ส่งท้ายคาร์ริค ! ผี เปิดบ้าน เฉือนปืน 3-2 โรนัลโด้ พระเอกซัดเบิ้ล
ส่งท้ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สวยพอตัวเหมือนกันสำหรับ ไมเคิ่ล คาร์ริค กับนัดสุดท้ายที่คุมบังเหียนปีศาจแดง เมื่อได้เล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปิดบ้านเฉือนเอาชนะอีกหนึ่งที่ฟอร์มดีในระยะหลังอย่าง อาร์เซน่อล ไปได้แบบสุดมัน
เป็นเกมที่ครบทุกรสชาติจริงๆสำหรับพรีเมียร์ลีกคู่ส่งท้ายนัดกลางสัปดาห์ที่14 ระหว่างเจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับผู้มาเยือน อาร์เซน่อล และผลก็ลงเอยด้วยการคว้า3แต้มของ พลพรรคปีศาจแดง ที่เบียดเอาชนะไปหวุดหวิด 3-2
ก่อนเกม ไมเคิ่ล คาร์ริค มีการปรับทัพพอสมควร มาระบบ 4-2-3-1 อีกครั้งในแผงหลัง ทั้งการพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทำให้ เอริค ไบยี่ ต้องหลุดไปเป็นตัวสำรอง
ส่วนแบ็กขวาเป็นโอกาสของ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ แทน อารอน วาน-บิสซาก้า ที่เดี้ยงนิดหน่อยกับ แบ็กซ้าย อเล็กซ์ เตลลิส ยังได้รับโอกาสแทนต่อเนื่อง เพราะ ลุค ชอว์ ที่ยังไม่หายเจ็บ
แดนกลางยังคงเป็นคู่หูนรกแตกคู่เดิมที่ได้ลงสนามคู่กันนั่นก็คือ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ และ เฟร็ด ส่วน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค รับบทเป็นตัวสำรองอดทนเช่นเคย และที่ขาดไปไม่ได้นั่นก็คือการรีเทิร์นกลับมาลงสนามตัวจริงอีกครั้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
เกมตลอด90นาทีเมื่อคืน ถ้ามองในแง่ของฟุตบอล ที่คือแมตช์ที่ผู้เล่นทั้งสองทีมก่อความผิดพลาดกันขึ้นมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะทางฝั่งปีศาจแดงที่พวกเขายังดูเหมือนชุลมุนกันอยู่ไม่น้อย เวลาเล่นเกมรับลูกตั้งเตะ หวาดเสียวที่จะโดนคู่แข่งจะกระซวกตาข่ายได้ตลอด
และพวกเขาก็เหมือนมาทำร้ายตัวเองอีกจนได้ เมื่อจากลูกเตะมุม เฟร็ด ดันทะเล่อทะล่า ไปเหยียบเท้า ดาบิด เด เคอา จนโกลชาวสเปนรายนี้ ลงไปนอนกองกับพื้น
บอลต่อเนื่องมาถึง เอมิล สมิธ-โรว์ ซัดเปรี้ยงเดียวเข้าไปไม่เหลือ น.13 ในขณะที่ปากประตูโล่งโจ้ง เพราะ เดเคอา ยังไม่สามารถลุกขึ้นมาเล่นต่อได้
ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ใช้เวลาคิดตัดสินใจอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจให้ ลูกยิงของ สมิธ-โรว์ ยังคงเป็นประตู สร้างความมึนงงให้นักเตะทีมปีศาจแดงมากๆ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องโทษพวกเขาด้วยที่ไม่พยายามเล่นบอลจังหวะดังกล่าวต่อเต็มที่ และ ตัวของ เด เคอา ที่เจ็บแต่อย่างน้อยควรที่จะฝืนลุกมาเล่นต่อได้ และค่อยปฐมพยาบาลภายหลัง
