เป๊ป มียิ้มร่า ! ปืนโต ทะลักเดือด ยิง หงส์ดับ 3-1 อลิสซง แจกของขวัญ
เป็นเกมที่ทำให้ประตูการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2023-2024 กลับมาเปิดกว้างอีกครั้งจริงๆสำหรับ คู่บิ๊กแมตช์ ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซน่อล ทีมอันดับ3 กับทีมจ่าฝูงที่กำลังร้อนแรงอย่าง ลิเวอร์พูล ที่นับจากนี้ไป จะเป็นการสู้ทุกหยดสั่งลาให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเมื่อคืนด้วยผลลัพธ์และรูปแบบการเล่นเป็นปืนใหญ่ที่ทำได้ดีกว่า
อาร์เซน่อล ของ มิเคล อาร์เตต้า โชว์ฟอร์มสุดยอดเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้3-1 ชนิดที่เกมในแดนกลางของพวกเขาเหนือกว่าผู้มาเยือนชัดเจน ในเรื่องของการจัดตัว " พี่ต้า " มาในชุดฟูลทีม ขาดก็เพียงแค่ กาเบรียล เซซุส ที่ยังเจ็บ ทำให้หน้าเป้าเป็น ไค ฮาแวร์ตช์ ได้เล่นแทน
รวมไปจนถึง จอร์จินโญ่ ที่ได้ผนึกกำลังในแดนกลางกับ เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ทางฝั่งลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แม้จะกลับมายังสโมสรแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่ 3ประสานแดนบนเป็น โคดี้ กัคโป - ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ
แดนกลางไร้เงา โดมินิค โซบอสซ์ไล ทำให้ ไรอั้น กราเวนเบิร์ช ได้ออกสตาร์ทแทน ร่วมกับ เคอร์ติส โจนส์ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนยอดเจ้าหนูแบ็กขวา คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ เพราะคุณพ่อเสียชีวิต ทำให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นของเจ้าเดิม เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
ออกสตาร์ทมาต้องบอกว่าเป็นปืนใหญ่ที่ทำได้ดีกว่ามากๆ และมาขึ้นนำ 1-0 จากลูกซ้ำของ บูกาโย่ ซาก้า น.14 หลังจากนั้นก็มีโอกาสบวกเพิ่มหลายครั้ง แต่จบไม่คมกันเอง แต่ทว่าอย่างไรก็ตามรูปเกมที่เป็นรองสุดๆของหงส์แดง พวกเขาก็มาตีเสมอ1-1ได้
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.40+3 จาก จังหวะขยันของ ดิอาซ ที่จิ้มบอลจังหวะประมาทของอาร์เซน่อล บอลกลายเป็นโดนมือ กาเบรียล มากัลเญส เข้าประตูตัวเองไป ซึงการจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว นั่นจึงทำให้ 45นาทีหลังหงส์แดง กำลังใจดีมากๆ นวดอาร์เซน่อลจนเป๋ช่วงออกสตาร์ท
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม " เดอะ กันเนอร์ส " ก็มาค่อยๆตั้งเกมได้ และมาออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะไม่เข้าใจกันของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง เบ็คเกอร์ บอลมาหมูหกต่อหน้า มาร์ติเนลลี่ ยิงโล่งๆเข้าไป น.67 หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็เหนือกว่าชัดเจน และลิเวอร์พูลเองก็ต้องมาเหลือผู้เล่น10คน จากใบเหลือง-แดง ของ อิบราฮิมา โกนาเต้ น.88
ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวสำรองที่ผลงานรูปธรรมตลอดอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ จะลงมาลากเลื้อย ยิงบอลแฉลบ ฟาน ไดค์ ลอดขา อลิสซง เข้าไป น.90+2 จบเกมไปด้วยสกอร์ 3-1 พร้อมส่งอาร์เซน่อล กลับมามลุ้นแชมป์อีกครั้ง ด้วยการตามลิเวอร์พูล แค่2แต้ม รวมไปจนถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตามหลังหงส์แดง 5แต้ม แต่ยังแข่งน้อยกว่าถึง2นัด
กลางปืนสุดสมดุล ไรซ์ อย่างเทพ
เมื่อคืนจุดที่ทำให้อาร์เซน่อล เหนือกว่าลิเวอร์พูล เกือบตลอด90นาที นั่นก็คือความสมดุลในแดนกลางของพวกกเขา ที่3คนที่ทำหน้าที่ในวันนี้เป็น เดแคลน ไรซ์ - มาร์ติน โอเดการ์ด และ จอร์จินโญ่ ที่กลับมาเล่นดีได้อีกครั้ง
และที่โดนเด่นที่สุดของปืนใหญ่ โดยไม่ต้องสงสัยเรื่องค่าตัวอีกแล้ว เพราะฟอร์มเสถียรแทบจะทุกนัดสำหรับ เดแคลน ไรซ์ 45นาทีแรก อดีตกองกลางเวสต์แฮม โดดเด่นมากๆในเรื่องของการ ตัดบอล ออกบอล คุมจังหวะการเล่น
มีช็อตเอาตัวรอดเหนือๆให้เห็น แถมยังทำหน้าที่ตะลุยไปแดนหน้าได้อีกด้วย ก่อนที่บทบาทจะแผ่วลงไปใน45นาทีหลัง ไรซ์ มีสถิติ วางบอลยาว4ครั้ง และตัดบอลได้4หน ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดในสนามเมื่อคืน
ส่วน จอร์จินโญ่ ด้วยความที่ ไค ฮาแวร์ตช์ ถูกขยับไปเล่นหน้าอีกครั้ง ทำให้มิดฟิลด์ชาวอิตาเลี่ยน ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ซึ่งก็ต้องบอกว่าผลงานของ " เทพจอร์ " เกินคาดมากๆ ประการแรกเลยคือเล่นกันได้อย่างเข้าขาสมดุลกับ ไรซ์ และ โอเดการ์ด
ในบทบาท Deep Lying Playmaker จอร์จินโญ่ มีส่วนร่วมกับเกมมากๆทั้ง สัมผัสบอลมากถึง70ครั้ง - ผ่านบอลสำเร็จ 45ครั้ง - ตัดบอล4ครั้ง - ชนะการดวล4ครั้ง ฟอร์มของเจ้าตัวเมื่อคืนนี่คือร่างที่ทำให้ อิตาลี คว้าแชมป์ ยูโร 2020 เลย
สำหรับ มาร์ติน โอเดการ์ด นั้นยอดเยี่ยมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการทำเกม วิสัยทัศน์การจ่ายบอล แถมยังเต็มไปด้วยความขยัน ลูก1-0 ก็เป็นเพลย์เมคเกอร์ชาวเดนมาร์ก นี่แหละที่จ่ายเร็วให้ ฮาแวร์ตช์ หลุดไปยิงแล้ว ซาก้า ได้ตามซ้ำ แถมยังมีหยอดให้ คิวิเออร์ ได้โหม่งโล่งๆแต่น่าเสียดายที่ไปตรงตัวอลิสซง
มาร์ติเนลลี่ จรวดทางเรียดที่กลับมามั่นใจอีกครั้ง
หลังจากที่มีช่วงหนึ่งที่หลุดไปเป็นตัวสำรองของ เลอันโดร ทรอสซาร์ แถมภาพรวมฤดูกาลใหม่นี้ก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ก็เหมือนจะเริ่มเรียกความมั่นใจกลับมาได้ ในเกมที่ลงมาเป็นตัวสำรองนัดถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 5-0 แล้วเหมา2ประตู
ซึ่งนัดกับลิเวอร์พูล ปีกชาวบราซิล ก็ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงฝั่งซ้าย และ มาร์ติเนลลี่ ก็ทำได้ดีเลยในการเผาเครื่อง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จน อิบราฮิมา โกนาเต้ ต้องมาช่วยซ้อนช่วยเบียดหลายจังหวะ
รวมไปจนถึงบอลวางยาวมาทางซ้าย ได้ลุ้นตลอดถ้าตกมาถึง มาร์ติเนลลี่ ที่อาศัยความเร็วสปีดในการกระชากหนี และสุดท้ายความมุ่งมั่นของเจ้าตัว ก็มาเป็นผู้ทำประตูนำ 2-1 จากจังหวะรถขนส้มหล่นหน้าบ้าน ความไม่เข้าใจกันของ อลิสซง และ ฟาน ไดค์
