กลับสู่ความจริง ! ผี ไม่คม เจ๊า พาเลซ จืด 0-0 ดีโน่ &โอนาน่า โชว์เซฟสวย
เปรียบเสมือนการกลับสู่โลกแห่งความจริงเลยสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่พึ่งคว้าชัยสวยๆ ถล่มทีมหมูอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน (3-0) และ บาร์นส์ลี่ย์ (7-0) แต่ทว่าพอมาเจอคู่แข่งที่มีความหินขึ้น อย่าง คริสตัล พาเลซ ทีมปีศาจแดงก็มาออกลายเดิม นั่นก็คือจังหวะเข้าทำไม่เฉียบขาด เล่นไปเล่นมากลายเป็นหมดมุกและไอเดียเกมรุกตีบตันไปเลย ทำให้ 90นาทีที่ เซลเฮิร์ด ปาร์ค จบลงด้วยสกอร์สุดจืด 0-0
หลังจากที่ชนะ2 -แพ้2 จาก4นัดแรกในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ทีมที่พวกเขาไม่ค่อยบุกไปควัก3แต้มกลับมาได้ในระยะหลัง แถมสถิติในการไปเล่นยังลอนดอนของทีม 16นัดหลังสุดก็ไม่ค่อยสู้ดีด้วย ชนะเพียง2เท่านั้น
การจัดทัพถือว่า เอริก เทน ฮาก สร้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะทั้ง มานูเอล อูกาเต้ และ กาเซมิโร่ ทำได้เพียงแค่นั่งเป็นตัวสำรองตามเดิม รวมไปจนถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พึ่งฮ็อตในเกม คาราบาว คัพ ก็ต่องเริ่มต้นกับตำแหน่งม้านั่งสำรอง ให้โอกาส อเลฮานโดร การ์นาโช่ ก่อน
คริสเตียน อิริคเซ่น ที่ผลงานแจ่มกลางสัปดาห์ ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริง นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ฟากเจ้าบ้าน คริสตัล พาเลซ ที่ปีนี้ฟอร์มยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ ที่4นัดแรก ไม่ชนะใคร เสมอ2 แพ้2
การจัดทัพ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ มาในแผน 3-4-3 จัด11ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด นำโดยสตาร์อย่าง มาร์ค เกฮี - อดัม วอร์ตัน และ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า ผู้รักษาประตูเป็นอดีตเด็กผีเอง อย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน สิ้นเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกมจาก เดวิด คู๊ต กลายเป็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เบ็ดเสร็จเลย
มิดฟิลด์ของปีศาจแดงอย่าง อิริคเซ่น- เมนู ได้เล่นบอลกันง่ายสุดๆ ครองเกมจ่ายบอลกันอย่างสนุกสนาน สร้างโอกาสจบสกอร์ได้หลายครั้งทั้ง จาก การ์นาโช่ - บรูโน่ แฟร์นันเดซ ลูกโหม่งของ เดอ ลิกต์ แต่ทว่าโดน ดีน เฮนเดอร์สัน ฟอร์มปลาหมึกเหนียวหนึบป้องกันเอาไว้ได้ โอกาสแรกของ " ดิ อีเกิ้ลส์ " ต้องรอไปจนถึง น.44 จบครึ่งแรก ยังเดชะบุญที่ พาเลซ ต้านอยู่ที่สกอร์0-0
