ไมนู นิ่งเกินวัย ! ผี เคี้ยว ทอฟฟี่คล่องคอ 3-0 การ์นาโช่ ตีลังกาฟาดสวย
ก่อนเกมพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายของวันอาทิตย์จะเริ่มขึ้นที่สนาม กูดิสัน ปาร์ค ระหว่างเจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตัน กับ ผู้มาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีการนัดแนะของแฟนบอลในสนามให้ถือกระดาษสีชมพูประท้วงการโดนตัด10แต้มของพลพรรคทอฟฟี่สีน้ำเงินจากพรีเมียร์ลีก โดยปีศาจแดงผู้มาเยือน สภาพทีมพิการพอสมควรเพราะมีผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย
การจับทัพของ เอริก เทน ฮาก ถือว่าวัดใจไม่น้อยเพราะให้โอกาสเจ้าหนูวัย 18ปี ค็อบบี้ ไมนู ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ในตำแหน่งมิดฟิลด์ คู่กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ส่วน ราสสุม ฮอยลุนด์ ที่เดี้ยงอยู่ก็ให้โอกาสเป็น อองโตนี่ มาร์กซิยาล ลงค้ำแดนหน้า
ข่าวดีของ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ ทางฝั่งแบ็กซ้าย ลุค ชอว์ สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง ทางฟากเจ้าบ้านเอฟเวอร์ตัน ก็มาในรูปแบบการเล่นเดิม 4-4-1-1 ตัวผู้เล่นก็เป็นชุดที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ หน้าเป้าเป็น " ดอม " โดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน
เริ่มเกมมาไม่ทันไร จากโอกาสเข้าทำครั้งแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น.3 ดิโอโก้ ดาโล่ต์ รับบอลจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด แล้วครอสเข้ามาด้านใน บอลเหมือนจะล้นย้อนหลังไปแล้ว แต่ทว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ กระโดดตีลังกาวอลเล่ย์ สุดสวยน้ำหนักและทิศทาง100% บอลพุ่งผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เสียบตาข่าย ขึ้นนำ1-0
หลังจากขึ้นนำ ลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ที่นัดนี้หมดสิทธิคุมทีมข้างสนาม ก็ออกอาการเดิมนั่นก็คือ รูปเกมป้อแป้ โดนเจ้าบ้านบุกกดดันเข้าใส่ แต่ทว่าด้วยความยอดเยี่ยมของ อองเดร โอนาน่า และความไม่เฉียบขาดของ เอฟเวอร์ตันเอง ทำให้จบ45นาทีแรก ด้วยสกอร์ 0-1
ครึ่งหลังมา ปีศาจแดง เล่นดีขึ้น ครองเกมได้เสียเป็นส่วนใหญ่ และก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แอชลี่ย์ ยัง ไปเสียเหลี่ยมทำฟาวล์ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ในเขตโทษ ตอนแรกเปาในสนาม จอห์น บรูคส์ เป่าเป็นจังหวะพุ่งล้มแล้วรับใบเหลืองของ มาร์กซิยาล
แต่ทว่าเมื่อ VAR เช็คย้อนหลัง และเจ้าตัวไปดูภาพบนจอข้างสนามเอง จึงเปลี่ยนคำตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ และก็เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ กัปตันทีมที่ใจกว้าง เอาบอลไปให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ฤดูกาลนี้ความมั่นใจหดหาย ก่อนที่ " แรชชี่ " จะสังหารเข้าไป 2-0 น.56
สุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูตอกฝาโรง 3-0จาก อองโตนี่ มาร์กซิยาล น.75 โดยตลอด90นาที เอฟเวอร์ตัน ก็มีโอกาสจบสกอร์อยู่เรื่อยๆ แต่ทว่าพวกเขาขาดความคมเป็นอย่างมาก ยิงนกตกปลากันไปเอง หรือลูกยากหน่อย ก็เสร็จ โอนาน่า บินเซฟได้
