เข้าชิงแบบอนาถ ! ผี รากเลือด แม่นเป้า ชนะ โคเวนทรี 4-2 นำ3-0 แต่โดนตามเจ๊า3-3
หลังจับฉลากรอบรองชนะเลิศ อีกคู่เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เซลซี ทางฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจองานเบาโชคดีหวานหมูมากๆ เพราะจะได้ฟัดกับ เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ อย่าง โคเวนทรี ดูจากชื่อชั้นศักดิ์ศรี ระดับตัวผู้เล่นอะไรทุกอย่าง น่าจะเป็นงานที่ง่ายสุดๆของปีศาจแดง กับการทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศ กับเพื่อนบ้าน เรือใบสีฟ้า
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม กว่าที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะผ่านทีมอันดับ8จากลีก รอง นี้ไปได้ ต้องเหนื่อยหนักลำบากถึงขนาดวลจุดโทษเลยทีเดียว ซึ่งท้ายที่สุดเป็นทีมของ เอริก เทน ฮาก ที่แม่นกว่าเอาชนะไปได้ 4-2 ชนิดที่พวกเขายิงพลาดไปก่อนด้วยซ้ำ
โดยก่อนจะมาถึงการดวลเป้านี่คือสิ่งที่แฟนบอลผีแดงอนาถใจมากๆ เพราะว่าในระหว่างเกม พวกเขาขึ้นนำทีม " ช้างกระทืบโรง " ไปก่อนแบบสบายบรือ 3-0 จากประตูของ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ น. 24 - น.45+1 และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ น.58
ณ วินาทีนั้น การขึ้นนำทีมรองบ่อน 3-0 แถมเหลือเวลาอีกราวๆ แค่ 30นาทีกว่า มองจากมุมไหน ทีมของ ETH ก็น่าจะผ่านเข้ารอบไปได้แบบชิวมากๆ แต่ทว่าด้วยความหละหลวมในแนวรับ บวกนักเตะที่สมาธิแตกซ่าน ทำให้เกิดปาฎิหารย์ขึ้น
เอลลิส ซิมม์ส กดประตูความหวังไล่มา 1-3 น.71- คัลลั่ม โอแฮร์ ซัดไกลแฉลบ อารอน วาน บิสซาก้า น.79 และ " ไอ้แมงมุม " เจ้าเดิมมาทำแฮนด์บอลเสียจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เป็น ฮาร์จี้ ไรท์ กดเข้าไป น.90+5 ตามเจ๊า 3-3 จาก 3-0 แบบสุดช็อก
เกมลากมาถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาที เหมือนว่าทีมของ มาร์ค โรบินส์ จะฮึกเหิมเต็มไปด้วยแพสชั่นที่เยอะกว่ามากๆ เกือบจะฝังปีศาจแดงแบบลงหลุมเสียแล้ว เพราะส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้จากตัวสำรอง วิคเตอร์ ทอร์ป น.120+1 แต่ทว่า VAR มาจับว่าเป็นลูกล้ำหน้าแบบเส้นยาแทงผ่าแปด
ทำให้ท้ายที่สุดแล้วต้องมาฎีกากันจนถึงช่วงดวลจุดโทษ กัปตันทีม บรูโน่ แฟร์นันเดซ เสี่ยงทายได้เปรียบมากๆ ทั้งได้ยิงก่อนและเป็นการดวลเป้าในฝั่งด้านหลังที่เป็นแฟนบอลตัวเอง และท้ายที่สุดแล้วก็เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม่นยำกว่า เอาชนะจุดโทษไปได้4-2 ชนิดที่ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำอีกเช่นเคย เพราะคนแรก กาเซมิโร่ ยิงไม่เข้า
