ขาดโรดรี้ เหมือนขาดใจ ! ปืน ปลดล็อค เชือด เรือใบ 1-0 มาร์ติเนลลี่ ตะบันแฉลบ
ที่ผ่านมาเหมือนกลายเป็นทีมแพ้ทางกันไปแล้วสำหรับอาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยการหวนมาเจอกันยกแรกในฤดูกาล 2023-2024นี้ เป็นโอกาสที่ดีมากๆของ พลพรรคปืนใหญ่ ที่จะปลดล็อคเอาชนะเรือใบสีฟ้าได้ในรอบ 12นัด หลัง12นัดที่เจอกันในพรีเมียร์ลีกเป็น ซิตี้ ผูกปีขาดชนะรวดมาตลอด
อาร์เซน่อล ได้เล่นเป็นคู่สุดท้ายพรีเมียร์ลีก นัดที่8 เปิดสนาม เอมิเรต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก่อนเกม " เดอะ กันเนอร์ส " ถือว่ามีข่าวร้ายเหมือนกันที่ ดาวเตะตัวเก่งอย่าง บูกาโย่ ซาก้า เจ็บไม่พร้อมลงบู๊
ส่วน เรือใบสีฟ้า นั้นยิ่งหนักหนากว่า เมื่อขาดกองกลางคนสำคัญอย่าง โรดรี้ ที่ติดโทษแบน ทำให้เกมของพวกเขาขาดความบาลานซ์ชัดเจน รวมไปจนถึงก่อนหน้านั้น ก็มีการขาดหายไปของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เจ็บหนักและต้องเข้ารับการฝ่าตัด (ต้องพักยาว3-4เดือน)
เริ่มเกมมาต้องบอกว่า ออกไปในทางอึดอัด และสูสีมากๆ มีความระมัดระวังตัวสูงทั้ง2สองฝั่ง ไม่ค่อยเปิดเกมบุกผลีผลาม แต่ทว่าในเรื่องของการเพรสซิ่ง ดูจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่าเวลาบอลอยู่ในแดนพื้นที่ของอาร์เซน่อล
การบีบวิ่งเข้าหาของ เรือใบ ทำให้ โกลอย่าง ดาบิด ราย่า ออกอาการลนลานหลายช็อตเหมือนกัน และเกือบจะทำเสียประตูกับลูกขยันวิ่งเข้ามาปั๊มของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ จบ45นาทีแรกไปด้วยสกอร์ 0-0 ส่วนในครึ่งหลังรูปเกมก็ไม่ต่างจากตอนครึ่งแรกเลย หาโอกาสเข้าทำจบสกอร์กันยาก
ที่ต้องชมมากๆนั่นก็คือเซ็นเตอร์ของทีมเจ้าบ้านอย่าง กาเบรียล มาร์กัลเญส และ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เอา เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้อย่างอยู่หมัด บวกกับหอกชาวนอร์เวย์ไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากเพื่อนร่วมทีมนัก
เกมที่ทำท่าว่าจะจบลงด้วยสกอร์ 0-0 แต่ทว่าตัวสำรองของปืนใหญ่อย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ก็มาสร้างความแตกต่างได้ เมื่อรับบอลจาก ไค ฮาแวร์ตช์ (สำรองอีกราย) แล้วซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลไปแฉลบ เนธาน อาเก้ เปลี่ยนทาง หมดสิทธิ เอแดร์ซอน เซฟ ขึ้นนำ 1-0 น.86 และชนะไปได้ด้วยสกอร์ดังกล่าว
3แต้มของ มิเคล อาร์เตต้า การเปลี่ยนตัวของกุนซือชาวสเปนมีผลต่อเกมมากๆทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ผู้ทำประตูชัย รวมไปจนถึง ฮาแวร์ตช์ - โทมิยาสุ และ ปาเตย์ และอีกคนที่เด่นมากๆนั่นก็คือ เดแคลน ไรซ์ ที่สกัดบอลแย่งบอลจังหวะสำคัญๆได้หลายหน
ฮาแลนด์ ยังไม่เปรี้ยงเท่าฤดูกาลก่อน แต่ก็ไม่ได้แย่มาก
ด้วยผลงานที่ระเบิดภูเขา เผากระท่อมในฤดูกาลก่อน ทำให้ซีซั่นใหม่ 2023-2024 เออร์ลิง ฮาแลนด์ จึงถูกตั้งความหวังไว้มากเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการขาด เควิน เดอ บรอยน์ ที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ที่รู้ใจ ทำให้ความอันตรายของดาวยิงผมยาวรายนี้ ลดน้อยถอยลงไปพอสมควร