3แต้มดังกล่าวทำให้ ปีศาแดง ยังคงอยู่อันดับ6ของตารางคะแนน ตามหลังทีมอันดับ4 แอสตัน วิลล่า เพียงแค่4แต้มเท่านั้น แถม6นัดหลังสุดในพรีเมียร์ ทีมของ เอริก เทน ฮาก ยังคว้าชัยไปได้ถึง5เกมด้วย สำหรับผู้แพ้ เอฟเวอร์ตัน ที่โดนหัก10แต้ม ยังอยู่รองบ๊วย และตามหลังทีมอันดับ17 ลูตัน ทาวน์ โซนปลอดภัยอยู่ 5แต้ม
จากรูนี่ย์ ถึง การ์นาโช่ ตีลังกาโอเวอร์เฮดคิก
ต้องบอกว่าลูกกระโดดตีลังกา โอเวอร์เฮดคิก ของ เจ้าหนูดาวรุ่งอย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ นั้นสวยงามหยดย้อย ขาดจองเป็นลูกยิงยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก 2023-2024 ได้เลย เพราะให้ยิงอีก10ครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะทำได้ผีจับยัดแบบนี้รึเปล่า
ช็อตดังกล่าว เริ่มจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ป้ายบอลออกไปทางด้านขวาให้ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก่อนที่แบ็กชาวโปรตุเกส จะครอสเข้ามาด้านในซึ่งก็เป็นภาพที่เราคุ้นชินกับคุณภาพการเปิดบอลของ ดาโล่ต์ ที่มักจะล้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ช็อตนี้ก็เช่นกัน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้ทำสิ่งที่เหลือเชื่อสุดๆ จากบอลที่เหมือนย้อนหลังไปแล้ว เจ้าตัวเลือกที่จะกระโดดตีลังกายิง ส่งบอลที่ 100% ทั้งน้ำหนักและทิศทาง เสียบมุมซ้ายหนีมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไป
หลังจากเสกลูกยิงสุดสวยเป็นประตู เจ้าหนูดาวรุ่งวัย19ปี ได้ฉลองท่าดีใจเหมือนไอดอล คริสเตีย โน่โรนัลโด้ ซึ่งจังหวะกระโดดยิงดังกล่าว เหมือนกับลูกยิงที่ เวย์น รูนี่ย์ ทำใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี2011 ชนิด Copy Paste
การ์นาโช่ ปลดล็อกประตูแรกของฤดูกาลได้สำเร็จ โอเคแม้จะมีช็อตลูกยิงมหัศจรรย์ดังกล่าว แต่ทว่าหลังจากนั้น ดาวเตะเลือดฟ้า-ขาว รายนี้ ก็ไม่ได้เล่นดีมากเท่าไหร่ จากนั้นมีโอกาสยิงอีก2ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบ และเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทอฟฟี่เพียงหนเดียว
โดยท้ายที่สุดแล้ว การ์นาโช่ ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ฟาคุนโด้ เปยิสตรี ลงมาเล่นแทน น.72 โอเคทั้งเกมแม้จะไม่ได้เล่นดีอะไรมาก แต่ทว่าลูกยิงมหัศจรรย์ของเจ้าตัว ก็ทำให้ทีมเล่นได้ง่ายขึ้น และประตูจากการตีลังกายิงดังกล่าว จะอยู่ในความทรงจำของเจ้าตัวและแฟนบอลปีศาจแดงแน่นอน
บรูโน่ ส่งมอบความมั่นใจให้ แรชฟอร์ด
นี่เป็นฤดูกาลที่ไม่ค่อยดีเลยสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังจากซีซั่นที่แล้วรวมทุกรายการ " แรชชี่ " กดไป30ประตู แต่ทว่ามา ณ ตอนนี้ เริ่มซีซั่น 2023-2024 ไปจะเข้าเดือนที่4 แรชฟอร์ด ทำไปได้เพียง1ตุงเท่านั้น แมตช์ที่แพ้อาร์เซน่อล 3-1
จากที่แต่ก่อน เลี้ยง 1-1ผ่าน แต่ไปตายตอนตัดสินใจจังหวะสุดท้าย แต่พอมา 1-2เดือนหลัง กลายเป็นเลี้ยงบอลแทบไม่ผ่านใครแล้ว สำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด จังหวะการจ่ายการตัดสินใจอะไรต่างๆแย่หมดเลย หรือาจรวมไปถึงเรื่องภาษากายด้วยที่แย่ ล้มแล้วลุกช้าบ่อย
