พรีเมียร์ลีก ต้อนรับ อโมริม ! ผี แผ่ว แค่บุกเจ๊า ม้าขาว 1-1 แรชฟอร์ด กด 81 วิ
เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคใหม่ของ กุนซือหนุ่ม รูเบน อโมริม โดยโปรแกรมแรกนั่นก็คือ การบุกไปเยือนทีมน้องใหม่ อิปสวิช ทาวน์ ที่ก่อนพักเบรกทีมชาติ พวกเขาพึ่งอาจหาญบุกไปหักคอ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส 2-1 ซึ่งท้ายที่สุดแล้วปีศาจแดง ที่ปรับแผนการเล่นใหม่หมดในระบบหลัง3 ทำได้เพียงแค่บุกไปเจ๊ากับ " ม้าขาว " 1-1 ทั้งที่บุกไปยิงนำก่อนเริ่มเกมมาไม่ถึง 2นาที
นัดแรกของ รูเบน อโมริม ในฐานะนายใหญ่คนใหม่ปีศาจแดง นั่นก็คือการบุกไปเยือนทีมโซนหนีตกชั้น อิปสวิช ทาวน์ การจัดทัพก็มาในระบบเดียวกันกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน นั่นก็คือ3-4-3 หรือ 3-4-2-1 ผู้รักษาประตูเป็น อังเดร โอนาน่า แผง3เซ็นเตอร์แบ็กประกอบไปด้วย นูสแซร์ มาซราวี - จอนนี่ อีแวนส์ และ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์
วิงแบ็กซ้ายขวาเป็น ดิโอโก้ ดาโล่ต์ และ อาหมัด ดิยาโล่ มิดฟิลด์คู่กลางใช้ กาเซมิโร่ กับ คริสเตียน อิริคเซ่น ตัวรุกหลังกองหน้า2รายเป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ หน้าเป้าเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ได้ออกสตาร์ทก่อน ราสมุส ฮอยลุนด์ และ โจชัว เซิร์กซี่
ส่วนเจ้าบ้านของ คีแรน แม็คเคนน่า ก็มาในระบบ 4-2-3-1 หลังช่วงต้นฤดูกาลเล่นในระบบหลัง3 สตาร์ตัวชูโรงเป็น โอมารี ฮัทชินสัน และ เลียม ดีแร็ป ส่วนในตำแหน่งแบ็กขวาก็เป็นอดีตเด็กเก่าปีศาจแดงเองอย่าง อั๊กเซล ตวนเซเบ้
หลังจากที่ผู้ตัดสิน แอนโทนี่ เทย์เลอร์ เป่านกหวีดเริ่มเกมมาได้เพียง 81วินาที ปีศาจแดงก็ขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็วเลยจาก จังหวะแหวกกระชากของ อาหมัด ดิยาโล่ แล้วเปิดเข้ากลางให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด จิ้มถึงบอลก่อน อารียาเน็ต มูริช ขึ้นนำ1-0 น.2
โดยหลังจากขึ้นนำเร็ว กลับกลายเป็นว่าเจ้าบ้านดูฮึกเหิมขึ้น มีโอกาสได้ลุ้นยิงจาก แซมมี่ ซโมดิช แต่ไปติดเซฟของ โอนาน่า และแล้วเกมแดนกลางของเจ้าบ้านที่บีบใส่ทีมเยือนอย่างหนักหน่วงก็มาตามตีเสมอ1-1 จนได้จากลูกตะบันไกลของ ฮัทชินสัน ที่ไปแฉลบหัว มาซราวี หนีมือ อังเดร โอนาน่า เข้าไป น.43 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้ไม่ถึง 1นาที ปีศาจแดง ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ การ์นาโช่ สปีดตัดหน้าเกมรับทีมเจ้าบ้าน เข้าไปยิงบอลไปติดมือ มูริช เด้งมาหน้าเขตโทษ ก่อนที่ คาเมร่อน บูร์เกสส์ จะหวดทิ้งไป ด้วยเกมแดนกลางของ แมนฯยู ที่เป็นรอง อโมริม เลยเปลี่ยนตัวตั้งแต่ น.56เลย มานูเอล อูการ์เต้ ลงไปแทน กาเซมิโร่ และ ลุค ชอว์ เสียบแทน อีแวนส์
