โอนาน่า เซฟโทษ ทดเจ็บ ! ผี เฉือน โคเปนเฮเกน 1-0 แม็คไกวร์ โขกชัย
ด้วยสถานการณ์ที่แพ้มา2นัดก่อนหน้า ต่อ บาเยิร์น มิวนิค และ กาลาตาซาราย ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือกอื่นเลย ในเกมแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่3กับ เอฟซี โคเปนเฮเก้น นั่นก็คือต้องคว้าชัยชยะเก็บ3แต้มให้ได้ เพื่อต่อลมหายใจลุ้นเข้ารอบ16ทีมต่อไป และผลลัพธ์ 90นาทีเมื่อคืน พลพรรคปีศาจแดงก็ปราบทีมแดนโคนมไปได้แบบฉิวเฉียด 1-0
เกม ยูซีแอล รอบแบ่งกลุ่ม (A) นัดที่3ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้อนรับผู้มาเยือน โคเปนเฮเก้น โดยนัดนี้ เอริก เทน ฮาก ได้2นักเตะที่สลัดเดี้ยงกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้นั่นก็คือ ราฟาเอล วาราน และ เซร์คิโอ เรกีลอน
ส่วน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ 2นัดก่อนหน้าในลีก ที่เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้โข ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันที ซึ่งด้วยชื่อชั้นและดีกรีต่างๆของผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหนือกว่าทีมจากเดนมาร์กมากๆ
ทว่าพอเล่นไปโคเปนเฮนเกน ไม่ได้เป็นรองทัพปีศาจแดงเลย แม้ว่าจะครองบอลน้อยกว่าเจ้าบ้าน แต่ทว่าในเรื่องของการทำชิ่ง ต่อบอลแม่นจากเท้าสู่เท้า รวมถึงการสร้างสรรค์โอกาส (ในครึ่งแรก) ลูกทีมของ ยาค็อป นีสตรูป ทำได้ดีกว่าเห็นๆ
ด้วยรูปเกมทีไม่ดีทำให้การออกสตาร์ท45นาทีหลัง เอริก เทน ฮาก ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเลยทันทีถอด โซฟียาน อัมราบัต ออก แล้วให้ คริสเตียน อิริคเซ่น ลงมาบู๊แทน ซึ่งรูปเกมของเจ้าบ้านก็มีชวิตชีวาขึ้นมา แต่ทว่าแนวรุกตัดสินใจกันพลาดหมดทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อันโตนี่ ที่เป็นปีกสไตล์ไม่ปั้นกองหน้าทั้งคู่อยู่แล้ว
ท้ายที่สุดแล้วความพยายามของ ยูไนเต็ด ก็มาสัมฤทธิผล และฮีโร่ ของพวกเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่โหม่งบอลกดลงพื้นจากลูกเปิดครอสเข้ามาของ อิริคเซ่น น.72 ขึ้นนำ1-0 หลังจากนั้นปีศาจแดง ก็สวนกลับมีโอกาสบวกเพิ่มตอกฝาโรงหลายครั้ง แต่ไม่เฉียบขาดกันเอง
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่แล้ว แต่ทว่า สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความโฉ่งฉ่าง ไปทำฟาวล์ เอลยูนุสซี่ ในเขตโทษ กรรมการฟัง VAR นิดหน่อยแล้วเป่าเป็นจุดโทษทันที น.90+4
อย่างไรก็ตามฮีโร่คนสุดท้ายก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ อ็องเดร โอนาน่า ที่ก่อนหน้านั้นโดนวิจารณ์มาอย่างหนักหน่วง เซฟลูกจุดโทษของ ยอร์ดาน ลาร์สสัน ได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋า และยังคงลมหายใจให้ได้ลุ้นต่อในอีก3นัดที่เหลือได้สำเร็จ
หรือจะกลับชาติมาเกิดใหม่ ? ความพยายามของ แม็คไกวร์ เห็นผล