เกมกับเอฟเวอร์ตัน 45นาทีแรก เข้าขั้นวินาศสันตะโรเลย สำหรับ แข้งเบอร์10รายนี้ จังหวะจะสวนกลับจ่ายบอลชิ่งกับเพื่อนได้ไม่ละเอียดมากๆ แถมยังมีจังหวะโดนผู้เล่นเจ้าบ้านแย่งบอลคาเท้าดื้อๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเล่นทางขวาหรือซ้าย ก็ดูขัดตาไปหมดสำหรับ แรชฟอร์ด
อย่างไรก็ดีใน45นาทีหลัง ต้องชื่นชม บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่ใจกว้างเป็นมหาสมุทร เอาบอลไปให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงจุดโทษ เพราะรู้ว่าดาวเตะรุ่นน้องรายนี้กำลังขาดความมั่นใจอย่างหนัก ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงไม่น้อย เพราะแมนฯยู นำแค่1-0 ถ้าไม่เข้าอาจทำให้เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสพลิกเกมกลับมาได้ และจะเป็นการกระทืบความมั่นใจของ แรชฟอร์ด ให้เหือดหายเข้าไปอีก
ซึ่ง แรชฟอร์ด ก็ยิงจุดโทษเสียบมุมเข้าไปอย่างดี หลังซัดประตูได้ เหมือนเจ้าตัวจะมีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย (แม้จะไม่เท่าช่วงพีค) เลี้ยงตะลุยได้ผลกว่าเดิม มีจังหวะกระชากบอลจากทางฝั่งซ้าย ให้กานาร์โช่ ได้เข้าชาร์จ
ไมนู เด็ก18 นิ่งสุดในแดนกลางผี
ด้วยความที่ผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างพากันเดี้ยงไปหมดทั้ง กาเซมิโร่ - คริสเตียน อิริคเซ่น หรือจะนับรวม เมสัน เมาท์ ด้วยก็ได้ บวกกับ โซฟียาน อัมราบัต ยังทำได้ไม่ดีพอกับการเล่นเวทีพรีเมียร์ลีก ทำให้กุนซือ เอริก เทน ฮาก วัดใจด้วยการส่ง ค็อบบี้ ไมนู วัย18ปี ลงเล่นตัวจริงพรีเมียร์ลีก นัดแรกเลย
ไมนู เดบิวต์ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมลีก ฤดูกาลที่แล้ว 2022-2023 ลงมาเป็นตัวสำรองเกมที่ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ก่อนจะมาทำผลงานได้เตะตาในช่วงปรี-ซีซั่น แต่ทว่าดวงแตกต้องมาเจ็บยาวเมื่อเดือนกรกฎาคม
นั่นทำให้แมตช์กับเอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนนี่คือการได้ออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกในลีกของ ไมนู ซึ่งผลลัพธ์ต้องบอกว่าเจ้าหนูวัย18ปี ทำได้ดีและนิ่งเกินคาดมากๆ เอาในเรื่องของเกมรับ ไมนู มาสกัดบอลจังหวะอันตรายในเขตโทษที่เกือบเสียประตูได้ถึง2ครั้ง
ส่วนหน้าที่บทบาทการเป็นมิดฟิลด์ เจ้าหนู18รายนี้ เป็นคนที่นิ่งที่สุด ไม่หวดบอลมั่วซั่วเวลาโดนกดดัน กลับเลือกจ่ายเอาชัวร์ แกะการโดนเพรสซิ่งได้ ออกบอลเยี่ยม คุมจังหวะได้อย่างดี แตกต่างกับ บรูโน่ หรือ แม็คโทมิเน่ย์ ที่หวดสวนตูมกลับออกไปอย่างเดียว
สื่อหลายสำนักให้เจ้าหนูดาวรุ่งชาวอังกฤษรายนี้ คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เพราะเล่นได้นิ่งเกินอายุเหลือเกิน จ่ายบอลสำเร็จ 34จาก41ครั้ง - ชนะการดวล5ครั้ง - เอาบอลกลับคืนมาได้ 3ครั้ง - เคลียร์บอล 2ครั้ง - บล็อคลูกยิง 1ครั้ง
ซึ่งการถอดเจ้าหนูรายนี้ออก น.72 แล้วให้ โซฟียาน อัมราบัต มาเล่นแทน และจะเห็นความแตกต่างชัดเจนว่า " บังบัต " คิดช้าทำช้ากว่า แถมยังจ่ายบอลไม่ค่อยชัวร์ด้วย บางที เอริก เทน ฮาก อาจมีคำตอบในใจแล้วก็ได้ว่าจะเซ็นขาด อัมราบัต หรือให้โอกาสค่อยๆปั้นเด็ก18ปีอย่าง ค็อบบี้ ไมนู
อาจารย์ ยัง แจกโชคทีมเก่า
เคยมีช่วงเวลาดีๆกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นกัน สำหรับปีกจอมขมังเวทย์อย่าง แอชลี่ย์ ยัง ( 2011-2019) ก่อนจะย้ายไปผจญภัยในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน ( 2019-2021) และหวนกับมาเวทีเมืองผู้ดีอีกครั้ง กับ แอสตัน วิลล่า (2021-2023)