จากนั้นเกมก็เป็นฝ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองเกมขึ้นมาได้เรื่อยๆ แต่ทว่ายังหาจังหวะจบสกอร์ที่ถนัดถนี่ไม่ได้ เพราะ3แนวรุกด้านบนไม่ประสานงานกันเลย อาจด้วยเพราะพึ่งเล่นระบบนี้กันเป็นครั้งแรก
จริงๆ ปีศาจแดง ควรโดนเจ้าบ้านแซงขึ้นนำด้วยซ้ำจาก ลูกไขว้ยิงจ่อๆของ เลียม ดีแร็ป แต่ " บิ๊กโอ" โอนาโน่ ยังโชว์เหนียบหนึบกางขาป้องกันไว้ได้ รวมถึงท้ายเกมตัวสำรองอย่าง คอนอร์ แชปลิน ได้ชาร์จในเขตโทษ ดีที่ โอนาน่า ยืนตำแหน่งดีบอลตรงตัวเลยรับเข้าซองสบาย
โดยตัวสำรองที่ อโมริม ส่งลงมาอย่าง ฮอยลุนด์ - เซิร์กเซ่ รวมไปถึง เมสัน เมาท์ ลงมาไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย " อาจารย์ดู๋ " มีจังหวะต้องวิ่งกวดเอาบอลแต่ทว่าสปีดนั้นช้าเป็นเต่าสุดๆ จบเกมจึงเสมอกันไป 1-1 ชนิดที่ทิ้งการบ้านให้ รูเบน อโมริม ต้องแก้หลายจุดเลยทีเดียว
อโมริม มาระบบถนัด 3-4-2-1
ด้วยความที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เล่นในระบบนี้อยู่แล้ว 3-4-2-1 หรือจะมองเป็น 3-4-3 ก็ได้ ซึ่งเป็นระบบเก่งที่ รูเบน อโมริม สร้างชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคใหม่ จะเล่นในระบบดังกล่าว
เซอร์ไพรส์ตรงที่ ระบบ3เซ็นเตอร์ ยังไม่มีชื่อของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อาจจะเจ็บ) รวมไปจนถึง เลนี่ โยโร่ ที่ปรากฎภาพว่าซ้อมได้แล้วก็ไม่มีชื่อเช่นกัน โดย3ปราการหลังเป็น นูสแซร์ มาซราวี - จอนนี่ อีแวนส์ และ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์
วิงแบ็กขวา เป็น อาหมัด ดิยาโล่ วิงแบ็กซ้าย ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ส่วนหน้าเป้า มาร์คัส แรชฟอร์ด หน่วยสนับสนุนข้างหลัง2คนเป็น การ์นาโช่ และ ฮอยลุนด์ ซึ่งพวกเขาถือว่าเริ่มมาได้ดีมากๆ ขึ้นนำ1-0 ในเวลาเพียงแค่ 81วิ
แต่ทว่ารูปเกมหลังจากนั้นใน45นาทีแรก เป็นเจ้าบ้านที่บีบเข้าใส่ แมนฯยู อย่างหนักจนทำอะไรไม่ถนัดเลย โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์ในแดนกลาง กาเซมิโร่ และ คริสเตียน อิริคเซ่น ที่ขึ้นหลัก3ทั้งคู่ โดนความสดและพละกำลังของ แซม มอร์ซี่ และ เยนส์ คายุสเต้ ตามหายใจรดต้นคอทำอะไรไม่ถนัด ครองเกมไม่ได้