ถ้าจะมองสถานการณ์จากปลายฤดูกาลที่แล้ว มาจนถึงช่วงซัมเมอร์จะเปิดซีซั่นใหม่ 2023-20214 ต้องบอกว่า อนาคต ของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นเส้นทางที่ขนานกันแล้ว เพราะด้วยฟอร์มของเจ้าตัวเอง รวมถึงปรัชญาการสร้างทีมของ เอริก เทน ฮาก ดูไม่ใช่เคมีที่ลงตัวกันแต่อย่างใด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหาเซ็นเตอร์ตัวหลักอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เจ็บยาว รวมไปจนถึง ราฟาเอล วาราน ที่เดี้ยงออดๆแอดๆ ทำให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ค่อยๆได้รับโอกาสปลาชิ้นมันพิสูจน์ตัวเอง
เบรนท์ฟอร์ด กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คือ2แมตช์ก่อนหน้า ที่กองหลังค่าตัว80ล้านปอนด์รายนี้ ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง และผลงานแจ่มเลย โดยเฉพาะที่ไปเยือน " ดาบคู่ " แม็คไกวร์ เด่นถึงขนาดได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เลยทีเดียว
กับ โคเปนเฮเกน เมื่อคืน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เริ่มต้นมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำพลาด โดนปั๊มบอลบริเวณแถวครึ่งสนาม จนเกือบทำทีมเสียประตู แต่ทว่าหลังจากนั้นก็เป็นผลงานที่เยี่ยมสำหรับกองหลังเบอร์5รายนี้
แม็คไกวร์ มีสถิติที่แจ่มทั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 72 จาก 82ครั้ง - ชนะการดวล 5ครั้ง - ชนะลูกกลางอากาศ4 ครั้ง - และไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คึอ การสวมบทเป็นฮีโร่ โขกทำประตูชัย น.72 พาทีมเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋า
โดยลูกโขกของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จากการเปิดของ อิริคเซ่น เรียกว่า เจ้าตัวทำเข้าตาราทุกอย่างกับการโหม่ง ที่ทั้งทแยงมุม และกดลงพื้นหมดสิทธิที่ คามิล กราบาร่า ที่หนึบมาทั้งเกมจะเซฟได้
ประตูของแม็คไกวร์ เปรียบเสมือนการต่อลมหายใจของปีศาจแดง ใน3นัดที่เหลือในรอบแบ่งกลุ่ม วินาทีที่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย อดีตกองหลังเลสเตอร์ดีใจเป็นอย่างมาก รวมไปจนถึงเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ และแฟนบอลในสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
โอนาน่า ก็ฮีโร่ เมื่อเลิก " ตรงเป็นตุง "
กระแสเรียกร้องให้เลิกใช้ อองเดร โอนาน่า เป็นมือ1มีมาสักพักแล้วจากแฟนบอลปีศาจแดง หลังนาย่านชาวแคเมอรูน ก่อความผิดพลาดชนิดให้โลกจำมาแล้วหลายช็อต ทั้งที่ฤดูกาลใหม่ 2023-2024 เริ่มมาเพียงราวๆ 3เดือน
โดยเฉพาะฝันร้ายใน ยูซีแอล ของ โอนาน่า เกมแพ้ บาเยิร์น มิวนิค (3-4) และ กาลาตาซาราย (2-3) ซึ่งโกลเคราแพะรายนี้ สร้างคอนเท้นต์โชว์เหวอทั้ง2เกม แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อมั่นในตัวลูกน้องเก่าของ เอริก เทน ฮาก ทำให้ อัลตาย บายินเดียร์ ต้องนั่งสำรองต่อไป
