น้องใหม่แล้วไง ! ฟูแล่ม สู้ตาย เปิดบ้านเจ๊าหงส์ 2-2 มิโตรวิช กดเบิ้ล
นี่ก็เป็นฤดูกาลที่4ติดต่อกันแล้วที่ลิเวอร์พูล ได้ประเดิมนัดแรกในพรีเมียร์ลีก โดยมีทีมน้องใหม่เป็นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น นอริช ซิตี้ (2ครั้ง) ลีดส์ ยูไนเต็ด และล่าสุดกับฟูแล่ม ทีม(หน้าเก่า) ดีกรี แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เหล่าบรรดากูรูลูกหนัง และผู้สันทัดกรณี ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่จะเป็นงานง่ายขนมกรุบของพลพรรคหงส์แดง
แต่ทว่าผลลัพธ์90นาทีที่ คราเวน ค็อตเทจ ก็ถือว่าพลิกล็อกอยู่เหมือนกัน เมื่อฟูแล่ม เล่นกันได้ดีเกินคาด เข้าบอลเร็ว บีบเร็วในทุกจังหวะ นักเตะวิ่งสู้ฟัด จึงสามารถยันเสมอกับลิเวอร์พูลไปได้สุดมัน 2-2
อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ที่ยิงระเบิดเถิดเทิง ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก็ลบคำสบประมาทว่าเก่งแค่ในลีกรอง ด้วยการเหมาทำคนเดียว2ประตู ใส่ลิเวอร์พูล จากลูกโขก น.32 และเรียกจุดโทษจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ น.72 และลุกขึ้นมาสังหารเองไม่เหลือซาก
ทางฝั่งของลิเวอร์พูลที่นัดนี้เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน ถือว่าพวกเขาได้ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ถูกส่งสนามลงมาเป็นตัวสำรอง แล้วพลิกเกมพลิกสถานการณ์ได้ไม่น้อย ชัดเจนสุดๆว่าหอกชาวอุรุกวัยรายนี้ ทำได้ดีกว่า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ หลังมาซัดประตู น.64 และมีส่วนร่วม (ทำแอสซิสต์แบบงงๆ) ให้ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.80
ที่น่าตำหนิมากๆสำหรับ ลิเวอร์พูล ในนัดนี้คือ สามกองกลางที่ทำให้ที่ของตัวเองได้ไม่ดีเลยทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ ที่เมื่อโดนรุมแย่งบีบเร็วจากผู้เล่นทีมเจ้าบ้าน เล่นเอาทำอะไรไม่ถนัดเลย รวมไปจนถึงการตัดเกมที่นัดนี้ เฮนโด้ และ หมอปลา โดนมิดฟิลด์ของฟูแล่มผ่านตลอด
อย่างไรก็ตามก็ควรยกความดีความชอบให้กับ ฟูแล่ม ของ มาร์โก ซิลวา ด้วยที่มาในสไตล์ที่เหนือเมฆจริงๆสำหรับการดวลกับลิเวอร์พูล เข้าใจว่าทีมเจ้าสัวน้อย นั้นเน้นเกมบุกอยู่แล้ว แต่ทว่าคงไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะกล้าดีเดือดถึงขนาดเปิดเกมใส่ลิเวอร์พูล มากกว่าจะเลือกตั้งรับแล้วรอสวนกลับ เหมือนกับที่ทีมเล็กๆหลายทีมเคยทำ
ส่วนอีกคนของฟูแล่ม ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือ การกลับมาค้าแข้งยังเวทีลีกเมืองผู้ดีอีกครั้งของ อันเดรส เปเรย์ร่า ที่ช่วงที่อยู่ทัพปีศาจแดง มักถูกปล่อยยืมตัวบ่อยๆ ตำนานเบอร์15รายนี้ กลับมาจาก ฟลาเมงโก้ และได้ลงเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ให้กับฟูแล่ม ซึ่งก็ถือว่าฟอร์มสอบผ่าน จังหวะจะโคนดี แต่ทว่าการตัดสินใจช็อตสุดท้ายยังขาดๆเกินๆ
น้องใหม่ ไม่กลัวรองแชมป์