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แมนฯยูไนเต็ด ก็มาตามตีเสมอได้ 1-1 ช่วงท้ายครึ่งแรกจาก บรูโน่ แฟร์นันเดซ น.44 และพลิกแซง 2-1 จาก โรนัลโด้ น.52 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นอีก 2นาที เดอะ กันเนอร์ส ตีเสมอได้ทันควันจาก มาร์ติน โอเดการ์ด
ท้ายที่สุดทีมปีศาจแดงก็สวมบทหัวใจสิงห์รวมพลังกันอีกครั้ง แซงเอาชนะไปได้ 3-2 หลังจากที่ เฟร็ด ไปโดนโอเดการ์ด หวดล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็ก VAR ย้อนหลังแล้วเป่าเป็นจุดโทษ สุดท้ายจึงเป็น CR7 ที่ซัดจุดโทษ น.70 พาทีมคว้า3แต้มสำคัญได้สำเร็จ
พระเอกผียังคนเดิม โรนัลโด้ ซัดครบ800ตุง
หลายคนกังวลไม่น้อยกับบทบาทตัวสำรองในเกมกับ เซลซี ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก่อนเกมหลายๆกระแส ก็ค่อนข้างมั่นใจว่า สตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้จะมีชื่อกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง และก็เป็นไปตามที่คาดจริงๆ
CR7 ได้ออกสตาร์ทเป็นหน้าเป้า และมีบางช่วงบางคราที่ลงมาล้วงบอลต่ำช่วยเพื่อน แถมยังมีลูกขยันช่วงวิ่งไล่อย่างเต็มเปี่ยมแม้ว่าจะอายุปาเข้าไป 36ปีแล้วก็ตาม ภาพรวมตลอดทั้งเกมของ โรนัลโด้ นั้นยอดเยี่ยมจริงๆทั้งในแง่ของสกอร์ และความมุ่งมั่นทุ่มเท มีจังหวะพลิกหลอก กาเบรียล มากัลเญส สุดสวย
คริสเตียโน่ ซัดประตูขึ้นนำให้ทีม 2-1 จากลูกเปิดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และสวมบทพระเอกหล่อๆยิงประตูชัย 3-2 ให้กับทีมจากลูกจุดโทษสุดกดดัน น.70
โดยแข้งชาวโปรตุเกสรายนี้นั้นจิตใจเยือกเย็นสุดๆด้วยการวัดใจซัดเต็มแรงไปกลางประตูหลอกให้ จอมหนึบอย่าง อารอน แรมส์เดล ต้องพุ่งไปทางซ้ายมือ
2ตุงของ โรนัลโด้ ทำให้เจ้าตัวซัดประตูที่ 800 และ 801 ในอาชีพการค้าแข้งนักฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งในนามทีมชาติโปรตุเกส และในนามสโมสร ( แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เรอัล มาดริด - สปอร์ติ้ง ลิสบอน - ยูเวนตุส )
โดย2ประตู ที่ซัดใส่ทีมปืนใหญ่เมื่อคืน ทำให้เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ 5สมัยรายนี้ ทำสถิติยิงอาร์เซน่อล ในพรีเมียร์ลีกได้เป็นเม็ดที่6แล้ว และกลายเป็นทีมที่โรนัลโด้ ทำประตูใส่ได้มากที่สุดในทีมท็อปซิกซ์ รองลงมาเป็น สเปอร์ส 5ลูก
เมื่อคืนโรนัลโด้ มีโอกาสซัด 6ครั้ง / สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 6หน (มากที่สุด) / ชนะการดวล5ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่าน 3ครั้ง หลังจากจบเกมเมื่อคืน ส่งผลให้ยอดรวมประตูที่เจ้าตัวทำได้ในซีซั่นนี้ เท่ากับ12ลูกเข้าให้แล้ว
เฟร็ด ออกสตาร์ทเป็นผู้ร้าย ตอนจบเป็นพระเอก
