อาจารย์ ยัง โดน ยึดจุดโทษ ! ผี เกือบตาย ตามเจ๊า  ทอฟฟี่ 2-2 VAR อูการ์เต้ ซัดกู้ชีพ

อาจารย์ ยัง โดน ยึดจุดโทษ ! ผี เกือบตาย ตามเจ๊า ทอฟฟี่ 2-2 VAR อูการ์เต้ ซัดกู้ชีพ


ถ้าแพ้อีกจากที่วิกฤติอยู่แล้ว จะกลายเป็นโคม่ายิ่งกว่าเดิมแน่ๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่พวกเขาพ่ายมา2นัดติดในเกมพรีเมียร์ลีก และหล่นมาอยู่อันดับ15ของตารางคะแนน สัปดาห์นี้พวกเขาต้องบุกมาเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่คืนชีพอีกครั้งหลังการเข้ามาของกุนซือคนใหม่ (หน้าเก่า) เดวิด มอยส์ โดยนี่เป็นอีกแมตช์ที่ ทีมของ รูเบน อโมริม เล่นห่วยแตก และต้องออกแรงเหนื่อยหนักกับการตามตีเสมอ 2-2 เก็บ1แต้ม กลับเมืองแมนเชสเตอร์

 

เอฟเวอร์ตัน ที่คึกเป็นอย่างมากในยุคของ เดวิด มอยส์ พวกเขาได้เล่นที่ กูดิสัน ปาร์ค ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ชื่อเล่น การจัดตัว กุนซือชาวสก็อตแลนด์ มาในระบบถนัด 4-2-3-1 โกล จอร์แดน พิคฟอร์ค เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เจมส์  ทาร์คอฟสกี้ - จาร์แร็ด แบรนธ์เวต แบ็กซ้าย-ขวา เจค โอไบรอัน - วิตาลี่ มิโคเลนโก้

มิดฟิลด์คู่กลาง  เจมส์ การ์เนอร์ อดีตเด็กผี ผนึกกำลังกับ  อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ส่วน อับดูลาย ดูกูเร่ ยืนสูงคล้ายเพลย์เมคเกอร์ ปีกซ้าย- ขวา แจ็ค แฮร์ริสัน กับ เยสเปอร์ ลินด์สตรอม หน้าเป้า เบโต้ ส่วนทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะยังสับสนมากๆกับการเล่น3เซ็นเตอร์ แต่ กุนซือ รูเบน อโมริม ยังยึดมั่นแผนเดิม 3-4-2-1
 

นายด่าน อังเดร โอนาน่า 3เซ็นเตอร์แบ็ก นุสแซร์ มาซราวี - แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ มาไตส์ เดอ ลิกต์ - วิงแบ็กซ้าย-ขวา แพทริค ดอร์กู กับ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ มิดฟิลด์คู่กลางได้ มานูเอล อูกาเต้ หายเจ็บกลับมายืนกับ กาเซมิโร่ ตัวรุกหลังกองหน้า บรูโน่ แฟร์นันเดซ และ โจซัว เซิร์กเซ่ และหัวหอก ราสุมส ฮอยลุนด์
 

หลังสิ้นเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกมของ แอนดรูว์ แม็ดลี่ย์ เกมก็เป็นของเจ้าบ้านเลย เพราะพวกเขาวิ่งบีบเข้าใส่แมนฯยูไนเต็ด จนทำให้ผู้มาเยือนจ่ายบอลขึ้นหน้าไม่ได้ แถมยังจ่ายเสียเป็นว่าเล่น จนเอฟเวอร์ตัน ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ไม่ยาก จากลูกเตะมุมแล้วแนวรับ แมนยู เคลียร์บอลไม่ขาด โต้กันไปมาในกรอบเขตโทษ

ก่อนที่บอลจะไปตกถึง เบโต้  ได้วอลเล่ย์ด้วยซ้ายจ่อๆ ผ่าน โอนาน่า เข้าไป เจ้าบ้านนำ 1-0 น.19 หลังจากนั้นรูปเกมก็ยังเป็นของทอฟฟี่สีน้ำเงิน และก็มาได้ประตูฉีกหนีห่างเป็น2-0 แฮร์ริสัน ได้ยิงในเขตโทษ โอนาน่า เซฟออกมาได้ แล้วไปกั๊กกันกับ แม็คไกวร์ จนโดน ดูกูเร่ โขกโถมซ้ำเข้าไป น.33
 

จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ชนิดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสยิงเพียงแค่2ครั้ง แต่ไม่ตรงกรอบเลย ออกสตาร์ท 45นาทีหลังปีศาจแดง ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว และเกือบโดนเพิ่มอีก จากลูกเตะมุม  แบรนธ์เวต  ได้โขกแต่เข้ามือ โอนาน่า
 

และแล้ว อโมริม ก็ได้มีการเปลี่ยนตัวคนแรก กาเซมิโร่ ออก ส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ มาเล่นแทน ซึ่งนั่นทำให้เกมของพวกเขาดีขึ้น มีตัวกระชากหรือสร้างความปั่นปั่วนตรงริมเส้น และมาได้ประตูปลุกลมหายใจ จากฟรีคิก เสาแรกของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ น.72

หลังจากนั้นโมเมนตัม ก็ไกลมาเข้าทางผู้มาเยือนเต็มๆ จนตีเสมอได้ จากฟรีคิก บรูโน่ เปิดเข้ามา เบโต้ ที่ลงไปช่วยเกมรับ โขกสกัดออกมาไม่ดี บอลมาเข้าทาง อูกาเต้ พักบอลด้วยอกหนึ่งจังหวะแล้วหวดด้วยซ้ายบริเวณหน้ากรอบเขตโทษเข้าไปสุดสวย ตีเสมอ 2-2 น.80
 

พอเสมอ2-2 ทีมของ รูเบน อโมริม ก็หมายมากๆจะพลิกแซง แต่ก็หวิดมาเสียจุดโทษ ช่วงทดเจ็บ น.90+3 แอชลีย์ ยัง ตัวสำรอง กำลังไปตามซ้ำยิงแล้วโดน แม็คไกวร์ ดึง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่ทว่า VAR ได้เช็คให้ แม็ดลี่ เปาในสนามไปดูภาพช้าอีกรอบ ก่อนเปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้จุดโทษ ยูไนเต็ด จึงรอดตัวไป เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2

 

แนวรับผีแย่หมด คอมโบ โอนาน่า&แม็คไกวร์

แม้ว่าจะเล่นในระบบ3เซ็นเตอร์ แต่ทว่าความเข้าขารู้ใจ ความกระชับในตำแหน่งการยืน การเข้าใจเกมอ่านเกม นี่คือสิ่งที่ผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงไม่เก็ตและตอบสนองในระบบนี้เท่าไหร่ แถมยังหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อเลย20นัดมาแล้ว
 

มาซราวี ต้องถูกขัดตราทัพมาเป็นเซ็นเตอร์ฝั่งขวา เล่นร่วมกับ แม็คไกวร์ และ เดอ ลิกต์ และก็ต้องบอกว่าภาพรวมออกมามั่วสุดๆไปเลย ทั้งการยืนตำแหน่ง ประกบตัว หรือเวลาโดนลูกตั้งเตะที่มาร์คตัวสะเปะสะปะ
 

ประตูแรก นุสแซร์ มาซราวี โหม่งเคลียร์บอลยังไงไม่ทราบให้มาอยู่ในพื้นที่อันตรายตัวเอง แถมยังโต้กันไปมาจนท้ายที่สุดบอลมาตกตรง เบโต้ สังหารจ่อๆเข้าไปไม่เหลือแบบหมูจริงๆ ส่วนลูกที่2 โอนาน่าที่เซฟบอลออกมาได้แล้ว แต่กลับมัวงงๆ ลังเลจะออกหรือจะถอย จนปล่อยให้ ดูกูเร่ โหม่งซ้ำเข้าไป
 

