แรชฟอร์ด ตุงที่ 100 ! ผี เหนื่อยหนัก ทุบค้อน1-0 เดฟ เซฟชีวิตทดเจ็บ
หืดจับเหมือนกันสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กว่าจะเก็บ3แต้มสัปดาห์นี้ได้ หลังพวกเขาได้เล่นในบ้านที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ที่ไม่ร้อนแรงเหมือน 1-2ซีซั่นที่ผ่านมา แถมกุนซือของพวกเขาอย่าง เดวิด มอยส์ ก็มีสถิติไม่ค่อยดีด้วยเวลาคุมทีมเจอสโมสรระดับบิ๊กซิกซ์ด้วย
แม้รูปเกมโดยรวมจะน่าอึดอัดหน่อย เพราะทั้งสองทีมพึ่งกรำศึกจาก ยูโรป้า ลีก มาเมื่อวันพฤหัสบดี เราจึงเห็นมีบางช่วงที่ ปีศาจแดง และ ขุนค้อน เร่งกันไม่ขึ้นโดยสำหรับฮีโร่ผู้ทำประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดนี้นั่นก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่โขกเต็มกบาลเข้าไป น.38
ซึ่งจังหวะพังประตูของ " แรชชี่ " ที่ต้องชมมากๆเลยคือคนเปิดที่เท้าชั่งทองอย่าง คริสเตียน อิริคเซ่น ที่วางให้พอเหมาะพอเจาะ ทั้งเวลาและน้ำหนัก ข้ามหัว ธิโล เคห์เรอร์ ให้ แรชฟอร์ด วิ่งเข้ามาโหม่งได้เต็มๆ
อีกหนึ่งความน่าสนใจเมื่อคืนนั่นก็คือ การได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หลังเคลียร์ปัญหาใจกับ เอริก เทน ฮาก สตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้ ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริง2นัดรวดนับรวมเกม ยูโรป้า แต่ทว่าภาพรวมตลอดทั้งเกมของ โรนัลโด้ ไม่ค่อยดีเลย
พละกำลัง ความสดความเฉียบขาดในการทำประตู นี่คือสิ่งที่ CR7 ทำหายไปตามกาลเวลาด้วยอายุ 37ที่ย่างเข้า 38 ส่วนอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์11ตัวจริงเมื่อคืน อีกหนึ่งตำแหน่งนั่นก็คือ แอนโธนี่ อีแลงก้า ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเป็นปีกวา แทน แอนโทนี่ ที่มีอาการบาดเจ็บ
โดยวัยรุ่นชาวสวีเดน แทบไม่มีบทบาทในเกมบุกเลย เกมรุกปีศาจแดงขึ้นได้ส่วนใหญ่ทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ลุค ชอว์ เท่านั้น จนท้ายที่สุดแล้ว อีแลงก้า ก็ถูกถอดออกไป น.61 ให้ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ มาบดบู๊ในแดนกลางแทน
ซึ่งช่วงท้ายเกมเป็นทางฝั่ง เวสต์แฮม ที่โจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนักๆ 10-15 นาทีสุดท้าย แต่ทว่าแผงแบ็กโฟร์ของเจ้าบ้านกลับช่วยกันสกัดได้อย่างดีในจังหวะสุดท้ายทั้ง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ - ลิซานโดร มาร์ติเนซ รวมไปจนถึง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ที่ปรกติเป็นจอมรั่ว แต่เกมนี้โหม่งเคลียร์บอลจังหวะสุดท้ายได้หลายครั้ง
ส่วนพระเอกคนสุดท้ายของ ยูไนเต็ด ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ฟอร์มร่างทองตุ๊กแกเรียกพี่ เซฟจังหวะยากๆ 3ช็อต จนพาทีมคว้าชัยได้สำเร็จ โดยเฉพาะลูกยิงนอกรอบเขตโทษแบบตะบันเต็มเหนี่ยว ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ ดีแคลน ไรซ์ ตอบโต้การไม่ติดเป็น55ขุนพลทีมชาติสเปน ที่จะตัดตัวไปบอลโลกได้เป็นอย่างดี