ถ้าเปรียบเป็นรถผ้าป่าผลเสมอ2-2 ที่ คราเวน ค็อตเทจ เรียกว่าทำให้รถผ้าป่าคว่ำได้เลย เพราะคงไม่มีใครคิดว่า ฟูแล่ม จะสามารถคว้าผลเสมอกับลิเวอร์พูล ทีมที่เกมรุกดุกันกระซวกไส้แตกได้ ซึ่ง1แต้มที่ได้มาต้องให้เครดิตกับฟูแล่มเต็มๆ
ฟูแล่ม ที่เหมือนคิดใหม่ทำใหม่ ภายใต้กุนซือ มาร์โก้ ซิลวา ไม่เลือกที่จะทำเหมือนทีมเล็กหลายๆทีมทีต้องดวลกับหงส์แดง แล้วเลือกแผนการเล่นรถบัสอุดตั้งรับ แล้วใช้จังหวะสวนกลับบอลฉาบฉวยเล่นงาน เพราะหากเปิดเกมบุกเข้าใส่ลิเวอร์พูล ก็เหมือนกับวิ่งใส่รถสิบล้อเลยทีเดียว
ลิเวอร์พูล ที่เล่นสไตล์ จ่ายบอลเร็ว บีบเพรสซิ่ง ฟูแล่มก็แก้เกมโดยการหนามยอกเอาหนามบ่ง วิ่งสู่ฟัดบีบเร็วใส่ผู้มาเยือน แล้วก็ทำได้ดีเสียด้วย บอลจังหวะ2ในแดนกลางเป็นเหล่าผู้เล่นฟูแล่มอย่าง เจา ปาลินญ่า และ แฮร์รีสัน รีด ที่เก็บกินได้เป็นส่วนใหญ่
หรือเหล่าบรรดาแบ็กซ้ายขวาอย่าง เคนนี่ เตเต้ และ อันโตนี่ โรบินสัน ไม่ได้เกรงกลัวหรือเกร็งกับการรับมือ เหล่าบรรดาตัวริมเส้นสุดจี๊ดจ๊าดอย่าง ซาลาห์ - ดิอ๊าซ - โรเบิร์นสัน หรือ เทรนต์ เลย กล้าดวลกล้าลุยในหลายๆจังหวะ
โอเค แม้ว่าจะเป็นเกมนัดแรก และฟูแล่มเองก็ขึ้นชั้น-ตกชั้น ไปมาระหว่าง พรีเมียร์ลีก กับ แชมเปี้ยนชิพ มา6ฤดูกาลติด แต่ทว่าในยุคของ มาร์โก้ ซิลวา รูปแบบการเล่นสไตล์นี้ ก็ทำให้แฟนบอลนึกถึงลีดส์ กับปีแรกที่มาเล่นในพรีเมียร์ลีก ที่จบอันดับ10 และคอยตัดแต้มทีมใหญ่อยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่าเห็นแววที่จะไฉไลเหมือนกันสำหรับ ฟูแล่ม ซีซั่นนี้
มิโตรวิช ประวัตศาสตร์ ต้องไม่ซ้ำ
ก่อนได้กลับมาสัมผัสเวทีพรีเมียร์ลีกอีกหน แม้ว่าจะยิงถล่มทลายใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ 43ประตู จาก44นัด แต่หอกชาวเซอร์เบียรายนี้ ก็ถูกปรามาสอยอยู่ไม่น้อยว่า คงท่าดีทีเหลวในการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีก เพราะซีซั่น 2020 -2021 เจ้าตัวทำไปได้เพียง 3ประตู จาก27นัด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ก็ไม่ยอมปล่อยให้สถิตินั้น กลับมาหลอกหลอน เป็นประวัติศาสตร์ด้านลบที่ซ้ำรอย นัดแรกเจ้าตัวก็โชว์ปล่อยของทันดี ด้วยการเหมา2เม็ด ใส่ทีมเต็งสองอย่าง ลิเวอร์พูล
ดอกแรกก็มาจาก ซิกเนเจอร์จุดขายของ มิโตรวิช เอง นั่นก็คือความเป็นเจ้าเวหา เมื่อทยานมาจากด้านหลังขึ้นโขกเหนือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่มัวแต่จ้องบอลไม่จ้องคนเข้าไป ส่วนลูก2เรียกว่าชงเองกินเองได้เลย
เมื่อเจ้าตัวเลี้ยงบอลจี้เข้าไปในเขตโทษ ทั้งที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ พยายามชักขากลับ แต่ก็ไม่ทันเหลี่ยมดาวยิงวัย27ปีรายนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นมาสังหารจุดโทษเข้าไป นอกจากนี้แล้ว มิโตรวิช ยังพักบอลเก็บบอลในแดนหน้าให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีมากๆ ใช้ความสูงใหญ่ หนา ได้อย่างมีประโยชน์ แถมยังคล่องแคล่ว เซ้นต์บอลดี
อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช มีสถิติหลายอย่างที่ยอดเยี่ยมหลังเกมทั้ง เอาชนะการดวลได้18ครั้ง - ชนะลูกกลางอากาศ11 ครั้ง - โดยเฉพาะจุดโทษที่เจ้าตัวเรียกได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ ฟาน ไดค์ โดนเลี้ยงบอลผ่านแล้วทำเสียจุดโทษ นับตั้งแต่ที่ย้ายมาลิเวอร์พูลอีกด้วย
นูนเญซ ควรได้เป็นตัวจริงก่อน ฟิร์มิโน่
ไม่รู้ว่านี่คือวิธีเรียกความเชื่อมั่นหรือซื้อใจของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่มีต่อ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เปล่า เพราะ2นัดอย่างเป็นทางการ " บ็อบบี้ " ได้ออกสตาร์ทเป็นกองหน้าตัวจริง ทั้งที่มี ดาร์วิน นูนเญซ ที่ย้ายเข้ามาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร
ฟิร์มิโน่ เกมกับฟูแล่ม ก็โชว์ฟอร์มไม่ออกเหมือนเดิมกับเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนท้ายที่สุด เจเค เลยถอดเจ้าตัวออก แล้วให้ ดาร์วิน นูนเญซ ลงไปล่าตาข่ายทีมน้องใหม่แทน น.51 หลังจากนั้นเกมรุกของลิเวอร์พูล ก็มีมิติความอันตายมากขึ้นชัดเจน
นูนเญซ ลงมาแล้วทำประตูได้ น.64 จากการไขว้ลูกผ่านมาให้ของ โม ซาลาห์ เข้าไป นอกจากนี้ดาวยิงวัย23ปี ยังทำแอสซิสต์ได้แบบงงๆ จากจังหวะบอลทะลักเข้ามาโดน นูนเญซ ที่จับบอลไม่ดี แต่ทว่ากลับกลายเป็นการแอสซิสต์ ไปให้ บังโม ได้ยิงง่ายๆ น.80
นอกจากจะทั้งทำประตู และ แอสซิสต์ ได้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเวลาที่ลิเวอร์พูลมี นูนเญซ ค้ำเป็นกองหน้านั่นก็คือ เจ้าตัว หาพื้นที่ช่องว่างจังหวะสุดท้ายได้ดีโคตรๆ แถมยังดึงฉีกตัวประกบ ทำให้ผู้เล่นเกมรุกคนอื่นๆ ของหงส์แดง ได้มีพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ในลูกกลางอากาศ การเทกขึ้นตัวของ นูนเญซ ดูอันตรายจริงๆ
แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ในสนามเพียงแค่ 39นาที แต่เจ้าของค่าตัว85ล้านปอนด์รายนี้ ก็มีสถิติตัวเลขที่ดีทั้ง สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งมากถึง7ครั้ง - มีโอกาสยิง 4ครั้ง -ชนะการดวล3ครั้ง และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน2ครั้ง
ลิเวอร์พูล ช่วงที่ผ่านมาใช้รูปแบบการเล่น กองหน้าตัวหลอกมาตลอด แต่ทว่าด้วยพิษสงของนูนเญซ สไตล์การเล่นที่แตกต่างออกไป เป็นกองหน้าธรรมชาติหมายเลข9 ที่มีความครบเครื่องต้มยำมากกว่า น่าจะทำให้นัดต่อๆไป เจอร์เก้น คล็ปป์ เลือกที่จะส่งเจ้าตัวเป็น11ตัวจริง ก่อนที่ของ โชต้า และ ฟิร์มิโน่
แผงกลางหงส์เล่นไม่ออก
นานๆที เราจะเห็น3กองกลางของลิเวอร์พูล ที่เป็นประเภทผึ้งงาน พลังไดมาโม เล่นไม่ค่อยออกและพลังหมด เมื่อเจอคูแข่ง สไตล์ วิ่งสู้ฟัดกัดไม่ปล่อย โดยการบีบเร็วของฟูแล่ม ทำเอาเกมในแดนกลางของหงส์แดงเป็นรองสุดๆไปเลย
ฟาบินโญ่ - ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือขุมกำลังห้องเครื่องของทีมในนัดนี้ ไม่บ่อยครั้งที่ทั้ง3ราย จะโชว์ฟอร์มกันต่ำมาตรฐานในนัดเดียวกัน แต่ทว่าก็ต้องชื่นชมกองกลางฟูแล่มด้วย ที่ช่วยกันแย่งบอล รุมเข้าใส่ ไม่กลัวผู้มาเยือนในทุกจังหวะ
