ทื่อสุดๆ ไม่สมกับได้สวมเสื้อเบอร์10
โอเคว่าโทษ สปัลเล็ตติ ได้เช่นกันในการเลือกแผนการเล่น ความสับสนต่างๆ แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า อัซซูนี่ ชุดนี้นักเตะขี้เหร่เหลือเกิน จะๆคือแนวรุกแบบที่เลี้ยงกินตัวได้ มีเพียง เฟเดริโก้ เคียซ่า (ที่ไม่พีคเท่าแต่ก่อน) ที่จะสร้างความอันตรายได้
ชาก้า ยิ่งแก่ยิ่งดี 2กลางสวิตฯ เอาชนะ3กลางอิตาลี
แม้ว่าจะเข้ารอบมาเป็นที่2ของกลุ่ม เอ ด้วยผลงาน ชนะ1 เสมอ2 แต่ทว่าเกมที่ดวลกับเยอรมัน ขุนพลแดนนาฬิกา ก็เกือบจะล้มเจ้าภาพได้นะ แต่มาโดนลูกโขกตีเสมอ น.90+2 ของ นิคลาส ฟุลล์ครุก มิเช่นนั้นแล้ว สวิตฯ จะเข้าป้ายเป็นแชมป์กลุ่มได้เลย
ส่วนเกมฟัดกับ อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ที่มาในระบบ 3-4-2-1 ใช้มิดฟิลด์คู่กลางเป็นคู่เก่ง กรานิต ชาก้า เจ้าของแชมป์ บุนเดสลีก้า กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ผนึกกำลังกับ เรโม่ ฟรอยเลอร์ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นกับโบโลญญ่า
31และ32 นี่คืออายุของคู่มิดฟิลด์สวิตฯ แต่ตัวเลขหลักสามดังกล่าว ไม่ได้มีผลต่อการเล่นเมื่อคืนเลย กลาง2คนของ สวิตเซอร์แลนด์ เอาชนะ3มิดฟิลด์ของอิตาลี ได้อย่างเด็ดขาด ทั้งในเรื่องของการครองบอล (ถ้าคิดจะครองบอล) ลูกหนัก - เพรสซิ่ง - วิสัยทัศน์ในการจ่าย
โดยเฉพาะในรายของ กรานิต ชาก้า ที่ลงเอยด้วยการ คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ซึ่งนี่เป็นหนที่2แล้วที่เจ้าตัวได้รางวัล จากการลงสนาม4นัดใน ยูโร ชาก้า มีสถิติที่ยอดเยี่ยมทั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 94 จาก98ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่แดนสาม 16ครั้ง / เอาชนะการครองบอล4ครั้ง และ สร้างสรรค์โอกาส 3ครั้ง (มากที่สุด)
ฟาก ฟรอยเลอร์ จังหวะสอดมายิงของเจ้าตัวนั้นยอดเยี่ยม มีทั้งความลงตัวและพอดีมากๆ แถมทั้ง2มิดฟิลด์ตัวเก่าเมื่อคืน ก็เชื่อมเกม ออกบอลได้เป็นอย่างดีด้วย เวลาที่ตั้งรับอยู่ แล้วจะเปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกทรานซิชั่นบอล อย่างรวดเร็ว
สวิตฯตัวดี + มูรัต ยาคิน ทำทีมแล่นฉลุย
สวิตเซอร์แลนด์ มาลุยยูโร 2024 คราวนี้ ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่มไอ ในรอบคัดเลือก ซึ่งถือว่าผลงานไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ ชนะ 4 เสมอ5 และแพ้1 แถมยังเป็นกลุ่มที่ไม่มีชาติยักษ์ใหญ่อีกด้วย โดยก่อนมายูโร 10นัดหลังสุดพวกเขาชนะคู่แข่งไปได้เพียงแค่3นัดเท่านั้น
แต่ทว่าพอเล่นไปในทัวร์นาเม้นต์ สวิตฯ ดูจะกลมกล่อมขึ้นเรื่อยๆ ถ้าในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาน่าจะเก็บ7 เป็นแชมป์กลุ่มได้เลย หากว่าไม่โดนเยอรมัน ตีเสมอช่วงท้ายเกมทดเวลาบาดเจ็บ แถมยังทุบฮังการี ได้แบบไม่ยากเย็นนัก 3-1
การเจอกับอิตาลี แม้ทีมแดนมะกะโรนี ชื่อชั้นจะเหนือกว่า แต่กูรูหลายคนก็มองว่ามีโอกาสสูงเหมือนกันที่สวิตเซอร์แลนด์จะหักปากาเซียนผ่านไปได้ ในเรื่องของรูปเกม ทีมของ มูรัต ยาคิน บีบสูงเพรส จนอิตาลี ไม่สามารถแกะบอลคุณภาพออกมาจากแดนตัวเองได้
สวิตฯ กดอิตาลี ยับตั้งแต่10นาที ไม่ให้ออกบอล รวมถึงทำให้ลูกทีมของ สปัลเล็ตติ ที่โดนบีบเร็วส่งบอลเสียเป็นว่าเล่น เวลาที่ต้องบิ้วอัพ สวิตเซอร์แลนด์ ทำได้ดีกว่านิ่งกว่า เล่นกับบอลได้สบายๆ อิตาลี่ ที่พยายามไล่ แต่ก็ไล่ไม่จนสักที
พอนำ 2-0 สวิตเซอร์แลนด์ ก็เน้นรับมากขึ้น ถอยมาเล่น 5-4-1 รอจังหวะสวนกลับ ซึ่งการเล่นเกมรับพวกเขาแทบไม่เจอความกดดันให้ระคายผิว มีเพียงจังหวะที่ ฟาเบียน แชร์ โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมไปจนเสาเท่านั้น ที่จวนเจียนจะเสีย ส่วนลูกยิงจ่อๆของ สคามัคค่า ที่ชนเสาคาดว่าน่าจะล้ำหน้าไปก่อน
โอเคว่าทีมของ มูรัต ยาคิน จะไม่ได้เพอร์เฟคส์ทุกจุด แต่ทว่าชาติยักษ์ใหญ่ไหนต้องดวลกับพวกเขามีเหนื่อยหนักแน่ ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้ จัดว่ามีตัวผู้เล่นดีๆหลายรายเหมือนกันทั้ง ยาน ซอมเมอร์ - ฟาเบียน แชร์ - มานูเอล อคานยี่ - กรานิต ชาก้า รวมไปจนถึง รูเบน วาร์กัส ที่มาฟอร์มดีในยูโร และต้องไม่ลืม เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ชอบฉายในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ด้วย
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล ยูโร2024 อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ กรานิต ชาก้า
- 1451
- 30 มิ.ย. 2567 15:46