1ประตูที่ทำได้เมื่อคืน ทำให้ มาร์ติเนลลี่ มีสถิติที่ดีมากๆในการดวลกับหงส์แดง เพราะนับรวมจากฤดูกาลที่แล้ว เจ้าตัวทำไปได้ถึง3ประตู 2แอสซิสต์ เป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมในการทำประตูลิเวอร์พูลมากที่สุด นับตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว 2022-2023
โดยการโจมตีทางฝั่งซ้ายของปืนใหญ่จะอันตรายกว่านี้มาก ถ้าหากว่าแบ็กซ้ายของพวกเขา โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ฟอร์มโหดเหมือนตอนย้ายมาปีกแรก แต่ทว่าอย่างไรก็ดี เลอันโดร ทรอสซาร์ ปีกซ้ายที่ลงมาทำประตูได้ แม้จะไม่ได้หวือหวา แต่ประสิทธิภาพในการทำประตูไม่ได้เป็นรอง มาร์ติเนลลี่ เลย
แดนกลางหงส์ " แม็คก้า " แบกไม่ไหว ขาด "โซโบ " เห็นผล
หายเจ็บกลับมาและฟอร์มเฉไลอีกครั้งสำหรับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แม้ว่าจะไม่ใช่บทบาทถนัดกับกองกลางหมายเลข6 แต่ก็ทำผลงานไต่ระดับขึ้นมาได้ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ เมื่อคืน " แม็คก้า " มีคู่พาร์ทเนอร์กับ เคอร์ติส โจนส์ และ ไรอั้น กราเวนเบิร์ช
โอเค แม้ว่าลิเวอร์พูล ตลอด90นาทีจะครองบอลได้มากกว่า 57 ต่อ 43 แต่ทว่าเป็นการครองบอลที่ไม่ได้อยู่ในเขตแดนพื้นที่ของอาร์เซน่อลเท่าไหร่ มีใกล้เคียงสุดๆเห็นทีจะเป็นช่วง 5-10 นาทีแรกครึ่งหลังเท่านั้นที่เกมบุกหงส์แดง ดูอันตรายและขึงใส่เรื่อยๆ
บอลของลิเวอร์พูลไม่สามารถทะลุเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายอาร์เซน่อลได้ อาจเป็นเพราะการขาดตัวทะลุทะลวงอย่าง โดมินิค โซบอสซ์ไล ส่วน เคอร์ติส โจนส์ ที่นัดนี้เหมือนจะมีดีแต่ในเรื่องความขยัน แต่ทว่าทีเด็ดทีขาดเรื่องสร้างสรรค์เกมยังไม่ได้
ส่วน กราเวนเบิร์ช นัดนี้มิดฟิลด์ชาวดัตช์ เหมือนจะหายตัวไปจากเกมเลย นั่นทำให้ในแดนกลาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โหลดภาระงานหนักมากๆ ทั้งตัดบอล คุมจังหวะ และพยายามจ่ายบอลขึ้นหน้า มีผ่านบอลสวยๆให้ กัคโป
ปรกติเวลากลางหงส์แดงขึ้นเกมไม่ได้ แดนกลางมักจะมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อินเวิร์ดหุบเข้ามาช่วย แล้ววางบอลยาว แต่ทว่านัดนี้ไม่มีนั่นก็เพราะ TAA พะวงไม่กล้าเติมสูงหุบเข้าใน เพราะจะเป็นการเปิดพื้นที่โล่งโจ้งให้ มาร์ติเนลลี่ ที่มีความเร็วสุดๆนั่นเอง
วันที่ไม่ค่อยดีของ อลิสซง& ฟานไดค์
จัดได้ว่าเป็นคู่เซ็นเตอร์และโกล ที่มีความเหนียวหนึบและแข็งแกร่งระดับต้นๆของยุโรปได้เลย สำหรับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อลิสซง เบ็คเกอร์ แต่ทว่าเมื่อคืนไม่ใช่แบบนั้น โดยเฉพาะในรายของ " พี่หมี " ที่ออกแนวเหวอน่าหวาดเสียวตลอดทั้งเกม
เบ็คเกอร์ มีสัญญาณเตือนให้เห็นก่อนจะเสียประตู1-0 ด้วยซ้ำ กับการไม่ออกมาตัดบอลลูกเปิดของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ บูกาโย่ ซาก้า ได้โถมมาโขกแต่บังคับทิศทางให้เข้ากรอบไม่ได้ รวมถึงการเปิดบอลที่ไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่