มาในฤดูกาลนี้ อ.ยัง ได้ย้ายมาเอฟเวอร์ตัน ด้วยอายุที่มากขึ้น36ปี เราจึงได้เห็นเจ้าตัวในบทบาทแบ็กขวา จากที่สมัยรุ่งๆยืนเป็นปีกตัวริมเส้น และเจ้าตัวก็ยึดตำแหน่งตัวจริงแบ็กขวาของ ทอฟฟี่สีน้ำเงินได้ เป็นตัวจริงถึง12นัด
อาจด้วยวัย36ปี ทำให้ร่างกายของ แอชลีย์ ยัง ตอบสนองไม่เหมือนเดิมก็เป็นได้ สมองคิดอย่าง แต่ร่างกายขยับช้าไปหน่อย นั่นจึงเป็นที่มาของการทำเสียจุดโทษ เพราะไปเสียเหลี่ยมเตะ มาร์กซิยาล ในเขตโทษ โดน VAR เช็กย้อนหลัง
ซึ่งโชคดีที่ผู้ตัดสิน จอห์น บรูคส์ ไม่เฮี๊ยบเกินเหตุแจกใบเหลืองที่2เป็นใบแดงแถมให้ ซึ่งจังหวะฟาวล์ดังกล่าวของยัง มันก็คล้ายๆกับใบแดงที่เจ้าตัว ไปเสียบใส่ หลุยส์ ดิอาซ จนได้ใบเหลืองที่2 กลายเป็นใบแดง ตั้งแต่ น.37 เกมเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่แพ้ลิเวอร์พูลสบาย 2-0
สิ่งที่แฟนบอลเห็นในสนาม แอชลี่ย์ ยัง ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นความทุ่มเทในยามที่ได้ลงสนามเสมอ แต่ทว่าในเรื่องของ ความชัวร์ ความแม่นยำในการสกัดบอล นี่คือสิ่งที่ลดลงไปตามอายุที่มากขึ้น เรายังได้เห็นเจ้าตัวเข้าบอลช้า สกัดทำฟาวล์แบบโฉ่งฉ่างมากหลายนัดก่อนหน้านั้นแล้ว
ทอฟฟี่ การเข้าทำไม่หลากหลาย แนวรุกทื่อสุดๆ
ก่อนที่จะโดนคำตัดสินตัดแต้ม เอฟเวอร์ตัน ถือว่าฟอร์มกำลังมาเลย เพราะ7นัดหลังสุดในลีก ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ ชนะถึง4 - เสมอ1 ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ14 ซึ่งก่อนเกมกับปีศาจแดง ที่กูดิสัน ปาร์ค ค่อนข้างมีคำถามว่า ขุนพลทอฟฟี่แมน จะฮึดสุดขีด หรือใจเฝ่อลงไปมากๆหลังโดนตัดแต้ม
ซึ่งเมื่อลงสนาม ก็แทบไม่เห็นความแตกต่างในด้านที่ดีขึ้นหรือแย่ลงจากการโดนหัก10คะแนนเลย เอฟเวอร์ตัน ก็ยังเล่นเป็นเอฟเวอร์ตัน ที่บอลดุดัน เล่นหนัก มีการเข้าทำโจมตีแบบโบราณ ซึ่งน่าเสียดายที่เมื่อคืน 45นาทีแรก พวกเขาทื่อไปหน่อย
การครอสโด่งจากด้านข้าง และการโจมตีลูกตั้งเตะ นี่คือสิ่งที่เอฟเวอร์ตัน กดดันผู้มาเยือนได้ดีมากๆกับ45นาทีแรก แต่จบกันไม่คมเองทั้ง จังหวะยิงแป๊กในเขตโทษโล่งๆของ อับดูราย ดูกูเร่ - โดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน ที่ได้ยิง1ครั้ง โขกอีก3หน
รวมถึงการได้ยิงในเขตโทษของ กาน่า เกย์ ที่วางเท้าไม่ดีบอลหลุดออกไปเอง และอีกช็อตในครึ่งหลังที่ยิงสวยแล้ว บอลเกือบจะเสียบใต้คาน แต่ทว่า โอนาน่า บินเซฟไว้ได้ ยังไม่นับลูกยิงของแบ็กจอมบุกอย่าง วิตาลี มิโคเลนโก้ ที่หวดไปชนคานอย่างจัง 18ครั้ง นี่คือโอกาสยิงทั้งเกมของทอฟฟี่ แต่แปรเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้
โดย นัดต่อไป เอฟเวอร์ตัน ต้องบุกไปเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และจะได้กลับมาเล่นในบ้านอีก2นัด เจอกับเกมยากอย่าง นิวคาสเซิ่ล และเซลซี ซึ่งการโดนตัด10แต้ม ทำให้มีอยู่เพียง4คะแนน
เป็นเรื่องกะอักเลือดเช่นกันในการหนีตกชั้น แต่ทว่าก็ยังมีลุ้นอยู่เพราะเหล่าบรรดาทีมน้องใหม่ อย่าง เบิร์นลี่ย์ -เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่ง ลูตัน ทาวน์ (ที่แม้จะดีขึ้น) แต้มยังไม่ได้หนีกันมากเท่าไหร่
.
- คอลัมน์นิสต์
- 343
- 27 พ.ย. 2566