" ตาโก้ " นั้นอยู่ในสนามได้เพียงแค่ 51นาที เพราะมีอาการบาดเจ็บ จนต้องให้ อาร์วี่ย์ เอลเลียต์ ลงมาบู๊แทน โดยช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม ติอาโก้ แทบไม่มีเวลาคิดเลย เวลาได้บอล เพราะผู้เล่นฟูแล่ม เข้ามารุมกดดัน ทำให้นัดนี้เราไม่ได้เห็นการวางบอลยาวสวยๆ หรือลูกจ่ายคิลเลอร์พาสงามๆ
ส่วน ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็มีชะตากรรมที่ไม่แตกต่างกัน ดาวเตะหน้า " หมอปลา " ไม่สามารถตัดบอลในแดนกลางได้ แถมเวลาได้บอลก็ครองไว้กับตัวได้ไม่นาน เราจึงได้เห็นบอลจ่ายจากตรงกลางของฟูแล่ม ทะลุเข้าไปในพื้นที่ที่3บ่อยครั้ง
ส่วน " เฮนโด้ " เกมเมื่อคืน คือร่าง เฮียแปะ ที่แฟนๆชอบด่าดัน เฮนเดอร์สัน ไม่สามารถคุมเกมในแดนกลางได้เสถียรหรือให้เหนือกว่าคู่ (แต่ทว่าก็เกือบทำประตูชัยให้ทีม จากจังหวะซัดชนคานท้ายเกม) เจา ปาลินญ่า และ แฮร์ริสัน รีด อีกหนึ่งอย่างที่น่ากังวลหลังจบเกมของลิเวอร์พูล นั่นก็คืออาการบาดเจ็บแฮมสตริงของ ติอาโก้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะพักนานแค่ไหน
นั่นจึงอาจทำให้เราได้เห็น นาบี เกอิต้า หรือเจ้าหนูดาวรุ่งอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ลงมาทำหน้าที่แทน หรืออีกหนึ่งทางเลือก มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ คล็อปป์ จะถอยเอา โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ มาเล่นคล้ายๆเพลย์เมคเกอร์
เปเรย์ร่า ขอลองอีกครั้งกับ พรีเมียร์ลีก
หายหน้าหายตาจากเวทีพรีเมียร์ลีกไปนานพอสมควรสำหรับ อันเดรส เปเรย์ร่า หลังถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปล่อยยืมตัวไปหลายสโมสร ซึ่งล่าสุดเป็น เซา เปาโล จนซัมเมอร์นี้ ฟูแล่ม ได้ซื้อเจ้าตัวเข้ามาสู่ทีม ด้วยค่าตัว ราวๆ10ล้านปอนด์
เปเรย์ร่า ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ลีกทันที ในระบบ 4-2-3-1 โดยได้เล่นในตำแหน่งจอมทัพหมายเลข 10 และประสานงานกันได้ค่อนข้างดีกับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช แม้จะเป็นตัวรุกแต่ จอมทัพชาวบราซิลรายนี้ เป็นผู้เล่นคนแรกๆที่พร้อมจะขัดแข้งขัดขาเกมสวนกลับที่ขึ้นจากแดนหลังของลิเวอร์พูล
มูฟเม้นท์การเคลื่อนที่ของ ดาวเตะชาวบราซิล ทำได้ดี ลื่นตามากๆ รวมถึงจังหวะเล่นลูกเซ็นพีซก็เปิดได้ลุ้นตลอด แต่ทว่าเราก็เหมือนยังเห็นภาพเดิมของ เปเรย์ร่า เวลาสวมเครื่องแบบปีศาจแดงตลอด นั่นคือจังหวะสุดท้ายทีเด็ดทีขาดที่นำไปสู่การทำประตูหรือแอสซิสต์
สถิติช่วงที่อยู่ทีมปีศาจแดงที่ อันเดรส เปเรย์ร่า ทำไปได้เพียง 2ประตู กับอีก4 แอสซิสต์ จาก45นัดในพรีเมียร์ลีก หวังว่าสถิติดังกล่าวการเข้าทำจังหวะสุดท้ายจะกระเตื้องขึ้นมา กับการอยู่ทีมเล็กที่ เปเรย์ร่า เป็นจุดศูนย์กลางในเกมรุกเหมือนฟูแล่ม
เมื่อคืน เปเรย์ร่า จ่ายบอลคีย์พาสได้1ครั้ง - ครอสบอล 2หน - วางบอลยาว1ครั้ง - เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลถือว่าน้อยมากที่ 60.9 แต่ทว่าก็พอเข้าใจได้เพราะบางช็อตคือการจ่ายบอลแบบลูกได้เสีย
- คอลัมน์นิสต์
- 511
- 07 ส.ค. 2565 12:36