รวมไปจนถึง ลูกที่เกือบจะเสียจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นายด่านชาวแคเมอรูน ยังปัดบอลสไตล์เดิมนั่นก็คือ มักกระฉอกออกมาให้อยู่ในวิสัยทัศน์ที่คู่แข่งจะซ้ำได้ ทางด้าน แม็คไกวร์ ประตู2-0 กองหลังหัวแตงโมรายนี้ก็มีส่วนผิดเหมือนกัน เพราะสื่อสารกันไม่ดีกับโอนาน่า แถมยังไม่ยอมอ่านจังหวะเผื่อว่าจะมี ดูกูเร่ โถมมาจากข้างหลัง
 

ตลอดทั้งเกม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ดู เงอะๆงะๆ ช้าๆ และดวลกับ เบโต้ แพ้ประจำ หวาดเสียวเหลือเกินเวลาที่เจ้าตัวต้องม้วนเหลือเอี้ยวตัวสกัดบอล เพราะทั้งอืดและช้าเหมือนสิบล้อกลับตัว และนิสัยเดิมที่เจ้าตัวไม่เลิกนั่นก็คือ ชอบใช้มือในการเล้น จับดึงคู่แข่ง จังหวะที่เกือบจะเป็นจุดโทษของ อ.ยัง นั่นแหละชัดเจนที่สุด
 

ทางด้าน เดอ ลิกต์ เล่นน่าหวาดเสียวตลอด ช่องว่างระหว่างเจ้าตัวกับ ดอร์กู ช่วงที่เติมสูง มีพื้นที่มากมายมหาศาลให้เจ้าบ้านได้เลือกเล่นงาน และไม่ใช่วันที่ดีเท่าไหร่สำหรับกองหลังชาวดัตช์รายนี้


ดอร์กู เล่นได้เหมือนแบ็กหน่อย ดาโล่ต์ มั่ว+ไร้ประโยชน์

ไม่รู้ว่าเพราะเป็นคนโปรตุเกสคนบ้านเดียวกันกับ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ เปล่า นั่นทำให้ รูเบน อโมริม ถูกใจและพิศวาสเหลือเกินกับการให้โอกาสดูแลฟูมฟัก แบ็กเบอร์21รายนี้ เพราะแม้ว่าจะแย่หรือห่วยยังไง " ลูกโล่ต์ " ก็ยังคงได้ออกสตาร์ทตัวจริงเสมอ และไม่ค่อยถูกเปลียนตัวออกด้วย
 

เกมรุกริมเส้นฝั่งขวาของ ยูไนเต็ด ทั้งบอดและตีบตันมากๆ ในการประสานงานกันของ ดาโล่ต์ กับ เซิร์กเซ่ เพราะตัวของ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ที่แม้จะได้เล่นข้างถนัดทางขวา แถมยังเป็นตำแหน่งธรรมชาติ แต่กลับกลายเป็นว่าเล่นประคองตัวดื้อๆ
 

ไม่มีจังหวะหรือหวา ไปไม่ได้ก็ส่งกลับหลัง หรือเวลาต้องเติมเกมรุก ก็หายวิ่งไปไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง มึนและเมาหมัดตลอดทั้งเกม จนบางช่วงที่ อูการ์เต้ ไปเล่นริมเส้นฝั่งเจ้าตัว ยังดูอันตรายกว่า ดาโล่ต์ มากกว่าเป็นไหนๆ
 

แต่ถึงกระนั้น ดาโล่ต์ ก็ยังได้อยู่ในสนามครบ90นาทีอีกครั้ง แบบที่หาคำอธิบายใดๆไม่ได้ แตกต่างกับตรงอีกฝั่งของ ดอร์กู มากๆ โอเคว่า แบ็กจากเลชเช่รายนี้ จะเปิดบอลไปยังจุดนัดพบไม่แม่นเท่าไหร่ แต่เราก็ยังได้เห็นการกระชาก การเติม และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ไปครอสตรงริมเส้น
 

ดอร์กู ที่แม้ไม่ได้ดีมาก ก็ยังดูน่าพอใจกว่าผู้เล่นปีศาจแดงทุกคนในสนาม เคลียร์บอลได้6ครั้ง ชนะการดวล8จาก11ครั้ง / แย่งบอลได้8หน / ครอสบอลอีก4ครั้ง แถมยังขยันมุ่งมั่นทุ่มเทตลอด เห็นความแตกต่างมากๆเมื่อเทียบกับ วิงแบ็กอีกฝั่ง
 