ฮาแลนด์ เกมกับอาร์เซน่อล เมื่อคืน เจ้าตัวได้รับการประกบติดดูแลเป็นอย่างดีจากแนวรับอาร์เซน่อล ทั้ง วิลเลี่ยม ซาลิบา และ กาเบรียล มาร์กัลเญส เรียกว่าเวลาได้บอลก็มักจะเป็นจังหวะที่ยาก หรือต้องหันหลังให้ประตูตลอด
ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์ ไม่มีโอกาสได้ยิงประตูแม้แต่หนเดียว หรือจะนับ3นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ฮาแลนด์ มีโอกาสสับไกลเพียงแค่ 3ครั้งเท่านั้น เหมือนว่าซีซั่นที่2ยังลีกเมืองผู้ดี แนวรับหลายทีมในลีกจะหาวิธีรับมือกับดาวยิง ซิตี้ รายนี้ได้ดีขึ้น
ส่วนใน ยูซีแอล 2นัดในรอบแบ่งกลุ่ม เออร์ลิง ฮาแลนด์ มีโอกาสยิงมากถึง12ครั้ง แต่ทว่าแปรเปลี่ยนให้มีชื่อบนสกอร์บอร์ดไม่ได้เลย นั่นเท่ากับว่า10นัดที่ได้ลงเล่น ดาวยิงวัย23ปี เป้าสะอาดไปถึง5นัดด้วยกัน ตัวความหวังหรือตัวอันตรายในเขตโทษกลับกลายเป็น ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ มากกว่า
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะออกอาการปืนฝืด แต่ประทานโทษ ตอนนี้ ฮาแลนด์ ยังขึ้นนำเป็นดาวซัลโวศึกพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน8ประตู แม้ว่าจะเป็นช่วงฟอร์มดร็อป แต่ยังคงเป็นผู้เล่นที่อันตรายไม่น้อยในเขตโทษ และเชื่อว่าด้วยมาตรฐานของ ฮาแลนด์ เมื่อทำประตูได้ สกอร์จะกลับมาไหลเป็นเทน้ำเทท่าแน่
ขาด โรดรี้ เหมือนขาดใจ
ตอนที่ เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวๆ 3-4เดือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังไม่มีอาการเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาเคยเจอกับสถานการณ์ที่ขาด KDB มาหลายครั้งแล้ว แต่ทว่าทีมก็ยังเดินต่อไปได้
โดยซีซั่นนี้ การขาด เดอ บรอยน์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แก้ไขในการให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ไปเล่น รวมถึงบางนัดก็เป็นหน้าที่ของ ฟิล โฟเด้น ที่ขยับมาเป็นจอมทัพ และทั้งดาวเตะชาวอาร์เจนติน่าและอังกฤษ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่มีที่ติ
แต่ทว่าการขาด โรดรี้ ผู้เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีม เป็นสิ่งที่ เรือใบสีฟ้า ไม่คุ้นชินเท่าไหร่ อดีตกองกลาง แอตเลติโก มาดริด โดนใบแดงในนัดที่เอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ซึ่งก่อนหน้านั้น2นัดที่ขาด โรดรี้ ซิตี้ ก็ออกอาการเป๋ชัดเจน
3นัดที่ขาดหายไปของ โรดรี้ สมดุลในแดนกลาง ซิตี้ ขาดหายไปอย่างชัดเจน และลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ทั้ง3แมตช์ทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 / นิวคาสเซิ่ล 0-1 ( คาราบาว คัพ) และล่าสุด 0-1 กับอาร์เซน่อล
เมื่อคืน มัตเตโอ โควาซิซ ไม่อาจสร้างความสมดุลในแดนกลางได้ เล่นอันตรายเกินเหตุ คุมจังหวะไม่ดี ส่วน เด็กอย่าง ริโก้ ลูอิส ที่ปรกติเป็นแบ็กขวา ถูกขัดตราทัพมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ แม้เจ้าหนูรายนี้จะมีความขยันและทะลุทะลวงได้ดี แต่ทว่าเซ้นส์ในการเป็นกองกลางยังห่างชั้นกับรุ่นพี่ในทีมหลายคน