ด้วยรูปเกมที่เป็นรองสุดกู่ ทำให้กุนซือ กลาสเนอร์ แก้เกม2จุดด้วยการถอด วอร์ตัน และ มาเตต้า ออก เป็น เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา และ อิสไมล่า ซาร์ ลงมาบู๊แทน และเกมของ พาเลซ ก็มาดีขึ้นทันตาเห็น สามารถต่อกรกับปีศาจแดงได้ ไม่รูปเกมเป็นรองสุดกู่แบบ 45นาทีแรก
โดยทั้ง2ทีม แม้ว่ารูปเกมจะค่อนข้างอืดและเอื่อย แต่ทว่าก็สร้างหาโอกาสจบสกอร์ได้เรื่อย และก็เป็นฝั่ง อ็องเดร โอนาน่า ที่ได้โชว์เซฟบ้าง กับช็อตดับเบิ้ลเซฟลูกยิงต่อเนื่องของ เอ็นเคเทียห์ ที่ตามซ้ำโดย ซาร์ ยังไม่นับรวมจากลูกหักมาตรงกลาง เอเซ่ ได้ยิงโล่งๆในเขตโทษ หลุดเสาไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
ส่วน ETH ก็แก้เกมด้วยการส่ง แรชฟอร์ด และ ฮอยลุนด์ ลงมาแทน เซิร์กเซ่ และ อาหมัด แต่ทว่าพอเปลี่ยนตัว เกมของปีศาจแดงก็เหมือนช็อตไปเลย โอกาสลุ้นประตูน้อยลง 2 แข้งที่ถูกส่งลงมาแทบหายอออกจากเกม 10นาทีสุดท้าย แมนฯยู ไนเต็ด ไม่มีท่าทีว่าจะได้ประตูเลย พวกเขาเล่นเนือยๆช้าๆ เหมือนไม่อยากได้ประตูชัย และไม่มีจังหวะใกล้เคียงเลย ทำให้จบ90นาที เจ๊ากันไปสุดจืด0-0
บรูโน่ เร่งจังหวะ ชอบทำอะไรไม่เนี๊ยบ
พึ่งจะมี2แอสซิสต์ หลังลงมาเป็นตัวสำรองในเกมเอาชนะ บาร์นส์ลี่ย์ 7-0 ( คาราบาว คัพ) ส่วนเรื่องความมุ่งมั่นขยันทุ่มเท ไม่มีไขกังขาหรือข้องใจอยู่แล้วสำหรับ กัปตันทีมอย่าง บรูโน่ แฟร์นันเดซ แต่ทว่าในเรื่องของความเป็นที่พึ่งในยามที่แนวรุกของทีมตีบตันยังทำได้น้อยไปหน่อย
กัปตันหน้าหนวด 45นาทีแรก ถือว่าเล่นได้สบายเลย เนื่องจากเจ้าบ้านผิดฟอร์ด มิดฟิลด์อย่าง อดัม วอร์ตัน และ ไดจิ คามาดะ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่ทว่าแม้จะได้เล่นง่ายๆ แต่ บรูโน่ ก็ยังโชว์ให้เห็นถึงจุดด้อยหนึ่งของตัวเองที่เป็นมาเสมอ
บรูโน่ แม้ว่าจะมีจังหวะคีย์พาสให้ เซิร์กเซ่ และ การ์นาโช่ ได้จบสกอร์ แต่ทว่าก็มีจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกันที่เจ้าตัวเร่งจังหวะ หรืองานหยาบจ่ายบอลเสียบ่อยมากๆ จริงๆเมื่อคืนแข้งชาวโปรตุเกส ควรใส่สกอร์ให้กับทีมด้วยซ้ำ
เพราะมีโอกาสยิงถึง4หน ทั้งช็อตที่ได้ซ้ำลูกยิงชนคานของ การ์นาโช่ แต่ก็ตามเก็บตกซัดไปชนคานอีกครั้ง และที่โอกาสทองฝังเพชรสุดๆนั่นก็คือ จังหวะทำชิ่งกับ เชิร์กเซ่ แล้วได้ดีดยิงด้วยข้างเท้าด้านนอก ดีน เฮนเดอร์สัน ขาตายแล้ว แต่บอลเฉียดเสาออกไปนิดเดียว