การ์นาโช่ แม้ไม่เนี๊ยบแต่ทำให้รูปเกมผีดี

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้โอกาสสิ้นเปลืองในเกมที่บุกพ่าย ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส 0-1 เปล่า สำหรับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ถึงทำให้เจ้าตัวต้องนั่งเป็นตัวสำรองนัดกับเอฟเวอร์ตันเมื่อคืน ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง บรูโน่ และ เซิร์กเซ่ ไม่ได้มีมิติในการลากเลื้อยเลย จึงทำให้เกมบุกของพวกเขาดูทื่อและตีบตันสุดๆ
 

แต่ทว่าเมื่อ รูเบน อโมริม ตัดสินใจถอดเอา การ์นาโช่ ลงสนาม แทน การ์เซมิโร่ แล้วถอย บรูโน่ แฟร์นันเดซ ลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ นั่นทำให้เกมของปีศาจแดง ดูดีและมีมิติขึ้นมาทันตาเห็น
 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นัดนี้ (และเกือบทุกนัด) พวกเขาจ่ายบอลกันไม่แม่น เมื่อจ่ายกันไม่แม่น ก็เลยเลือกวิธีการบุกโดยโช้ การ์นาโช่ อาศัยความเร็วและคล่องมาปั่นป่วนแนวรับเอฟเวอร์ตัน และต้องบอกว่าได้ผลมากๆ
 

การ์นาโช่ ที่แม้จังหวะสุดท้ายจะไม่เนี๊ยบ แต่การเลี้ยงของเจ้าตัวก็ทำให้ ยูไนเต็ด กินพื้นที่เข้าไปในเขตโทษเอฟเวอร์ตันได้เรื่อยๆ และทั้ง2ประตูของแมนยู ก็มาจากการกระชาก แล้วเรียกฟาวล์รวมถึงแฮนด์บอลของ ดาวรุ่งเลือดฟ้า-ขาว รายนี้นี่แหละ
 

ยิ่งพอ อาหมัด ดิยาลโล่ เจ็บยาว นั่นเท่ากับว่า แมนยู ไม่มีริมเส้นตัวรุกใช้งานอีกแล้ว บวกกับ กุนซือ รูเบน อโมริม ไม่ค่อยไว้ใจใช้งานเด็กดาวรุ่งอีกด้วย นั่นทำให้แม้โดยภาพรวม การ์นาโช่ จะไม่ได้เพอร์เฟ็คส์ แต่เอาสถานการณ์ ณ ตอนนี้ เจ้าตัวน่าจะอันตรายและเพิ่มมิติเกมรุกให้ทีมมากสุดแล้ว
 

อโมริม อาจ ต้องลองใช้ ชิโด โอบี -มาร์ติน ตัวจริง

อาการหนักจนไม่รู้จะหนักยังไงไปมากกว่านี้แล้วสำหรับ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่พอเข้าฤดูกาลที่2กับปีศาจแดง กลับกลายเป็นว่าพัฒนาการคือการถอยหลังลงคลอง ไร้ตัวตน และไร้ประโยชน์ในแดนหน้า เปรียบเสมือนมีเสาไฟฟ้าตั้งไว้โด่ๆเฉยๆ
 

ไม่ว่าจะเจอกับกองหลังคู่แข่งระดับไหน ภาพที่ออกมาจนชินตาสำหรับ ฮอยลุนด์ นั่นก็คือ การดวลแล้วแพ้เซ็นเตอร์ฝั่งตรงข้าม บังบอลก็ทำเสีย พักบอลไม่ได้ จับบอลยาวกระฉอก ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับเป็นทางเลือกให้เพื่อนส่งบอลให้
 

หรือเอาแค่จ่ายบอลง่ายๆยังทำพลาดเลย นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่กองหน้าชาวเดนมาร์กรายนี้ จะยึดถือสากกะเบือเป็นแม่แบบ ยิงประตูไม่ได้มา15นัดติดต่อกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเจ้าตัวไปแล้ว
 

