มนต์ขลังถ้วยเก่าแก่ ! ผี หักปากกาเซียน เชือด เรือใบ 2-1 ซิว เอฟเอ คัพ สมัย13
ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังจริงๆสำหรับฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุด152ปีอย่าง เอฟเอ คัพ เพราะนัดชิงชนะเลิศปี 2024นี้ เป็น รีแมตช์เมื่อปีที่แล้ว แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาหมาดๆ ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการถ้วยนี้เป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นทางลัดคว้าตั๋วไปเล่น ยูโรป้า ลีก และต้องการพิสูจน์ตัวเองจากความล้มเหลว หลังจากที่จบอันดับ8 บนตารางพรีเมียร์ลีก แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ก่อนเกมเอาด้วยเรื่องของเหตุผลด้านฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นต่อเพื่อนบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกเหลี่ยมมุม ทั้งเรื่องฟอร์มการเล่น สภาพทีม แต่ทว่าเมื่อไปวัดกันที่ลงไปวิ่งในสนาม เวมบลีย์ ปีศาจแดงเหมือนมีพลังพิเศษ ช่วยกันเล่น บวกกับ ซิตี้ เอง ก็เหมือนดร็อปไปเองด้วย
ทำให้สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ 90นาที เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผู้เล่นในสนาม พร้อมใจกันหักปากกาเซียน เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-1 จากประตูของ2ดาวรุ่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ น.30 และ ค็อบบี้ ไมนู น.39 ส่วน เรือใบสีฟ้า มายิงตีตื้นกันให้เสียว จาก ตัวสำรอง เฌเรมี่ โดกู น.87
รายละเอียดในเกม ต้องบอกว่าการซิวแชมป์สมัยที่13ครั้งนี้ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องยกความดีความชอบให้กับ แท็กติกของ เอริก เทน ฮาก เลย กับระบบการเล่นที่ยืดหดระหว่างเกมทั้ง 4-3-3 และมีช่วงที่เหมือน 4-2-2-2 สองนัดสุดท้ายในบทบาท ฟอลส์ไนน์ ที่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ทำได้ดี ก็เอามาใช้กับนัดชิงดำนี้
การตั้งรับลึก พยายามบีบเร็วในแดนกลาง และหาจังหวะสวนกลับคมๆ นี่คือวิธีการเล่นของปีศาจแดงที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงนี้ ผู้เล่นในแนวรับอย่าง ราฟาแอล วาราน นั้นโดดเด่นส่งท้ายให้กับทีมอย่างสวยงามบวกกับ2ดาวรุ่งอย่าง ไมนู และ การ์นาโช่ ต่างทำประตูได้กับแมตช์เต็มไปด้วยความหมายนี้
นักเตะทุกคนเล่นได้ตามแท็กติกโค้ชและมีสมาธิตลอดทั้งเกม ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่รู้ว่าพวกเขายังเมาค้างหรือดูแฮงค์ๆ จากปาร์ตี้ฉลอง แชมป์พรีเมียร์ลีกเปล่า เพราะพวกเขาดูผิดฟอร์มกันไปหลายคนทั้ง ฟิล โฟเด้น - ยอสโก้ กวาร์ดิโอล หรือรวมไปจนถึง เควิน เดอ บรอยน์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ น.65
ส่วนการจัดตัว เป๊ป ก็โดนตั้งคำถามเหมือนกันที่ใช้คู่เซ็นเตอร์ที่ไม่ค่อยได้ลงเล่นร่วมกันอย่าง จอห์น สโตนส์ กับ เนธาน อาเก้ แทนที่จะเป็นคู่ของ รูเบน อิอ๊าซ กับ มานูเอล อคานยี่ มากกว่า ไม่นับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ชอบหายตัวเวลาเล่นรอบรองชนะเลิศหรือนัดชิง ส่วน โรดรี้ ก็ถูกทำลายสถิติไร้พ่าย74นัดลงได้ (ในนัดสุดท้ายพอดี)