ซึ่งกว่าจะคลี่คลายก็ต้องรอเป็นช่วงที่ มานูเอล อูกาเต้ ลงมาในครึ่งหลัง บอลพรีเมียร์ลีก นั้นเร็วและหนักหน่วงกว่าลีกโปรตุเกสมากๆ โดยกุนซือหนุ่มวัย39ปี แทบไม่มีเวลาให้ทดลองใช้ระบบทีมหรือจูนทีมเลย โดย2เกมข้างหน้าที่เบากับ โบโด กลิมท์ และ เอฟเวอร์ตัน น่าจะทำให้ อโมริม ได้ลองทีมเต็มที่ ก่อนจะเป็นโปรแกรมหนักกับ อาร์เซน่อล
หรือเมื่อในตำแหน่งเซ็นเตอร์ได้ตัวที่คาดว่าจะเป็นตัวหลักอย่าง ลิซานโดร และ โยโร่ รวมไปจนถึงวิงแบ็กซ้ายให้ ลุค ชอว์ ได้ลองยืนเต็มเกม ค็อบบี้ เมนู กลับมาฟิตอีกครั้ง อาจได้เห็นอะไรดีขึ้น อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงนัดแรกเท่านั้น และ อโมริม ไม่ได้มีเวลาลองทีมแบบปรี-ซีซั่น ทั่วไปเลย
แรชฟอร์ด ได้โอกาสหน้าเป้า ยิง81วิ นอกนั้นแทบหาย
รูเบน อโมริม คงเห็นอะไรดีๆในตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่เยอะเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เกมแรกอย่างเป็นทางการของกุนซือหนุ่มวัย39ปี เลือกใช้บริการ " แรชชี่ " ยืนเป็นหน้าเป้า ทั้งที่ในทีมมีกองหน้าธรรมชาติ ที่ไม่ได้เจ็บไม่ได้แบนอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ และ โจซัว เซิร์กเซ ได้นั่งบนม้านั่งสำรองแทน
ซึ่งต้องไม่ลืมว่าก่อนที่จะมายืนตำแหน่งริมเส้นหน้าซ้ายอย่างปัจจุบัน แรชฟอร์ด ก็เดบิวต์เริ่มต้นช่วง1-2ปีแรก ด้วยตำแหน่งกองหน้าที่แหละ และเวลาเพียงแค่ 81นาที มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ไม่ทำให้ อโมริม ผิดหวังเลย เมื่อชาร์จ ลูกเปิดของ อาหมัด เข้าไปง่ายๆ
ออกสตาร์ทหรู อะไรๆก็เหมือนจะดี แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่ใช่เลย แรชฟอร์ด แทบจะหายออกไปจากเกมเพราะบอลไม่มาถึง บอลจะไปจบตรงที่ บรูโน่ - การ์นาโช่ รวมไปจนถึงวิงแบ็กมากกว่า หรือจังหวะที่ต้องวิ่งกวดหรือขึ้นดวลกับแนวรับ อิปสวิช ดร.แรช ไม่มีคุณสมบัติของความแข็งแกร่งเลย
68นาทีที่อยู่ในสนาม แรชฟอร์ด ได้ยิง1ครั้งถ้วน และผ่านบอลเพียงแค่10ครั้ง การเล่นแบบตัวรุกด้านบนไม่มีปีก ดูทำให้แนวรุกปีศาจแดง ยังจูนกันไม่ได้ เพราะปรกติพวกเขาเป็นทีมที่โจมตีจากริมเส้นเป็นหลักตลอด
ทางฝั่ง อาหมัด ดิยาโล่ ดูจะคุกคาม ม้าขาว ได้เพียงฝั่งเดียว ฝั่งซ้ายของ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ แค่เห็นชื่อก็บ่งบอกคุณภาพอยู่แล้ว นอกจากประตูของ แรชฟอร์ด โอกาสที่ใกล้เคียงของปีศาจแดง เห็นที่จะมีเพียงช็อตฟรีคิกของ บรูโน่ และ จังหวะสปีดตัดหน้ากองหลังของ การ์นาโช่ ช่วงต้นครึ่งหลังเท่านั้น