ประตูโดนขึ้นนำ 2-1 จอมหนึบชาวบราซิล รับไปเต็มๆกับ จังหวะกั๊กหรือสื่อสานกันไม่ดีกับ ฟาน ไดค์ แล้วออกมาหวดบอลวืดแถมไปชนกันอีก ทำให้บอล ตกถวายพานหวานเจี๊ยบให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงเรียดจากนอกเขตโทษโล่งๆง่ายๆ
รวมถึงประตู3-1 ลูกยิงแฉลบของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลอดขา อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไป โอเคว่าบอลจะแฉลบแต่ก็ไม่ได้แรงมากๆ มีเวลาเหลือให้หุบขาทันแต่ก็พลาดไป ส่วน VVD ประตู1-0 เจ้าตัวก็มีส่วนร่วมเหมือนกันเพราะวางบอลยาวพลาด
รวมไปจนถึงช็อตกับอลิสซง ที่แม้หลายคนจะมองว่าเป็นความผิดของโกลแดนแซมบ้า แต่ทว่า ฟาน ไดค์ ก็มีส่วนด้วยที่เหมือนจะกั๊กจังหวะสื่อสารกันไม่ดีเอง ทั้งที่ความเป็นจริงเจ้าตัวจะหวดบอลให้พ้นพื้นที่อันตรายไปก่อนเลยก็ได้
ความพ่ายแพ้หงส์ ทำประตูลุ้นแชมป์เปิดอีกรอบ
ก่อนเกมบิ๊กแมตช์ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม จะเริ่มขึ้น หลังการประกาศอำลาทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลิเวอร์พูล ดุดันกระซวกไส้แตกมากๆ ทั้งอัด นอริช ซิตี้ ใน เอฟเอ คัพ 5-2 และถล่ม เซลซี 4-1 แถมสถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก พวกเขาก็ยังเป็นจ่าฝูงอยู่
นัดกับอาร์เซน่อล ถ้าลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะได้ นั่นจะเป็นการตัดทีมของ มิเคล อาร์เตต้า ออกจากสารบบการลุ้นแชมป์ไปเลย เพราะจะทิ้งห่างเป็น8แต้ม แต่ทว่าด้วยผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ทำให้ปืนใหญ่กลับมามีลุ้นแชมป์อีกครั้งด้วย
2แต้ม ด้วยจำนวนนัดที่เท่ากัน คือระยะห่างของลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล นั่นเป็นเหมือนการปลุกให้ทีมของ มิเคล อาร์เตต้า กลับมาเป็นม้าลุ้นแชมป์ตัวที่3เลย ส่วนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามอยู่5แต้มก็จริง แต่ทว่าพวกเขาแข้งน้อยกว่าหงส์แดง 2นัด
ซึ่งวัดจากสถานการณ์ทำให้กลายเป็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นฝ่ายกุมชะตาอีกครั้ง สำหรับลิเวอร์พูลที่สะดุดไป ต้องบอกว่าโชคดีมากๆเหมือนกันที่ โปรแกรมนัดต่อไปของพวกเขาคือเกมง่ายได้เล่นในแอนฟิลด์ กับ ทีมที่สไตล์เข้าทางพวกเขาสุดๆอย่าง เบิร์นลี่ย์
เพราะหากได้เล่นเป็นเกมเยือนแล้วเจอทีมระดับกลางอาจทำให้ทีมของ " เจเค " มีโอกาสเสียโมเมนตัมหรือแกว่งเช่นกัน โดยนัดกับ " เดอ คลาเล็ตส์ " ของ แว็งซอง กอมปานี อาจจะมีจุดที่น่ากังวลเล็กๆตรงที่จะขาด อิบราฮิมา โกนาเต้ ที่โดนใบเหลือง-แดง อาจจะใช้ โจ โกเมซ หรือ ดาวรุ่ง จาเรลล์ ควอนซาห์ ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ ฟาน ไดค์ แทน
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล วิเคราะห์บอล เจอร์เก้น คล็อปป์ มิเคล อาร์เตต้า ลิเวอร์พูล กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
- 406
- 05 Feb 2024 15:23