พอช่วงราวๆ 10นาทีสุดท้าย ด้วยแนวรับ คริสตัล พาเลซ ที่ถอยร่นมาเล่นเกมรับกันแน่นๆ แฟร์นันเดซ ก็หมดไอเดียเช่นกัน กลายเป็นว่าส่วนมากดึงจังหวะช้าและจ่ายคืนหลังกัน แทบทุกรายสำหรับผู้เล่นปีศาจแดง
มาซราวี ดีขึ้นเรื่อยๆ ยึดตัวจริงฝั่งขวา
ถือว่าแกะซองใช้งานได้เร็วกว่าที่คิดจริงๆสำหรับ นุสแซร์ มาซราวี เพราะนี่คือนัดที่5ติดต่อกันแล้ว ที่แบ็กชาวโมร็อกโกรายนี้ ยึดตำแหน่งตัวจริงแบ็กขวา จนต้องโยกให้เจ้าของสัมปทานเดิมอย่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ไปเล่นเป็นแบ็กซ้าย
เกมเมื่อคืนที่ เซล เฮิร์ด ปาร์ค อดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค อาจจะไม่ได้ฉายแสงในเรื่องของเกมบุกเท่าไหร่ เพราะเกมบุกส่วนใหญ่ของทีมจะโล้ไปทางซ้ายของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ มากกว่า แม้ว่าจะไม่ได้เน้นเกมรุกฝั่งขวา แต่ มาซราวี ก็ยังเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้ถึง 3ครั้ง
สิ่งหนึ่งที่ มาซราวี ทำได้ดีกว่า ดาโล่ต์ แน่ๆนั่นก็คือ การไม่ออกลูกโฉ่งฉ่างในเกมรับมากนัก นุสแซร์ มาซราวี มีสถิติที่ยอดเยี่ยมทั้ง เข้าแท็กเกิ้ล3ครั้ง / เคลียร์บอลได้มากถึง5หน หรือเวลาที่โดนเลี้ยงผ่านรอบแรก เจ้าตัวยังมีก๊อก2ตามไล่กวดเสมอ
ครึ่งแรกผลงานเยี่ยมของเจ้าตัวนั่นคือ เก็บ เอเบเรชี่ เอเซ่ ใส่กระเป๋า เรียกว่าหายออกไปจากเกมเลย กว่าที่สตาร์ของพาเลซรายนี้ จะมีโอกาสยิงก็ปาเข้าไป น.44 แล้ว แต่ทว่า มาซราวี ก็มีจัดที่ต้องเสริมเมื่อคืนเช่นกันนั่นก็คือการทำบอลเสียจังหวะเล็กๆน้อยๆ
ส่วนแบ็กซ้ายอย่าง ดาโล่ต์ แม้จะมีช็อตเหวอบ้างตามซิกเนเจอร์ แต่ภาพรวมถือว่าเป็นแมตช์ที่ใช้ได้เลยสำหรับเจ้าตัว เพราะมีคิลเลอร์พาสให้ การ์นาโช่ ได้หลุดไปยิง แข้งชาวโปรตุเกส จ่ายบอลคีย์พาสได้มากถึง 3ครั้ง และเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลก็สูงถึง 91%
หรือ พาเลซ หมดโปรโมชั่น กลาสเนอร์
ฤดูกาลที่แล้ว 2023-2024 ช่วงที่เปลี่ยนกุนซือจาก รอย ฮ็อดจ์สัน มาเป็น โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ คริสตัล พาเลซ ก็มีช่วงฮันนีมูน กับนายใหญ่ชาวออสเตรียรายนี้เช่นกัน เพราะ7นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะถึง6 เสมอ 1 ไร้พ่าย
มีการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูลได้ด้วย พอมาปีนี้เหมือนหลายอย่างจะยังไม่เข้ารูปเท่าไหร่ แนวรับมีการเปลี่ยนแปลงหายตำแหน่ง 4นัดแรกในลีก ไม่ชนะใคร เสมอ2 แพ้2 แถมรูปเกมยังดูตะกุกตะกักอีกด้วย