เรียกว่าคราใดที่ได้ปรากฎตัวในสนามก็เล่นเอาแฟนบอลปีศาจแดงเสียวซ่านอยู่เหมือนกัน สำหรับกองกลางบราซิลเสิ่นเจิ้นรายนี้ เฟร็ด ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเคียงคู่กับคู่ขา สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ อีกครั้ง
เฟร็ด ได้รับความดีความชอบไม่น้อย กับผลงาน มีวินัย ขยัน (ใฝ่คุณธรรม) ในเกมบุกไปคว้า1แต้มสำคัญกับเซลซี แต่ทว่าอดีตกองกลาง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ รายนี้ออกสตาร์ทเกมได้งามไส้พอสมควร เมื่อไปย่ำใส่ ดาบิด เด เคอา จนโกลชาวสเปนรายนี้เจ็บลงไปนอนกองกับพื้น
จังหวะต่อเนื่อง โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ โหม่ง มาเข้าทาง เอมิล สมิธ-โรว์ ซัดนอกกรอบเขตโทษประตูโล่งๆเข้าไปไม่เหลือ โดยหลังช็อตดังกล่าว เฟร็ด มีไปยกมือประท้วงซะงั้น ทั้งที่เจ้าตัวเองนี่แหละ ที่ไปย่ำ "เดฟ " จนลุกขึ้นมาเล่นต่อไม่ไหว
นอกจากนี้ เฟร็ด ยังมีส่วนผิดพลาดพอสมควรกับประตูตีเสมอ 2-2 ของ มาร์ติน โอเดการ์ด เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมตามประกบมิดฟิลด์ชาวนอร์เวย์รายนี้บริเวณกรอบเขตโทษ ปล่อยให้คู่แข่งยิงโดยไร้ความกดดัน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม กองกลางหมายเลข17รายนี้ ก็มีช็อตหล่อๆ เหมือนกัน เริ่มจากประตูตีเสมอ 1-1 ก็เป็นจ่ายตัวนี่แหละจ่ายให้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ สำเร็จโทษ รวมไปจนถึง ประตูแซงชนะ3-2 เฟร็ด ก็เหมือนทำแอสซิสต์กลายๆ กับการเรียกจุดโทษให้กับทีม
นี่ยังไม่รวมถึงช่วงท้ายเกมที่ไปสกัดบอลจังหวะสุดท้ายก่อนที่จะหลุดไปถึง บูกาโย่ ซาก้า แบบเส้นยาแดงผ่าแปด นอกจากโรนัลโด้ ที่เหมาไป2ประตูแล้ว เฟร็ด ก็เป็นแข้งอีกหนึ่งคนที่สร้างผลงาน อิมแพค ต่อเกมได้น่าเซอร์ไพรส์ เช่นกัน
ในเรื่องของตัวเลข เมื่อคืน เฟร็ด มีสถิติที่ดีในการจ่ายคีย์พาส ได้2ครั้ง / วางบอลยาว 6ครั้ง / ตัดบอลได้ 4 หน / แต่ทว่าก็มีจังหวะทำบอลเสียเอง 2ครั้งด้วยกัน ครบทุกรสชาติจริงๆสำหรับเฟร็ด เมื่อคืน
ปาเตย์ ไม่เด่นเหมือนเกมบุกผี ปีที่แล้ว
มีหลายคนแซวว่า นับตั้งแต่ย้ายมาอาร์เซน่อล อดีตห้องเครื่อง แอตเลติโก มาดริด รายนี้ เล่นดีแค่นัดเดียวนั่นก็คือ เกมที่ปืนใหญ่บุกมาเอาชนะ แมนฯยู 1-0 เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2020 หลังจากนั้น ปาเตย์ เจ้าตัวก็มีทั้งอาการบาดเจ็บ และฟอร์มตกมาโดยตลอด
ปาเตย์ ได้ออกสตาร์ทเป็นมิดฟิลด์ ในระบบ 4-2-3-1 ร่วมกับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ โดยกองกลางชาวกาน่ารายนี้ เป็นหนึ่งในผู้เล่นอาร์เซน่อลที่เล่นผิดฟอร์มมากๆ มิดฟิลด์อย่าง แม็ค&เฟร็ด ยังสามารถครองเกมได้อย่างเป็นระยะๆ ความผิดพลาดและความขี้เกียจนี่คือจุดด้อยของอดีตเจ้าของฉายา "นิว วิเอร่า "