กลางแก่ 30 อัพ กาเซมิโร่ & อิริคเซ่น
เป็นมาตั้งแต่ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แล้ว สำหรับจุดสลบจุดหนึ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวลาเจอแล้วลำบากทุกที นั่นก็คือ ถ้าหากคู่แข่งตั้งใจมาเพรสซิ่งไล่บีบแบบดุดัน พวกเขาแทบจะแก้ลำทำอะไรไม่ได้เลย นั่นจึงส่งผลให้เกมต้องตกเป็นรองคู่แข่ง 45นาทีแรก ที่ พอร์ตแมน โร้ด ก็เช่นกัน
รูเบน อโมริม เลือกใช้มิดฟิลด์คู่กลางเป็น กาเซมิโร่ และ คริสเตียน อิริคเซ่น ซึ่งวัยขึ้นหลัก3ทั้งคู่ (32เท่ากัน) ซึ่งในรายของ อิริคเซ่น ก็ทำให้เห็นหลายนัดแล้วว่า หากแข้งชาวเดนมาร์ก ลงไปยืนเป็นมิดฟิลด์ ภาระหนักจะตกไปอยู่กับอีกราย เพราะหากหวังจะให้ อิริคเซ่น ไล่บอลนั้นคงไม่ไหวแน่
นั่นทำให้ กาเซมิโร่ โหลดรับหน้าที่หนักมาก เมื่อต้องเจอกับความสดความห้าวของ คู่มิดฟิลด์เจ้าบ้าน เราจึงได้เห็น45นาทีแรก ทีมของ คีแรน แม็คเคนน่า ครองเกมได้เป็นระยะๆ เมื่อเข้าบีบเร็ว แดนกลางของปีศาจแดงแทบจะไปไม่เป็น
อิริคเซ่น เวลาไม่มีบอลเป็นเหมือนภาระเพื่อนเลย " พี่เกษม " ที่พยายามตัดเกม ดักบอล แต่ทว่าเอาไม่อยู่จริงๆหากต้องทำงานคนเดียวในบทบาทหน้าที่นี้ บวกกับเดิมที กาเซมิโร่ นั้นค่อนข้างช้าด้วยอยู่แล้ว
หรือเมื่อได้บอล หากจะทรานซิสชั่นเร็วสวนกลับ แดนกลางของปีศาจแดง ต้องแปะคืนหลังก่อนตลอด ซึ่งทุกอย่างดูคลี่คลายขึ้น เมื่อ มานูเอล อูกาเต้ ถูกส่งลงสนามเพราะมีความสด ความแข็งแกร่งกว่า หรืออาจจะด้วยเพราะแดนกลางอิปสวิช หมดพลังไปเองด้วยเพราะใช้แรงเยอะ
โอนาน่า บิ๊กเซฟ เป็นที่พึ่งของเพื่อนเวลาส่งคืนหลัง
เอาจริงๆก็เริ่มดีและหนึบมาตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้วนะ สำหรับ อ็องเดร โอนาน่า ที่แน่ๆคือช็อตพลาดแบบหมูหกเข้าตาจนกลายเป็นคอนเท้นต์ไม่ได้มีให้เห็นแล้ว มีหลายนัดเหมือนกันที่ " บิ๊กโอ " บินเหาะเหินเดินอากาศปัดลูกยิงสวยๆได้
ซึ่งก่อนเกมเมื่อคืน อ็องเดร โอนาน่า คือผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีตได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ที่5นัด แถมยังเสียไปเพียงแค่12ประตู มีเพียง ลิเวอร์พูล 8) และ นิวคาสเซิ่ล (11) ที่เสียน้อยกว่า และเกมที่ พอร์ท แมน โร้ด โอนาน่า ก็มีเชฟสวยๆช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รอดตายได้