แม้ว่าจะผ่านรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้ปีที่2ติดต่อกัน แต่ทว่าด้วยรูปเกม สิ่งต่างๆทีเกิดขึ้นให้เห็นยังเมกะลูกหนังอย่าง เวมบลีย์ ทำให้ เป็นเครื่องตอกย้ำว่า ด้วยการคุมทีมในยุค เอริก เทน ฮาก นั้นยากเหลือเกินที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ และกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ส่วน เซอร์จิม แรต คลิฟฟ์ ที่อยู่ในสนามด้วย ก็น่าจะมีคำตอบอกับอนาคตกุนซือชาวดัตช์รายนี้ในใจแล้ว
แรชฟอร์ด ไม่ช่วยแถมยังเป็นตัวถ่วง แต่ได้อยู่ครบ90นาที
ผลงาน30ประตู เมื่อฤดูกาลที่แล้ว 2022-2023 ที่ทำให้เจ้าตัวได้อัพค่าเหนื่อยสุดแพง 375,000 ปอนด์/สัปดาห์ แต่ทว่าพอมาซีซั่นใหม่ 2023-2024นี้ ต้องบอกว่าแค่หลักแสนปอนด์ยังจะไม่คุ้มมหาศาลเลยสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เพราะขนาดได้วัดกับแบ็กทีมรองลีกล่าง ยังทำอันตรายอะไรไม่ได้
แม้ว่าจะโดนแฟนบอลสับแหลกมาหลายนัด แต่ทว่า เอริก เทน ฮาก ยังคงไว้ใจให้ " แรชชี่ " ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เสมอ แถมยังเป็นผู้เล่นที่ไม่ค่อยถูกเปลี่ยนตัวออกอีกด้วย แพ้ว่าผลงานในสนามจะเป็นอย่างไร
แรชฟอร์ด แค่เจอแบ็กอย่าง มิลาน ฟาน เอไวค์ เลี้ยงบอลไม่ผ่าน นี่คือภาพที่เราเห็นจนชินตา แถมยังชอบกระชากไปในพื้นที่ที่มีผู้เล่นของโคเวนทรี เยอะๆตลอด ยิ่งพอแบ็กซ้ายที่โอเวอร์แลปมาช่วยเป็น ซ้ายสลบ ที่ขัดตราทัพมาเล่นอย่าง อารอน วาน -บิสซาก้า ยิ่งแล้วไปกันใหญ่
นอกจากจะไม่มีประโยชน์กับทีมแล้ว เวลาเล่นเกมรุก ดาวเตะเบอร์10รายนี้ ก็เหมือนจะเป็นตัวถ่วงของทีมอีกด้วย เพราะบอลชอบไปตายหรือสะดุดที่เจ้าตัว แถมเวลาเสียบอล เราแทบไม่เห็น แรชฟอร์ด วิ่งไล่เลย เอื่อยๆ เหยาะแหยะ
มาร์คัส แรชฟอร์ด เกือบจะทำประตูได้ด้วยนะ เมื่อได้หลุดตรงเสาแรก แต่ทว่ายิงไปติดเซฟของ โกล แบร็ดลี่ย์ คอลลินส์ ซึ่งถือว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่เห็นแบบนี้ แรชฟอร์ด ยังอยู่ได้ครบ90นาทีเกือบทุกเกมนเมื่อคืนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะมีอาการบาดเจ็บ อาหมัด ดิยาโล่ ลงมาแทน
ซีซั่น 2023-2024นี้ ฟอร์มการทำประตูความเฉียบคม เป็นอะไรที่ แรชฟอร์ด ทำหายหล่นไปเยอะแบบน่าเกลียด ยังไม่ร่วมเรื่องภาษากาย ความทุ่มเทมุ่งมั่นด้วยที่ มาบ้างไม่มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่มามากกว่า ไม่รู้ว่าไปติดเชื้อมาจาก อองโตนี่ มาร์กซิยาล รึเปล่า แต่นี่คือภาพรวมที่ห่วยแตกมากของดาวเตะลูกหม้อปีศาจแดงรายนี้ และก็เรื้อรังมานานแล้ว
บรูโน่ ไม่ว่าจะเจอกับใครเต็ม100ตลอด