แมนฯยู ที่ได้สวนกลับและบุกมาเป็นระยะๆจากตรงกลาง โธมัส ปาเตย์ แทบไม่เคยชะลอเกมหรือตัดเกมก่อนที่บอลจะเข้าไปถึงพื้นที่สามได้เลย กลายเป็นจุดอ่อนหรือบ่อหลุมน้ำมันในแดนกลางของทีมอย่างชัดเจน
แถมยังมีบางจังหวะ ที่เจ้าตัวมีโอกาสจ่ายบอลสวยๆให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แต่ทว่ากลับไม่ทำซะงั้น แถมยังมีจับบอลแย่ๆจนเสียการครอบครองบอลไปถึง2หน ส่วนประตู 2-1 ของโรนัลโด้ ปาเตย์ ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน เมื่อตาม CR7 มาดีๆ แต่จังหวะสุดท้ายไปยื่นห่างดื้อๆ
ฟอร์มของห้องเครื่องวัย28ปีรายนี้ ส่อที่จะสอบไม่ผ่านจริงๆกับเวทีพรีเมียร์ลีก แม้จะดูปรับตัวได้เป็นครั้งเป็นคราวก็ตาม นี่ต้องบอกว่าโชคดีไม่น้อยที่ กรานิต ชาก้า ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ มิเช่นนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงอย่างที่เห็น
ส่งท้าย3แต้มให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค
รู้ว่ามีระยะเวลาในการพิสูจน์ฝีมือตัวเองน้อย แต่ก็ทำเต็มที่สำหรับหน้าที่กุนซือขัดตราทัพอย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค ซึ่ง3เกมที่ได้ลองคุมบังเหียนปีศาจแดง ถือว่าสอบผ่านเลยไม่ว่าจะเป็นการบุกเอาชนะ บียาร์เรอัล 2-0 ภารกิจต้องรอดบุกแบ่งแต้มเซลซี 1-1
และล่าสุด3แต้มสำคัญในเกมเฉือนอาร์เซน่อล สุดมัน ถือได้ว่าเป็นการทำให้ปีศาจแดงกลับมามีโมเมนต์ตัม ที่ดีอีกครั้ง หลังในช่วง6-7นัดสุดท้ายของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทีมหัวตกจนเงยยังไงก็ไม่ขึ้นมาอีก
คาร์ริค คุมทีมในสไตล์ที่มีคราบไคลของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อยู่บ้าง ในเรื่องของการจัดตัวผู้เล่นเพราะเจ้าตัวยังคงนิยมชอบชอบในการใช่คู่กลางเป็น "แม็คเฟร็ด " และโอกาสลงสนามก็ยังคงไม่มาถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
แต่สิ่งที่กุนซือหนุ่มวัย40ปีรายนี้ แตกต่างจากโซลชา ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนั่นก็คือไม่ดื้อในวิธีการเล่น เฟร็ด และ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ถือว่าเล่นดีขึ้นมากกว่าในยุคของ น้าโอเล่
ทั้งสองปักหลักเล่นเกมรับร่วมกันไม่ดันขึ้นสูงไปคนใดคนหนึ่งเหมือนในยุคของโซลชา ที่ทำให้โดนสวนกลับจนเกิดหายนะบ่อยครั้ง
รวมถึง "ท่านปลัด " ยังมีความกล้าในเรื่องของการตัดสินใจดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกมกับเซลซี เพื่อให้สอดคล้องกับแท็กติกวิธีการเล่น และสุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจกลับมาจากรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์