เมื่อคืนกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าผิดคาดเหมือนกันเพราะ 45นาทีแรก เป็นวันเวย์ของผู้มาเยือนเลย สร้างโอกาสยิงร่วมๆ10ครั้ง ส่วน พาเลซ มาได้จังหวะลุ้นยิงครั้งแรก ปาเข้าไป น.44 จาก เอซ่
รูปเกมที่เป็นรองสุดกู่ กลาสเนอร์ ไม่รีรอเลย ทีจะเปลี่ยนตัวช่วงพักครึ่ง วอร์ตัน และ มาเตต้า ออก เป็น เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา และ อิสไมล่า ซาร์ ลงมาเล่นแทน แล้วรูปเกมก็ค่อยๆกลับมาดีขึ้น อดัม วอร์ตัน ที่ฟอร์มเด่นท้ายฤดูกาลจนติดทีมชาติอังกฤษไปยูโร 2024 ไม่รู้ฟอร์มดังกล่าวหายไปไหนแล้ว
ครึ่งแรกจุดที่ต้องตำหนิทัพปราสาทเรือนแก้วสุดๆนั่นก็คือ มิดฟิลด์คู่กลางนอกจาก วอร์ตัน แล้ว ไดจิ คามาดะ ก็สมควรโดนตำหนิเช่นกัน เพราะปล่อยให้ผู้มาเยือนเล่นกันสบายสุดๆ แข้งแดนซามูไร เล่นเป็นกองกลางแท้ๆ แต่ได้ผ่านบอลรวมไปเพียงแค่ 35ครั้งเท่านั้น และมีความแม่นยำในการจ่ายแค่ 65% แถมจังหวะช้าตลอด
เฮนเดอร์สัน แผลงฤทธิเซฟทีมเก่าอุตลุต /โอนาน่า ดับเบิ้ลเซฟ
หลังจากปล่อยมือ1คนเก่าอย่าง แซม จอห์นสตัน ไปให้กับ วูล์ฟแฮป์ตัน วันเดอร์เรอร์ แม้ว่าจะได้โกลคนใหม่อย่าง แมตต์ เทอร์เนอร์ ที่ยืมมาจาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่ทว่าก็ชัดเจนแล้วว่า ดีน เฮนเดอร์สัน คือมือ1
เฮนเดอรสัน มีความมุ่งมั่นกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองพอสมควร ในการดวลกับอดีตทีมเก่าที่ปลุกปั้นเขามาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ ณ ตอนนั้น เพราะมือ1เป็น ดาบิด เด เคอา
45นาทีแรกที่ เซลเฮิร์ด ปาร์ค ต้องบอกว่าที่ คริสตัล พาเลซ ทำนบยังไม่แตกและสกอร์ยังคงเป็น0-0 เพราะด้วยความหนึบของ ดีน เฮนเดอร์สัน เลย " ดีโน่ " มีช็อตเซฟเข้าตาจะๆทั้ง ปัดลูกยิงของ การ์นาโช่ / เซฟลูกโขกโล่งของ เดอ ลิกต์ บนเส้น- หยุดลูกยิงจ่อๆในเขตโทษของ ลิซานโดร และ ปัดปลายมือ จังหวะเจ้าชาร์จของ เซิร์กเซ่
4 ครั้งเหน่งๆที่ปีศาจแดงควรได้ประตู แต่ เฮนเดอร์สัน ปฎิเสธได้หมดเลย มา45นาทีหลัง เจ้าตัวก็มีช็อตบินลูกปั่นโค้งของ การ์นาโช่ เจ้าเก่าได้อีก นอกจากนี้แล้วเวลาออกมาตัดบอลกลางอากาศ " ดีโน่ " ก็ทำได้ดีไม่มีพลาดเลย ไม่แปลกใจที่หลังจบ90นาที จะได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มาครอง พร้อมค่า XG ที่จะควรจะเสียประตูสูงถึง 1.4