ไม่ว่า แรชฟอร์ด จะเล่นแย่ ขี้เกียจยังไง แต่สิ่งเหล่านี้ เราจะไม่ได้เห็นจากบรูโน่ แฟร์นันเดซ เลย ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่กัปตันหน้าหนวดรายนี้ ฟอร์มดีหรือฟอร์มแย่ แต่ความขยันและแพสชั่นความทุ่มเทกับเกมนี่คือสิ่งที่ บรูโน่ มอบให้กับทีมเสมอมา
ในเกมที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เล่นไม่ออก ส่วนในรายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ทำให้หัวหอกตัวเป้าของทีมอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ แทบไม่ได้บอล หรือเวลาได้บอลก็โดนรุมกินโต๊ะในจังหวะที่ไม่เป็นใจตลอด
หรือเกมนี้ก็ต้องยอมรับว่า ฮอยลุนด์ พยายามไปเองหลายครั้งแต่ก็ไม่ผ่าน หรือพยายามยิงก็เป็นติดบล็อก มีเพียง บรูโน่ คนเดียวที่สร้างอิมแพคในเกมรุกได้ และนัดนี้เจ้าตัวก็ทำผลงาน 1ประตู 1แอสซิสต์ เป็นพลังงานในเกมรุกให้กับทีม ไม่มีจังหวะท้อ (อาจจะบ่นเยอะไปบางจังหวะ)
แถมยังเป็นผู้เล่นคนเดียว ที่ขับเคลื่อนเกมรุกได้อย่างได้น้ำได้เนื้อ ท้ายที่สุดแล้ว แข้งชาวโปรตุเกสยังซัดจุดโทษได้อย่างเฉียบคมอีกด้วย หลังจากที่ฝืดมานาน ต้องบอกว่านี่คือช่วงเวลาฟอร์มเข้าที่ของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ เลย
6นัดหลังสุดรวมทุกรายการ บรูโน่ ทำไป 6ประตู 1แอสซิสต์ 43นัดรวมทุกรายการ 13ประตู 10 แอสซิสต์ นี่คือผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเลย แต่ทว่าข้อเสียอาจอยู่ตรงที่เจ้าตัวโดนใบเหลืองมากเกินไปหน่อย ถึง11ใบ
แนวรับพิการ วาน -บิสซาก้า พลาดแบบเดิม
ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรนักหนา สำหรับแนวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผลัดกันเดี้ยงจนรายชื่อเต็มโรงพยาบาลแล้วทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ - ราฟาแอล วาราน - วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ -ลุค ชอว์ - ไตเรลล์ มาลาเซีย และล่าสุดกองหลังดาวรุ่งอย่าง วิลลี่ คัมบวาล่า ยังอุตส่าห์เจ็บกับเขาอีก นั่นทำให้กับเกมกับโคเวนทรี ต้องให้ กาเซมิโร่ มายืนขัดตราทัพกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
ตอนแรกก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาหรอกสำหรับแนวรับของปีศาจแดง ไม่ใช่เพราะว่าเล่นดีอะไร แต่นั่นเป็นเพราะแนวรุกของทีมช้างกระทืบโรง หมูมากๆ สร้างความอันตรายหนักอกหนักใจไม่ได้ แต่ทว่าพอโดนเม็ดแรกมาพากันสติแตกขาสั่นไปหมดเลย
ประตูแรกของ เอลลิส ซิมม์ส เซ็นเตอร์อย่าง แม็คไกวร์ ยืนช่องว่างห่างมากๆกับกาเซมิโร่ ลูก3 เป็นอีกครั้งที่ ปีศาจแดง เสียจุดโทษโง่ๆอีกแล้ว แล้วก็เป็นเจ้าเก่า อารอน วาน -บิซซาก้า ที่ทำแฮนด์บอล ก่อนหน้านั้นก็เคยเสียบโฉ่งๆฉ่างจนเสียจุดโทษในแดงเดือด