สำหรับ เอริก เทน ฮาก โอเคแม้ว่า2ปี จะมี2ถ้วยแชมป์อย่าง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ แต่ทว่าอนาคตของกุนซือหัวใสรายนี้ ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยังไม่มีความแน่นอนแต่อย่างใด หลังจบเกม เซอร์จิม แรต คลิฟฟ์ ปฎิเสธที่จะตอบคำถามนักข่าวว่า เทน ฮาก จะได้อยู่ต่อหรือไม่ ทำกลางกระแสกุนซือที่เต็งที่คาดว่าจะถูกให้เข้ามารับงานต่อทั้ง คีแรน แม็คเคนน่า - เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ หรือ แม้กระทั่ง โธมัส ทูเคิ่ล
2ประตูจากดาวรุ่งผี การ์นาโช่ - ไมนู
แม้ว่าจะเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่จบไกลถึงอันดับ8ของตาราง แพ้ไปมากถึง14นัด แถมยังมีลูกได้เสียที่งามหน้าติด-1 อีกด้วย หรือจะให้เจาะรายละเอียดในสนามก็ต้องบอกว่า ปีศาจแดง มีรูปเกมที่เป็นรองคู่แข่งตอด แม้ว่าจะเจอกับทีมเล็กอย่าง เบิร์นลี่ย์ - ลูตัน ทาวน์ หรือ บอร์นมัธ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พอให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ชื่นใจบ้างกับฤดูกาลที่หดหู่นั่นก็คือ การทะลุปล้องขึ้นมาแจ้งเกิดของ ค็อบบี้ ไมนู ที่ฉายแววมาตั้งแต่ปรี-ซีซั่น ก่อนที่เจ็บไป และต้องรักษาอาการเดี้ยงกว่าจะหายดีกลับมาประเดิมสนามก็ปลายเดือนพฤศจิกายนเข้าให้
เกมเอฟเอ คัพ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค็อบบี้ ไมนู ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ร่วมกับ โซฟียาน อัมราบัต ในตำแหน่งมิดฟิลด์ และต้องบอกว่าเป็นอีกนัดนี้ ดาวโรจน์วัย19ปี โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเกินอายุ นิ่ง และจ่ายบอลฉลาด ไม่เสียบอลง่ายๆ เวลาโดนบีบเพรสซิ่ง
นอกจากนี้แล้ว ไมนู ยังเป็นผู้ยิงประตูตีห่าง2-0 ให้ปีศาจแดง วางเท้ายิงอย่างยอดเยี่ยม ฤดูกาลนี้แม้ เจ้าตัวจะไม่ใช่กองกลางประเภทถล่มประตู (เป็นตัวออกบอลมากกว่า) แต่ก็ยังกดไปได้ถึง5เม็ด และมีหลายประตูที่สำคัญทั้ง ลูกแหวกไปยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บนัดชนะ วูล์ฟ 4-3 หมุนซัดสุดสวยเกมเจ๊าหงส์ 2-2 และล่าสุดกับ ซิตี้ ชิงดำ เอฟเอ คัพ เมื่อคืน
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ อเลฮานโดร การ์นาโช่ แม้ว่าครึ่งหลังจะเงียบไปหน่อย แต่ทว่า45นาทีแรก แต่45นาทีแรก อิมแพคต่อทีมมากเวลาสวนกลับ ประตูขึ้นนำ1-0 แม้จะเป็นความผิดพลาดของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล แต่ต้องให้เครดิต ดาวรุ่งเลือดอาร์เจนไตน์รายนี้ด้วยที่ไม่ยอมแพ้ ตามเก็บตกได้ แม้ช็อตแรกจะเสียเปรียบแล้วจากจังหวะเบียดไหล่ต่อไหล่ก็ตาม
การ์นาโช่ กับฤดูกาลที่2 ที่เล่นทีมชุดใหญ่ปีศาจแดงแบบเต็มตัว ยิงไป10ประตู กับอีก7แอสซิสต์ ถือว่าไม่เลวเลยกับแข้งอายุเพียง19ปี ย้อนไปเมื่อปี 2022 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดเยาวชน คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ โดยมี ไมนู กับ การ์นาโช่ นี่แหละที่เป็นตัวหลัก มาปี 2024 สองดาวโรจน์ดังกล่าว สร้างสตอรี่มากดคนละตุงพาปีศาจแดงชุดใหญ่ เถลิงถ้วยเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง
แนวรับผีวินัยเป๊ะ ส่งท้าย วาราน ด้วยแชมป์