ช็อตเชฟแรกของโกลชาวแคเมอรูน มาจากลูกยิงของ แซมมี่ ซโมดิช และที่น่าเข้าสุดๆกับจังหวะ ได้ล่อเป้าโล่งๆในเขตโทษ แต่ทว่า โอนาน่า ผวาออกมาปิดมุมกางแขนบล็อกได้อย่างมหัศจรรย์ ส่วนประตูที่เสียมาจากลูกยิงไกลของ ฮัทชินสัน ก็โชคร้ายจริงๆเพราะไปแฉลบหัว มาซราวี เปลี่ยนทางเข้าประตู
ต้นครึ่งหลัง ดีแร็ป เจ้าเก่าก็ได้ไขว้โล่งๆ แต่ทว่า อ็องเดร โอนาน่า ก็ยังสวมวิญญาณปลาหมึก กางขาซุปเปอร์เซฟได้แบบน่าเหลือเชื่อ รวมไปจนถึงท้ายเกมลูกยิงของตัวสำรอง อัล-ฮามาดี้ ในเขตโทษ โอนาน่า ก็ยืนถูกตำแหน่งรับเข้าซองได้สบายๆ
นอกจากนี้ เมื่อคืนเกมที่ โดน อิปสวิช ทาวน์ บีบสูง ทำให้กองหลังของ แมนฯยู ต้องหาที่พึ่งจึงส่งคืนหลังบ่อยๆ ซึ่ง โอนาน่า ก็ไม่ได้มีจังหวะลนหรือทำพลาดจังๆเลย เป็นผู้รักษาประตูแต่ได้ผ่านบอลมากถึง 47ครั้ง
ดารา โอเช หนักหน่วง / แผน แม็คเคนน่า บีบเร็ว
ไม่รู้ว่าเพราะได้บัพชนะเป็นนัดแรกของฤดูกาลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส เปล่านะ จึงทำให้ อิปสวิช ทาวน์ ดูคึกคัก มีพลังงานพอสมควร ยิ่งเมื่อได้กลับมาเล่นในรังเหย้าตัวเอง พอร์ตแมน โร้ด เสียงเชียร์ที่มาจากแฟนบอลยิ่งทำให้พวกเขามีกำลังใจขึ้นไปใหญ่
ใน45นาทีแรกจุดที่ อิปสวิช ทาวน์ ทำได้ดีกว่าผู้มาเยือนชัดเจนนั่นก็คือ ความดุดัน การบีบเพรสซิ่งเร็ว โดยเฉพาะตรงพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ในแดนกลาง พละกำลัง และความสดบวกลูกหนัก แซม มอร์ซี่ ที่ถึงแม้จะแก่แล้ว แต่ทว่าก็ยังชัวร์ในเรื่องของการจ่ายบอล 71ครั้ง ความผ่านแม่นยำสูงถึง 94%
ส่วนแนวรับของเจ้าบ้านที่พลาดสุดๆเห็นทีจะเป็น คาเมร่อน บูร์เกสส์ ที่เอาไม่อยู่เลยกับจังหวะแหวกกระชากของ อาหมัด ดิยาโล่ ซึ่งพระเอกในแผงรับเมื่อคืนต้องยกให้ ดารา โอเช เลย ที่ทั้งไม่หลงตำแหน่ง แข็งแกร่ง โดยเฉพาะช็อตต้องเบียดกับ ฮอยลุนด์ แถมยังเข้าบอลได้แม่นยำสุดๆ
ดารา โอเช ผู้หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ ดาเรน เฟล็ทเชอร์ 90นาทีที่อยู่ในสนาม เข้าแท็กเกิ้ล4ครั้ง - ตัดบอล2ครั้ง - บล็อคลูกยิง1ครั้ง - เอาชนะลูกกลางอากาศ5ครั้ง และ เคลียร์บอลได้ถึง 5หน ลูกหนักเข้าถึงลูกถึงคนคือจุดเด่นของเจ้าตัวเลย
ส่วนกุนซือ คีแรน แม็คเคนน่า ก็เลือกใช้วิธีโจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบที่ตัวเองถนัดนั่นแหละ นั่นก็คือ การเพรสซิ่งบีบเร็ว โดยเฉพาะในแดนกลาง เราจึงได้เห็นกองหลังปีศาจแดง ต้องส่วงบอลกลับไปให้ โอนาน่า เซ็ตบอลใหม่บ่อยครั้ง
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อิปสวิช ทาวน์ อ็องเดร โอนาน่า รูเบน อโมริม พรีเมียร์ลีก มาร์คัส แรชฟอร์ด
- 98
- 25 พ.ย. 2567 14:12