แรชฟอร์ด ฮีโร่ โขกตุงที่ 100
ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากกว่าเดิมจริงๆสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในยุคผู้จัดการทีม เอริก เทน ฮาก ยิ่งเมื่อคืนเจ้าตัวได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดริมเส้นอีกด้วย ทั้งที่ปรกติมักถูกใช้แก้ขัดยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า นั่นทำให้ " แรชชี่ " เอง ได้โชว์ศักยภาพที่ตัวเองถนัดได้เต็มๆ
แรชฟอร์ด ถามว่านัดกับขุนค้อนเมื่อคืนมีจังหวะ นรกแตก หรือทำเลี้ยงทำเสียไหม ? ต้องบอกเลยว่ามีบ้าง แต่ทว่าภาพรวมเมื่อคืนถือว่าเป็นแมตช์ที่ประทับใจของ แข้งหมายเลข10ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ไม่น้อย ในเรื่องของจังหวะการเล่นและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม
จังหวะโถมโขกเต็มกบาลเหนือ ธีโล เคห์เรอร์ ต้องให้เครดิตการสอดขึ้นไปเทกตัวโหม่ง และลูกเปิดแบบใส่พานทองของ คริสเตียน อิริคเซ่น เป็นอย่างดี โดยนี่นับเป็นการทำประตูด้วยลูกโหม่ง 2นัดติดต่อกันแล้วของเจ้าตัว จากในเกมยูโรป้า ลีก กับ เชรีฟฟ์
รวมถึงนี่ยังเป็นประตูที่100ของ แรชฟอร์ด กับทีมปีศาจแดงอีกด้วย นับตั้งแต่เดบิวต์ขึ้นทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2016 ในยุคของ หลุยส์ ฟานกัล
เกมกับขุนค้อน มาร์คัส แรชฟอร์ด ใช้ความเร็วความคล่องเรียกใบเหลืองจากนักเตะขุนค้อนได้ถึง2รายทั้ง ธีโล เคห์เรอร์ และ จานลูก้า สคามัคค่า นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีสถิติผ่านบอลในพื้นที่สุดท้ายมากถึง16ครั้ง - สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 8ครั้ง - หาโอกาสยิงได้ถึง 5หน
ยิ่งเมื่อเทียบกับอีกฝั่งขวาอย่าง แอนโธนี่ อีแลงก้า ที่บอดสนิทชัดเจน การที่ ดร.แรชฟอร์ด ได้กลับมายืนริมเส้นฝั่งซ้าย ทำให้แฟนผีได้เห็น คอมโบที่เคยพีคๆช่วงที่ประสานงานกับ ลุค ชอว์ อีกครั้งด้วย
โรนัลโด้ ได้ออกสตาร์ทตัวจริง..แต่
หลังจากมีอาการมีอาการงอนตุ๊บป่อง เดินออกจากสนามไปดื้อๆตั้งแต่ยังไม่จบเกมที่เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส 2-0 ส่งผลให้ เอริก เทน ฮาก ตัดสินใจตัด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกไปจากทีมทันทีในแมตช์ต่อมาที่บุกไปเยือน เซลซี ก่อนที่จะเคลียร์ใจกันอีกครั้ง จนกลับมาได้ลงเป็นตัวจริงใน เกม ยูโรป้า ลีก กับ เชอร์รีฟ
สำหรับเกมกับ เวสต์แฮม จะเรียกว่าเซอร์ไพรส์ หรือ ไม่เซอร์ไพรส์ ก็ได้นะกลับการได้ออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย37ปี และยังอยู่เล่นจนครบ 90นาทีเสียด้วย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ก็ต้องบอกเลยว่าเมื่อคืน เป็นฟอร์มที่ไม่ค่อยดีของ CR7 สักเท่าไหร่ แม้ว่าจะมีลูกจังหวะขยันเข้ามาวิ่งไล่บอล แต่ความกลมกลืนกับแนวรุกรายอื่นๆ รวมถึงคุณสัมบัติการเป็นหน้าเป้าที่ดีนี่คือสิ่งที่หายไปของ โรนัลโด้ ฤดูกาลนี้