หลังจบเกมกับอาร์เซน่อล ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็ได้อำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในทันที และจะเป็น ราล์ฟ รังนิก ได้ประเดิมคุมทีมนัดแรกเกมกับ คริสตัล พาเลซ วันอาทิตย์
เชื่อว่าการตัดสินใจออกจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า คาร์ริค น่าจะมีความคิดในการเริ่มต้นบทบาทผู้จัดการทีมไว้บ้างแล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่าสโมสรไหนจะเป็นทีมแรก คุมทัพถาวรของอดีตมิดฟิลด์หมายเลข 16รายนี้
การบ้านกองโตที่ ราล์ฟ รังนิก ต้องตามแก้
แม้จะยังไม่ได้คุมที่อย่างเป็นทางการ แต่นัดนี้ ราล์ฟ รังนิก ก็เข้ามาเป็นผู้ชมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เช็กฟอร์มลูกทีมอย่างเป็นทางการนัดแรก แม้จะเบียดเอาชนะปืนโตไปได้ แต่เชื่อว่า ด้วยดีเทลระหว่างเกม กุนซือชาวเยอรมัน มีอะไรที่ต้องแก้ต้องปรับให้ทีมปีศาจแดงมากพอสมควร
เริ่มเกมมา15นาทีแรก ต้องบอกได้เลยว่าลูกทีมของ คาร์ริค ยังดูงงๆมึนๆ ก่อนจะเสียประตูแรกไป ถึงจะมาค่อยๆตั้งเกมเช็ตเกมบุกได้ ปีศาจแดงถือว่าเป็นทีมที่สมาธิไม่นิ่งอยู่ใช่น้อย (เพราะมักโดนคู่แข่งเปิดซิงล่อตาข่ายไปก่อน) ประจำ
การเช็ตบอลจ่ายบอล ความแม่นยำ ภาพรวมยูไนเต็ด ชุดนี้ยังดูมีปัญหามากๆ เพราะเวลาโดนเพรสซิ่งพวกเขาก็มักจะเข้าอีหรอบเดิม เสียบอลง่ายๆ หรือไม่ก็ทำเกมไม่ถนัดจ่ายบอลตะกุกตะกักตายระหว่างทาง
ส่วนแนวรับก็ยังเหมือนเดิมพวกเขายังคงเป็นทีมที่พร้อมโดนได้ตลอดทุก วินาที การยืนตำแหน่งคู่เซ็นเตอร์ ยังคงมีปัญหา หรือเวลาลูกยิงจากแถวสอง
ยูไนเต็ด มักไม่มีผู้เล่น (จริงๆเป็นหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับ) มาบัง มาบล็อก หรือสร้างความรำคาญความลำบากให้คู่แข่ง
นี่ยังไม่รวมถึงปรัชญาการเล่นของ ราล์ฟ รังนิก ที่เล่นแบบเพรสซิ่ง ไม่รู้ว่าจะมีนักเตะคนไหน เล่นไม่ได้ตามระบบไหม และก็เป็นเรื่องยากที่จะเสกเปลี่ยนแปลงนักเตะยูไนเต็ด ชุดนี้ได้ในระยะเวลาเพียงแค่6เดือน เพราะที่ผ่านมาพวกเขาเล่นในสไตล์ที่ ชิว สโลว์ไลฟ์ มากๆ
นี่ยังไม่นับอนาคตของ นักเตะอีกหลายรายทั้ง อองโตนี่ มาร์กซิยาล - ปอล ป็อกบา รวมไปจนถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่เชื่อว่าหากกองกลางชาวดัตช์ รายนี้ยังไม่ได้รับโอกาสจากกุนซือคนใหม่อีก คง100%ที่เจ้าตัว จะชิ่งหนีทีมตลาดหน้าหนาวนี้แน่นอน
โดยเกมแรกของ รังนิก ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับ คริสตัล พาเลซ เราน่าจะได้เห็นภาพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลางๆชัดมากขึ้น รวมถึงนักเตะรายไหนที่จะได้ไปต่อหรือเซย์ กู๊ดบาย รวมถึงปัญหาอีกหลายๆอย่างที่ กุนซือวัย63ปีรายนี้ ต้องแก้ไข เป็นการบ้านกองกองโต มโหฬารแน่ๆ
- คอลัมน์นิสต์
- 557
- 03 ธ.ค. 2564 15:13