หรือหากให้ย้อนไปไกลกว่านั้นเกมกับเซลซี 3-4 ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก็ไปล้มใส่ มาดูเอเก้ ดื้อๆ จนทีมเสียจุดโทษและโดนแซง ที่จริงกับ โคเวนทรี " ไอ้แมงมุม " ก็เป็นคนยืนต่ำสุดไม่ดันขึ้นมา จนทีมจาก เดอะ แชมเปี้่ยน ชิพ ยิงแซงได้ แต่ทว่ารอดเพราะ VAR อย่างฉิวเฉียดจริงๆ
ขนาดเจอทีมอันดับ8จาก ชปช. แนวรับ รวมถึง Mentality ทีมยังอ่อนขนาดนี้ เริ่มโดนเม็ดเดียว ก็ขาสั่นเป็นเจ้าเข้า ไม่อยากคิดเลยว่านัดชิงกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเละขนาดไหน ไม่ว่าจะใช้ใครยื่นคู่กับใคร แนวรับปีศาจแดงก็พร้อมโดนตลอด ทั้งด้วยความผิดพลาดส่วนบุคคล และแท็กติกการเล่น
ประทานโทษในฤดูกาล 2023-2024 นี้ นี่คือเกมที่14แล้ว ที่ทีมของ เอริก เทน ฮาก เสีย3ประตูขึ้นไป รวมถึงหากจะนับเฉพาะแค่ในปี 2024 แมนฯ ยูไนเต็ด โดนล่อเป้ารวมทั้งในลีก และ เอฟเอ คัพ มากถึง 358 ครั้ง มากที่สุดของทีมในพรีเมียร์ลีก รองลงมาเป็น ลูตัน ทาวน์ 322 ครั้ง
โคเวนทรี เกือบช็อกโลก ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
ดูยังไงแล้วก่อนเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ เวมบลีย์ แฟนบอล " สกาย บูลส์ " ก็น่าจะทำใจล่วงหน้าไว้ระดับหนึ่งเลยว่า ทีมรักของพวกเขา น่าจะยุติเส้นทางของตัวเองไว้เพียงแค่รอบตัดเชือกเท่านั้น เพราะคู่แข่งคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ว่าจะฟอร์มห่วยยังไง แต่คุณภาพผู้เล่นก็ยังพอจะพึ่งพาได้
เริ่มเกมมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆแหละ ปีศาจแดง ที่เล่นไม่ดี แต่นั่นก็ยังทำให้ทีมของ เทน ฮาก เหนือกว่าพอสมควร และ45นาทีแรก ก็ตามหลังไปถึง 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ค่อยมีลูกทีเด็ดจากเตะมุม แม็คไกวร์ ยังเติมสูงมาโขกเปรี้ยงเดียวหายเลย
แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องปรบมือให้ลูกทีมของ มาร์ค โรบินส์ นั่นก็คือ ความไม่ยอมแพ้ และการเล่นกับโมเมนตัมของเกม หลังได้ลูก1-3มา ผู้เล่นช้างกระทืบโรงดูมีความหวังมากๆ แถมแฟนบอลที่ตามมาถึง เวมบลีย์ ก็ให้ตะโกนเชียร์ให้กำลังใจทีมรักเต็มที่
จนท้ายที่สุดแล้ว ก็ทำสำเร็จตีเสมอ 3-3 ซิมม์ส กองหน้าวัย23ปีที่ซื้อมาจากเอฟเวอร์ตัน ปั่นป่วนปีศาจแดงมาๆ ช่วงท้ายๆ และเป็นผู้ซัดประตูปลุกความหวัง ซึ่งถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากๆ19ประตู จาก 49นัดรวมทุกรายการ
ที่จริงโคเวนทรี เกือบช็อกโลกแหย่ขาเข้าไปนิดชิงแล้ว เมื่อส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย ได้ น.120+1 จาก วิคเตอร์ ทอร์ป แต่ทว่ามาโดนความเนี๊ยบของ VAR ยึดคืนแบบต้องเฮเก้อ