กรรมการพรีเมียร์คอนเท้นต์ โควาซิซ โชคดีรอดแดง
มีเรื่อง มีคอนเท้นต์ มีจังหวะการตัดสินที่ค้านสายตาแฟนบอลหลายแมตช์จริงๆ สำหรับผู้ตัดสินของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ล่าสุดก็เห็นทีจะเป็นเกม สเปอร์ส ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 กับการตัดสินลูกล้ำหน้าของ หลุยส์ ดิอ๊าซ ที่เปาในสนามกับ ผู้ตัดสินห้อง VAR สื่อสารกันผิดพลาด
ยังมีนับนัดเปิดฤดูกาล ช็อตที่ อ็องเดร โอนาน่า ออกไปชกบอลแต่ไปอัดกับผู้เล่น วูล์ฟแฮมป์ตัน จังๆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ไม่ได้จุดโทษ หรือเหตุการณ์ที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ยิงบอลในเขตโทษ บอลไปโดนแขน คริสเตียน โรเมโร่ ที่กางออกมาเต็มๆ แต่ไม่เป็นจุดโทษซะงั้น
ซึ่งบิ๊กแมตช์ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนผู้ตัดสินในสนามก็คือ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ที่ชื่อเสียงเรียงนามในการตัดสินก็บอกคุณภาพอยู่แล้ว เคยมีช็อตค้านสายตาบ่อยครั้งอยู่แล้ว
ในภาพรวมบิ๊กแมตช์ ปืน เรือ โอลิเวอร์ ก็ทำหน้าที่เที่ยงตรงไม่ค้านสายตาใช้ได้เลย แต่ทว่าก็อาจจะยกเว้นในจังหวะที่ มัตเตโอ โควาซิซ ไปเปิดปุ่มใส่ มาร์ติน โอเดการ์ด ไปโดนข้อเท้าเต็มๆ การรวมถึงห้อง VAR พิจารณาอีกรอบ ก็ไม่เปลี่ยนตำตัดสินให้เป็นแค่ใบเหลืองตามเดิม
ซึ่งช็อตของ โควาซิซ เชื่อว่าเกมอื่นๆถ้ามีการเข้าสกัดอันตรายรุนแรงทำนองนี้ เปาในสนาม 8ใน10 น่าจะแจกเป็นใบแดงได้เลย อย่างไรก็ตามมิดฟิลด์ชาวเซอร์เบียร์ ก็ยังรอดพ้นจากใบแดงหรือใบเหลืองที่2อีกจนได้
เพราะเจ้าตัว เข้าฟาวล์ในลักษณะคล้ายๆเดิม ในเวลาห่างกันไม่ถึง5นาที กับจังหวะของ เดแคลน ไรซ์ ซึ่งการตัดสินดังกล่าวของ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ได้รับเสียงโห่ จากแฟนบอลที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม เต็มๆ
โกลใช้เท้าเจอสถานการณ์ลำบาก ราย่า ออกลูกเหวอ
เหมือนเป็นเทรนด์ที่มี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้นแบบจริงๆ กับการเลือกใช้ผู้รักษาประตูที่มีความ โมเดิร์นทันสมัยยุคใหม่ ที่นอกจากจะต้องเซฟบอลได้ดีแล้ว ต้องมีออปชั่นที่เสริมเข้ามานั่นก็คือ การเล่นบอลกับเท้าได้ดี
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ มิเคล อาร์เตต้า เลือกสอย ดาบิด ราย่า เข้ามา ทั้งที่โกลอย่าง อารอน แรมส์เดล ก็มีช็อตเซฟมหัศจรรย์สุดๆให้เห็นหลายหนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นอดีตโกลเบรนท์ฟอร์ดรายนี้ เริ่มได้เฝ้าเสาตัวจริงอย่างต่อเนื่อง
โดยการออกบอลด้วยเท้าของ ดาบิด ราย่า ก็มีช็อตเหวอให้เห็นมาแล้วในเกมยูซีแอล ที่บุกไปแพ้ล็องส์ 2-1เพราะเปิดบอลย้อนหลัง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ จนโดนผู้เล่นเจ้าบ้านตัดบอลได้และต่อบอลเร็วจนเสียประตูไป
ซึ่งเกมกับ ซิตี้ ทีมที่บีบเร็วเพรสซิ่งได้ดีมากๆ แน่นอนอยู่แล้วว่า ผู้จัดการทีม มิเคล อาร์เตต้า ต้องเลือกใช้โกลที่ใช้เท้าได้ดีอย่าง ราย่า ก่อน แรมส์เดล อยู่แล้ว แต่ทว่าอย่างไรก็ตามต้องบอกว่า45นาทีแรก นายด่านชาวสแปนิช ออกลูกเหวอ 2-3 ครั้งเวลาออกบอลด้วยเท้า เพราะเจอผู้มาเยือนบีบเข้าใส่อย่างหนักหน่วง
และเกือบจะเสียผู้เสียคนสุดๆ กับช็อตที่โดน ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ วิ่งบีบจู่โจมเป็นฉลามคาวเลือด ราย่า รีบหวดบอลเร็ว เดชะบุญที่บอลแม้จะไปโดน อัลวาเรซ แต่ก็ออกหลังไปแบบเส้นยาแดงฝ่าแปด
ซึ่งสไตล์ของ ราย่า โอเคว่านี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์กับฟุตบอลสมัยใหม่ เพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย แต่ทว่าบางครั้งมันก็เป็นเสมือนการเพิ่มจุดเสี่ยงในการเสียประตูให้กับตัวเองเช่นกัน โดยมีกระแสจากแฟนปืนบางส่วนที่อยากเห็น อารอน แรมส์เดล กลับมาเป็นมือ1มากกว่า
มาร์ติเนลลี่ คัมแบ็คถูกเวลา แนวรับปืนกำแพงแน่นหนา
ด้วยอาการบาดเจ็บรวมไปจนถึงเรื่องความฟิต ทำให้ในฤดูกาลใหม่ 2023-2024 นี้ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 5นัด และถ้าจะนับไปในเรื่องของผลงานการทำประตู จรวดทางเรียดชาวบราซิล ยิงไม่ได้ในลีกมาแล้ว 13นัดติดต่อกัน
บิ๊กแมตช์กับเรือใบ ด้วยความที่ไม่ฟิตเต็มถัง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จึงมีรายชื่อเป็นเพียงแค่ตัวสำรองข้างสนามเท่านั้น โดยตัวจริงทางฝั่งซ้ายเป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ได้เล่นเป็นตัวจริงแทน แต่ทว่า 45นาทีแรก ดาวเตะชาวเบลเยี่ยม ไม่มีพิษสงอะไรเลย
นั่นจึงทำให้ อาร์เตต้า รีบส่ง มาร์ติเนลลี่ ลงไปแทนตั้งแต่ น.46 ซึ่งการลงมาของปีกเบอร์11ทำให้แนวรุกฝั่งซ้ายของทีมมีชีวิตชีวาขึ้นชัดเจน สร้างความหนักอกหนักใจให้กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้
อาจจะด้วยความอยากพิสูจน์ตัวเองหลังหายหน้าหายตาไปจากสนามระยะหนึ่ง ทำให้ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น แพสชั่นต่างๆของ มาร์ติเนลลี่ ทะลุปรอทแตก จนเป็นที่มาของประตูชัย น.86 ที่ซัดบอลนอกกรอบเขตโทษ มีเฮงบอลไปแฉลบ อาเก้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ยุติ ช่วงเวลาปืนฝืดในลีกไว้เพียงแค่ 13นัด
อีกจุดหนึ่งที่ต้องชมมากๆของ " เดอะ กันเนอร์ส " เมื่อคืน นั่นก็คือ ความแข็งแกร่งในแผงแบ็กโฟร์ ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีทุกคน โดยเฉพาะในรายของ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่ทั้งแข็งแกร่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงมากๆ
หรือจะเอาภาพรวมตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่ ซาลิบา ยังไม่เคยโดนผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเลี้ยงบอลผ่านเลย แถมยังทำฟาวล์ไปแค่2ครั้ง ไม่มีใบเหลืองติดตัวแม้แต่ใบเดียว ทั้งที่เล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ
- คอลัมน์นิสต์
- 160
- 09 ต.ค. 2566 14:02