แม้ครึ่งแรก จะมีช็อตแปลกๆไปเซฟลูกยิงที่ออกไปแล้วดื้อๆ แต่ระหว่างเกม โอนาน่า ก็มีลีลาเหาะเหินเดินอากาศ เชฟสวยๆยากๆให้เห็นถึง2ครั้ง2คราด้วยกัน รวมไปจนถึงการออกบอลยาวที่แม้จะมีพลาดบ้าง แต่ก็มีลูกวางยาวสวยๆให้เห็นเช่นกัน
เวลาเดินมาจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+4 หากไม่มีสกอร์อะไรเกิดขึ้นอีก หรือโดนตีเสมอ ฮีโร่เต็มๆต้องเป็น แม็คไกวร์ แน่นอน แต่ทว่าด้วยความประมาท เลินเล่อ (อีกแล้ว) ของ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ทำให้ต้องเสียจุดโทษ
วินาทีความเป็นความตายของปีศาจแดงก็มาถึง โดยผู้จะชี้ชะตาของทีมนั่นก็คือ อ็องเดร โอนาน่า กับผู้สังหาร ยอร์ดาน ลาร์สสัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว โอนาน่า ก็สลัดบทผู้ร้าย กลายมาเป็นฮีโร่ได้สำเร็จ ด้วยการพุ่งปัดลูกเซฟได้ พาทีมเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋า และอาจเป็นโมเมนตัมสำคัญให้เจ้าตัวเรียกความั่นใจกลับคืนมาก็เป็นได้
แม็คทอม นักบอลสายทะเล่อทะล่า - อิริคเซ่น เพิ่มชีวิตชีวา
เป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2023-2024 ดูท่าว่าจะหมดอนาคตยังถิ่น โรงละครแห่งความฝันสำหรับ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ เพราะการเข้ามาใหม่ของ เมสัน เมาท์ และ โซฟียาน อัมราบัต วันสุดท้ายตลาดซัมเมอร์
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม " แม็คทอม " ก็ยังมีจุดพลิกผันกับการลงมาเป็นตัวสำรอง น.87 เกมกับ เบรนท์ฟอร์ด แล้วเหมายิง2เม็ด จนพาทีมคว้าชัยได้ โดยจอมถึกชาวสก็อตต์ ได้ลงตัวจริงอย่างต่อเนื่องต่อ ในเกมลีกที่บุกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ซึ่งกับ "ดาบคู่ " แม็คโทมิเน่ย์ ก็มาทำประตูได้อีกครั้ง แต่ทว่าภาพรวมทั้งเกม นอกจากทำประตูแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย แถมยังมาทำเสียจุดโทษง่ายๆ กับจังหวะแฮนด์บอลแล้วเก็บแขนไม่ดีอีกด้วย
มานัดกับโคเปนเฮเกน ก็ม้วนเดิม สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ เล่นได้ไม่ดีนัก มีจังหวะจับบอลแข็งๆหรือจ่ายบอลเสียง่ายๆ และเกือบมาทำทีมตกรอบเพราะ ไปเสียค่าโง่ทำฟาวล์ผู้เล่นทีมเยือนในเขตโทษ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+4 ดีที่ โอนาน่า ซุปเปอร์เซฟไว้ได้ เพราะหากทีมหลุดเสมอ เจ้าตัวจะโดนแฟนบอลสับเละแน่ๆ
ส่วน คริสเตียน อิริคเซ่นที่ซั่นนี้มีบทบาทเป็นตำรองเสียส่วนใหญ่ แต่ทว่าพอถูกหย่อนลงสนาม แข้งแดนโคนม ก็อิมแพคต่อแดนกลางของทีมตลอด เพิ่มมิติในกาเข้าทำที่หลากหลาย มีลูกจ่ายทะลุช่อง แถมยังเป็นผู้ทำแอสซิสต์ ครอสสุดสวยเข้าหัว แม็คไกวร์ โขกจมตาข่าย
แรชฟอร์ด แย่ทั้งฟอร์มและภาษากาย