มิหนำซ้ำช่วงดวลเป้า พวกเขายังถือว่าได้เปรียบด้วยซ้ำ เพราะ กาเซมิโร่ ยิงพลาดก่อน แต่ทว่าด้วยความที่ไม่นิ่งและอ่อนประสบการณ์นี่แหละ เบน ชีฟ และ คัลลั่ม โอแฮร์ พลาดต่อๆกัน เรียกว่าหัวจิตหัวใจของพวกเขาคือผู้ชนะจริงๆสำหรับการตามเจ๊าเป็น 3-3 ได้ แต่ทว่าด้วยประสบการณ์และความเก๋านี่แหละ ทำให้โคเวนทรี พลาดเข้าชิง แต่ทว่าเท่านี้แฟนบอลก็ประทับใจมากๆแล้ว
ไม่มีเหตุผลที่ เทน ฮาก ต้องได้อยู่ต่อ
เอาแค่สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้ฤดูกาลที่2 ในอุ้งมือของ เอริก เทน ฮาก น่าจะชวดการทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แน่นอนแล้วในเชิงปฎิบัติ และเต็มที่จริงๆคงจบอันดับ 6ไม่ก็ 7 แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะทำให้กุนซือชาวดัตช์ต้องโบกมืออำลา ไม่ได้ไปต่อ
ไม่นับรวมเรื่องสไตล์การเล่น ความชัดเจนต่างๆ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าปีศาจแดงเล่นเป็นทีมเล็กไปแล้วนั่นก็คือ การเล่นหน้าเดียว จะทำได้ดีแค่เวลาสวนกลับ ทรานซิสชั่น เปลี่ยนจากรับเป็นรุกเท่านั้นหน้าเดียว อาวุธทีเด็ดคือปีก
ยังไม่รวมปัญหากับผู้เล่นในทีมด้วยนะทั้งที่ผ่านมาอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - เจดอน ซานโช่ - ราฟาแอล วาราน (ช่วงหนึ่ง) และล่าสุดก็มีตำหนิ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ออกสื่อ
การเจอกับโคเวนทรี รอบรองชนะเลิศ มองมุมไหนก็ควรจะผ่านไปได้แบบสบายๆ ต้องไม่ลืมว่าทัพ " ช้างกระทืบโรง " อยู่อันดับ8ของ ชปช. แถม4นัดหลังในลีก พวกขายังแพ้ไปถึง3อีกด้วย แต่ทว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับรักษาโมเมนตัม ไม่ได้ซะงั้น ทั้งที่นำไปก่อน3-0
การเปลี่ยนตัวของ ETH เมื่อคืน จัดได้ว่าจังหวะนรกมากๆ การ์นาโช่ ออก ทีมโดนตีตื้นมา 1-3 เปลี่ยน ไมนู ออก โดนจี้ตูดมาเป็น 2-3 มิหนำซ้ำช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาที ยังเกือบต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วง แต่โชคดีที่ VAR ช่วยไว้
ไม่รู้เป็นนัดที่เท่าไหร่ของปีศาจแดงแล้ว ที่รักษาโมเมนตัมของเกมได้ นำห่างขนาดไหน ถ้ามีโดนเม็ดแรกมาก็ขาสั่นตลอด ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นทีมเล็กกว่าชื่อชั้นด้อยกว่า เมื่อคืน เซอร์จิม เข้ามาชมเกมในสนามด้วย ตอนที่สกอร์3-3 สีหน้าของหมาเศรษฐีชาวอังกฤษ สื่อออกมาว่าอึ้งและผิดหวังขนาดไหน และคงมีคำตอบอนาคตของ เทน ฮาก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- คอลัมน์นิสต์
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิเคราะห์บอล โคเวนทรี มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟุตบอล เอฟเอ คัพ เอริก เทน ฮาก คอลัมน์บอล
- 499
- 22 เม.ย. 2567