สำหรับทุกทีมปัจจัยที่จะทำให้ล้มเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ หลักๆเลยก็คือ การมีวินัย เล่นเกมรับอย่างแข็งแกร่ง ไม่สมาธิเสีย และอาศัยจังหวะฉาบฉวยสวนกลับเล่นงานเรือใบสีฟ้า จากผู้เล่นริมเส้น แทงให้ปีกได้วิ่งวัดความเร็ว เพราะแนวรับของ ซิตี้ ด้วยธรรมชาติตามแท็กติก พวกเขามักจะลอยยืนสูงเสมอ
เมื่อคืนที่ เวมบลีย์ ปีศาจแดงมีการปรับเปลี่ยนแผง แบ็กโฟร์ กาเซิโร่ ที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้เป็นหน้าที่ของเซ็นเตอร์ธรรมชาติทั้งคู่อย่าง ราฟาแอล วาราน และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แบ็กซ้าย ดิโอโก้ ดาโล่ต์ แบ็กขวา อารอน วาน- บิสซาก้า นายอ่าน อ็องเดร โอนาน่า
ซึ่งต้องบอกว่าแนวรับปีศาจแดงเล่นกันได้นิ่งและมีวินัยเกินคาด ลิซานโดร มาร์ติเนซ หายเจ็บกลับมา แม้จะไม่ฟิตลงครบ90นาที (ถูกถอดออก น.75) แต่ก็สำคัญต่อทีมมากๆ ในเรื่องของการเป็นเซ็นเตอร์ที่เข้าบอล คอยดักบอลตลอด ไม่ใช่สายถอย
การเล่นของ " ลิช่า " ทำให้ ราฟาแอล วาราน เล่นได้อย่างถนัดนั่นก็คือการเป็นเซ็นเตอร์ตัวซ้อน และแนวรับชาวฝรั่งเศสรายนี้ก็ไม่พลาดเลย คอยโหม่งบอลเคลียร์บอลจังหวะสำคัญๆได้ตลอด แม้ว่าจะพึ่งกลับมาเล่นได้เพียง 21นาที (สำรองนัดชนะไบร์ทตัน 2-0) นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ก็ตาม แถมยังเป็นการเลี้ยงส่งอำลา อดีตกองหลัง เรอัล มาดริด รายนี้อย่างสวยงามอีกด้วย
ส่วนแบ็กซ้ายแก้ขัด ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก็ทำได้ดีเหมือนฟอร์มท้ายฤดูกาลทั้งรับและรุก ทางฝั่งของ อารอน วาน-บิสซาก้า ครึ่งแรกเอาอยู่นะกับการประกบ โฟเด้น แต่ทว่า45นาทีหลัง พอเปลี่ยนคู่ดวลเป็น โดกู "ไอ้แมงมุม " ถึงกับหัวหมุนเลย โดนจอมจี๊ดจากเบลเยี่ยม ลากจี้สร้างความอันตรายได้ตลอด และประตูที่เสีย วาน-บิสซาก้า ก็ไม่ยอมเข้าบอล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ การ์นาโช่ แทนซะอย่างนั้น
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ อ็องเดร โอนาน่า แม้จะถือว่าพลาดกับการรับลูกยิงเสาแรกของ โดกู แต่ตลอดทั้งเกม นายด่านของแคเมอรูนทำได้ดีในเรื่องของการออกบอลด้วยเท้า เป็นที่พึ่งของเพื่อนร่วมทีมเวลาส่องคืนหลัง แถมยังมีช็อตข้อมือสุดแข็งแกร่งในการเซฟลูกยิงไกลสุดแรงของ ไคล วอล์คเกอร์ ได้อย่างยอดเยี่ยม
บรูโน่ ฟอลไนน์ (เฉพาะกิจ) / อัมราบัต ฟอร์มบอลโลก
ด้วยความที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงท้ายฤดูกาลมีช่วงที่11นัด พวกเขาแพ้ไป5 ก่อนที่2นัดก่อนรูดม่านปิดฤดูกาล เอริก เทน ฮาก เลยลองปรับเปลี่ยนตำแหน่งตัวผู้เล่น โดยอันดับแรกดร็อป ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยตลอด ไปเป็นตัวสำรอง และใช้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ไปเล่นแดนหน้าแบบฟอลไนน์ แทน และผลลัพธ์ก็ออกมาด้วยการ ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 และ ไบร์ทตัน 2-0
นัดชิงดำถ้วยเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ ETH ก็เลยลองใช้ไอเดียนี้อีกครั้ง ในบทบาทฟอลไนน์ ไม่ใช่การยืนชนิดค้ำคู่เซ็นเตอร์ไว้ แต่เป็นการลงมาล้วงบอลประสานงานกับเพื่อนจ่ายออกริมเส้น มีอิสระในการเล่น สลับกันขึ้นไปเล่นหน้ากับ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์
ซึ่งประตู 2-0 ต้องชื่นชมการจ่ายของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่ตวัดเร็วแบบไม่มอง ชนิดที่แนวรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คิดไม่ทัน ไปให้กับ ค็อบบี้ ไมนู ยิงเข้าไปแบบเฉียบขาด ปีศาจแดงช่วงที่ บรูโน่ ขาดหายไปเราจะเห็นได้ว่าพวกเขา แทบไม่มีไอเดียการเข้าทำเลย นอกจากจ่ายออกข้างให้ปีกกระชาก
กัปตันหน้าหนวดจ่ายคีย์พาสไปได้ถึง5ครั้ง แถมเรื่องความขยัน ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์เลย 15ประตู 12แอสซิสต์ จาก55นัด นี่คือผลงานของ บรูโน่ ในฤดูกาลที่สภาพทีมไม่โสภาเท่าไหร่ ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว อีกคนทีไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ โซฟีาน อัมราบัต
"บังบัต " ต้นฤดูกาลโดนด่าเละแทะมาก ที่โดนตำหนิมากที่สุดนั่นก็คือเรื่องความอืดความช้า และเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัด แต่ทว่า3นัดล่าสุดทั้งกับ นิวคาสเซิ่ล - ไบร์ทตัน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้จะไม่ใช่ขนาดร่างบอลโลกกับทีมชาติโมร็อกโก แต่ อัมราบัต ก็ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เอฟเอ คัพ นัดชิง แข้งยืมตัวจากฟิออเรนติน่า แทบจะวิ่งพล่านไปทั่วทั้งสนาม ปะทะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้เล่น ซิตี้ เป็นอย่างดี เวลาไม่มีบอลก็ทำตัวเป็นประโยชน์ ผ่านบอลแม่นยำ 25จาก27ครั้ง เคลียร์บอลได้2หน และ บล็อคลูกยิงได้1จังหวะ
ซิตี้ ผิดฟอร์มไปเยอะมาก โดกู ทำให้มีลุ้น
ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา มีภาพและคลิปเหล่าบรรดาผู้เล่นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมาแอ๋ออกจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เป็นเหตุผลที่ทำให้นัดชิง เอฟเอ คัพ เรือใบสีฟ้าผิดฟอร์มกันไปรึเปล่านะ เพราะแทบจะทุกตำแหน่ง ซิตี้ ดูดร็อปลงทุกราย
อีกจุดนี่ถูกพูดถึงนั่นก็คือ การจัดตัวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งที่จริงก็แทบจะเต็มอัตราศึก โดยเฉพาะบรรดาหน่วยล่าสังหาร เออร์ลิง ฮาลันด์ - เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น ขนกันมาเต็มอัตราศึก ตรงกลางก็ยังมี โรดรี้ แต่ทว่าพอเล่นไปเล่นมานี่เหมือนไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เราเห็นมาตลอดฤดูกาล จ่ายบอลกันช้า ทำให้ตีโซนเกมรับ แมนฯยู ไม่แตก
แม้ว่าจะครองบอลได้ถึง 74% แต่ทว่าทีมสีฟ้า มีจังหวะยิงเข้ากรอบเพียงแค่4ครั้งเท่านั้น ยูไนเต็ด ที่ครองบอลเพียง26% แต่ส่องเข้ากรอบไป 5ครั้ง แดนกลาง ซิตี้ ที่ต่อบอลกันค่อนข้างชัวร์มากๆ แต่วันนี้มีพลาดให้เห็นแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งจังหวะของ KDB กับ กวาร์ดิโอล 2ครั้ง2ครา
รวมถึงประตูแรกที่เสียนั้นไม่มีอะไรเลย ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่เบียดกระแทก การ์นาโช่ ได้เปรียบไปแล้ว แต่กลับโหม่งย้อนข้ามหัว สเตฟาน ออเตก้า ที่กำลังออกมา เป็นปลาชิ้นมันให้ เจ้าหนูเลือดฟ้า-ขาว เก็บตกไปยิงง่ายๆ1-0 รวมไปจนถึงเม็ดที่2 อาจะเป็นเพราะการที่คู่เซ็นเตอร์ไม่ใช่ ดิอ๊าซ กับ อคานยี่ ที่เป็นคู่หลักเปล่า
คู่ จอห์น สโตนส์ กับ เนธาน อาเก้ ที่แทบจะไม่ได้ลงเล่นร่วมกัน โอเคแม้คุณภาพจะไม่ได้ต่างกันกับคู่ตัวหลัก แต่ทว่าสำหรับความเข้าอกเข้าใจกันดูน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะลูก2-0 ไม่มีใครประกบ บรูโน่ เลย จนแข้งชาวโปรตุเกส ตวัดเร็วแบบไม่มองให้ ไมนู สังหาร
ฮาลันด์ นอกจากจังหวะตวัดชนคาน ดาวยิงร่างยักษ์ก็แทบจะหายไปจากเกมเลย ส่วน KDB นั่นหนักกว่าชนิดที่ เป๊ป ต้องถอดออดตั้งแต่ น.65 เกมของ ซิตี้ มาดีขึ้นทันตาและมีมิติมากขึ้น เพราะตัวสำรองอย่าง เฌเรมี่ โดกู ที่มุดเลี้ยงจี้จน อารอน วาน -บิสซาก้า รวนทุกจังหวะ ก่อนที่ " เดอะ แฟลช เบลเยี่ยม " จะหักยิงไกลนอกกรอบเขตโทษเสียบเสาแรกไป
เมื่อคืนจุดสำคัญที่ผิดคาดสุดๆของ แมนเชสเตอร์ ซิติ้ นั่นก็คือการจ่ายบอลที่เป็นจุดแข็งสุดๆของพวกเขา มีพลาดให้เห็นบ่อยครั้ง ทั้งที่ไม่ได้โดนบีบอะไรมาก การจับบอลมีลั่นให้เห็นเป็นระยะๆ เหมือนอาการขาดฟิตเนสหรือเมาแฮงค์จาการฉลองหนักไม่รู้
ทำเป็นเล่น เทน ฮาก 2ปี2แชมป์
ก่อนเกมต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแต่เรื่องไม่สู่ดีเลย ทั้งในเรื่องของฟอร์มการเล่น แม้ว่า2นัดสุดท้าย จะเอาชนะมารวด แต่ทว่าตลอดทั้งฤดูกาล ต้องบอกว่าพวกเขามีแต่ทรุดกับทรงมาตลอด รวมไปจนถึงเมื่อวันศุกร์ก็มีข่าวออกมาว่า ทางบอร์ดบริหารนำโดย เซอร์จิม แรต คลิฟฟ์ ได้ฟันตัดสินใจแล้วว่า จะปลด เอริก เทน ฮาก ออกจากตำแหน่ง
นัดชิง เอฟเอ คัพ ETH มาในแผนที่เหนือคาดเล็กน้อย นั่นก็คือการไม่มีกองหน้าธรรมชาติ อย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ เหมือน2นัดสุดท้ายกับ นิวคาสเซิ่ล และ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดนผู้ที่รับบทบาทดังกล่าวแทนนั่นก็คือ บรูโน่ แฟร์นันเดซ เป็น ฟอลไนน์
ซึ่ง ฟอลไนน์ ของกัปตัน บรูโน่ นั้นไม่ใช่ยืนปักหนักในแดนหน้าแต่อย่างใด ลงมาเชื่อมบอลทำเกม สลับกันขึ้นลงกับ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ แม้มาในฟอร์เมชั่น 4-2-3-1 แต่ขณะที่เล่นมีทั้งแบบ 4-3-3 และ 4-2-2-2 ยืดหมุ่นไปตามสถานการณ์
การซิวแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่13 (เป็นรองเพียงแค่ อาร์เซน่อบ 14 สมัย) เอาตรงๆ นักเตะปีศาจแดงก็ไม่ได้เล่นดีอะไรมาก บวกกับทางฝั่ง ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แผ่วไปเอง รวมถึงจัดตัวประมาทของ เป๊ห ซึ่งการล้มเรือใบสีฟ้าได้ เกินครึ่งที่ต้องให้เลยนั่นก็คือ แท็กติกการเล่นของ เอริก เทน ฮาก กับการเล่นรับตั้งแต่ในแดนกลาง ไม่ชวนทะเลาะมากไป ไม่ฝืนต่อบอลสู้ในบางจังหวะ
แนวรับก็สมาธิเยี่ยม ทำเป็นเล่นไป 2 ฤดูกาล กุนซือชาวดัตช์พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีถ้วยรางวัล2ปีติด คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ที่ว่าเลวร้ายสุดๆ จบอันดับ8 แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยังมาจบดีแฮปปี้เอนดิ้งด้วยถ้วยแชมป์ แถมยังกระโจนได้สิทธิไปเล่น ยูโรป้า ลีก แทนเซลซีอีกด้วย
นอกจากนี้ เอริก เทน ฮาก ยังทำสถิติเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่เอาชนะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย อย่างไรก็ตามอนาคตของอดีตกุนซือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ เซอร์จิม แรต คลิฟฟ์ แลัวแหละว่าจะได้อยู่ต่อไหม ซึ่งโอกาสก็ 50/50 จริงๆ
- คอลัมน์นิสต์
- 357
- 26 พ.ค. 2567 15:26