ความเร็ว ความคล่องตัว เป็นสิ่งที่สตาร์ชาวโปรตุเกสทำหายไปนานแล้ว เกมกับเวสต์แฮม มีหลายจังหวะเหมือนกันที่ โรนัลโด้ พยายามมากเกินไปหน่อยกับการฝืนยิงเอง 6ครั้งกับโอกาสของ " เฮียโด้ " แทบไม่มีใกล้เคียงเลย เข้ากรอบ1 / ออกนอกกรอบ 2 และติดบล็อกไปถึง3
อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่เดี้ยงถนัดนอนโรงหมอบ่อยๆ ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ดูจะทำได้ดีกับตำแหน่งริมเส้นมากกว่า ทำให้ในตลาดหน้าหนาวนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอยกองหน้าเข้ามาขัดตราทัพก่อน หรือไม่ก็จัดหนักตัวท็อปตอนซัมเมอร์ไปเลย
แนวรับผีช่วยกันดี / แม็คไกวร์ คืนตัวจริง
นี่คือสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจนจริงๆในฤดูกาลนี้ นั่นก็คือความเสถียรความนิ่งในเกมรับ กับการได้คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่ลงตัวอย่าง ราฟาเอล วาราน และ ลิซานโดร มาร์ตินเนซ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม วาราน ก็ชิงเดี้ยงไปก่อนและต้องพักราวๆ1เดือน
การขาดหายไปของเซ็นเตอร์ชาวฝรั่งเศส ทำให้ แฟนผีมีเสียวสันหลังอยู่ไม่น้อย เพราะกองหลังที่จะมาเสียบแทน คู่กับ ลิซานโดร นั่นก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงอีกเลยนับตั้งแต่เกมนัดที่2ของฤดูกาลที่บุกไปโดน เบรนท์ฟอร์ด ระเบิดโถส้วม 4-0
แต่ทว่าอย่างไรก็ดี กองหลังหัวแตงโม แม้จะมีจังหวะช้า เงอะๆงะๆอยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็นับได้ว่าน่าประทับใจเหมือนกันโดยเฉพาะกับการรับมือลูกกลางอากาศ ที่เปิดมาเข้าหัวของ แม็คไกวร์ เกือบหมด
ส่วน ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังสานต่อฟอร์มแกร่งได้ต่อเนื่อง กล้าเข้าบอล ชิงจังหวะเล่นก่อนกองหลัง ไม่กลัวเล่นจังหวะเสี่ยงๆเพื่อช่วยทีม โดยเฉพาะช็อตที่พุ่งโหม่งบอลก่อน สคามัคค่า จะเล่นต่อ จนโดนดาวยิงชาวอิตาเลี่ยรายนี้ หวดเข้าที่ศรีษะ
" เดอะ บุชเชอร์ " มีสถิติ เอาชนะการดวล 5จาก6ครั้ง / บล็อคลูกยิง4ครั้ง /เคลียร์บอล3 ครั้ง และ เข้าแท็กเกิ้ล 2หน แต่ทว่าก็มียุบชัดเจนเมื่อต้องดวลกับ มิคาอิล อันโตนิโอ ที่ทั้งถึกและยักษ์
ที่เซอร์ไพรส์ เหมือนกันนั่นก็คือ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ที่แม้เล่นดีเท่าไหร่ แต่แฟนผีก็ไม่ค่อยไว้ใจเกมรับของ แบ็กแดนฝอยทองรายนี้ ที่ต้องชมสุดๆสำหรับ ดาโล่ต์ เมื่อคืน ก็คือการมาช่วยกันจังหวะสุดท้ายในเขตโทษก่อนถึงผู้เล่นขุนค้อน แถมยังเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นสุดๆ เวลาที่ตัวเองหรือเพื่อนร่วมทีมหยุดช็อตอันตรายๆได้
ทางฝั่งของ ลุค ชอว์ ก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน และคู่ควรในการแย่งตำแหน่งแบ็กซายตัวจริง มาจาก ไทเรลล์ มาลาเซีย ได้ โดย12นัดในลีกฤดูกาลนี้ปีศาจแดงเก็บไปได้5คลีนชีตด้วยกัน ซึ่งฤดูกาลที่แล้ว 2022-2023 ใน38นัด ยูไนเต็ด เก็บไปได้เพียงแค่ 5คลีนชีต เท่านั้น
เด เคอา ไม่คู่ควรไปบอลโลกกับสเปน ?