70นาที ที่ได้อยู่ในสนาม ฮอยลุนด์ ได้สัมผัสบอลเพียง7ครั้ง โอกาสยิงไม่มีเลย ทำให้ท้ายที่สุดดาวยิงวัยละอ่อน17ปีอย่าง ชิโด โอบี -มาร์ติน ลงมาแทน 20นาทีในสนาม (ไม่รวมทดเจ็บ) เจ้าหนูรายนี้ แม้จะไม่ได้ดีมาก แต่ดูดีกว่า ราสมุส ฮอยลุนด์ ในเรื่องของประโยชน์ต่อทีม
 

แม้ลงมาเพลย์แรกจะทำเสีย แต่ทว่าหลังจากนั้น ก็บังบอล เก็บบอลป้ายให้เพื่อนร่วมทีมเล่นต่อได้ และดูจะยืนในตำแหน่งที่ถูกต้อง เอาจริงๆ โอบี- มาร์ติน ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรมากหรอก แต่ทว่าเมื่อ ฮอยลุนด์ ไม่ไหวอาการหนักขนาดนี้
 

รูเบน อโมริม ควรต้องกล้าเสี่ยงลองให้โอกาสหอกดาวรุ่งจากปืนโตรายนี้แบบเป็นตัวจริงบ้างแล้วนะ จะได้รู้ว่าดีหรือไม่ดี หรือจะได้เป็นการเสริมกระดูกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องพร้อมใช้งาน และอย่าลืมว่าปีศาจแดงยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อีก2ถ้วยทั้ง เอฟเอ คัพ และ ยูโรป้า ลีก
 

เบโต้ เลิกเป็นสากกะเบือแล้ว / มอยส์ พลิกชีวิตทอฟฟี่

หลังจากที่ย้ายมาจาก อูดิเนซ่ เมื่อซัมเมอร์ 2023 ด้วยค่าตัวที่แพงระดับ 30ล้านยูโร ซึ่ง เบโต้ ก็ฉายแววความเป็นสากกะเบือเคลื่อนที่มาตั้งแต่นั้นเลย เพราะซีซั่นแรกเจ้าตัว ยิงไปได้เพียง3ประตู จาก30นัดในพรีเมียร์ลีก พอมาซีซั่นใหม่ 2024-2025 โดมินิค คัลเวิร์ต- ลูวิน บาดเจ็บ เบโต้ ก็ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงในยุคของ เดวิด มอยส์
 

ซึ่งหอกชาวโปรตุเกส ก็เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองจากความสาก ในยุคของ มอยส์ นี่แหละ 4นัดหลังสุดที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในลีก ( รวมเมื่อคืน) เบโต้ กระทุ้งไปได้ถึง5ประตูด้วยกัน แถมยังตอบโจทย์กับสไตล์การเล่นเป็นอย่างมาก
 

รูปร่างที่หนาถึกพร้อมส่วนสูง194เซ็นติเมตร ทำให้เจ้าตัวใช้จุดนี้แหละเอาชนะและเล่นงาน แม็คไกวร์ ได้  5ครั้งคือจำนวนลูกกลางอากาศที่ เบโต้ เอาชนะผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
 

ส่วน เดวิด มอยส์ ต้องบอกว่าการรีเทิร์น กูดิสัน ปาร์ค นั่นทำให้สถานการณ์ของทอฟฟี่สีน้ำเงิน ดีขึ้นเป็นอย่างมาก 6นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกของทีม ชนะได้ถึง4 เสมอ2 และไม่แพ้ใครเลย ดีดตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับ14 มี31คะแนน จาก 26นัด
 

20นัดแรกในยุค ณอน ไดซ์ เก็บได้เพียง17แต้ม แต่ทว่าในยุคของ มอยส์ เพียงแค่6นัด ก็กวาดไปถึง14คะแนนด้วยกัน กองกลางของทีมอย่าง เจส์ การ์เนอร์ และ อริสซ่า กาน่า เกย์ สดเก๋าและเล่นกันได้อย่างลงตัว รวมไปจนถึงแนวรุกที่แม้ไม่มี DCL แต่กลับดูดุดันขึ้นด้วย เบโต้ ที่ตอนแรกเหมือนจะดับไปแล้วกับลีกอังกฤษ

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง