ครั้งแรกในรอบ4ปี ! ผี สู้สุดใจ โค่น หงส์ 2-1 แรช&ซานโช่ คนละตุง
ศึกแเดงเดือดยกแรกฤดูกาล 2022-2023 ก่อนเกมเชื่อว่าผู้สันทัดกรณีหลายๆคน กูรูลูกหนัง รวมไปจนถึงแฟนบอล คงเชื่อกันว่า น่าจะเป็นทางฝั่งของลิเวอร์พูล ที่จะบุกมายัดเยียดความปราชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ทว่ารูปเกมเมื่อคืนถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะเป็นทางฝั่ง ปีศาจแดงที่เล่นได้ดีมากๆ
จากความพ่ายแพ้2นัดแรก ขุนพลปีศาจแดง จำเป็นอย่างยิ่งต้องแสดงความมุ่งมั่นความทุ่มเทออกมาชนิด80ตีนถีบ ในศึกแดงเดือด และสุดท้ายด้วยความสู้สุดใจ วิ่งสู้ฟัด ลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็ทำได้จริงๆ เมื่อเฉือนเอาชนะ คู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ไปได้ 2-1
เจดอน ซานโช่ โชว์เหนือล็อกหลบ เจมส์ มิลเนอร์ แล้วแปเข้าไปในเขตโทษง่านๆ น.16 ขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ช่วงครึ่งหลัง จะเป็น มารคัส แรชฟอร์ด ที่หลุดเดี่ยวไปยิง ผ่าน อลิสซง เบคเกอร์ น.53 ส่วนทางฝั่งทีมหงส์แดง ไล่คืนมาได้ลูกเดียวจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.81
มากกว่า3แต้มของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อคืนนั่นก็คือ รูปแบบและวิธีการเล่น ที่ดูตั้งใจสู้ ทุ่มเทในทุกๆจังหวะมากขึ้น รับเป็นทีม ไม่ปล่อยพื้นที่ให้ลิเวอร์พูลโจมตีง่ายๆ และใช้โอกาสสวนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้โอกาสออกสตาร์ทในตำแหน่งหน้าเป้า หลังช่วงที่ผ่านมาเสียรังวัด และโดนเสียงกร่นด่าไปพอสมควร โดยแมตช์นี้ " แรชชี่ " แม้จะใช้โอกาสเปลืองพอสมควร แต่ทว่าก็ยังมี1ประตู มากฝาก รวมไปจนถึงจังหวะกระชากหลอกที่ดูมีความมั่นใจมากกว่าเดิม
ในแผงหลังเหมือน เอริก เทน ฮาก จะได้คู่หูเซ็นเตอร์ใหม่ที่ลงตัว นั่นก็คือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ผนึกกำลังกับ ราฟาเอล วาราน ที่ช่วยกันเข้า ช่วยกันซ้อนได้อย่างลงตัว สตอปเปอร์ สวีปเปอร์ รวมไปจนถึงเจ้าหนู ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายได้เป็นอย่างดี ตามประกบ โม ซาลาห์ เป็นเงา
ทางฝั่งของลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่มา3นัดแล้ว ชักจะยังไงๆ เหมือนกันเพราะพวกเขา ยังไม่สามารถคว้า3แต้มได้เลย ส่วนเกมนี้ปัญหาที่เห็นได้ชัดก็คือคุณภาพในแดนกลางของเหล่าผู้เล่นอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
โดยทั้ง3ราย ไม่สามารถเล่นได้มาตรฐานใกล้เคียงกับ ติอาโก้ อัลคันตาร่า และ ฟาบินโญ่ เลย แดนกลางของหงส์แดงในนัดนี้ เก็บบอลจังหวะสำคัญๆพลาด พาบอลลำเลียงขึ้นหน้าไม่ได้ รวมไปจนถึง ชะลอบอล สกรีนบอลอันตรายก่อนไปถึงคู่เซ็นเตอร์ไม่ได้
เราจึงได้ให้ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ลงมาล้วงต่ำช่วยหลายครั้ง แต่นั่นก็ทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล เสียผู้เล่นที่จะจู่โจมแนวรับปีศาจแดงไปอีกหนึ่งคน เฮนเดอร์สัน ในวัย32ปี - มิลเนอร์ ที่ปีหน้าจะ37 ไม่นับ นาบี เกอิต้า ที่เดี้ยงเป็นเรื่องเคยชิน บางที เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะต้องเสริมทัพ หากองกลางมาใหม่สักคนหนึ่งสแตนบายไว้
หวังว่า แรชฟอร์ด จะเรียกความมั่นใจกลับมา
ช่วงที่แนวรุกของทีมฝืดเคือง หรือต้องหาคนที่เข้ามาเป็นความหวังหรีอแบ่งเบาภาระการทำประตู มาร์คัส แรชฟอร์ด ชื่อนี้ในรอบ1-2ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถแบกความหวังดังกล่าวได้เลย เพราะเหมือนจะมัวไปหลงกับชื่อเสียงนอกสนามมากกว่า
เมื่อคืน เอริก เทน ฮาก เชื่อใจ มาร์คัส แรชฟอร์ด ให้ออกสตาร์ทในตำแหน่งหน้าเป้า ขนาบข้างด้วย เจดอน ซานโช่ และ แอนโธนี่ย์ อีลังกา ดูเหมือนว่าการจับ " แรชชี่ " มาเล่นตรงกลางจะดูเวิร์คอยู่ไม่น้อย
เพราะด้วยบทบาทการเล่น ทำให้ แข้งเบอร์10รายนี้ อยู่ในเขตโทษ มากกว่าจะไปอยู่ริมเส้นแล้วไปกระชากลากเลื้อยจนทำเสียของ การที่แรชฟอร์ด เป็นหน้าเป้า โอเคว่าเจ้าตัวไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติ แต่ทว่าด้วยความเร็วและในระยะหลังที่เล่นเป็นปีก การส่ายโยกหาพื้นที่ ก็ทำให้แนวรับลิเวอร์พูลต้องพะวงหน้าพะวงหลังพอสมควร
ลูกที่ แรชฟอร์ด หลุดไปยิงเสาแรกผ่าน อลิสซง เบ็คเกอร์ นี่คือประตูแรกในรอบ17เกมของเจ้าตัวเลยทีเดียว โดนหนสุดท้ายที่ทำประตูได้ต้องย้อนไปไกลถึง วันที่22 มกราคมปี 2022 ที่เฉือนเอาชนะ เวสต์แฮม 2-1
อย่างไรก็ตามเมื่อคืน แรชฟอร์ด ก็มีเรื่องที่ต้องปรับปรุงเช่นกัน นั่นก็คือการใช้โอกาสเปลืองมากไปหน่อย มีโอกาสซัดประตูมากถึง 5ครั้ง แต่ทว่าก็มีจังหวะกระชากเลี้ยงผ่านผู้เล่นลิเวอร์พูล 3หน
ลิซานโดร ขอแก้ตัวจาก2เกมแรก
ด้วยส่วนสูงเพียง 175เซนติเมตร บวกกับมีเวลาอุ่นเครื่องกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่เกมเดียว ทำให้2เกมแรกของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ในเวทีฟุตบอลอังกฤษ เละเป็นโจ๊กเลยทีเดียว เมื่อโดนบอลบอมบ์ลูกโด่งของ ทั้ง ไบร์ทตัน และ เบรนท์ฟอร์ด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามในเกมแดงเดือด เอริก เทน ฮาก ยังคงเลือกไว้ใจ ศิษย์คนโปรดสมัยอยู่ อาแจ็กซ์ รายนี้ แต่ทว่าเปลี่ยนคู่ขาจาก จอมหวาดเสียวอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มาเป็น ราฟาเอล วาราน
ผลลัพธ์90นาทีเมื่อคืน เจ้าของฉายา " เดอะ บุตเชอร์ " สื่อหลายๆสำนักชูมือยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้เลย เพราะนี่คือฟอร์มร่างสมัยที่อยู่อาแจ็กซ์ จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร
เข้าบอลหนักหน่วง ถึงลูกถึงคน อ่านทางบอลดี เข้าบล็อกลูกยิงของ โม ซาลาห์ รวมไปจนถึงช่วยเคลียร์บอลจากเส้น จากจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ กำลังจะหวดเข้าประตูตัวเอง ลูกบนภาคพื้นเรียกว่า เอาอยู่หมดจดจริงๆ มีจังหวะวางบอลสวยๆและกระชากเลี้ยงบอลได้
กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ ทำให้ที่ตัวสต็อปเปอร์ ได้เป็นอย่างดี เป็นตัวแรกที่คอยเข้าชน โดยมี วาราน เป็นตัวสวีปเปอร์ คอยเก็บกวาดและอ่านทางบอล เมื่อคืน ลิซานโดร มีสถิติที่ยอดเยี่ยมทั้ง เคลียร์บอล 7ครั้ง บล็อคลูกยิง3ครั้ง
ส่วน วาราน มีสถิติเข้าแท็กเกิ้ล 4ครั้ง ตัดบอลได้2ครั้ง ที่โดดเด่นที่สุดคือเคลียร์บอลได้ถึง8หน แต่ทว่าอย่างไรก็ตามสำหรับ ลิซานโดร ก็ต้องมาคอยลุ้นกันนัดหน้าว่า ถ้าหากเจอทีมที่เน้นการโจมตีทางอากาศ เจ้าตัวจะเป๋อีกรอบไหม
มาลาเซีย ขอท้าทายตำแหน่ง ลุค ชอว์
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยของ ลุค ชอว์ ทำให้ เอริก เทน ฮาก กล้าตัดสินใจ เลือกเจ้าหนูแบ็กซ้ายป้ายแดง ไทเรลล์ มาลาเซีย ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมสุดสำคัญนี้เลย โดยคู่แข่งที่เจ้าตัวต้องดวลและรับมือด้วยนั่นก็คือ ซาลาห์ และ เทรนต์
โดยการได้ลงตัวจริงนัดแรกของ มาลาเซีย เจ้าหนูวัย23ปี แสดงความกระหาย มุ่งมั่ง Aggressive กล้าเล่นออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีตื่นหรือลนกับการรับมือ โม ซาลาห์ มิหนำซ้ำ 45นาทีแรก อดีตแข้งเฟเยนูร์ดรายนี้ เอาอยู่มากๆกับการจัดการริมเส้นฝั่งขวาของลิเวอร์พูล
มาลาเซีย ใช้ความสดความห้าว ตามตอดตามไล่ บังโม อย่างไม่หยุดหย่อน และทำให้สตาร์ชาวอียิปต์รายนี้ ถูกเก็บใส่กระเป๋าอย่างสมบูรณ์แบบในครึ่งแรก
เมื่อคืนแบ็กชาวดัตช์ มีสถิติที่ดีมากมายทั้ง ชนะการดวล5ครั้ง เข้าแท็กเกิ้ล5ครั้ง ชนะการครอบครองบอล 4หน และ เคลียร์บอลจังหวะอันตราย 3ครั้ง อีกคนที่ไม่ชมไม่ได้นั่นก็คือแบ็กขวาอย่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์
ก่อนเกมภาพการดวลกับ ดิอาซ เป็นอะไรที่แฟนบอลปีศาจแดงหวาดเสียวอยูไม่น้อย สำหรับ ดาโล่ต์ ที่กลัวจะเป็น " ดารั่ว" เหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี แบ็กชาวโปรตุเกส ก็สวมวิญญาณนักสู้ตามประกบ ดิอาซ ทุกจังหวะ เข้าบอลถึงลูกถึงคนสุดๆ เข้าตัดบอลและแท็กเกิ้ล ได้อย่างละ3ครั้งเท่ากัน
บรูโน่ เล่นมีประโยชน์แต่ควรควบคุมอารมณ์ให้ดี
จริงๆถือว่าแผ่วมาสักระยะแล้วนะ ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว สำหรับ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่มักจะจ่ายบอลงานไม่ละเอียดเท่าเดิม หรือหากมีจังหวะได้จบสกอร์หรือซัดไกล ก็มักหวดข้ามคานเตะฟิลด์โกล ออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมแดงเดือด บรูโน่ ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองข้างสนาม เมื่อคืนก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ เจ้าของเบอร์เสื้อหมายเลข8คนใหม่รายนี้ มีจังหวะการเล่นที่ล้นๆเกินๆตลอด จ่ายบอลเสียง่ายๆ รวมไปจนถึงเกือบสกัดเข้าประตูตัวเอง
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็เกือบทำแอสซิสต์ได้เมื่อจิ้มสุดเหยียดไปให้กับ อีแลงก้า ได้ซัดไปชนเสา เรื่องของเกมรุกเป็นอีกหนึ่งนัดที่เจ้าตัวทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ทว่าก็ชัดเชยด้วยความขยันวิ่ง ในแดนกลางกัดไม่ปล่อยในทุกจังหวะ
แม้จะเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ แต่ทว่าบรูโน่ ก็ตัดบอลได้ถึง3ครั้ง เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้ถึง5หน แถมในช่วง10นาทีสุดท้ายแทบจะเห็นเจ้าตัววิ่งไปแทบจะทุกพื้นที่ในสนาม แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม อดีตแข้ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็มีสิ่งที่ต้องแก้เช่นกัน ในเรื่องของการควบคุมอารมณ์และการพยายามเล่นนอกเกม
แฟร์นันเดซ มีจังหวะพุ่งล้มที่ไม่เนียนเลย จนโดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็น หรือเวลาที่โดนฝั่งตรงข้ามหวดหน่อย ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่เจ็บลงไปนอนกองกับพื้น ที่เข้าตาเสี่ยงจะโดนใบเหลือง(แดง)สุดๆ เห็นทีจะเป็น การไม่ให้บอลลิเวอร์พูลไปตั้งเตะเขี่ย หลังจากโดนไล่ตีตื้นมา 1-2
กลางหงส์ เสียสมดุล
หนึ่งในปัจจุจัยสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูล ปราชัยในแดงเดือดครั้งนี้ที่เห็นได้ชัดๆในสนามนั่นก็คือ การขาดมิดฟิลด์ตัวจริงไปถึง2คนอย่าง ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ที่ทำให้พลังขับเคลื่อน ไดนามิค การตัดเกมต่างๆ ด้อยประสิทธิภาพลงชัดเจน
เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้บริการ 3มิดฟิลด์เป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - เจมส์ มิลเนอร์ และเจ้าหนูดาวรุ่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ซึ่งทั้ง3ราย ไม่สามารถครองเกม ขึ้นเกม กำหนดจังหวะ Tempo หรือชะลอเกมบุกของ แมนฯยู ได้เลย
เฮนโด้ ในวัย32ปี ดูจะหมดเรี่ยวแรงกำลังวังชามากๆ เวลาโดนเกมบีบเข้าบอลเร็วของผู้เล่นปีศาจแดง ส่วนมิลเนอร์ ที่วัยย่าง37ปี โดน เจดอน ซานโช่ หลอกจนหลังหักกับประตู 1-0 แถมยังมีช็อตโวยวายกัย ฟาน ไดค์ ให้เห็น ทั้งที่ก็พลาดไม่ต่างกัน
ส่วนเจ้าหนู ฮาร์วี่ย์ เอลเลีตต์ ก็สภาพอย่างที่เห็น ไม่สามารถสร้างความแตกต่างในแนวรุก การเชื่อมเกมหรือมีลูกจ่าย คิลเลอร์พาส ได้ เลย จนเราได้เห็น โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ต้องลงมาล้วงบอลเอง ในหลายๆจังหวะ
ทว่าอย่างไรก็ตามการเปลี่ยน ฟาบินโญ่ ที่พึ่งหายเจ็บและฟิตกลับมา น.73 ทำให้กลางลิเวอร์พูล ดูนิ่งเก็บบอลได้และเสถียรกว่าเดิมชัดเจน ติอาโก้ จากการรายงานตอนแรกคาดว่าจะพักราวๆ 4-6 สัปดาห์
ส่วน นาบี เกอิต้า ก็เจ็บออดๆแอดๆ อยู่แล้ว ต้องมาดูว่าอีกไม่ถึง10วัน ก่อนตลาดปิด เจอร์เก้น คล็อปป์ จะซื้อมิดฟิลด์คนใหม่เข้ามาเสริมแก้ขัดหรือไม่
- คอลัมน์นิสต์
- 245
- 23 ส.ค. 2565 15:32