ส่วน อ็องโดร โอนาน่า ก็ไม่ยอมให้โกลเจ้าบ้านเกินหน้าเกินตาเกินไป นายด่านชาวแคเมอรูน ก็มีช็อตดับเบิ้ลเซฟ ลูกยิงเรียดจะเสียบมุมของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แถมยังเร็วพอจะลุกขึ้นมาเซฟต่อเนืองกับจังหวะตามซ้ำของ ซาร์ อย่างสุดยอดอีกด้วย เรียกว่าเป็นแมตช์ที่โกล2ฝั่ง ผลงานดีเหนียวหนึบมากๆ
กลับสู่ความจริง เทน ฮาก ถนัดเอาตัวรอดไปวันๆ
เหมือนสร้างวิมานพอให้ฝันหวานสั้นๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังพึ่งถล่มเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน และ บาร์นส์ลี่ย์ ทีมที่มีความต่างชั้นสูงกว่า 3-0 และ 7-0 ตามลำดับ แต่ทว่าเมื่อมาเจอคู่ต่อสู้ที่มีความเข้มข้นขึ้นมาอีกหน่อย พวกเขาก็ไม่สามารถเผด็จศึกได้
เกมที่ เซลเฮิร์ด ปาร์ค เมื่อคืน ต้องบอกว่านี่คือ 45นาทีแรก ที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เลย เพราะเป็นฝ่ายครองเกม และสร้างสรรค์โอกาสยิงประตูได้ร่วมๆ10ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านทำได้เพียงหนเดียว
แต่ปีศาจแดง ก็ยังคงปีศาจแดงอยู่วันยังค่ำ พวกเขายังเป็นทีมที่แนวรุกใช้โอกาสเปลืองกันสุดๆ โดยสถิติออกมาหลังจบ90นาที ระบุว่า ทีมของ เทน ฮาก ควรที่จะได้อย่างน้อย1.4ประตู ( ค่าXG) แต่ทว่าโดนทั้งความยอดเยี่ยมของ เฮนเดอร์สัน และความไม่เฉียบขาดของตัวเอง
ครึ่งหลังที่ทัพปราสาทเรือนแก้ว เปลี่ยนตัวถึง2ราย แล้วรูปเกมดีขึ้น เอริก เทน ฮาก ก็ต้องแก้เกมเหมือนกันแต่ทว่า การปรับเปลี่ยนหมากของ กุนซือชาวดัตช์ไม่เวิร์คเลย เพราะแนวรุกที่ถูกส่งลงมาทั้ง ฮอยลุนด์ และ แรชฟอร์ด ไม่ได้มีบทบาทเลย เรียกว่าแทบจะหายตัว
ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นอีกครั้งว่ากุนซือหัวสวย ชอบเปลี่ยนตัวแล้วมักได้ผลลัพธ์เกมที่แย่ลง มิหนำซ้ำช่วง10นาทีสุดท้าย เราไม่เห็นเลยว่า แมน ฯยูไนเต็ด มีความตั้งใจที่จะเอาประตูชัย ตัวที่เล่นดีอย่าง เซิร์กเซ่ และ อิริคเซ่น ถูกถอดออกซะงั้น
สิ่งที่เห็นนั่นก็คือการเล่นที่ยังรัดกุม ไม่รีบ ออกบอลช้า ขอผลเสมอมากกว่า ที่จะควัก3แต้มออกไป เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้สึกเลยว่าปีศาจแดงจะมีโอกาสใกล้เคียงกับการทำประตูให้แฟนๆได้ลุ้น ซึ่งหลังจบเกมดังกล่าว อีกหนึ่งสถิติระบุว่าทีมของ เทน ฮาก พลาดโอกาสทองทำประตูมากที่สุดในลีกตอนนี้ 17ครั้ง
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คริสตัล พาเลซ ดีน เฮนเดอร์สัน อ็องเดร โอนาน่า เอริก เทน ฮาก
- 124
- 22 ก.ย. 2567 14:20