เปิดหัวมาในพรีเมียร์ลีก 2022-2023 ดาบิด เด เคอา ถือว่าเสียรังวัดไปไม่น้อยสำหรับเกมที่แพ้ ไบร์ทตัน 1-2 และที่หนักที่สุดคือนัดที่ไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด ยับเยิน 0-4 ยังไม่รับรวมช่วงปรี-ซีซั่น ที่นายด่านชาวสเปนรายนี้ มีช็อตเหวอให้เห็น
ก่อนเกมกับ เวสต์แฮม ก็ถือว่ามีข่าวร้ายกับ ดาบิด เค เคอา เช่นกัน เมื่อสื่อแดนกระทิงดุหลายๆสำนักรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่ได้เรียก " เดฟ " เข้ามาติดทีมรอบ55คน ชุดไปบอลโลก2022
โอเค อาจจะมองว่า เด เคอา เป็นโกลที่ออกบอลด้วยเท้าไม่แม่น เล่นบอลกับเท้าได้ไม่ดีตามปรัชญาแท็กติกของสเปนที่เน้นการต่อบอลฉึบฉับรวดเร็ว แต่ทว่าฟอร์มปลาหมึกยักษ์เมื่อคืน ของนายด่ายวัย31ปีต้องบอกว่าคุณภาพระดับโลกได้เลย
โกลหน้าลามะ มีช็อตเซฟมหัศจรรย์ให้เห็นจะๆ3ครั้ง ที่น่าจะเป็นประตูสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นช็อตปัดลูกยิงเต็มแรง ระยะ18หลา ของ มิคาอิล อันโตนิโอ น. 82 จังหวะต่อเนื่องเหยียดพุ่งปัดสุดตัว ลูกขวิดของ เคิร์ท ซูม่า
และลูกเซฟระดับต้องอุทาน ลูกยิงไกลร่วม30หลา หนีบล็อกของ ดีแคลน ไรซ์ ที่ปัดออกไปได้อย่างหวุดหงิดเส้นยาแดงผ่าแปด ช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ
ช็อตดังกล่าวเรียกเสียงปรบมือแฟนบอลที่ โอลด์ แทร็ฟอร์ด เต็มๆ รวมไปจนถึงเรียกแพสชั่นอาการสะใจจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง ลิซานโดร และ ดาโล่ต์ หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาที
โดย7นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ดาบิด เด เคอา เก็บคลีนชีตได้ถึง5นัด และเสียไปเพียง2ประตูเท่านั้น หลุยส์ เอ็นริเก้ อาจจะมองว่า โกลมือ1ทีมปีศาจแดงรายนี้ใช้เท้าและคุณสมบัติไม่ดีเทียบเท่า อูไน ซิม่อน - ดาบิด ราย่า และ โรเบิร์ต ซานเชซ
แต่ทว่าลีลาการเซฟเหินหาวของ เด เคอา เมื่อคืน ก็เป็นการตอกย้ำข้อกังขาการเลือกตัวของ เอ็นริเก้ อยู่ไม่น้อย หลังจบเกม เดวิด มอยส์ ได้ออกมาชื่นชมโกลปีศาจแดงรายนี้สุดๆ รวมไปจนถึงนายด่านระดับตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่ต้องออกมาซูฮกฟอร์มเทพเมื่อคืนเช่นกัน
มอยส์ ยังคงสถิติเยือน Big6 แล้วไม่ชนะ
แม้ว่าผลงานใน ยูโรป้า คอนฟลอเรนซ์ ลีกของ เวสต์แฮม ในฤดูกาลนี้จะดูสะเด่าไปเลย ด้วยการคว้าชัย5นัดรวด การันตี การเข้ารอบเป็นที่1ของกลุ่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่านั่นก็แตกต่างจากผลงานในพรีเมียร์ลีกสิ้นเชิง
ปรกติแล้ว เวสต์แฮม จะเป็นทีมลุ้นโควตาไปบอลยุโรปถ้วยเล็กอย่าง ยูโรป้า ลีก แต่ทว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่อันดับไกลถึงที่ 13ของตารางคะแนน แนวรุกที่เคยยิงกระฉูดแตก กลับทำไปได้เพียง11ประตู เท่านั้นจาก13นัด และมีดาวซัลโวในลีกเป็น สคามัคค่า - โบเว่น และ อันโตนิโอ ที่กดไปได้คนละ2ตุง
กับ แมนยู เมื่อคืนต้องบอกว่าด้วยการเล่นเน้นผลของทีมเจ้าบ้านในช่วงท้ายเกมที่ตั้งใจแพ็กเกมรับ ทำให้เวสต์แฮม มีโอกาสกระหน่ำโจมตี จนจวนเจียนจะได้ประตูหลายหน แต่ทว่าก็โดนความเหนียบหนึบของ เด เคอา ปฎิเสธปัดไว้
ความปราชัยดังกล่าวยังคงทำให้ เดวิด มอยส์ คงสถิติที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ในการทำทีมบุกไปเยือนทีมระดับท็อป6นั่นก็คือ ยังไม่สามารถบุกไปเอาชนะทีมแกร่งเหล่านี้ในการเล่นเป็นทีมเยือนได้เลย
70 นัดในการคุมทีมบุกไปเยือน สเปอร์ส - แมนฯยู - แมนฯ ซิตี้ - อาร์เซน่อล - ลิเวอร์พูล และเซลซี เดวิด มอยส์ พบกับความปราชัยถึง49นัด - เสมอ21 ไม่เคยบุกไปโค่นทีมเหล่านี้เลยได้แม้แต่หนเดียว ทั้งในช่วงที่เป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอรตัน ซันเดอร์แลนด์ รวมถึง เวสต์แฮม
ส่วนสถิติเฉพาะของกุนซือฉายา " เดอะ โชเซ่น วัน" สำหรับการมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เลวร้ายไม่ต่างกัน 16นัด คว้าชัยชนะ 0 - เสมอ 4 - แพ้12
- คอลัมน์นิสต์
- 389
- 31 ต.ค. 2565 16:17