เป็นคนละคน คนละร่างกับซีซั่นที่แล้วเลยสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด จากที่เคยยิงกระจายเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่พอเปิดฤดูกาลใหม่ กลับกลายเป็นร่างเดิมที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยด่าเช้า ด่าเย็น ซะงั้น
มาร์คัส แรชฟอร์ด พึ่งจะกดไปได้เพียง1ประตู จาก11นัดรวมทุกราย ทั้งที่พึ่งได้อัพค่าเหนื่อย แพงขึ้นมาเป็น 375,000 ปอนด์/สัปดาห์ " แรชชี่ " ดูเหมือนจะขาดความมั่นใจมากๆ สับสนไปหมดว่าจังหวะในควรยิง จังหวะไหนควรจ่าย กลายมาเป็นแข้งจังหวะนรก
ยิ่งพอโดนกระแสโจมตีหนักๆ เจ้าตัว ถึงขนาดมีช่วงที่ไม่กล้ายิงเลยก็มี เลือกจ่ายให้เพื่อนตลอด แม้จังหวะหลุดเดี่ยว (นัดกับ กาลาตาซาราย) เลี้ยงมุมแคบ มุดๆ แล้วติด นี่คือภาพที่เราได้เห็นบ่อยๆของเจ้าตัว
ภาษากายคืออีกสิ่งที่แย่ๆมาตลอดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จังหวะที่ทำได้ไม่ดี ไม่ได้ดั่งใจ ดาวเตะเบอร์10รายนี้ ออกอาการท้อ หมดหวังตลอด หรือจังหวะที่ต้องปะทะ 50-50 เราจะได้เห็นเจ้าตัวไปนอนกองกับพื้น แล้วโวยวายขอฟาวล์กับผู้ตัดสินเสมอ
ส่วน อันโตนี่ ที่กลับมาได้จากข้อกล่าวหาทำร้ายร่างอดีตแฟนสาว ก็ไม่ได้มีทีท่าจะดีขึ้นเลย เล่นได้ไร้ประโยชน์และไม่เชื่อมกับเพื่อนร่วมทีมสุดๆ บอลหน้าเดียว จนลืมไปเลยว่านี่คือปีกเจ้าของค่าตัวสุดแพงราวๆ 82ล้านปอนด์ แต่ทว่ายังไม่เคยโชว์ให้เห็นถึงความคุ้มค่าของเม็ดเงินที่หว่านลงไปเลย
คามิล กราบาร่า ก็หนึบ โคเปนเฮเกน บอลเท้าสู่เท้าแม่น
แม้ชื่อชั้นและผลงานเก่าๆ จะทำให้เห็นว่า นี่คือทีมหมูแจกแต้มใน เวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลย สำหรับ เอฟซี โคเปนเฮเก้น จากเดนมาร์ก แม้ว่าจะเก็บได้เพียงแค่ 1แต้ม จาก2นัดที่ผ่านมา แต่ทว่าก็เล่นเอาทีมอย่าง กาลาตาซาราย และ บาเยิร์น มิวนิค ต้องหืดขึ้นคอ
เสมอ กาลาตาซาราย 2-2 ชนิดที่ทีมจากตุรกี ต้องไล่ตามจาก 0-2 รวมถึงพ่าย บาเยิร์น มิวนิค 1-2 ทีมเสือใต้ต้องเหนื่อยหนักกว่าจะคว้าชัยได้ มาได้จุดโทษ น.83 ของ โธมัส มุลเลอร์
บวกกับปัจจุบัน เอฟซี โคเปนเฮเกน ยังคงนำเป็นจ่าฝูงลีกเดนมาร์ก อีกด้วย ทำให้ไม่ง่ายแน่ๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋า ครึ่งแรกแม้เจ้าบ้านจะครองบอลมากกว่า แต่กลับเป็น โคเปนเฮเกน ที่มีลุ้นจังหวะจบมากกว่า
สิ่งหนึ่งที่ลูกทีมของ ยาค็อป นีสตรูป เหนือกว่าทีมเจ้าบ้านนั่นก็คือ การจ่ายบอลเท้าสู่เท้าที่แม่นยำกว่าการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า รวมถึงรูปแบบการเข้าทำที่ดูหลากหลายมีมิติ แต่ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาจบสกอร์ได้ไม่เฉียบเท่าไหร่
อีกคนที่ต้องชมของทีมแดนโคนม คือนายด่าน คามิล กราบาร่า ที่หนึบใช้ได้เลยนัดนี้ เซฟลูกยิงเรียดเสาแรกของ คริสเตียน อิริคเซ่น ได้อย่างสุดยอด รวมถึงป้องกันลูกซัดจ่อๆของ การ์นาโช่ แบบเส้นยาแดง ส่วนลูกโขกจมลงพื้นของ แม็คไกวร์ นั้น ก็ยากจนปัญหาจริงๆที่จะเซฟได้
- คอลัมน์นิสต์
- 433
- 25 ต.ค. 2566 13:41